Super God Gene - ตอนที่ 2000
ศาสตร์ตงเสวียนสำแดงฤทธิ์
ไฟของมีดเขี้ยวผีสิงดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆจนไผ่เดียวดายเองก็เกือบที่จะควบคุมมันเอาไว้ไม่อยู่ เขากำลังสร้างการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเพื่อจบการต่อสู้ครั้งนี้
สนามประลองที่พังพินาศกำลังสั่นสะเทือนด้วยพลังอันมหาศาลของเปลวไฟที่น่ากลัวของมีดเขี้ยวผีสิง พื้นที่พวกเขายืนอยู่เริ่มจะยุบตัวลงไป
แต่ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันแบบนั้น มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ในตอนที่คนอย่างหานเซิ่นตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่คับขัน เขามักจะแสดงความสามารถได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
การเผชิญหน้ากับไผ่เดียวดายที่เพิ่งจะวิวัฒนาการเป็นมาร์ควิสนั้นเพิ่มความอยากชนะของหานเซิ่น มันทำให้พลังในด้านลบที่กำลังกลืนกินเขาอยู่มีผลน้อยลง
ชุดเกราะมนตราเรืองแสงสีขาวออกมา ผิวและกระดูกของหานเซิ่นเปลี่ยนไฟเป็นสีของหยก เลือดในตัวของเขากำลังเดือดขึ้นมา
หานเซิ่นยกดาบหยกในมือขึ้นตรงหน้า ดาบหยกนั้นขาดพลังพิเศษ แต่มันแทบจะไม่มีร่องรอยแตกร้าวอะไรเลยหลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด ซึ่งแสดงให้ถึงความทนทานของมัน
หานเซิ่นลูบใบมีดของดาบหยกและใส่พลังของตัวเองเข้าไป มันหลับใหลอยู่ภายในดาบและรอคอยที่จะถูกปลดปล่อยออกมา
เมื่อเห็นท่าทางของหานเซิ่น ยวิ๋นซู่อีก็จับไหล่ของยวิ๋นซู่ซางและถาม
“นี่หานเซิ่นตั้งใจจะรับการโจมตีครั้งต่อไปอย่างนั้นหรอ?”
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น” ยวิ๋นซู่ซางก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมหานเซิ่นถึงทำแบบนั้น ถ้าพวกเขาทั้งคู่เป็นมาร์ควิสเหมือนกัน หานเซิ่นก็อาจจะมีโอกาสอยู่ แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาแตกต่างกันอยู่ขั้นหนึ่ง มันจึงไม่มีทางที่หานเซิ่นจะรับการโจมตีเต็มกำลังของไผ่เดียวดายได้
“เขาไม่มีทางเลือกนอกจากรับการโจมตีครั้งนี้” ยวิ๋นฉางคงพูด
“ทำไมกัน?” ยวิ๋นซู่อีถามด้วยสีหน้าสับสน
“สนามประลองนั้นแคบเกินไป และตราบใดที่หานเซิ่นยังอยู่ในสนามประลอง เขาก็ไม่มีทางจะหลบมันได้พ้น ดังนั้นเขาจะต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อรับมัน” ยวิ๋นฉางคงพูด
“เขาจะป้องกันการโจมตีแบบนั้นไหม? มันมีความแตกต่างกันถึงหนึ่งขั้นระหว่างเอิร์ลและมาร์ควิส” เสียงของยวิ๋นซู่อีสั่นไหว เธอดูกังวลอย่างมาก
“เขาจะป้องกันมันได้” ก่อนที่ยวิ๋นฉางคงจะตอบ ก็มีใครบางคนเดินเข้ามาและตอบคำถามแทนเขา
ยวิ๋นซู่อีหันไปตามหาเสียงที่ดังขึ้นมาและเห็นชายคนหนึ่ง ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาดูกังวลยิ่งกว่านักสู้ในสนามประลองซะอีก
“อวี้จิง เจ้ารู้ได้ยังไงว่าหานเซิ่นจะรับการโจมตีครั้งนี้ได้น่ะ?” กระเรียนพันขนถามอวี้จิง
“ยาเฟิงโฮ่ว ข้าได้มอบยาเฟิงโฮ่วให้กับเขา ถ้าเขาใช้มัน เขาก็จะใช้พลังของมาร์ควิสได้ชั่วคราว ดังนั้นเขาจะรับการโจมตีครั้งนี้ได้และเขาจะเป็นฝ่ายชนะ” อวี้จิงดูเหมือนกับว่าเขากำลังพูดกับตัวเองเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
“ยาเฟิงโฮ่ว?” ยวิ๋นซู่ซางและคนอื่นดูแปลกใจ “ทำไมเจ้าถึงได้มอบยาเฟิงโฮ่วให้กับเขากัน?”
“ข้าเดิมพันทรัพย์สินทุกอย่างที่มีว่าเขาจะเป็นฝ่ายชนะ เขาจะต้องชนะ ไม่อย่างนั้นข้าก็จะหมดเนื้อหมดตัว” อวี้จิงกำหมัดแน่นจนเล็บของเขาจิกเข้าไปในผิวหนัง
ถ้าคู่ต่อสู้ของหานเซิ่นไม่ใช่ไผ่เดียวดาย อวี้จิงก็คงจะไม่เข้าตาจนแบบนี้ ตอนนี้ทรัพย์สินทั้งหมดของเขาขึ้นอยู่กับผลของการประลองครั้งนี้
“มันถือเป็นเรื่องดีที่เขามียาเฟิงโฮ่ว ถ้าเป็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็จะเป็นฝ่ายชนะได้” ยวิ๋นซู่อีดูดีใจอย่างมากเมื่อได้ยินว่าหานเซิ่นยังมีโอกาสอยู่
ยวิ๋นฉางคงถอนหายใจและพูด “เขาจะมีโอกาส ถ้าเขากินมันเข้าไปตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว”
“มันจะสายเกินไปได้ยังไง?” อวี้จิงพูด ความกลัวที่จะหมดเนื้อหมดตัวของเขาทำให้เขาพูดออกมาอย่างค่อนข้างเสียมารยาท
แต่ยวิ๋นฉางคงไม่ได้ติดใจอะไร เขาพูดออกมาอย่างใจเย็น
“จิตแห่งมีดของไผ่เดียวดายนั้นล็อคเป้าไปที่หานเซิ่นเรียบร้อยแล้ว การเคลื่อนไหวเพียงแค่นิดเดียวจะทำให้ไผ่เดียวดายโจมตีออกมา และเจ้าคิดว่าเขาจะมีเวลาพอที่จะกินยาเข้าไปอย่างนั้นหรอ?”
อวี้จิงดูเหมือนกับว่าเขาถูกไฟฟ้าช็อค เขาตัวแข็งทื่อไป
ยวิ๋นซู่อีที่เพิ่งจะรู้สึกดีใจขึ้นมา ตอนนี้เธอกลับมากังวลอีกครั้ง
“พวกเราจะทำยังไงดี? พวกเราจะปล่อยให้ไผ่เดียวดายฆ่าหานเซิ่นอย่างนั้นหรอ?”
“ท่านผู้นำไม่มีทางจะนิ่งเฉยและปล่อยให้หานเซิ่นถูกฆ่าแน่ แต่ถ้าเขาเข้ามาหยุดไผ่เดียวดายในตอนนี้ จิตใจของไผ่เดียวดายก็จะถูกทำลาย” ยวิ๋นฉางคงพูดด้วยความเสียใจ
ในสนามประลอง พลังของมีดเขี้ยวผีสิงยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นยังคงยกดาบหยดเอาไว้ตรงหน้า เขาดูเหมือนกับขุนเขาที่ไม่มีวันสั่นคลอน
พลังงานอันน่าพิศวงอย่างหนึ่งเริ่มไหวเวียนในร่างกายของหานเซิ่น มันคือพลังของศาสตร์ตงเสวียน ภายใต้แรงกดดันของคู่ต่อสู้ ในที่สุดศาสตร์ตงเสวียนของเขาก็พัฒนาสู่ระดับเอิร์ล ออร่าศาสตร์ตงเสวียนห่อหุ้มหานเซิ่นด้วยพลังมหาศาล
ถึงแม้มันจะไม่มากพอที่จะต่อสู้กับจิตแห่งมีดของไผ่เดียวดาย แต่พลังงานที่ปลดปล่อยออกมาก็ทำให้ดวงตาของหานเซิ่นกระจ่างขึ้น
ในตอนนี้จิตแห่งมีดและความโศกเศร้าของไผ่เดียวดายเป็นสิ่งที่หานเซิ่นสามารถมองเห็นได้ในรูปแบบห่วงโซ่โครงสร้างลำดับ พวกมันเป็นเหมือนกับใยแมงมุมที่อยู่รอบๆตัวของเขา
เมื่อออร่าศาสตร์ตงเสวียนของเขาทรงพลังขึ้น ห่วงโซ่โครงสร้างลำดับก็สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น รายละเอียดเล็กน้อยที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนตอนนี้กระจ่างแจ้งอยู่ตรงหน้าของเขา
ตูม!
พลังของศาสตร์ตงเสวียนระเบิดในร่างของหานเซิ่น มันเจาะเข้าไปในทุกเซลล์ในร่างกายของเขา
พลังนั้นทำลายความรู้สึกที่ล่ามตัวหานเซิ่นเอาไว้ ภายใต้ความโศกเศร้าและจิตแห่งมีดของไผ่เดียวดาย ในที่สุดหานเซิ่นก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา เขารู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับเปลวไฟและสายลม แต่พวกมันแค่กำลังบ้าคลั่งอยู่รอบๆตัวของเขาแทนที่จะส่งผลต่อตัวเขา
แรงกดดันทั้งหมดหายไปอย่างปลิดทิ้ง และไม่ว่าพวกมันจะทรงพลังยังไง ในสายตาของหานเซิ่นพวกมันก็เป็นแค่ห่วงโซ่โครงสร้างลำดับ
พลังที่แตกต่างกันหลายอย่างกำลังไหลเวียนในตัวของหานเซิ่นและมันก็ถูกส่งเข้าไปในดาบหยก ดาบหยกเริ่มจะส่องแสงสว่างไสวออกมา
จิตแห่งมีดของวิชามีดเขี้ยวดายเริ่มที่จะผสานเข้ากับจิตแห่งดาบของหานเซิ่น ซึ่งพวกมันเข้ากันได้เป็นอย่างดี แสงจากดาบหยกเริ่มที่จะดับเปลวไฟของมีดเขี้ยวผีสิงรอบๆตัวของเขา
หานเซิ่นยืนถือดาบอยู่ตรงหน้าอย่างเงียบสงบ เขาดูเหมือนกับเทพเจ้าที่ยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ และไม่ว่าไผ่เดียวดายหรือมีดเขี้ยวผีสิงจะเพิ่มพลังขึ้นสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถจะข่มพลังของหานเซิ่นได้