Super God Gene - ตอนที่ 2004
วัวหินผา
คนของสือเปยเฟิงยังทำอะไรไม่ถูก พวกเขายังคงจ้องมองไปที่กิเลนคริสตัลด้วยความตกใจ
กิเลนคริสตัลพยายามจะดันตัวเองขึ้นจากพื้น มันต้องการจะบินหนีไป แต่ไม่นานมันก็ร่วงกลับลงมาอีกครั้ง
หานเซิ่นลูบหัวของกิเลนคริสตัลที่ตอนนี้เคลื่อนไหวเชื่องช้าเหมือนกับเต่าจริงๆ เขายกมันขึ้นและโยนมันเข้าไปในกรง
“มิสเตอร์สือ ภารกิจของข้าเสร็จสิ้นแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน ข้าจะคืนแผ่นหินให้ในอีก 1 เดือน” หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ขึ้นขี่นกกระเรียนไร้ขาและบินจากไป
ก่อนที่พวกเขาจะตื่นจากอาการตกตะลึง หานเซิ่นก็จากไปแล้ว พวกเขามองไปที่กิเลนคริสตัลในกรงขังด้วยความสับสน
บางคนถอนหายใจออกมาและพูด “เมื่อเขาต่อสู้กับไผ่เดียวดาย มันก็เป็นการต่อสู้ที่ยอมรับได้ แต่เมื่อเขาต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับเอิร์ลธรรมดา ไม่มีทางที่พวกมันจะมีโอกาสสู้กับเขาได้เลย แม้แต่ซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ลกลายพันธุ์ก็ยังถูกจับตัวได้ง่ายๆ? เขาแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ”
สือเปยเฟิงหันมามองคนของเขาด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยและพูด
“ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือที่ต่อสู้กับไผ่เดียวดายได้นั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะหยั่งถึงได้”
หานเซิ่นขี่นกกระเรียนไร้ขาออกไปยังภูเขา แต่ก่อนที่จะไปถึงภูเขา เขาก็เห็นนกตัวหนึ่งบินออกมาจากก้อนเมฆบนท้องฟ้า มันเป็นนกตัวใหญ่สีดำที่มีความยาวกว่าสิบเมตร
หานเซิ่นชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและฟันออกไปด้วยมีดสายลม ทำให้ร่างของนกตัวนั้นขาดครึ่งในพริบตา
“ซีโน่เจเนอิคนกขนดำระดับเอิร์ลถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกพบ”
เกาะแรร์บีสต์เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับหานเซิ่น มันมีซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ลอยู่เต็มไปหมด และในเวลาไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ หานเซิ่นก็สามารถเก็บรวบรวมยีนระดับเอิร์ลได้ครบหนึ่งร้อย
นกกระเรียนไร้ขาก็ได้กินเนื้อของซีโน่เจเนอิคจำนวนมากเช่นกัน และหานเซิ่นก็มอบพลังงานของเขาให้กับบับเบิล ทำให้มันพัฒนาไปสู่ระดับไวเคานต์
แต่บับเบิลก็ยังไม่มีประโยชน์อะไร มันสามารถทำให้ตัวเองดูเหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้ แต่มันไม่สามารถใช้พลังของสิ่งมีชีวิตที่มันลอกเลียนแบบได้
“มันยังเหลือเวลาอีกมากกว่าจะครบหนึ่งเดือน ดังนั้นถ้ากลับไปตอนนี้มันก็เป็นอะไรที่เสียเปล่า ทำไมเราไม่ใช้โอกาสนี้ล่าซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสไปด้วยเลย? แบบนั้นเราก็จะไม่ต้องออกมาล่าพวกมันอีกในตอนที่เรากลายเป็นมาร์ควิสแล้ว” หานเซิ่นเริ่มออกตามหาร่องรอยของซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิส
หลังจากที่ศาสตร์ตงเสวียนเพิ่มระดับขึ้น ท่าตบขั้นสุดยอดของเขาก็ทรงพลังขึ้นกว่าเดิม แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นศาสตร์ตงเสวียนในตอนนี้ทำให้เขาสามารถมองเห็นโครงสร้างลำดับ
หานเซิ่นสามารถใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อมองเห็นโครงสร้างลำดับและทำลายสสารที่อยู่ตรงกลาง การทำอย่างนั้นจะทำให้ห่วงโซ่โครงสร้างลำดับได้รับความเสียหายและพังทลาย
แน่นอนว่าพลังของหานเซิ่นในตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำลายพวกมันได้ ซึ่งถ้าเขาทำแบบนั้นไม่ได้ ท่าตบขั้นสุดยอดก็ยังเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์
แต่นอกจากการมองเห็นโครงสร้างลำดับแล้ว ตอนนี้ศาสตร์ตงเสวียนก็ยังทำให้เขาสามารถรวมกระแสพลัง 2 อย่างเป็นหนึ่งเดียวกันได้ มันคือเหตุผลที่ทำให้หานเซิ่นสามารถใช้พลังดาบและมีดพร้อมๆกัน การทำแบบนั้นทำให้การโจมตีของเขาทรงพลังขึ้นอย่างมาก
ด้วยพลังของหานเซิ่นในตอนนี้การต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
แต่ไม่ใช่ว่าทุกวิชาจะทรงพลังยิ่งขึ้นเมื่อนำมารวมกัน พลังบางอย่างนั้นอาจจะมีผลข้างเคียงอยู่ ดังนั้นหานเซิ่นจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อทดสอบมัน เขาต้องการจะหาดูว่าสามารถรวมพลังแบบไหนเข้าด้วยกันได้บ้าง
แต่สำหรับตอนนี้การรวมวิชาที่ทรงพลังที่สุดของเขาก็คือวิชามีดเขี้ยวดาบและวิชาดาบของไผ่เดียวดาย หลังจากที่หานเซิ่นลองรวมวิชามีดเขี้ยวดาบกับวิชาดาบคู่ของเขา ผลที่ออกมาก็ค่อนข้างแย่ และพลังที่ได้ออกมานั้นก็อ่อนแอยิ่งกว่าเดิม
มันไม่ได้มีซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสอยู่ในบริเวณนี้มากนัก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่เป็นเขตแดนของซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ล หานเซิ่นมองหาอยู่ครึ่งวันกว่าที่เขาจะพบซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสตัวหนึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้
ซีโน่เจเนอิคที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้ดูเหมือนกับวัวที่มีความสูงกว่า 3 เมตร หลังของมันมีหนามแหลมอยู่ ซึ่งดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ากลัว
หานเซิ่นวิ่งเข้าไปหามันพร้อมกับชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมา เขาฟันใส่หัวของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นทันทีเพื่อไม่เปิดโอกาสให้มันได้ตั้งตัว
รองเท้าเขี้ยวกระต่ายช่วยเสริมความเร็วให้กับเขา และมีดเขี้ยวผีสิงก็ถูกเสริมด้วยพลังของมีดและดาบ แต่เขาไม่ได้คิดจะใช้ท่าตบขั้นสุดยอด เพราะการทำลายโครงสร้างลำดับจะส่งผลทำให้ร่างกายของมันแหลกสลาย รวมถึงยีนซีโน่เจเนอิคด้วย ซึ่งนั่นจะเป็นอะไรที่เสียเปล่า
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้ใช้ท่าตบขั้นสุดยอด และใช้เพียงแค่พลังของวิชามีดและดาบ เขาก็ยังสามารถตัดหัวของซีโน่เจเนอิคจนขาดได้
หัววัวขนาดใหญ่กลิ้งไปกับพื้น และร่างที่ไร้หัวของมันก็มีเลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ
“ซีโน่เจเนอิควัวหินผาระดับมาร์ควิสถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”
หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขาคิดว่าเกาะแรร์บีสต์นั้นเป็นโชคร้ายสำหรับเขา เพราะตั้งแต่ที่มาถึงเขายังไม่ได้วิญญาณอสูรเลยสักดวง ทั้งที่เขาฆ่าซีโน่เจเนอิคไปเป็นจำนวนมาก
หานเซิ่นใช้มีดเขี้ยวผีสิงตัดร่างของวัวหินผาและพบหัวใจที่ดูเหมือนกับก้อนหินอยู่ภายใน มันง่ายที่จะคาดเดาว่านั่นคือยีนซีโน่เจเนอิค
แต่ในขณะที่หานเซิ่นกำลังจะหยิบหัวใจหินออกมา เขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขามองไปด้านหลังและเห็นวัวหินผาตัวสีเทากำลังจ้องมาที่เขาด้วยดวงตาสีแดงของมัน
วัวหินผาตัวนี้ดูเหมือนกับตัวที่เขาฆ่า แต่มันมีขนาดใหญ่กว่า และมันก็ดูน่ากลัวมากกว่าเช่นกัน
“มอ!” ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ทำอะไรต่อ วัวก็กระทืบเท้าของมันลงบนพื้น ทำให้เกิดเป็นคลื่นกระแทกเหมือนกับการกระเพื่อมของน้ำ
หานเซิ่นใช้มีดเขี้ยวผีสิงฟันใส่คลื่นกระแทกที่พุ่งเข้ามา
มีดสายลมของมีดเขี้ยวผีสิงตัดผ่านคลื่นกระแทกไป แต่คลื่นกระแทกนั้นเป็นเหมือนกับเวทย์มนต์ เมื่อมันสัมผัสกับนิ้วของหานเซิ่น เขาก็สังเกตเห็นว่าชุดเกราะบริเวณนิ้วของเขาถูกเปลี่ยนเป็นหินสีเทา
วัวหินผาคำรามและลดตัวของมัน เขาของมันชี้ไปที่หานเซิ่นขณะที่มันเริ่มวิ่งออกมาข้างหน้าราวกับรถไฟ พื้นดินสั่นสะเทือนจากอุ้งเท้าของมัน
หานเซิ่นใช้พลัง แต่เขาไม่สามารถลบล้างผลของคลื่นกระแทกที่ทำให้นิ้วมือกลายเป็นหินได้ เขารู้สึกตกใจเมื่อเห็นอย่างนั้น เขารีบเรียกยมทูตสีแดงออกมาด้านข้างของวัวหินผาและให้มันฟันใส่คอของวัว