ซิ่งทะลุมิติ - ตอนที่ 92
SD:บทที่ 92 งานเลี้ยงวันเกิด (1)
ทุกคนต่างสำลักคำพูดของตัวเอง!
เซี่ยเทียน และภรรยาของเขาเป็นคนแรกที่เข้าไปยังห้องผู้ป่วยส่วนที่เหลือตามเข้ามาเป็นขบวน
ซินเอ๋อ อยู่ในอาการโคม่าตั้งแต่เธอป่วยและนี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดออกมาตั้งแต่ตอนนั้น
ซูฉิวไป่ ยิ้มในขณะที่เดินเข้าไปหาหมอหนุ่ม
“มีคำพูดว่า:หากคนขับรถแท็กซี่ไม่รู้วิธีรักษาผู้ป่วยเขาจะไม่ใช่คนขับที่ดี!”
จากนั้น ซูฉิวไป่ ก็ไม่สนใจเขาอีกหันหน้าไปมอง หลิวเทียนหมิง
“ ผู้อำนวยการหลิวขอบคุณครับ!”
หลิวเทียนหมิง รู้สึกตกตะลึงด้วยสภาพของซินเอ๋อ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของ ซูฉิวไป่
“ ไม่เป็นไร..”
ถึงแม้เขาจะตอบออกไปแบบนั้นแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ซูฉิวไป่ ถึงขอบคุณเขา เขาสันนิษฐานว่า ซูฉิวไป่ อาจจะหมายถึงการจัดการเรื่องในโรงพยาบาลให้กับ ซินเอ๋อ
ซูฉิวไป่ ไม่ได้อธิบายตัวเองเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ในความเป็นจริงเขาขอบคุณ หลิวเทียนหมิง เพราะว่าชายคนนี้เป็นคนที่ทำให้เขามาเจอกับหลานสาวของ เซี่ยเซี่ยวโม ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะสามารถค้นหาผลึกพลังงานได้
ต่อจากนั้น ซูฉิวไป่ ตั้งใจที่จะแลกเปลี่ยนคำถามสองสามคำกับ หลิวเทียนหมิง ก่อนที่จะเข้าห้องผู้ป่วย มีเพียงพยาบาลและหมอที่รู้สึกงุนงงกับสถานการณ์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นและยังคงเดินไปเดินมาในทางเดินโดยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
ในห้องพักผู้ป่วย เซี่ยเทียน และคนอื่นๆในครอบครัวจ้องมองเด็กหญิงตัวเล็กๆกระโดดขึ้นลงบนเตียงอย่างแข็งขัน พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังฝันไป เพียงไม่กี่นาทีก่อนเธอยังคงหมดสติอยู่แต่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในความเป็นจริงดูราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
ปู่ย่าของ ซินเอ๋อ ร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น เซี่ยเทียน และภรรยาของเขามีความสุขจนน้ำตาไหล เซี่ยเซี่ยวโม ยังคงแสดงออกอย่างสงบแต่นั่นเป็นเพียงบุคลิกของเธอจริงๆแล้วเธอรู้สึกโล่งใจและดีใจมาก
เธอหันมามอง ซูฉิวไป่ โดยไม่ตั้งใจพร้อมกับรอยยิ้ม
ความจริงแล้วผู้ชายคนนี้ไม่ได้หล่อเหลาแต่เสน่ห์ของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นโดยเฉพาะดวงตาของเขา หัวใจของเธอสั่นไหวโดยไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ซูฉิวไป่ ไม่รู้ความคิดในใจของ เซี่ยเซี่ยวโม เขามองดูครอบครัวที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีความสุขนอกจากนี้ยังมีความพึงพอใจที่อธิบายไม่ได้ในหัวใจของเขา
หลายคน เคยถามเขาว่าทำไมเขาชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด เขาไม่เคยอธิบายออกมา ไม่มีเหตุผลอะไรที่ซับซ้อน ความจริงแล้วเขาค่อนข้างรู้สึกสบายใจหลังจากที่ช่วยเหลือผู้อื่น
แม้ว่า หลิวเทียนหมิง อยากรู้อยากเห็นว่า ซูฉิวไป่ สามารถรักษา ซินเอ๋อ ได้อย่างไร แต่เขาก็ไม่ได้ทำออกมาเพราะมันเป็นความลับเกี่ยวกับการรักษา ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเก็บความลับนี้เอาไว้
เซี่ยเทียน และครอบครัวของเขาขอบคุณ ซูฉิวไป่ ไม่ว่า ซูฉิวไป่ จะปฏิเสธอย่างไร ปู่และย่าของ ซินเอ๋อ ยังคงยืนกรานที่จะเชิญเข้าไปทานอาหาร มันเป็นเรื่องยากสำหรับ ซูฉิวไป่ ที่จะปฏิเสธคำขอของผู้สูงอายุ เนื่องจากเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรดังนั้นเขาจึงตอบตกลงตามคำเชิญ
เซี่ยเซี่ยวโม รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากเมื่อเธอได้ยินว่า ซูฉิวไป่ ตอบรับคำเชิญ แม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับความรู้สึกนี้แต่ความรู้สึกที่เธอรู้สึกนั้นไม่ใช่ของปลอม
ในไม่ช้าครอบครัวของเธอก็เริ่มเตรียมพร้อมที่จะพา ซินเอ๋อ ออกจากโรงพยาบาล เธอไม่ได้ป่วยด้วยซ้ำเธอเพียงแค่กลืนผนึกพลังงานโดยไม่ตั้งใจ
นอกจากนี้โรงพยาบาลไม่มีเครื่องจักรในใดที่สามารถตรวจจับผนึกพลังงานที่ไม่รู้จักได้นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธออยู่ในอาการโคม่า เธอจะไม่เป็นอะไรหลังจากที่ ซูฉิวไป่ เอามันออกจากร่างกายของเธอ
หลังจากที่ครอบครัวของเขาออกจากโรงพยาบาลพวกเขาหยุดที่ร้านอาหารไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ ซูฉิวไป่ ได้รับประทานอาหารกับ เซี่ยเซี่ยวโม ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่พวกเขานั่งข้างกันอีกครั้ง
ทุกคนต่างพูดคุยกันสนุกสนานระหว่างการรับประทานแม้แต่ เซี่ยเซี่ยวโม ที่มักเงียบสงบก็ทำตัวแตกต่างในวันนี้
ซูฉิวไป่ รู้สึกสบายใจที่ได้อยู่กับครอบครัวนี้ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่า เซี่ยเซี่ยวโม นั้นเป็นผู้หญิงแปลก
ทำไมเธอต้องเลือกเป็นตำรวจ?
เมื่อได้รับรู้ความจริงก็คือพ่อแม่ของเธอเคยเป็นทหาร เธอได้รับอิทธิพลมาจากครอบครัวของเธอ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เธออยากเป็นตำรวจตั้งแต่ยังเด็ก นั่นคือสิ่งที่ค่อนข้างเกินจินตนาการของ ซูฉิวไป่ ทหารมีค่าควรแก่การเคารพอยู่เสมอพวกเขาสร้างประเทศขึ้นมาและรักษาความสงบสุขด้วยความเสียสละและอุทิศตน
ดังนั้น ซูฉิวไป่ จึงยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อฉลองให้กับผู้สูงอายุทั้งสอง เมื่อเขานั่งลงเขาสังเกตเห็นสีหน้าของ เซี่ยเทียน ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง
มีคำถามเกิดขึ้นในใจของเขาทันที
ทำไมผู้ชายอย่าง เซี่ยเทียน ถึงไม่ทำตามความต้องการของพ่อแม่แต่กลับกลายเป็นลูกสาวที่ยินดีจะเป็นตำรวจแทน?
แน่นอนมันเป็นเรื่องน่าอายถ้าจะถามคำถามนี้ขึ้นมา มันเป็นเรื่องของครอบครัวดังนั้นไม่สะดวกที่พวกเขาจะพูดคุยเรื่องนี้ ดังนั้น ซูฉิวไป่ จึงอยู่เงียบๆแม้ว่าเขาจะรู้สึกสงสัย
หลังจากรับประทานอาหาร เซี่ยเทียน พาพ่อแม่และลูกของเขากลับบ้าน สำหรับ เซี่ยเซี่ยวโม ผู้ปกครองของเธอสั่งให้เธอไปส่ง ซูฉิวไป่ กลับบ้านแล้วบอกว่ามันไม่ปลอดภัยสำหรับเขาที่จะขับรถหลังจากดื่มไวน์
เมื่อ เซี่ยเซี่ยวโม ได้รับการส่งสัญญาณจากพ่อแม่เธอรู้สึกไม่มีความสุข
พวกคุณคิดว่าฉันไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหมายถึงหรือยังไง?
พวกคุณบอกว่าฉันแก่แล้วดังนั้นคุณต้องการที่จะให้ฉันแต่งงานอย่างรวดเร็ว?
เมื่อคิดถึงคำว่า “แต่งงาน” เซี่ยเซี่ยวโม หันไปมองดู ซูฉิวไป่ ซึ่งไม่ได้แสดงออกถึงท่าทางผิดปกติใดๆ เธอรู้สึกโล่งอกแต่ก็ค่อนข้างผิดหวังด้วยเช่นกัน
ในไม่ช้าทุกคนก็แยกย้ายจากไปเหลือเพียง ซูฉิวไป่ และ เซี่ยเซี่ยวโม
“เอิ่ม… ให้ฉันไปส่งคุณกลับบ้าน อยากขับรถเองคุณดื่มมาก” เซี่ยเซี่ยวโม พูดเบาๆขณะที่มอง ซูฉิวไป่
“ ไม่ต้องกังวล คุณจะไปที่ไหนต่อล่ะ?ผมจะไปส่งคุณ”
ซูฉิวไป่ ไม่ได้ดื่มหนัก เขารู้สึกสมบูรณ์พร้อมตลอดเวลาหลังจากรับประทานอาหาร สุดท้ายแล้วเขาก็ได้แก้ไขเรื่องผลึกพลังงาน ในตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด
“ฉันเป็นตำรวจ ถ้าคุณกล้าขับรถในตอนนี้ฉันจะส่งคุณไปสถานีตำรวจ” เซี่ยเซี่ยวโม มองซูฉิวไป่ อย่างจริงจังในขณะที่เธอพูด
ซูฉิวไป่ ยิ้มและนั่งลงตรงตำแหน่งผู้โดยสารโดยไม่พูดอะไรมาก
เซี่ยเซี่ยวโม จึงเป็นผู้ขับรถและเริ่มสตาร์ทรถ ความตั้งใจตั้งเดิมของเธอคือการส่ง ซูฉิวไป่ กลับไปบ้านพัก แต่หลังจากขับรถออกไป ซูฉิวไป่ อยากเล่นเมื่อพวกเขาผ่านแม่น้ำ
เขาเคยอยากเที่ยวแม่น้ำใหญ่ในตงไห่ตอนที่เขาอยู่ในเมืองจิงเหอ อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยมีโอกาสให้ทำแบบนั้นเพราะเขารีบอยู่ตลอดเวลา จะไปไหนเขาก็เกิดความคิดที่อยากจะเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้เพราะปัญหาทุกอย่างได้รับการแก้ไขแล้ว
หลังจากจอดรถทั้งคู่เดินไปริมแม่น้ำ ลมพัดเบาๆ ซูฉิวไป่ รู้สึกสดชื่น เขารู้สึกดีที่มองเห็นภูเขาอยู่ห่างไกลจากที่เขายืนอยู่
“เมื่อฉันยังเด็ก ฉันเคยมาที่นี่กับพี่ชายของฉัน เป็นเวลานานแล้วที่ฉันจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์เหล่านี้”
เซี่ยเซี่ยวโม ก็อารมณ์ดีเช่นกันดังนั้นเธอจะเริ่มพูดคุยกับ ซูฉิวไป่
“ คุณเคยอาศัยอยู่ที่แม่น้ำอย่างนั้นหรอ?”
“ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่แต่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก ในเวลานั้นตงไห่ยังไม่เจริญและไม่มีตึกสูงระฟ้ามากมายขนาดนี้ หลังจากเลิกเรียนพวกเรามักจะรีบมาที่ริมแม่น้ำและเกมที่พวกเราชอบเล่นมากที่สุดก็คือ ตำรวจจับโจร..”
เซี่ยเซี่ยวโม ยิ้มในขณะระลึกความหลังวัยเด็กของเธอ ความทรงจำในวัยเด็กทำให้ผู้คนรู้สึกพึงพอใจเสมอ ซูฉิวไป่ ยิ้มบางๆในขณะที่ฟังอย่างเงียบๆ
“ฉันจำได้ชัดเจนว่าพี่ชายของฉันเล่นเป็นตำรวจเสมอและเขาจะเป็นผู้นำของเด็กกลุ่มหนึ่ง คนที่มีอายุมากกว่าจะเป็นโจร พวกเราเล่นอยู่ริมแม่น้ำจนถึงค่ำ…”
เมื่อได้ยินคำพูดของ เซี่ยเซี่ยวโม ซูฉิวไป่ ก็นึกถึงลักษณะของ เซี่ยเทียน เขาดูแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความยุติธรรมเหมือนสิ่งที่ตำรวจควรจะเป็น แต่แล้ว ซูฉิวไป่ ก็จำท่าทางการแสดงออกของ เซี่ยเทียน ในระหว่างมื้ออาหารได้ ชายคนนั้นรู้สึกเศร้าหมองและทำอะไรไม่ถูก!
“เขาเป็นเด็กที่ดีที่สุดในวัย ตั้งแต่เด็กเขาต้องการที่จะปกป้องดินแดนแห่งนี้ เขาเป็นนักเรียนดีเด่นในโรงเรียนแล้วจะจบการศึกษามหาวิทยาลัยเขาสมัครเข้าร่วมกองทัพโดยตรง..”
การแสดงออกและสีหน้าของ เซี่ยเซี่ยวโม แสดงถึงความภาคภูมิใจเมื่อเธอพูดถึงพี่ชาย เห็นได้ชัดว่าเธอติดพี่ชายของเธอตลอดช่วงวัยเด็ก
ซูฉิวไป่ ยังคงนิ่งเงียบในขณะที่เขาตั้งใจฟัง เนื่องจากคำพูดของ เซี่ยเซี่ยวโม ทำให้เขาอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เซี่ยเทียน
“ พี่ชายของฉันใฝ่ฝันที่จะอุทิศทั้งชีวิตให้กับประเทศนี้ ความภักดีของเขาไม่มีใครเทียบได้ แต่เขาถูกวางแผนและตกอยู่ในสถานะปัจจุบัน….และเขาไม่ได้รับโอกาสอีกครั้ง..”
จู่ๆการแสดงออกที่สงบของ เซี่ยเซี่ยวโมก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนเธอคิดอะไรได้บางอย่างและรู้สึกโกรธทันที
ซูฉิวไป่ ไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของเธอมาก่อน สิ่งที่แสดงออกมาคือความโกรธความโศกเศร้าและไม่รู้จะทำยังไง
“เขาถูกวางแผน?”
ซูฉิวไป่ จับคำพูดที่สำคัญที่สุดทันที
“ ใช่มีใครบางคนวางกับดักเขา!นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกไล่ออกจากทีมและถูกทำลายเส้นทางอย่างสิ้นเชิง!”
เซี่ยเซี่ยวโม พูดขึ้นในขณะที่หันมามอง ซูฉิวไป่
ซูฉิวไป่ รู้สึกถึงความโกรธของผู้หญิงที่นั่งถัดอยู่ข้างเขา ยังไงก็ตามถ้าเป็นตามที่ เซี่ยเซี่ยวโม พูดแสดงว่ามีชายคนหนึ่งที่มีอนาคตสดใสกลับถูกทำลายเพราะถูกใครบางคนวางแผน เป็นใครก็โกรธเมื่อได้ยินเรื่องนี้!
หลังจากนั้น เซี่ยเซี่ยวโม ก็ตัดสินใจที่จะเล่าให้กับ ซูฉิวไป่ ฟังทั้งหมดตั้งแต่ต้น อาจเป็นเพราะเมื่อเธอเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ทำให้คิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของพี่ชายเธอ
พูดง่ายๆในคืนที่ เซี่ยเทียน ทำภารกิจ ศัตรูของเขาล่วงรู้แผนของพวกเขาล่วงหน้าจึงทำให้เพื่อนร่วมทีมของเขาเสียชีวิตทุกคนยกเว้นเขาคนเดียว
เซี่ยเทียน รู้สึกโศกเศร้าเสียใจอยู่แล้วในไม่ช้าก็มีใครบางคนกล่าวหาว่าเขาเป็นคนเปิดเผยความลับภารกิจ
ในความเป็นจริงกองทัพต้องการที่จะจับเขายิงเป้าทันทีโดยไม่รอให้เขาอธิบาย เซี่ยเทียน ไม่เต็มใจยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นมีหลายครั้งที่เขาพยายามต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของตัวเองแต่เขาไม่สามารถหาคนที่สนับสนุนเขาได้
ดังนั้นพี่ชายที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและกระตือรือร้นค่อยๆจางหายไปจากความจริงจนกลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของผู้คนและเป็นเพียงชายคนหนึ่งที่ดูแลลูกๆของเขาอยู่ที่บ้านทุกวัน
เมื่อพูดจบดวงตาของ เซี่ยเซี่ยวโม แดงก่ำ ความโกรธที่อยู่ในอกของเธอมันเป็นไปไม่ได้ที่จะปลดปล่อยออกมาในครั้งเดียวพวกเขาทั้งสองยังคงนั่งนิ่งๆเงียบๆหลังจากที่ได้พูดออกมาหมดแล้ว
“ฉันขอโทษ…ที่เล่าให้คุณฟังเรื่องนี้”
เซี่ยเซี่ยวโม ขอโทษหลังจากรู้ว่าเธอแสดงอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมออกมาได้
ซูฉิวไป่ ลังเลอยู่สักพักเขาไม่รู้วิธีที่จะปลอบโยนเธอ หลังจากนั้นเขาก็มีความคิดบางอย่างและถามคุณว่า
“พี่ชายของคุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนวางแผนจัดการกับเขา”
เซี่ยเซี่ยวโม ตะลึงอยู่สักครู่ก่อนจะส่ายหัว
“ฉันไม่รู้..เรื่องราวทั้งหมดของพี่ชายฉันแปลกจริงๆ ในความเป็นจริงเขาแอบบอกกับฉันว่าเขาถูกไล่ออกพอรู้ความลับที่ยิ่งใหญ่บางอย่าง…แต่เมื่อฉันถามเขาว่ามันคืออะไรเขาก็ไม่ต้องการบอกฉันเกี่ยวกับมัน เขาบอกว่าถ้าเปิดเผยความลับนี้จะเป็นอันตรายต่อครอบครัวของเรา..”
เซี่ยเซี่ยวโม ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่เธอพูดแบบนี้
คำพูดของเธอทำให้ ซูฉิวไป่ สับสนเล็กน้อย
มีความลับอะไรที่ทำให้เขาถูกไล่ออกจากกองทัพ?
เขายังเชื่ออีกว่าถ้าความลับนี้รั่วไหลเขาจะทำให้ครอบครัวของเขาตกอยู่ในอันตราย…
สัญชาตญาณของ ซูฉิวไป่ บอกกับเขาว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา แต่เนื่องจาก เซี่ยเทียน ไม่ได้บอกความลับกับใครดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
เรื่องราวที่ผ่านมาของพี่ชายทำให้บรรยากาศและอารมณ์ของพวกเขาเสียดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการอยู่สถานที่แห่งนี้ต่อไปและวางแผนที่จะกลับบ้าน
มันใช้เวลาสักพักพอที่จะทำให้ฤทธิ์ของไวน์ที่ดื่มไปก่อนหน้านี้จางหายไป ดังนั้น ซูฉิวไป่ จึงไปส่ง เซี่ยเซี่ยวโม ที่สถานีตำรวจก่อนที่เขาจะกลับไปยังบ้านพัก
—————————————-