Super God Gene - ตอนที่ 1988
ตั๊กแตนโลหิตเทพ
ร่างของตั๊กแตนโลหิตเทพนั้นมีขนาดแค่หนึ่งในสิบของพืชที่มันกำลังอยู่ แต่เมื่อมันกินปะการังเข้าไป ท้องของมันไม่ได้พองขึ้น แต่ทว่าร่างกายของมันเริ่มเรืองแสงออกมา
ก่อนที่มันจะกินปะการังสีแดงได้หมด ลักษณะร่างกายอย่างหนึ่งของมันก็เปลี่ยนแปลงไป เงาของยมทูตสีแดงปรากฏขึ้นบนตัวของมัน ในมือของยมทูตนั้นถือเคียวสำหรับเก็บเกี่ยววิญญาณเอาไว้
เงาที่พร่ามัวดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่ามันจะกลายเป็นรูปธรรมจริงๆขึ้นมา
“มันกำลังวิวัฒนาการ มันจะกลายเป็นมาร์ควิสหรือมันจะกลายพันธุ์?” หานเซิ่นถามขณะที่เขาจ้องไปที่ตั๊กแตนโลหิตเทพ
“จิตวิญญาณเป็นแค่สสารที่เกิดจากแสง หมอกและอากาศ พวกมันไม่ได้มีรูปธรรมจริงๆ เมื่อพวกมันวิวัฒนาการเป็นมาร์ควิส พวกมันก็จะดูเป็นรูปธรรมมากกว่าที่เคยเป็น พวกมันแค่ได้รับพลังเพิ่มขึ้นเท่านั้น ดูที่ตั๊กแตนโลหิตเทพนั่น มันไม่ได้กำลังจะกลายเป็นมาร์ควิส แต่มันกำลังกลายพันธุ์” ยวิ๋นซู่อีพูด
“มันถือเป็นเรื่องที่ดี ข้าชอบตัวที่กลายพันธุ์” หานเซิ่นยิ้ม
ควันสีแดงของตั๊กแตนโลหิตเทพเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ยมทูตสีแดงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็เห็นยมทูตสีแดงแกว่งเคียวของมันเข้าหาปะการัง มันตัดปะการังสีแดงที่เหลือขาดเป็นชิ้นๆ หลังจากนั้นควันสีแดงบนร่างกายของมันก็กลายเป็นวังวนที่ดูดชิ้นส่วนของปะการังสีแดงเข้าไป
เมื่อปะการังสีแดงเข้าไปในวังวน ควันของยมทูตสีแดงก็หนายิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคียวในมือของมัน ร่างควันของมันเริ่มที่จะค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และไม่นานมันก็กลายเป็นใบมีดคริสตัล
“มันกำลังจะสิ้นเสร็จการกลายพันธุ์ ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด” ยวิ๋นซู่อีพูด
“ไม่จำเป็นต้องรีบ รอดูต่อไปอีกสักหน่อย” หานเซิ่นอยากจะรู้ว่าวิชาจีโนของตั๊กแตนโลหิตเทพคืออะไร เขาต้องการจะเห็นว่ามันแข็งแกร่งถึงขนาดไหน
หลังจากผ่านไปอีก 2 ชั่วโมง ขั้นตอนการกลายพันธุ์ของตั๊กแตนโลหิตเทพก็เสร็จสิ้น ยมทูตสีแดงกลายเป็นหมอกควันและหายกลับเข้าไปในร่างของมัน
ร่างกายของตั๊กแตนโลหิตเทพไม่ได้เติบโตขึ้นจากการกินปะการังเข้าไป ตอนนี้ตัวของมันยังคงยาวหนึ่งฟุตเท่าเดิม และร่างกายของมันก็ยังดูเหมือนกับทับทิม
แต่หลังจากนั้นจู่ๆมันก็กระพือปีกและส่งเสียงกรีดร้องออกมา มันพุ่งเข้ามาหาหานเซิ่นอย่างรวดเร็วราวกับเงามืดสีแดง
บางทีมันอาจจะสังเกตเห็นหานเซิ่นและยวิ๋นซู่อีมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่เนื่องจากมันอยู่ระหว่างขั้นตอนการวิวัฒนาการ มันจึงไม่สามารถทำอะไรได้
“มนตรา” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นมนตราก็ปรากฏตรงหน้าหานเซิ่นในร่างของหญิงสาว เธอถือปืนคู่อยู่ในมือและยิงออกไปใส่ตั๊กแตนโลหิตเทพเลือด
ปัง! ปัง!
กระสุน 2 นัดพุ่งไปถูกตัวของตั๊กแตนโลหิตเทพ แต่พวกมันไม่สามารถเจาะทะลุเปลือกของตั๊กแตนได้ พวกมันแค่ทิ้งเครื่องหมายเอาไว้บนตัวของตั๊กแตนเท่านั้น
ตั๊กแตนโลหิตเทพส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธ ร่างกายของมันเปลี่ยนเป็นเงาสีแดง หลังจากนั้นมันก็กระโดดเข้าใส่มนตรา พร้อมกับแกว่งแขนไปมาเหมือนกับเคียว
มนตราเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อหลบการโจมตีของตั๊กแตนโลหิตเทพ ขณะเดียวกันเธอก็เปลี่ยนปืนคู่ในมือให้กลายเป็นปืนอาร์พีจี หลังจากนั้นเธอก็ยิงจรวดออกไปใส่ตั๊กแตนโลหิตเทพ
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าทำไมมนตราถึงเลือกใช้ปืนอาร์พีจีในตอนนี้ ถึงมันจะรุนแรงมากกว่าปืนคู่ก็จริง แต่มันเชื่องช้า และด้วยความเร็วของตั๊กแตนโลหิตเทพ มันก็คงจะหลบได้อย่างง่ายดาย
และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด ตั๊กแตนโลหิตเทพกระพือปีกและบินหลบขึ้นไปด้านบน ก่อนที่จะพุ่งเข้าหามนตราอีกครั้ง
มนตราถอยไปด้านหลัง ขณะที่ยังคงถือปืนอาร์พีจีอยู่ในมือ และทันใดนั้นจรวดที่พุ่งผ่านไปจู่ๆก็โค้งกลับมาราวกับมิสไซล์ติดตามเป้าหมาย มันพุ่งเข้าใส่ตั๊กแตนจากด้านหลัง
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นมา และร่างของตั๊กแตนโลหิตเทพก็กระเด็นออกไป ขณะที่เปลือกของมันเต็มไปด้วยบาดแผลเล็กๆจำนวนมาก
แต่บาดแผลเพียงแค่นั้นไม่สามารถทำไรอะไรตั๊กแตนได้มาก พวกมันแค่ทำให้ตั๊กแตนโกรธมากขึ้นเท่านั้น ตั๊กแตนส่งเสียงกรีดร้องออกมาและกระโดดเข้าหามนตราอีกครั้ง
‘ว้าว! กระสุนที่มีเครื่องหมาย นอกจากจะติดตามการเคลื่อนไหวของศัตรูได้แล้ว มันยังใช้เพื่อเปลี่ยนวิถีของจรวดได้ด้วยหรอเนี่ย? แล้วกระสุนปืนจะใช้ฟังก์ชันแบบเดียวกันนี้หรือเปล่านะ?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
เพียงไม่นานคำถามของหานเซิ่นก็ได้รับคำตอบ มนตราเปลี่ยนปืนอาร์พีจีกลับไปเป็นปืนคู่ ขาของเธอไขว้ไปมา ขณะที่หลบการโจมตีของตั๊กแตนโลหิตเทพ มันเหมือนกับว่าเธอกำลังเต้นระบำ
ในระหว่างการเต้นรำที่สง่างาม ปืนคู่ของมนตราก็ถูกยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง มันดูไม่เหมือนกับว่าเธอเล็งไปที่ตั๊กแตนโลหิตเทพ แต่กระสุนที่ถูกยิงออกไปก็จะเลี้ยวโค้งในอากาศและกลับมาถูกตัวของเจ้าตั๊กแตน กระสุนที่ยิงออกไปนั้นไม่พลาดเป้าหมายเลยแม้แต่ลูกเดียว
‘กระสุนของปืนคู่ก็ติดตามเป้าหมายได้เหมือนกันหรอเนี่ย?’ หานเซิ่นรู้สึกดีใจ
ยวิ๋นซู่อีมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแปลกๆ มนตราเป็นแค่อาวุธจีโน แต่เธอกลับต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ระดับเอิร์ลได้โดยไม่ต้องรับคำสั่งจากเจ้านาย อาวุธจีโนธรรมดาไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นได้ ความจริงแล้วอาวุธจีโนส่วนใหญ่ไม่สามารถต่อสู้ได้ด้วยซ้ำไป เนื่องจากพวกมันไม่ได้มีจิตใจเป็นของตัวเอง
ปืนคู่ค่อนข้างอ่อนแอ ถึงพวกมันจะถูกเป้าหมายซ้ำๆที่จุดเดียวกัน แต่พวกมันก็ไม่สามารถทำความเสียหายให้กับตั๊กแตนโลหิตเทพได้
ตั๊กแตนโลหิตเทพพยายามจะโจมตีใส่มนตรา แต่มันก็พลาดเป้าทุกครั้ง หลังจากที่มนตราทิ้งระยะห่างได้พอสมควร เธอก็เปลี่ยนไปใช้ปืนไรเฟิล เธอต้องการการโจมตีที่รุนแรงมากขึ้น แต่ก่อนที่เธอจะได้ยิงปืนไรเฟิลนั้นจู่ๆก็มีควันสีแดงปรากฏขึ้นด้านหลังของเธอ เคียวคริสตัลกวาดเข้ามาที่คอของเธอจากด้านหลัง
หานเซิ่นใช้จิตใจของเขาเพื่อควบคุมให้มนตราหลบ แต่มันสายเกินไป เคียวคริสตัลเฉือนทะลุชุดเกราะสีขาวของเธอลึกเข้าไปหนึ่งนิ้ว มันตัดผ่านกล้ามเนื้อเข้าไปลึกพอที่จะเผยให้เห็นกระดูก
โชคดีที่มนตราไม่ใช่สิ่งมีชีวิต เธอจึงไม่มีเลือดให้เสีย
หลังจากที่มนตราถูกโจมตี เธอก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ตั๊กแตนโลหิตเทพส่งเสียงกรีดร้องและกระโดดเข้าใส่เธอ ขณะที่ยมทูตสีแดงติดตามเธอจากด้านหลัง พวกมันทั้งคู่รุมโจมตีใส่เธอพร้อมๆกัน
‘ตอนนี้เมื่อตั๊กแตนโลหิตเทพกลายพันธุ์แล้ว มันก็สร้างจิตวิญญาณที่ใช้งานเหมือนกับซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งอย่างนั้นหรอ? นี่มันคล้ายคลึงกับพลังในการอัญเชิญ’ หานเซิ่นคิด
เมื่อเห็นว่ามนตรากำลังตกอยู่ในอันตราย ยวิ๋นซู่อีก็พูดขึ้นมา “ตอนนี้พวกเราทำยังไงดี?”
“ฆ่ามัน” หานเซิ่นพูดและดึงมีดเขี้ยวผีสิงออกมาจากเอว