ซิ่งทะลุมิติ - ตอนที่ 17
SD:บทที่ 17 : แล้วพิธีการก็เริ่มต้น
“นี่คุณครูดง ทำไมคุณถึงพึ่งจะโผล่มาครับ แล้วล่ามนี่ตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน น่าเสียดายที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณตัดสินใจที่จะล้มเลิกการทำงานที่นี่แล้วนะ นี่คุณทำความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงเพียงนี้ได้ยังไงกัน นี่ผมผิดหวังกับคุณมากนะ ผิดหวังมากจริง ๆ แต่ลืมมันไปเสียเถอะ… เดี๋ยวเราจะให้ครูอู๋เริ่มต้นก่อนเลยล่ะกันครับ ส่วนคุณ ช่วยยื่นจดหมายลาออกของคุณพรุ่งนี้ด้วย…”
ชายวัยกลางคนหัวล้านคนนี้ คนขับรถคาดเดาว่าเขาน่าจะเป็นครูใหญ่ เขายังคงพล่ามว่า ดง เจี่ยเว่ย ต่อไปไม่หยุด โดยไม่ให้โอกาสให้เธอได้พูดแย้งขึ้นมาเลย
ซู ฉิวไป่ หันไปมองที่ชายอ้วนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังครูใหญ่ เขาเอาแต่ใช้สายตาเพ่งเล็งดู ดง เจี่ยเว่ย ด้วยแววตาที่เคียดแค้นและแอบสะใจอย่างออกหน้าออกตา คนขับรถคิดว่าเขาคงเป็นผู้อำนวยการหลี่ที่คอยระราน ดง เจี่ยเว่ย อยู่นั่นเอง
เมื่อเห็นว่าครูใหญ่ตัดสินใจลงโทษ ดง เจี่ยเว่ย แล้ว แววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของผู้อำนวยการหลี่ ก็ยิ่งแสดงความสะใจมากขึ้นไปอีก เขาแสดงอาการออกทางสีหน้าชัดเจนจนน่าหมันไส้ ส่วน อู๋ กัง นั้นก็มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเขาด้วยแววตาขบขัน
“ครูใหญ่คะ ฉันหาล่ามแปลได้แล้วค่ะ”
หญิงสาวหันมามองที่ ซู ฉิวไป่ อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดด้วยเสียงแผ่วเบากับครูใหญ่
คำพูดของเธอทำให้ชายถึงสามคนต้องตะลึงงัน ครูใหญ่หันมามองที่ผู้อำนวยการหลี่ผู้ซึ่งสีหน้าเปลี่ยนทันทีพร้อมกับที่เขาก้าวมาข้างหน้าสองก้าว
“ครูดง ได้โปรดเข้าใจด้วยว่าการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้มันสำคัญต่อโรงเรียนเรามากแค่ไหน เราเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว และแขกเหรื่อจะเข้างานในอีกสิบนาที ถ้าหากว่าล่ามแปลภาษาของคุณยังมาไม่ถึงล่ะก็…”
ผู้อำนวยการหลี่กล่าวขึ้นมา ด้วยเจตนาที่เห็นได้ชัดว่าต้องการข่มขู่ ดง เจี่ยเว่ย แต่เธอกลับพูดแทรกเขาขึ้นมา
“ล่ามที่ฉันไว้จ้างวานมา ตอนนี้มาถึงแล้วค่ะ” เสียงของครูสาวยิ่งมีความมุ่งมั่นมากขึ้น ก็เหมือนกับที่ ซู ฉิวไป่ เคยกล่าวไว้ ในตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว!
สิ่งเดียวที่เธอทำได้ มีเพียงแค่เชื่อมั่นในผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเธอเท่านั้น!
“ล่ามมาถึงแล้วเหรอครับ ฮ่าฮ่า แล้วนี่เขาอยู่ที่ไหนกัน นี่คุณคงไม่ได้คิดวางแผนที่จะขึ้นเวทีด้วยตัวเองหรอกนะ หรือว่า นี่คุณจ้างคนขับรถแท็กซี่คนนี้เนี่ยนะ ดูท่าคุณคงจะสิ้นหวังแล้วจริง ๆ นะ”
ผู้อำนวยการหลี่หัวเราะออกมาดังลั่นทันทีที่เขาพูดจบ ราวกับว่าเขาพึ่งจะได้ยินมุขตลกที่ฮามากที่สุดในชีวิตของเขา
ครูใหญ่ตอนนี้หน้าซีดเผือก ส่วน อู๋ กัง ตอนนี้เหลือบมอง ซู ฉิวไป่ ในเสี้อกั๊กของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ด้วยแววตาเกลียดชัง
คำพูดของผู้อำนวยการหลี่นั้นบันดาลโทสะของ ดง เจี่ยเว่ย อย่างมากที่สุด ซู ฉิวไป เสนอตัวที่จะช่วยเหลือเธอในยามที่เธอลำบาก เธอไม่อาจปล่อยให้เขาถูกดูถูกด้วยคนน่ารังเกียจอย่างผู้อำนวยการหลี่เป็นแน่
ในขณะที่เธออ้าปากเพื่อจะเถียงกับชายตรงหน้า ซู ฉิวไป่ กลับหลุดขำออกมา แล้วเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการหลี่
“นี่มันตลกขนาดนั้นเลยเหรอ ใช่ครับ ผมเป็นล่าม”
คนขับรถตอบผู้อำนวยการหลี่อย่างใจเย็น ซึ่งตอนนี้คงงงงันเสียจนทำให้เขาหุบปากเสียที ทว่าจากนั้น ผู้อำนวยการหลี่กลับชี้ไปที่ ซู ฉิวไป่ แล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ซู ฉิวไป่ ยังคงใจเย็นอยู่
“นี่คุณหัวเราะเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้ว ก็ช่วยเดินเข้าสถานที่จัดงานเสียทีครับ แขกเริ่มมากันแล้ว”
ชายหนุ่มเพียงแค่พ่นลมหายใจแล้วบ่นพึมพำ
ก่อนหน้านี้ ผู้อำนวยการหลี่คิดมาตลอดว่า ซู ฉิวไป่ คงแค่ล้อเขาเล่น แต่ตอนนี้เขาแค่มอง ดง เจี่ยเว่ย ด้วยสีหน้าผิดหวังเมื่อฟังเขาพูดจบ
“ครูดง นี่เขาเป็นล่ามจริงแน่เหรอ”
ดง เจี่ยเว่ย พยักหน้าโดยไม่ลังเล แล้วเอ่ยขึ้น “ใช่ค่ะ เขานี่แหละคือล่ามที่ฉันจ้างมา”
“ไร้สาระ!”
ครูใหญ่ตะโกนขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากของเจี่ยเว่ย
ส่วนผู้อำนวยการหลี่นั้น ได้แต่แสดงอาการเย้นหยันออกมาทางสายตา ในขณะที่ อู๋ กัง ได้แต่กระวนกระวาย ในตอนแรกเขาคิดจะช่วยพูดแก้ต่างให้ ดง เจี่ยเว่ย แต่เขาไม่กล้ากล่าวอะไร หลังจากที่เห็นแววตาของผู้อำนวยการหลี่
“ครูใหญ่ค่ะ! ได้โปรดเชื่อใจฉันเถอะค่ะ เขาทำได้แน่นอน!”
ดง เจี่ยเว่ย เข้าไปหาครูใหญ่แล้วกล่าวด้วยความเอาจริงเอาจัง ใบหน้าสะสวยของเธอแสดงถึงความเด็ดเดี่ยวและความจริงใจ
“เป็นไปไม่ได้ เขาจะเป็นล่ามแปลได้ยังไงกัน คุณครูดงดูเขาสิ เขาเป็นแค่คนขับรถแท็กซี่! นี่คุณครูดงคงไม่ได้วางแผนให้โรงเรียนของเราเสื่อมเสียชื่อเสียงใช่มั้ย”
ครูใหญ่ตัวแข็งไปด้วยความตะลึงงัน เขาจ้องครูสาวด้วยแววตาที่ยังไม่เชื่อ
“ครูใหญ่ค่ะ ได้โปรดให้โอกาสฉันหน่อยเถอะค่ะ ถ้าหากว่าเขาทำไม่สำเร็จล่ะก็ ฉันจะขอลาออกแต่โดยดี พร้อมทั้งเขียนจดหมายขอโทษคุณครูและนักเรียนทุกคนค่ะ!”
ดง เจี่ยเว่ย ยังคงยืนยันอย่างหนักแน่นโดยไร้ซึ่งความลังเล
ทัศนคติของเธอในตอนนี้ทำให้ครูใหญ่แปลกใจ เธอยังอยากพูดถึงความรู้สึกที่เธอเก็บไว้ในใจ แต่เธอกล้ำกลืนถ้อยคำเหล่านั้นกลับไป เธอหันกลับไปดู ซู ฉิวไป่ แต่สุดท้าย เธอยังคงลังเล
“ครูใหญ่ครับ ผมว่ามันดีกว่านะที่จะยังเชื่อในตัวของครูดงอยู่ ก็ในเมื่อเธอยังคงยืนยันซะขนาดนี้ แต่ได้โปรดตรวจสอบให้แน่ใจนะครับ ว่าเธอจะจำสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไปได้ หากมีสิ่งใดผิดพลาดไปแม้แต่น้อยล่ะก็ ทำให้เแน่ใจเลย ว่าเธอจะต้องไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบของเธอซ้ำสอง”
นอกเหนือจากความคาดหมายของ ดง เจี่ยเว่ย เป็นอย่างมาก ที่สุดท้าย กลับเป็นผู้อำนวยการหลี่ที่เห็นด้วยกับเธอ แต่เมื่อดูจากการดูถูกในสีหน้าของเขาแล้ว เธอเข้าใจในทันทีว่าเขาแค่อยากเห็น ดง เจี่ยเว่ยและ ซู ฉิวไป่ อับอายขายขี้หน้าให้มากที่สุดเท่านั้น
หลังจากลังเลอีกไม่กี่วินาที ครูใหญ่ก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ก็ได้! ผมจะเชื่อคุณอยู่นะ แต่คุณจะต้องยอมรับผลลัพธ์ที่ตามมา หากว่ามีอะไรผิดพลาดระหว่างการแปล”
ด้วยการเหลียวมองครั้งสุดท้ายที่ ซู ฉิวไป่ ครูใหญ่หันไปหา ดง เจี่ยเว่ย และเอ่ยการตัดสินใจของเขา
ดง เจี่ยเว่ย อดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากอาจารย์ใหญ่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเธอ อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกประหม่ากลับคืบคลานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…
เป็นอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ เธอพลันสังเกตเห็น ซู ฉิวไป่ ยิ้มมาให้เธอ ขณะที่เขาขยับปากเป็นประโยคว่า “เชื่อใจผมเถอะ!”
เธอตอบเขาด้วยการพยักหน้า พลันรู้สึกได้ว่าตัวเองมีความมั่นใจมากขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน ครูใหญ่ได้ขอให้ ซู ฉิวไป่ เปลี่ยนชุด แต่คนขับรถกลับเอ่ยปฏิเสธ เขาอยากให้ทุกคนสังเกตเห็นเขาในชุดนี้
ทุกชีวิตเกิดมาด้วยความสามารถล้นเหลือที่ล้วนแตกต่างกัน อย่าดูถูกใครว่าต่ำต้อยกว่า เพราะบางทีเขาคนนั้นอาจจะทำให้คุณต้องตะลึงอีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็ได้
การประชุมแลกเปลี่ยนกำลังจะเริ่มต้น
มันเป็นกิจกรรมทางการศึกษาที่สำคัญที่สุดชองโรงเรียนมัธยมต้นหยูเฉิงในปีนั้น แขกเหรื่อทุกคนล้วนเป็นครูโรงเรียนมัธยมจากนานาประเทศอื่น หากจะกล่าวตามความจริงแล้ว มันจำเป็นอย่างมากที่พวกเขาต้องจ้างล่ามมืออาชีพ แต่เมื่อการออกประกาศภาระงานดันเกิดความผิดพลาด จากฝีมือของผู้อำนวยการหลี่และ อู๋ กัง เมื่อทั้งคู่ตัดสินใจร่วมมือกันกลั่นแกล้ง ดง เจี่ยเว่ย
ครูสาวไม่ใยดีพวกเขาเลยในตอนนี้ เธอได้มอบความไว้วางใจทั้งหมดที่มีกับ ซู ฉิวไป่ ชีวิตของเธอจะจบสิ้นอย่างสมบูรณ์ทันที หากเขาเกิดทำผิดพลาดขึ้นมา
หลังจากเข้าไปในสถานที่จัดงานแล้ว สมาชิกทีมงานก็นำตัวเขาไปที่หลังเวที เขาต้องขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับแขกผู้มีเกียรติ เนื่องจากตำแหน่งที่นั่งของเขาอยู่ติดกับโพเดียม
“ครูดง! ผมอวยพรให้คุณโชคดี!”
หลังจากที่นั่งลงแล้ว ผู้อำนวยการหลี่ตะโกนดังลั่นมาที่ ดง เจี่ยเว่ย นัยน์ตากลมเล็กบนใบหน้าที่มันเยิ้มของเขานั้นส่งสายตาที่น่ารังเกียจมาให้
หญิงสาวทำได้แค่เมินเขา ก่อนที่จะก้มหัวลงแล้วกุมมือไว้
ครูหลายคนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ดง เจี่ยเว่ย แต่ไม่มีใครกล้าพูดช่วยเธอเลย เพราะต่างก็กลัวอิทธิพลของผู้อำนวยการหลี่กันทั้งสิ้น ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบเมื่อพวกเขาเหลือบตามาในทิศทางของเธอ
ในที่สุด…การประชุมก็เริ่มต้น!
ดง เจี่ยเว่ย รู้สึกได้ว่าความตึงเครียดของเธอกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพิธีกรได้พูดกล่าวเปิดงานเสียที
หลังจากที่อธิบายลำดับและขั้นตอนของงานแล้ว แขกเหรื่อทั้งหลายก็ทยอยกันเข้ามาในหอประชุม เหล่านักเรียนจึงสังเกตเห็นชาวต่างชาติเดินขึ้นมาบนเวที
มีชายอ้วนพุงพลุ้ยสวมแว่นหนา หญิงผมบลอนด์ที่มีตาสีฟ้า หญิงชราตัวสูงยาวที่ยังมีจมูกใหญ่… และคนขับรถแท็กซี่ในเสื้อกั๊ก…คนขับรถเหรอ!
แทบจะในทันทีทันใด บรรดาคุณครูและนักเรียนที่ในตอนแรกไม่ให้ความสนใตกับพิธีการมากนัก กลับมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่คนขับรถแท็กซี่!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่… นี่เขาเป็นชาวต่างชาติเหรอ… งั้นทำไมเสื้อกั๊กเขาถึงเป็นเสื้อกั๊กจีนล่ะ… นี่เป็นการแต่งตัวประจำชาติของประเทศเขาเหรอ…
หอประชุมพลันดังหนวกหูขึ้นมาฉับพลัน แทบทุกคนต่างพากันสงสัย ว่าเหตุใดคนเช่นนี้ถึงได้มาปรากฎบนเวทีการประชุมระหว่างจีนกับนานาชาติได้
แต่ทว่า กลับมีสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าเกิดขึ้น คนขับรถแท็กซี่กลับลุกขึ้นมายืนอยู่ ณ หน้าโพเดียมสำหรับเจ้าหน้าที่ตำแหน่งล่าม!
นี่ล้อเล่นกันแน่! นักเรียนบางคนเริ่มคุยซุบซิบกันแล้ว ในขณะที่บ้างก็เริ่มถ่ายรูปเขาด้วยมือถือของแต่ละคน
“นี่โรงเรียนเป็นบ้าไปแล้วรึไง นั่นคนขับรถแท็กซี่ชัด ๆ”
“จะบ้าเหรอ นี่งานประชุมระหว่างจีน-นานาชาติเชียวนะ เขาจะเป็นคนขับแท็กซี่ได้ยังไง นั่นอาจจะเป็น…เครื่องแบบของบริษัทเขาก็ได้…”
“แกสิบ้า แหกตาดูบ้างสิว่าเสื้อกั๊กเขาเขียนว่าอะไรไว้บ้าง จากตรงนี้ยังเห็นชื่อบริษัทเด่นหราเลย…”
“คนขับรถแน่นอน คุ้น ๆ อยู่ว่าเคยเห็นหน้าจากที่ไหนเนี่ยแหละ”
ไม่ใช่แค่นักเรียน แม้แต่พวกครูเองก็ยังคงปรึกษาหารือระหว่างพวกครูด้วยกัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมถึงมีคนประหลาดเช่นเขามาอยู่ที่นี้กัน… นี่ ดง เจี่ยเว่ย โดนหลอกอีกแล้วเหรอ…
พวกครูส่วนใหญ่เห็นใจครูสาว เพราะพวกเขาต่างพากันคาดเดาได้แล้วว่าต่อไป งานนี้คงจบได้ไม่สวยแน่ ทุกคนต่างรู้แล้วว่า ตั้งแต่วินาทีที่ชายคนนั้นปรากฏตัว งานประชุมคงเต็มไปด้วยเรื่องประหลายใจอีกหลายเรื่องเป็นแน่แท้
ซู ฉิวไป่ ตอนนี้ยืนอยู่หน้าไมโครโฟนแล้ว เขาสังเกตเห็นว่ามีผู้คนมากมายเฝ้ามองเขาอยู่ เขาจึงรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย อาจารย์สอนภาษาอังกฤษของเขาคงจะเป็นลมแน่ ถ้าเขารู้ว่าเขาได้เป็นล่ามสำหรับการประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างจีนกับต่างประเทศ…ดีไม่ดี อาจารย์ของเขาอาจจะกังวลว่า เขาคงจะบ้าไปแล้วหลังจากที่สมองของเขาทำความเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า
คนขับรถเพียงแค่ยิ้มเมื่อพิธีเริ่มประกาศรายชื่อแขกผู้มีเกียรติ
ซู ฉิวไป่ เองนั้น ก็แอบตกใจอยู่เหมือนกันเอง ว่างานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เป็นงานแรกที่ต้อนรับเขาเข้าสู่การแปลความสาร
หลังจากที่ชายชาวต่างชาติได้เอ่ยไปสองสามประโยคแล้ว ดวงตาทุกคู่ในห้องประชุมต่างจับจ้องมาที่เขา คนขับรถบนเวทีการประชุม
หัวใจของเขาเต้นระรัว ผู้อำนวยการหลี่เตรียมพร้อมที่จะเห็น ซู ฉิวไป่ อับอายขายขี้หน้าต่อหน้าสาธารณชน ส่วน อู๋ กัง ยังคงแค้นเขาอยู่ลึก ๆ ครูใหญ่ของโรงเรียนได้แต่ทำหน้าเครียดพร้อมกับที่กลั้นหายใจ
คนขับรถแท็กซี่สูดหายใจเข้า เขาสามารถจินตนาการเห็นภาพการแปลในหัวของเขาได้
“แนวคิดของการศึกษาคืออะไรกันแน่ จากความเข้าใจของข้าพเจ้าแล้ว การศึกษานั้น ควรที่จะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนทุกคน ได้เติบโตขึ้นในแบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพวกเขาแต่ละคน ปรัชญาการศึกษาของทุกประเทศในโลกล้วนแตกต่างกัน แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้น โดยแก่นแท้แล้ว ควรจะเหมือนกัน…”
มันเป็นไปได้ยังไงกัน!
ความหมายของการแปลนั้นชัดเจน คำพูดที่ใช้ก็ล้วนเหมาะสม และการกล่าวคำแปลนั้น ไม่มีการตะกุกตะกักเลยแม้แต่น้อย!
ดง เจี่ยเว่ย งงงันไปชั่วครู่ ก่อนที่จะยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจ เธอถึงกับรู้สึกซาบซึ้งในคำแปลของ ซู ฉิวไป่
ทว่า ผู้อำนวยการหลี่กลับมีอาการตรงกันข้าม หน้าของเขาซีดเผือก และดวงตากลมเล็กนั่นแทบจะถลนหลุดจากเบ้า! ส่วน อู๋ กัง ทำได้แค่อ้าปากค้างเท่านั้น
บางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากยิ่งกว่ากำลังจะเกิดขึ้น ชายชาวต่างชาติได้วางแผนที่จะรอให้ ซู ฉิวไป่ แปลส่วนของเขาให้เสร็จ แต่ล่ามในเครื่องแบบคนขับรถแท็กซี่คนนั้น กลับเพียงแค่ส่งสัญญาณให้เขาดำเนินการพูดต่อ ชายชาวต่างชาติถึงกับผงะ!
แต่เขาตระหนักได้ในทันทีว่า ซู ฉิวไป่ ต้องการบอกอะไร ชายคนนั้นกำลังเร่งเร้าให้เขาดำเนินการกล่าวสุนทรพจน์ของเขาต่อ ชาวต่างชาติได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อเนื่องถึงเกือบสิบนาที และในช่วงเวลาดังกล่าว การแปลความสุนทรพจน์นั้นไม่มีการหยุดชะงักแม้แต่วินาทีเดียว!
แล้วสุดท้าย สุนทรพจน์นั้นก็จบลงด้วยความเรียบร้อยดี และเหล่าผู้ชมทั้งหลาย ต่างเงียบงันด้วยความตะลึงงัน!
ซู ฉิวไป่ หันไปมองทางทิศของผู้ชมด้วยความประหลาดใจ ทำไมทุกคนถึงเงียบกันหมด การแปลของฉันก็ดีตามมาตรฐานเลยนะ เกิดอะไรขึ้นกัน
แม้แต่ชายชาวต่างชาติที่กล่าวสุนทรพจน์เองก็สับสนไม่ต่างกัน อย่างน้อยตามมารยาท ก็ควรปรบมือหน่อยสิ ไม่ใช่หรือยังไง
ในขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้นเอง ใครซักคนในหมู่ผู้ชมก็ปรบมือขึ้น และหลังจากนั้นไม่นาน เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องทั่วทั้งห้องประชุม!
เป็นภาพที่มหัศจรรย์จริง ๆ
นี่เขา… เป็นแค่คนขับรถแท็กซี่จริง ๆ เหรอ