ซิ่งทะลุมิติ - ตอนที่ 6
ฝูงชนแตกกระจายในทันที ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อโค้ทสีแดงและสวมรองเท้าส้นสูงที่ทันสมัยความสูงของมันประมาณ 10 เซนติเมตร เธอเดินเข้ามาพร้อมกับขมวดคิ้วเห็นได้ชัดว่ามีเรื่องยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นแล้ว
ชายหนุ่มที่อยู่บนพื้นมีเลือดท่วมใบหน้าเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นเขารีบวิ่งไปหาเธอทันทีพร้อมชี้มาที่ ซูฉิวไป่ และเริ่มบ่น
“ในที่สุดพี่ก็มา ไอ้คนพาลนี้ไม่เพียงแต่ทำลายรถของผมยังทำร้ายผมอีกด้วย”
ความโกรธเริ่มก่อตัวใน ซูฉิวไป่อีกครั้งหลังจากที่ได้ยินสิ่งนี้
“ ฉันทำลายรถของแกอย่างนั้นหรอ แกคือคนขับรถฝ่าไฟแดง ถ้าฉันไม่ผลักชายชราออกไปใครกันที่จะตายในวันนี้!ตอนนี้แกยังกล่าวหาฉันอีกหรอ”
ถ้าไม่ใช่เพราะชายชราจับแขน ซูฉิวไป่ เอาไว้เขาแทบจะไม่สามารถอดกลั้นที่จะเตะอันธพาลทั้งสองคน
“น้องชายของฉันบาดเจ็บเพราะแกใช่ไหม”
ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่ ซูฉิวไป่ และถามขึ้น เธอจ้องมอง ซูฉิวไป่ อย่างไม่สนใจ
“ผมถูกรถเฉี่ยวและล้มไปกับพื้น”
ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนท่าทีทันทีและตอบด้วยความเย้ยหยันว่า
“มันก็เป็นแค่เพียงรอยขีดข่วนเล็กๆบนใบหน้าของแก อีกอย่างแกเป็นคนทำตัวเอง น้องชายของฉันไม่ได้ชนกัน จะดูสิดูสิ่งที่แกทำ แกทำอย่างนี้เพราะต้องการเงินใช่ไหม พูดมาว่าต้องการเท่าไหร่?”
เมื่อถึงตอนนั้นผู้หญิงหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าของเธอ 200- 300 หยวนและยื่นให้
“ดูเหมือนว่าแกจะคิดแต่เรื่องเงินระวังแกจะตายเพราะอุบัติเหตุในครั้งต่อไป วันนี้ฝ่ายของเราเป็นคนโชคร้าย โชคดีเป็นของแกไปที่ได้เงิน เห็นได้ชัดว่าจากเครื่องแต่งกายของแกคงไม่สามารถจ่ายค่าซ่อมแซมแม้กระทั่งสีของรถสปอร์ตคันนี้ได้!”
ผู้หญิงคนนั้นยังคงเย้ยหยันในขณะที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเธอก็ดูถูกเหยียดหยามเช่นกัน ซูฉิวไป่ ไม่ได้พูดอะไรฝูงชนต่างนิ่งเงียบเห็นได้ชัดว่าทุกคนกำลังรอให้เขาตัดสินใจ
“หนุ่มน้อยลืมมันไปซะเถอะ มันไม่มีอะไรจริงจังไม่จำเป็นต้องมีปัญหา”
ชายชราดึง ซูฉิวไป่ เข้าไปกระซิบ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความช่วยเหลือ ซูฉิวไป่ ยื่นมือออกไปช้าๆหลังจากเงียบมานาน หลายคนในฝูงชนถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของ ซูฉิวไป่ วันนี้ทุกคนต่างได้เห็นอุบัติเหตุและเห็นได้ชัดว่ารถสปอร์ตเป็นรถที่ขับฝ่าไฟแดง หากไม่ใช่ชายหนุ่มคนนี้ผลักชายชราออกไปจากเส้นทางย่อมมีอุบัติเหตุที่ร้ายแรงเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแม้พวกเขาอยากจะพูดมันออกมาแต่ปากของพวกเขาก็ไม่สามารถอ้าปากได้ ใครเต็มใจที่จะทำให้ตัวเองมีปัญหา?นอกจากนี้ชายหนุ่มกำลังวางแผนที่จะยอมรับเงินก้อนนี้อยู่ใช่ไหม?
บางคนส่ายหัวและเริ่มจากไป คนอื่นๆเริ่มปรากฏความผิดหวังในสายตาของพวกเขา อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับความคาดหวังของทุกคน ซูฉิวไป่ หยิบธนบัตรใบละ 100 จากผู้หญิงคนนั้นและฉีกเป็นชิ้นๆ
“คุณคิดว่าคุณเป็นคนเดียวที่มีเงินหรอ?ผมไม่เชื่อว่าสังคมนี้จะไร้เหตุผล!ขับรถฝ่าไฟแดงเกือบที่จะชนคนแต่ยังกล้าที่จะกล่าวโทษคนอื่น! ถ้าไม่ใช่เพราะผมช่วยเอาไว้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ลูกสาวของเขาอาจกำลังร้องไห้อยู่ที่ไหนสักแห่ง หากคุณไม่ขอโทษในวันนี้เราจะไม่จบเรื่องนี้อย่างแน่นอน!”
หลังจากเสียงตะโกนของ ซูฉิวไป่ เขาโยนธนบัตรที่ฉีกขาดใส่ผู้หญิงและชายหนุ่ม
“สิ่งที่คุณพูดถูกต้อง!ผมสามารถเป็นพยานได้ว่ารถสปอร์ตวิ่งฝ่าไฟแดง ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำที่รวดเร็วของชายหนุ่มคนนี้ชายชราคงต้องตายอย่างแน่นอน!”
บางคนในฝูงชนที่เงียบในตอนแรกพูดออกมาทันที มันเป็นชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยไขมันหน้าของเขาแดงกล่ำในขณะที่ตะโกน เสียงของเขาสั่นเล็กน้อยเนื่องจากความตื่นเต้น
“ฉันสามารถเป็นพยานได้เช่นกันว่ามันเป็นความผิดของรถสปอร์ต เมอร์เซเดส – เบนซ์!”
“ใช่แล้วฉันเองก็สามารถเป็นพยานได้!”
“ผมด้วย!”
“รวมผมด้วย!”
…
ฝูงชนเริ่มพูดเสียงดังหลังจากที่ชายคนแรกตะโกนความคิดของเขาออกมา นักเรียนที่ถือกระเป๋า พนักงานเงินเดือน ผู้หญิงที่อุ้มลูกอยู่ พวกเขาต่างตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน!
“ขอโทษเดี๋ยวนี้!หากคุณไม่ขอโทษ เราจะไม่จบเรื่องในวันนี้!”
“คุณต้องขอโทษ!ฉันโทรหาตำรวจแล้ว ฉันปล่อยให้คนดีๆถูกกล่าวหาไม่ได้ไม่อย่างนั้นสังคมนี้คงไร้ซึ่งความยุติธรรมอย่างแท้จริง!”
“ใช่แล้ว ชายชราเองเป็นเหยื่อคุณต้องขอโทษเขา!”
…..
ไม่มีใครคิดว่าเพียงการกระทำของ ซูฉิวไป่ จะทำให้คำพูดของฝูงชนร้อนแรงขึ้นภายในไม่ถึง 10 วินาที ในความเป็นจริงมีผู้คนจำนวนมากมาจากทุกทิศทางกำลังเข้าร่วมการตะโกนอย่างสมัครสมานหลังจากได้ฟังสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของหญิงสาวและชายหนุ่มนั้นซีดเซียวพวกเขาไม่คาดหวังว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นดวงตาที่เยือกเย็นของ ซูฉิวไป่ และเสียงอึกทึกของฝูงชนที่เร่าร้อนอยู่รอบตัวพวกเขา
“ฉันจะให้เงินนี้ทั้งหมดกับแก เอามันไปให้หมด หากไม่พอฉันสามารถให้แกมากกว่านี้”
ผู้หญิงลังเลและเอาเงินออกมาจากในกระเป๋าทั้งหมดยัดใส่มือของ ซูฉิวไป่ อย่างรวดเร็ว ทุกคนสามารถมองออกว่ามันมีค่าหลายพันหยวน ซูฉิวไป่ ไม่ได้มองไปที่เงินเลยเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะให้บทเรียนเหล่านี้แก่พี่น้องสองคนนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะคิดว่าสังคมปล่อยให้เขาสามารถทำสิ่งใดก็ได้ที่พวกเขาต้องการตราบใดที่พวกเขามีเงิน!
“พี่สาว….เราควรทำยังไงดี”
เมื่อรู้ตัวว่า ซูฉิวไป่ ไม่ขยับเขยื้อนและสังเกตเห็นดวงตาหลายคู่กำลังจ้องมองพวกเขา ความเย่อหยิ่งของชายหนุ่มก็หายไปอย่างสมบูรณ์เขาร้องไห้อย่างกระวนกระวายในขณะที่กระซิบกับผู้หญิง
“คิดวิธีที่จะกลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็วจากนั้นเราค่อยแก้ปัญหาหลังจากที่เรากลับบ้าน”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆเธอกระซิบกับน้องชายของเธอ จากนั้นทั้งสองคนก็หันกลับมาพร้อมกับเดินไปที่รถของพวกเขา
“อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไป!”
“ใช่แล้วเราจะไม่ปล่อยให้พวกเขาไป!”
ผู้คนรอบตัวเริ่มตะโกนเสียงดังหลังจากสังเกตเห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะจากไป
“พวกคุณทำอะไร?ต้องการที่จะปล้นพวกเราอย่างนั้นหรอ ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องฉัน ฉันจะบอกว่าบนรถของพวกเรามีเครื่องบันทึกวีดีโออยู่ ฉันจะฟ้องพวกคุณจนกว่าพวกคุณจะล้มละลาย!”
ผู้หญิงคนนั้นตะโกนเสียงดังทันทีเพื่อคุกคามฝูงชน หลังจากเห็นว่าฝูงชนพยายามปิดกั้นถนน ผู้คนที่อยู่ด้านหน้าเริ่มลังเลหลังจากได้ยินคำพูดของเธอในที่สุดพี่น้องก็มาถึงประตูรถและเข้าไปในรถ ฝูงชนเริ่มกังวลแต่ไม่มีใครทำอะไรได้พวกเขาไม่สามารถดึงสองพี่น้องออกจากรถได้!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นในหูของทุกคน
“ทุกคนขยับออกไป!”
เมื่อมองไปด้านหลังเขาพบว่า ซูฉิวไป่ ถือก้อนอิฐและวิ่งมาที่รถ ในขณะที่รถสตาร์ทเครื่องกำลังจะออกไป
ปัง!
กระจกหน้ารถแตก ไม่มีคนไหนในฝูงชนทันได้ตอบโต้ ชายหนุ่มในรถร้องออกมาในขณะที่ผู้หญิงรู้สึกโกรธมาก
“มาดูกันว่าพวกคุณจะจากไปโดยไม่ขอโทษได้ยังไง!”
คนขับรถเก่าอย่าง ซูฉิวไป่ กล่าวขึ้น เสียงกระแทกได้ยินอีกครั้งคราวนี้เป็นด้านข้างของรถที่ถูกทำลายเช่นกัน
“บัดซบ!มันจะมากเกินไปแล้ว! เราจะรอตำรวจมาที่นี่ แกรู้ไหมว่ารถคันนี้มูลค่าเท่าไหร่?แกจะต้องถูกจำคุกและไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายได้!”
ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัดเธอเปิดประตูลงมาจากรถแล้วจ้องมอง ซูฉิวไป่ ในขณะที่พูดเสียงสั่นเครือ ซูฉิวไป่ ทำเสียงฮึดฮัดในขณะที่เขาวางอิฐไว้บนฝากระโปรงรถจากนั้นเขานั่งลงโดยไขว้ขา
“คุก? เหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดี”
ทันทีที่ฝูงชนได้ยินดังนั้นพวกเขาก็เริ่มตะโกน
“ทำลายมันเลย พวกเราจะช่วยคุณชดใช้!”
“ใช่แล้วพวกเราทุกคนจะช่วยจ่ายเงิน ไม่ต้องกังวล”
“ผมบริจาค 100 หยวน”
“ฉันบริจาค 500 หยวน”
…
“หนูจะบริจาค 12 หยวน!”
ซูฉิวไป่ มองเห็นเด็กสาวตัวเล็กๆตะโกนออกมา เขามองไปรอบๆสถานการณ์นี้เหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในสถานที่ประมูล หญิงสาวในชุดสีแดงยังคงนิ่งเงียบการแสดงออกของเธอเฉยชาเธอยืนอยู่ข้างถนนน้องชายของเธอกลัวจนซ่อนตัวอยู่ในรถ
10 นาทีต่อมาเจ้าหน้าที่จราจรก็มาถึง ผู้หญิงคนนั้นยังไม่แสดงอาการขอโทษแต่อย่างไร อย่างไรก็ตามหลังจากที่เปิดวีดีโอเฝ้าระวังจราจรเธอก็เต็มใจที่จะพาน้องชายของเธอไปขอโทษ ซูฉิวไป่ และชายชรา
เมื่อได้ยินคำขอโทษจากสองพี่น้องฝูงชนเริ่มปรบมืออีกครั้ง ซูฉิวไป่ ตื่นเต้นมากเขารู้สึกถึงความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาจดจำใบหน้าที่หยิ่งยโสของพี่น้องก่อนหน้านี้ได้
เมื่อขอโทษเสร็จแล้วแต่ปัญหาความเสียหายของรถยังไม่จบ!
หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าใจเหตุผลของการต่อสู้เขาต้องการช่วยเหลือ ซูฉิวไป่ ดังนั้นเขาจึงพูดคุยกับพี่น้องอย่างจงใจ
ผู้หญิงที่แต่งกายด้วยชุดสีแดงเข้ามาหา ซูฉิวไป่ และพูดว่า
“เหอะในตอนที่ทุบรถของพวกเรายิ่งใหญ่นักใช่ไหม ฮีโร่ตอนนี้แกไม่มีแม้กระทั่งเงินจ่ายค่าเสียหายใช่ไหม?มันไม่แพงเท่าไหร่หรอกเพียงไม่กี่แสนเท่านั้น”
“โอ้.ถ้าผมไม่สามารถชำระหนี้ในเวลา 3 วันผมจะเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของคุณ!”
เมื่อกล่าวดังนั้น ซูฉิวไป่ แสดงข้อมูลการติดต่อของเขาและเตรียมที่จะออกจากสถานการณ์ หลายคนประกาศว่าพวกเขาต้องการที่จะช่วยเหลือ ซูฉิวไป่ หาเงินแต่ ซูฉิวไป่ ปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด
“ผมเป็นคนเดียวที่ทำให้รถเสียหาย ดังนั้นผมจะจ่ายเอง!”
เขาหันหลังกลับไปด้วยความรำคาญ ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าเขาทิ้งรถแท็กซี่ไว้กลางถนนดังนั้นเขาจึงรีบกลับไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว
หวังว่าคงไม่โดนใบสั่งนะ!
อาจเป็นเพราะคำอธิษฐานของเขาทำงาน รถแท็กซี่ของเขายังคงอยู่ที่เดิม อาจเป็นเพราะเกิดอุบัติเหตุที่สี่แยกด้านหน้าจึงทำให้จราจรแออัดดังนั้นรถแท็กซี่ของเขาจึงไม่ได้ปิดกั้นถนน
ซูฉิวไป่ สูดหายใจลึกๆและเริ่มกังวลจากนั้นเขาขึ้นไปบนแท็กซี่
ฉันจะหาเงินมาจากที่ไหน หลายแสน….ให้ตายสิ!มันเป็นการกระทำที่ช่วยเหลือผู้อื่น แต่ลงเอยที่ฉันจะต้องชดใช้เงินจำนวนมากได้ยังไง
ซูฉิวไป่ ขับรถกลับบ้านด้วยความเหนื่อยใจ สิ่งที่เขาไม่รู้ในเวลานั้นก็คือชาวเน็ตที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ได้เปิดกองทุนที่หลากหลายสำหรับ ซูฉิวไป่ มีคนอัพโหลดวีดีโอเหตุการณ์ทั้งหมดและแสดงให้เห็นว่า ซูฉิวไป่ ได้ช่วยชีวิตชายชราตั้งแต่ต้นจนกระทั่งเขาทุบรถ
ทุกคนมองดูวีดีโออย่าเงียบๆบางส่วนเริ่มมีการรณรงค์ระดมทุน
ท้ายที่สุดแล้วความยุติธรรม… ก็คือทัศนคติ
ในขณะเดียวกัน ซูฉิวไป่ ยังคงอยู่ในความมืดมนเขากำลังนั่งอยู่ที่บ้านและกินบะหมี่สำเร็จรูปในขณะที่ วังไค่ นั่งแลบลิ้นอยู่ข้างๆเขา
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู เมื่อเขาเปิดประตูออกคนขับรถรู้สึกสับสนที่ไม่เห็นใครแต่เขาได้ยินเสียงลูกสุนัขของ เซี่ยหรงหรง กล่าวอย่างเวทนาว่า
“ช่วยเจ้านายฉันด้วย มีแต่คุณเท่านั้นที่ช่วยเธอได้!”
————————————————-