ซิ่งทะลุมิติ - ตอนที่ 99
SD:บทที่ 99 โทรศัพท์ทันที
“นี่…นี่มันล้ำค่าเกินไปฉันไม่สามารถรับมันเอาไว้ได้”
เมื่อมองไปที่ ซูฉิวไป่ กู่เฉิงหยา เอ็งก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินสิ่งที่มิสเตอร์ตงฟางกล่าว เธอม้วนกระดาษทั้งหมดเข้าไปในกล่องและตั้งใจที่จะคืนให้กับ ซูฉิวไป่ ถ้าพูดคำนี้ก่อนหน้านี้ทุกคนคงรู้สึกเยาะเย้ย
กู่เฉิงหยา เป็นนายหญิงของตระกูลกู่จะมีของขวัญในโลกนี้ที่เธอคิดว่ามีค่าหรือไม่?
แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่ผิด!
ของขวัญชิ้นนี้มีค่าเกินไปจริงๆ!
“มันไม่ใช่ของมีค่าอะไร มันเป็นเพียงคำไม่กี่คำโปรดเก็บเอาไว้เถอะ สุขสันต์วันเกิดครับ”
ซูฉิวไป่ ยิ้มและไม่ได้หยิบกล่องจากเธอ
เมื่อเขาพูดสิ่งนี้แขกทั้งหมดเกือบหมดสติโดยเฉพาะ หยวนเป็งชิง และแขกไม่กี่คนที่กำลังกัดฟัน ของขวัญชิ้นนี้อยู่ในระดับสมบัติของชาติ พวกเขาเองก็ต้องการอะไรแบบนี้แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ใช่เจ้าของ!
ทุกคนรู้ว่า ซูฉิวไป่ จงใจพูดคำเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ซูฉิวไป่ ไม่ได้คิดว่ามันมีราคาแพงอย่างที่คนอื่นคิดมันเป็นเพียงคำไม่กี่คำ
จักรพรรดิเหล่านั้นได้ถือตราประทับของตัวเองมาด้วยดังนั้นซูฉิวไป่ออกไปซื้อกระดาษข้าวจากนั้นให้จักรพรรดิ์ทั้ง 4 คนเขียนคำและเขานำมาปะติดเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นเขาก็ใช้คะแนนความเติบโตเพียงไม่กี่คะแนนทำให้มันดูเป็นวัตถุโบราณ
มันง่ายมาก!
แม้ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมา…แต่คำพูดที่ถูกเขียนโดยจักรพรรดิทั้ง 4 นั้นรวมทั้งตราประทับของพวกเขาไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน!
แต่ถ้าพูดความจริงออกไป..จะมีใครในโลกนี้ตัดคำพูดของจักรพรรดิทั้ง 4 มารวมอยู่ในงานศิลปะชิ้นเดียวกัน? คำพูดต่างๆถูกเย็บเข้าด้วยกันเพื่ออวยพรวันเกิดและให้สุขภาพดีมีความเจริญรุ่งเรือง
ดังนั้นแม้แต่ ซูฉิวไป่ ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าของขวัญของเขาเป็นของจริงหรือไม่เพราะกระบวนการทุกอย่างทั้งหมดเป็นการสร้างขึ้น และสุดท้ายแล้วจักรพรรดิก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนี้ ซูฉิวไป่ สามารถสร้างของโบราณเหล่านี้ได้อีกมากมาย
ไม่มีใครเต็มใจที่จะพูดคุยเกี่ยวกับของขวัญของ ซูฉิวไป่ อีกต่อไป แขกบางคนรู้สึกเสียใจในขณะที่เห็น กู่เฉิงหยา เก็บม้วนกระดาษลงไป
มันคือสมบัติของชาติ!..มันจะเป็นไปได้ยังไง!
ไม่มีใครสามารถพูดคำใดออกมาได้ เนื่องจากมันเป็นของ ซูฉิวไป่ และเขาสามารถมอบให้ใครก็ได้ที่เขาต้องการ
อาหารค่ำเริ่มทยอยออกมาแล้ว กู่เฉิงหยา ต้องการเชิญ ซูฉิวไป่ มานั่งกับเธอแต่เขาปฏิเสธ เขาไม่ใช่คนโง่ เมื่อมาถึงจุดนี้เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า กู่เฉิงหยา อาจมีความรู้สึกบางอย่างกับเขา ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธข้อเสนอและกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง
บรรพบุรุษเหล่านั้นจัดการกับอาหารบนโต๊ะอย่างรวดเร็วแม้แต่บริกรที่ยืนอยู่ด้านข้างยังรู้สึกสยดสยอง ซูฉิวไป่ จึงถามขึ้นว่าเขาสามารถสั่งอาหารอีกรอบได้หรือไม่
เฉาซือเหล่ย กินอาหารเพียงไม่กี่คำก่อนที่จะจ้องมอง ซูฉิวไป่ ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่า ซูฉิวไป่ เป็นคนธรรมดาแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนลึกลับมากยิ่งขึ้น
มันควรเป็นฉากที่กลุ่มวัยรุ่นแสดงความมั่งคั่งร่ำรวยของตัวเองแต่กลายเป็นว่าเป็นฉากของ ซูฉิวไป่ ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกงุนงง
เขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม ซูฉิวไป่ กำลังไต่ตรองเรื่องที่เกี่ยวกับ กู่เฉิงหยา ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงโดยเฉพาะเมื่อเขานึกภาพดวงตาของ กู่เฉิงหยา
เธอชอบฉันจริงๆอย่างนั้นหรอ?
บางทีอาจเป็นเพราะประสบการณ์ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของเขาล้มเหลว ซูฉิวไป่ จึงระมัดระวังอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ขอความคิดเห็นจาก ซูเซี่ยวเซี่ยว ในตอนที่เขารู้สึกกับ เซี่ยหรงหรง
สิ่งที่ กู่เฉิงหยา ทำในวันนี้ทำให้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย…
ในขณะที่อาหารเย็นกำลังดำเนินอย่างราบรื่น ซูฉิวไป่ ก็ได้รับสายโทรศัพท์มันมาจากหมายเลขที่เขาไม่รู้จัก หลังจากที่เขารับโทรศัพท์เขาก็ได้ยินเสียงคนคนหนึ่ง
“สวัสดี คุณซู ผมคือเซี่ยเทียน พี่ชายของเซียเซียวโม”
มันเป็นการแนะนำตัวอย่างชัดเจนดังนั้นซูฉิวไป่รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา
“ครับผมเอง”
ซูฉิวไป่ ตอบกลับด้วยความสับสนเล็กน้อย เขาไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ เซี่ยเทียน เป็นไปได้ไหมที่เขาจะรู้เรื่องนี้?
“คุณซู ผมมีอะไรจะบอกคุณตอนนี้คุณว่างไหม”
เซี่ยเทียน ยังคงถามเพื่อต้องการคำตอบในตอนนี้
ซูฉิวไป่ รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงตื่นตระหนกและไม่สบายใจของเขา
“ต้องเป็นตอนนี้อย่างนั้นหรอ?” ซูฉิวไป่ มองไปรอบๆแล้วถามขึ้น
“ใช่ต้องเป็นตอนนี้…หากหลังจากนี้..ผมกังวลว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น!”
เซี่ยเทียน ตอบกลับอย่างรวดเร็วเสียงของเขาตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ทำให้ ซูฉิวไป่ ค่อนข้างรู้สึกลำบากใจ เขายังคงร่วมงานวันเกิดของ กู่เฉิงหยา อยู่ถ้าเขาไปแล้วเขาจะทำยังไงกับบรรพบุรุษเหล่านี้?
อย่างไรก็ตามสัญชาตญาณของเขาบอกว่า เซี่ยเทียน มีบางสิ่งที่สำคัญจริงๆที่ต้องการบอก ซูฉิวไป่ เขาจำเรื่องเล่าที่ เซี่ยเซี่ยวโม เล่าให้ฟังริมแม่น้ำวันนั้นได้ว่า เซี่ยเทียน ความลับบางอย่างจึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้
หลังจากที่เห็นความ ลังเลของ ซูฉิวไป่ เซี่ยเทียน ก็พูดขึ้นว่า
“คุณซู ได้โปรดมาหาผมมันสำคัญจริงๆ!”
ในที่สุด ซูฉิวไป่ จึงตัดสินใจ
“ตกลงเราจะเจอกันที่ไหนดี”
“มาที่ท่าเรือเจียงเป่ย และไม่ต้องบอกคนอื่นว่าคุณกำลังมาหาผม ขอบคุณครับ”
หลังจากนั้น เซี่ยเทียน ก็วางสายทันทีมันทำให้ ซูฉิวไป่ รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ในไม่ช้าเขาก็กระซิบกับจักรพรรดิฉินและขอให้ เฉาซือเหล่ย ช่วยส่งบรรดาลุงเหล่านี้กลับภายหลัง ชายหนุ่มเห็นด้วยโดยไม่ลังเล แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นว่า ซูฉิวไป่ กำลังจะจากไปเขาจึงถามขึ้นว่า
“คุณไม่ต้องการไปบอกลากลับ คุณหนูกู่ก่อนหรอ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซูฉิวไป่ หันกลับไปมองที่ กู่เฉิงหยา และส่ายหัว จากนั้นเขาเดินออกจากบ้านของตระกูลกู่อยู่อย่างเงียบๆ
เนื่องจากสถานที่ที่ ซูฉิวไป่ อยู่ในตอนนี้ค่อนข้างอยู่ไกลจากท่าเรือ เจียงเป่ย เขาจึงต้องกลับไปที่บ้านพักก่อนและขับรถแท็กซี่ไปยังจุดหมายปลายทาง
ในเวลานี้เป็นตอนกลางคืนลมหนาวพัดผ่านแม่น้ำ เซี่ยเทียน นั่งคนเดียวบนม้านั่งหินถัดจากท่าเรือ เขารู้สึกประหม่าเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่รู้ว่าทำไมเขารู้สึกแบบนี้แต่เขารู้สึกกลัวกลัวความลับที่อยู่ในใจของเขา หลังจากที่เขาถูกไล่ออกจากกองทัพก่อนหน้านี้บางครั้งเขาจะหวนนึกถึงความลับ แต่มันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
หลังจากได้รับข่าวว่าเขาสามารถกลับเข้ากองทัพได้ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกไม่ดี ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นอยู่ในความมืดพร้อมที่จะฆ่าเขาตลอดเวลา ดังนั้นหลังจากฟังน้องสาวของเขาทำให้เขาเข้าใจว่าอาจเป็น ซูฉิวไป่ ที่ช่วยเหลือให้เขากลับกองทัพมันทำให้จิตใจของ เซี่ยเทียน สับสนมากยิ่งขึ้น!
แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าคนขับแท็กซี่มีอำนาจเช่นนี้ได้ยังไง แต่เห็นได้ชัดว่า ซูฉิวไป่ สามารถรักษาความลับนี้ได้มากกว่าตัวเขาเอง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจขอพบกับ ซูฉิวไป่ ในตอนดึก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉันอย่างน้อยก็มีคนอื่นที่รู้ความลับ!
ด้วยความคิดนี้ เซี่ยเทียน สูดลมหายใจลึกอีกครั้งและพยายามให้ตัวเองสงบลง
เมื่อมองดูถนนที่ห่างไกลจากเขาเขากำลังเฝ้ารอ…
หลังจากที่ ซูฉิวไป่ ออกจากบ้านพักเขาขับรถตรงไปที่ท่าเรือ ตามสัญชาตญาณของเขาบอกว่าสิ่งที่ เซี่ยเทียน กำลังพูดนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากมิฉะนั้นเขาคงไม่ใช้น้ำเสียงแบบนั้น
ในความคิดเห็นของ ซูฉิวไป่ เซี่ยเทียน ไม่ใช่คนพูดมาก นอกจากนี้สิ่งที่ เซี่ยเซี่ยวโม เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้…ความลับแบบไหนที่คนแบบนี้เอาไว้และทำไมเขาถึงตัดสินใจที่จะบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้?
ซูฉิวไป่ ไม่รู้คำตอบของคำถามนี้ ระหว่างการเดินทางเขาเต็มไปด้วยความสับสน และหยุดตรงสัญญาณไฟจราจรหลายครั้งมันทำให้เขารู้สึกกังวลใจเล็กน้อย เมื่อเขาลองโทรหา เซี่ยเทียน แต่ก็ไม่มีการตอบรับมันทำให้ ซูฉิวไป่ รู้สึกไม่ดี…
ในที่สุดเขาก็มาถึงท่าเรือเจียงเป่ย!
เขาได้โทรหา เซี่ยเทียน ทั้งหมด 5 ครั้งในระหว่างที่เขาเดินทางและก็ไม่ได้รับการตอบกลับ ซูฉิวไป่ จอดรถแท็กซี่ริมถนนและวิ่งไปที่ท่าเรือในขณะที่ตะโกนชื่อของ เซี่ยเทียน แต่เขาก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆ ท่าเรือนี้ไม่ใหญ่มากดังนั้น ซูฉิวไป่ จึงสามารถวิ่งไปรอบๆเพียงไม่กี่นาที
ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถที่จะเจอ เซี่ยเทียน ได้ในขณะที่เขากำลังคิดที่จะโทรหา เซี่ยเซี่ยวโม เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ เขาก็พบแขนของมนุษย์ ลอยอยู่ในน้ำ
ซูฉิวไป่ รู้สึกตัวสั่นเทาในขณะที่เขาเดินไปช้าๆและคว้าแขนนั้นขึ้นมาอย่างแรง
มีศพโผล่ขึ้นมาทันที
หลังจากมองดูใกล้ๆเขาก็รู้ว่าดวงตาของคนตายนั่นเปิดกว้างและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
คนคนนั้นคือ เซี่ยเทียน!
—————————————————