ซิ่งทะลุมิติ - ตอนที่ 4
หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาล ซูฉิวไป่ ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาได้ทิ้งรถแท็กซี่ไว้กลางถนน เขาสาปแช่งและรีบวิ่งตรงกับไปยังสถานที่ที่เขาจอดรถแท็กซี่เอาไว้ แม้ว่าเขาจะไม่ถูกดุด่าด้วยเจ้าหน้าที่แต่เขายังคงถูกขู่ว่าจะถูกเจาะยางถ้าเขายังคงจอดรถแท็กซี่ไว้กลางถนนแบบนี้อีกครั้ง
ซูฉิวไป่ ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าในที่สุดเขาก็ขึ้นไปบนแท็กซี่ของเขา
เขาสังเกตเห็นค่าความรักในทักษะที่อยู่บนระบบนำทางของเขาเขาค่อนข้างรู้สึกไม่พอใจ เขาสูญเสียคะแนนเติบโตไปตั้ง5คะแนนแต่มันจบลงด้วยการเหนื่อยล้าเพื่อคนอื่นๆ
ในขณะที่ ซูฉิวไป่ กำลังเริ่มขับรถระบบนำทางก็ส่งเสียงอีกครั้ง
“ อู่ซง ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ สแกนตำแหน่ง เมืองจิงหยาง โปรตัดสินใจว่าจะยอมรับหรือไม่!”
ซูฉิวไป่ เหยียบเบรคทันทีเขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะรับงาน
“งานได้รับการยอมรับ เริ่มระบบนำทาง …เลี้ยวซ้ายที่สัญญาณไฟจราจรด้านหน้า”
เมื่อคืนที่ผ่านมาซูฉิวไป่อยู่ในสภาพสับสนในขณะที่เขาขับแท็กซี่ผ่านมิติเวลา แต่วันนี้เขามั่นใจว่าเขาจะได้รับประสบการณ์ที่ดีในวันนี้ ในขณะที่เขาขับรถไปถนนด้านหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม
ถนนยาวแปลกตามีบ้านชั้นเดียวและ2ชั้น ทั้งสองข้างทางคนเดินถนนชายชุดผ้าหยาบ…นี่คือราชวงศ์ซ่งใช่หรือไม่?
ซูฉิวไป่ สันนิษฐานว่าเขาคงเป็นคนแรกที่ขับรถอยู่ในราชวงศ์ซ่ง เขารู้สึกตื่นเต้นจากนั้นเขามองออกไปนอกหน้าต่างและเห็น อู่ซง กำลังเดินเข้ามาหาเขา บนถนนสองข้างทางมีคนพยายามจ้องมองดูรถของ ซูฉิวไป่
“ พี่ชายท่านมาที่นี่จริงๆ ในตอนแรกข้าสงสัยว่าเมื่อใดกันที่ข้าจะได้พบกับท่านอีก ข้าไม่คาดคิดว่าเราจะได้พบกันหลังจากเพิ่งแยกกันเมื่อคืนนี้ เข้ามาก่อนสิ”
อู่ซง หัวเราะอย่างจริงใจและโอบกอดคอของ ซูฉิวไป่ ด้วยแขนของเขา ร่างเล็กของคนขับรถแท็กซี่เกือบถูกบดขยี้ ซูฉิวไป่ ติดตาม อู่ซง เข้าไปในบ้านโดยไม่กังวลว่ารถของเขาจะจอดอย่างผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาก้าวเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ตกตะลึงในสิ่งที่เขาเห็น เมื่อเขาเงยหน้ามองเขาเห็นดวงหน้าของสาวคนหนึ่งหน้าตาน่ารักผ่านหน้าต่าง
เธอมีคนคิ้วเหมือนดวงจันทร์ ปากเชอรี่ หน้าตาเหมือนดอกไม้ดวงตาเหมือนแอ่งน้ำใส ซูฉิวไป่ ตกตะลึงในความงามของเธอทันที
“พี่ชายข้าหวังว่าท่านจะไม่ตำหนินาง นางเป็นพี่สะใภ้ของข้า..”
อู่ซง เขินอายเล็กน้อย ซูฉิวไป่ ค่อยๆฟื้นความรู้สึกของตัวเองหลังจากถูกสะกิดแขน
“โอ้…ไม่เป็นอะไร…พี่สะใภ้…เดี๋ยวนะพี่สะใภ้ของคุณ! พานจินเหลียน!”
ในตอนแรก ซูฉิวไป่ ไม่ได้สนใจเธอมากนักแต่เมื่อเขาตระหนักได้ว่าเธอเป็นใคร ความรู้สึกประหลาดใจทำให้เขาว่าปากค้าง
เธอคือ พานจินเหลียน! เธอมีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับความงามของจีนโบราณ ความงามของเธอเป็นเรื่องจริง…ทันทีที่ฉันได้เห็นเธอราวกับโดนตีหัว
ซูฉิวไป่ เดินตาม อู่ซง เข้าไปในบ้านพร้อมกับขบคิด
“นี่คือพี่ชายของข้า อู่ต้า เขายังมีชื่ออีกอย่างชื่อว่าอู่ต้าหลง” เมื่อเข้ามาในบ้านของ อู่ซง เขาได้ชี้ให้เห็นชายคนหนึ่งที่อายุประมาณ 30 ปีจากนั้นเขาแนะนำให้พี่ชายของเขารู้จักกับ ซูฉิวไป่
ซูฉิวไป่ หันไปมอง อู่ต้า อย่างระมัดระวังและนึกถึงข้อมูลก่อนหน้านี้ เขาเคยได้ยินว่า ชือ ไน่อัน(นักประพันธ์ชาวจีน) นั้นอิจฉาในความงามภรรยาของ อู่ต้า จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเขียนลักษณะของ อู่ต้า ค่อนข้างเลวร้ายในนิยายของเขา
แต่ตอนนี้ อู่ต้า ตัวจริงอยู่ด้านหน้าของเขาแล้ว แม้ว่าอู่ต้าจะไม่ได้หล่อเหลาแต่เขาก็ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์เหมือนในนิยาย
ซูฉิวไป่ ได้ยินเสียงคนเดินลงมาจากบันได ในขณะที่เขากำลังทักทาย อู่ต้า เขาก็หันหลังไปสังเกตเห็นว่า พานจินเหลียน เป็นผู้กำลังเดินลงมา
ในตอนแรกเขาไม่ได้เห็นเธอชัดเจนเมื่อมองผ่านหน้าต่าง แต่ตอนนี้เขาได้เห็นเธออย่างชัดเจนเธอดูสวยงามมากยิ่งขึ้น เธอขมวดคิ้วและมีรอยยิ้มพิเศษ แน่นอนว่าเธอไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆและไม่เหมือนกับผู้หญิงเจ้าชู้เหมือนกับที่เขียนในนิยาย
“ ขอโทษที่เสียมารยาทก่อนหน้านี้ ข้าได้ยินว่าน้องชายของสามีข้าได้รับความช่วยเหลือจากท่านจึงสามารถกลับมายังเมืองจิงหยางได้ จึงทำให้พี่น้องทั้งสองคนได้พบกันอีกครั้ง โปรดยอมรับคำขอบคุณจากพวกเรา”
พานจินเหลียน นั่งคุกเข่าลงกับพื้นในขณะที่พูด
ซูฉิวไป่ รู้สึกสับสนเขาพูดไม่ออกโดยเฉพาะเมื่อกำลังเผชิญหน้ากับหญิงสาวแสนสวยผู้มีอิทธิพลในประวัติศาสตร์จีน
ในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็นั่งลงบนโต๊ะอย่างมีความสุขจากนั้น ซูฉิวไป่ จึงถามเหตุผลที่ อู่ซง เรียกเขามา
อู่ซง รู้สึกสับสนเช่นกันเขาส่งวัตถุบางอย่างให้ ซูฉิวไป่ในขณะที่เขาพูด ซูฉิวไป่ มองดูวัตถุนั้นมันคล้ายกับ รีโมทคอนโทรล มีปุ่มสีแดงอยู่ อู่ซง อธิบายว่าเขากดปุ่มสีแดงในตอนเช้าจากนั้น ซูฉิวไป่ ก็มาที่นี่
ซูฉิวไป่ เดาว่ามันอาจคล้ายกับอุปกรณ์โทรศัพท์ ดังนั้นจึงเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเขาสามารถมารับผู้โดยสารผ่านช่องว่างมิติหลังจากที่มีคนกดปุ่มนี้
เมื่อความเข้าใจทั้งหมดคลี่คลายพวกเขาก็นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน
นอกจากนี้ พานจินเหลียน ยังเป็นผู้ทำอาหารมื้อนี้
ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี นี่คืออาหารของ พานจินเหลียน! อู่ซง กำลังยื่นขนมปังและ อู่ต้า กำลังคัดสรรอาหารเพื่อคุณ! โอ้พระเจ้า! คุณเคยคิดบ้างไหมว่าจะมีประสบการณ์เช่นนี้
หัวใจของ ซูฉิวไป่ รู้สึกตื่นเต้นดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อถ่ายรูป อู่ซง เคยเห็นโทรศัพท์มาก่อนแต่ไม่ใช่กับ อู่ต้า และ พานจินเหลียน พวกเขารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นรูปถ่าย อย่างไรก็ตามพวกเขาเริ่มทำความคุ้นเคยกับ หลังจากเห็นภาพถ่ายเพียงไม่กี่ภาพในที่สุด พานจินเหลียน ก็เริ่มสนใจสิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์
“ถ้าคุณชอบผมจะนำมาให้คุณในครั้งต่อไป”
ในโทรศัพท์ของ ซูฉิวไป่ นั้นมีข้อมูลส่วนตัวเยอะเกินไปดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมอบมันให้กับ พานจินเหลียน ได้ทันที
“นี่ไม่ถูกต้อง!พี่ชายท่านทำอย่างนี้ไม่ได้ โดยธรรมชาติแล้วสิ่งที่ผู้หญิงต้องการมักก่อให้เกิดปัญหา” อู่ต้า ปฏิเสธทันทีและหันไปจ้องมองภรรยาของเขา ใบหน้าของ พานจินเหลียน เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเธอรีบโบกมือปฏิเสธ
“พวกเราทุกคนเป็นพี่น้องกันทำไมคุณต้องปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ?คุณไม่ต้องการมีโทรศัพท์อย่างนั้นหรอ ผมสามารถซื้อให้ได้!ในอีกไม่กี่วันผมจะนำมันมา นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก!”
ในที่สุด อู่ต้า ก็ยอมรับความคิดเห็นของ ซูฉิวไป่ หลังจากเห็นว่า ซูฉิวไป่ ตัดสินใจอย่างมุ่งมั่น พานจินเหลียน มีความสุขมากเธอรีบเก็บจานชามที่กินเสร็จแล้วไปทำความสะอาดทันที
“ท่านพี่เนื่องจากพี่ชายซูยืนยันที่จะให้ ก็อย่าปฏิเสธเลย”
อู่ซง ผู้สนใจเรื่องการดื่มตลอดเวลาพูดกับ อู่ต้า จากนั้นเข้าหันไปทาง ซูฉิวไป่
“ พี่ชายท่านมาจากแดนไกลแต่ข้าไม่มีอะไรให้ท่าน เมื่อคืนข้าได้จัดการกับเสือขาวบนเนินจิงหยาง ข้าจะลอกหนังของมันเพื่อทำเสื้อผ้าให้กับท่านภายหลัง!”
ในขณะที่พูด อู่ซง ลุกขึ้นยืนและกำลังเดินไป ซูฉิวไป่ ตกตะลึง
ห๊ะ ถ้าคุณให้ผิวหนังกับฉันจริงๆ ฉันคิดว่าคงได้ไปเยี่ยมเยียนสถานีตำรวจในไม่กี่วันต่อมา
อย่างไรก็ตาม ซูฉิวไป่ ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรเมื่อเขาเห็น อู่ซง เดินออกไปเขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า
“น้องชายผมไม่ต้องการหนังของมัน เปลี่ยนเป็นเนื้อให้ผมแล้วกัน ผมไม่เคยกินเนื้อเสือมาก่อน!”
อู่ซง รู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยิน
“ท่านจะเอาเพียงเนื้ออย่างนั้นหรอ?พี่ชายท่านไม่ได้ดูถูกข้าใช่ไหม หรือท่านรังเกียจว่าหนังของเสือเพียงแค่ 1 ตัวมันน้อยเกินไป?ถ้าอย่างนั้นข้าจะกลับไปเนินจิงหยางและฆ่าเสืออีกในคืนนี้!”
อู่ซง เตรียมที่จะขึ้นไปยังเดินจิงหยางอีกครั้ง ซูฉิวไป่ รีบหยุด อู่ซง ทันที หลังจากที่เขาพยายามอธิบายกับ อู่ซง แล้วไม่นาน อู่ซง ก็สงบลง ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงกันได้ที่จะเอาเพียงเนื้อเท่านั้น
“น่าแปลกจริงๆ คนอื่นๆนั้นต้องการหนังของมันเป็นอย่างมาก แต่ผู้มีพระคุณของเรากลับต้องการเนื้อของมันแทน”
เมื่อเห็นว่าพี่น้องทั้งสองคนไม่มีความสุข พานจินเหลียนจึงเริ่มหัวเราะ มันทำให้ ซูฉิวไป่ รู้สึกอับอาย
เดิมที ซูฉิวไป่ คิดว่ามันเป็นเพียงชิ้นเนื้อเล็กๆของเสือเพื่อเอามาลิ้มลอง อย่างไรก็ตามเขาตระหนักว่าเขาทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง หลังจากเห็นเนื้อที่ อู่ซง นำมาให้เขา
อย่างน้อยมันควรมีน้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม!
อู่ซง ยืนยันว่า ซูฉิวไป่ ควรเอาเนื้อไปทั้งหมด ท้ายรถแท็กซี่ของเขาเต็มไปด้วยเนื้อเสือ จนต้องมีบางส่วนนำมาวางไว้ที่เบาะหลัง ซูฉิวไป่ พยายามที่จะบอกว่าเนื้อของเสือนั้นมีเยอะมากเกินไปเขาต้องการเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่พี่น้องตระกูลอู่ยังคงยืนยันที่จะให้ ซูฉิวไป่ นำไปทั้งหมด
ในขณะที่ ซูฉิวไป่ กำลังเตรียมจะกลับบ้านก็มีคนมาเคาะประตู ที่จริงแล้วมันเป็นเพื่อนบ้านของ อู่ซง
เธอเองเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์เช่นกัน แม้ว่าเธอจะไม่เป็นที่รู้จักแต่ ซูฉิวไป่ ยังคงต้องการถ่ายรูปกับเธอ นั่นทำให้หญิงชราหวาดกลัว และต้องใช้คำอธิบายเป็นเวลานานเธอจึงสงบสติอารมณ์ หลังจากนั้น วังกันเหนียง ก็หันไปพูดคุยกับ อู่ต้า
“ อู่ต้า เรื่องที่เจ้าไหว้วานข้านั้น รถม้าของน้องชายหลี่ได้ไปฉางโจวเมื่อวาน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหารถม้าอื่นๆในตอนนี้”
อู่ต้า ยังคงสงบนิ่ง แต่ พานจินเหลียน ดูเป็นกังวลใจหลังจากที่ฟัง วังกันเหนียง
“พวกเราควรทำยังไงดี นั่นหมายความว่าข้าจะไม่มีโอกาสได้พบกับเสี่ยวได๋อีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่” พานจินเหลียน เกือบจะร้องไห้ในขณะที่พูด
อู่ต้า รู้สึกหมดหนทางเขาถอนหายใจและหันไปเกลี้ยกล่อมภรรยาของเขา
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ” ซูฉิวไป่ ถามขึ้น เนื่องจากพวกเขาให้เนื้อกับ ซูฉิวไป่ เป็นจำนวนมากดังนั้น ซูฉิวไป่ จึงคิดว่าเขาอาจสามารถช่วยเหลือพวกเขาในสถานการณ์ปัจจุบันได้
อู่ต้า ถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้ยิน ซูฉิวไป่ พูดจากนั้นพูดออกมาว่า
“ภรรยาของข้ามีเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก นางชื่อว่าเสี่ยวได๋ ไม่กี่วันก่อนนางให้พ่อบ้านส่งจดหมายมาบอกว่านางนั้นป่วยหนักและต้องการพบภรรยาของข้าเป็นครั้งสุดท้าย ข้าได้สอบถามคนอื่นมากมายแต่ไม่พบรถม้าใดที่ว่างเลย”
หลังจากฟังคำพูดของ อู่ต้า ซูฉิวไป่ ได้แต่กระพริบตา
สถานการณ์นี้แก้ไขได้ง่ายมากแต่อย่างนั้น พานจินเหลียน ยังคงร้องไห้อย่างหนัก พวกเขาควรที่จะพูดก่อนหน้านี้
“บ้านของเสี่ยวได๋อยู่ไกลแค่ไหน?” ซูฉิวไป่ ถามขึ้นอีกครั้ง
“ 300 ไมล์จากที่นี่ ท่านมีทางที่จะช่วยพวกเราอย่างนั้นหรอ?” อู่ต้า เห็นท่าทางของ ซูฉิวไป่ ดังนั้นเขาจึงถามขึ้น พานจินเหลียน ซึ่งอยู่ข้างๆรู้สึกมีความหวัง
ซูฉิวไป่ ยิ้มในขณะที่ทุบลงที่หน้าอกของเขา
“นี่เป็นเรื่องเล็กมากผมใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็สามารถส่งพี่สะใภ้ไปบ้านของเสี่ยวใด๋ได้!”