Super God Gene - ตอนที่ 2382
ณ จุดกึ่งกลางของบันไดหินของภูเขากระดูกนั่นมีแผ่นศิลาหินตั้งอยู่ บนแผ่นศิลาสลักเอาไว้ว่า “เดินทางครึ่งภูเขา คิดเหมือนดั่งดาบ” หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร แต่เมื่อพวกเขาเดินผ่านแผ่นศิลาไป ทุกคนก็เริ่มเร่งฝีเท้าขึ้น องค์ชายสี่และองค์หญิงสองแซงหน้าไป๋ว่านเจี้ยไป ราชองศ์คนอื่นก็เริ่มกระจายตัวกันออกไป มันไม่ได้เป็นแถวเป็นแนวเหมือนกับครึ่งทางแรก
ขุนนางของเอ็กซ์ตรีมคิงที่มองดูอย่างครึ่งหลับครึ่งตื่น ตอนนี้พวกเขาดูตื่นตัวเต็มที่ แน่นอนว่าพวกเขาให้ความสนใจไปที่ราชวงศ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 2 แต่มีหลายคนที่มุ่งความสนใจมาที่หานเซิ่น
หานเซิ่นดูอวดดีอย่างมากในพิธีเปิดงาน ดังนั้นถ้าตอนนี้เขาทำผลงานได้ไม่ดี เขาก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะ
“พี่สิบหก พวกเรามาดูกันว่าใครจะไปถึงยอดภูเขาได้เร็วกว่ากัน”
ไป๋ชิงเสียเร่งฝีเท้าและวิ่งขึ้นภูเขาไปราวกับดาบที่คมกริบ
หานเซิ่นตกลงที่จะแข่งขันด้วย และเขาก็เร่งฝีเท้าของตัวเองขึ้น แรงต้านทานที่หนักหน่วงยังคงตกลงมาใส่ตัวของเขา
แต่หานเซิ่นไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาเดินขึ้นมาอย่างง่ายๆและไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่ทำไมตอนนี้พวกเขาถึงได้ฝืนตัวเองเพื่อขึ้นเขาไปให้เร็วกว่าเดิมด้วย? พวกเขายังไม่ถึงส่วนที่ยากที่สุดของภูเขา ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาก็ควรจะเก็บแรงเอาไว้
แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ในเมื่อทุกคนเร่งฝีเท้าขึ้น หานเซิ่นก็ไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองถูกทิ้งท้ายได้ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เขาทำในระหว่างพิธีเปิดก็จะไม่มีความหมายอะไร
หานเซิ่นปลดปล่อยอาณาเขตน้ำและพยายามที่จะทำลายแรงต้านทานที่กดใส่ตัวของเขา แต่ยิ่งเขาปีนขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ แรงต้านทานก็สูงขึ้นตามไปด้วย ตอนนี้เขาใช้พลังงานเป็นไปจำนวนมาก แต่เขาไม่สามารถเร่งความเร็วขึ้นได้อีก
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะไล่ตามองค์ชายสี่และองค์หญิงสองที่นำหน้าไปไม่ทัน และแม้แต่ราชวงศ์ระดับครึ่งเทพคนอื่นก็อาจจะทิ้งห่างเขาจนไม่เห็นฝุ่น
เมื่อดูจากพลังที่พวกเขาใช้ เหล่าราชวงศ์ระดับครึ่งเทพแข็งแกร่งกว่าระดับราชันขั้นที่ 2 มาก หานเซิ่นไม่สามารถแข่งขันกับพวกเขาได้ด้วยการใช้พละกำลังเพียงอย่างเดียว
หานเซิ่นคิดอยู่ชั่วครู่และตัดสินใจปิดอาณาเขตแห่งราชัน เขาปล่อยให้แรงต้านทานที่เหมือนกับน้ำซัดมาสู่ตัวเขา เมื่อพลังนั้นอาบตัวของเขา คิงอีซในร่างกายของเขาก็เรืองแสงสีทองออกมา
ภายใต้พลังเสริมของคิงอีซ หานเซิ่นรู้สึกว่าแรงต้านทานเบาบางลงไป ถึงแม้มันจะยังมีอยู่ แต่มันก็ลดลงไปอย่างมาก
ถ้าแรงต้านทานก่อนหน้านี้เป็นเหมือนกับแม่น้ำขนาดใหญ่ แรงต้านทานในตอนนี้ก็เป็นสายธารเล็กๆ มันกลายเป็นปัญหาที่จิ๊บจ๊อย
แต่หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่เรียกใช้พลังของคิงอีซสีทองที่อยู่ในตัว เขาก็วิ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาทิ้งห่างไป๋ชิงเสียจนไม่เห็นฝุ่นในทันที
เหล่าองค์ชายและองค์หญิงที่อยู่ข้างหน้าพยายามอย่างหนัก แต่จู่ๆพวกเขาก็ถูกดึงดูดโดยเสียงฝีเท้าที่บ้าคลั่งจากด้านหลัง เสียงนั้นน่าตกใจจนทำให้พวกเขาต้องหันไปมองที่มาของมัน ที่นั่นพวกเขาเห็นหานเซิ่นที่เรืองด้วยแสงสีทองกำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง หานเซิ่นวิ่งผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบหานเซิ่นกับคนอื่นๆแล้ว มันก็เหมือนกับการเทียบรถสปอร์ตกับเครื่องตัดหญ้า
ราชวงศ์คนอื่นจ้องมองเงาที่หายลับไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกอึ้งจนเกือบจะลืมไปว่าตัวเองก็กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอยู่
ไม่มีใครเคยเห็นคนที่วิ่งบนเส้นทางภูเขากระดูกเน่าแบบนั้นมาก่อน แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ยังลำบากลำบนต่อแรงต้านทานของมัน มันไม่ควรมีใครที่เร่งความเร็วจนถึงขีดสุดและวิ่งขึ้นภูเขาไปแบบนั้นได้
แต่หานเซิ่นกำลังวิ่งเหมือนกับว่าไม่มีพลังอะไรมาจำกัดการเคลื่อนไหวของเขา ขาของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับม้าป่าที่เป็นอิสระจากบังเหียน
“โว้ว! โว้ว! องค์ชายสิบหกกำลังแซงหน้าคนอื่นไป”
“โอ้ว้าว! เขาแข็งแกร่งจริงๆ”
“นั่นคือการคุ้มครองของคิงอีซทั้งหมดที่เขาได้รับอย่างนั้นหรอ? มันดูเหมือนว่าคิงอีซกำลังทำงานเพื่อต้านท้านพลังของภูเขากระดูกเน่า”
“ด้วยความเร็วระดับนั้น… บางทีเขาอาจจะแซงหน้าราชวงศ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 2 และได้อันดับที่หนึ่งจริงๆ…”
“เขาก็แค่โชคดีเท่านั้น นั่นไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเขา ถึงแม้เขาจะวิ่งขึ้นไปถึงยอดเขาได้สำเร็จ เขาก็จะได้อันดับที่หนึ่งแค่การแข่งขันนี้เท่านั้น การสอบยังมีบททดสอบอีกหลายอย่าง เขาจะพึ่งโชคเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แถมใครจะรู้ว่าเขาจะรักษาความเร็วระดับนี้ไปได้ตลอดได้หรือเปล่า เส้นทางส่วนที่อยู่เหนือเมฆไปคือส่วนที่สำคัญที่สุด”
…
ทุกคนเห็นว่าหานเซิ่นกำลังวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงและแซงหน้าราชวงศ์คนอื่นไป ผู้ชมดูตื่นเต้นขึ้นมา
เมื่อหานเซิ่นไล่ตามไป๋หลิงซวงจนทัน เธอก็ดูตกใจเช่นเดียวกัน
เธอรู้ว่าคิงอีซจะสะท้อนพลังของภูเขากระดูกเน่า โดยปกติแล้วคนที่ได้รับคิงอีซอักษรอาวและกู่จะมีช่วงเวลาที่ง่ายกว่า เพราะด้วยเหตุผลบางอย่างแรงต้านทานที่จำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะน้อยลงไป
แต่ผู้ที่ได้รับอักษรอาวและกู่นั้นไม่ควรจะเมินเฉยต่อพลังจำกัดการเคลื่อนของภูเขาได้เหมือนกับที่หานเซิ่นกำลังทำ พวกมันแค่จะช่วยลดแรงต้านทานลงเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
‘ดูเหมือนว่าจะมีมากกว่าแค่อักษรอาวและกู่ที่มีประโยชน์ในการปีนภูเขากระดูกเน่า สัญลักษณ์คิงอีซอื่นเองก็มีผลต่อมันเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่ามันไม่เคยมีใครได้รับพวกมันมาก่อน’ ไป๋หลิงซวงคิดกับตัวเอง ตอนนี้เธอมีความมั่นใจขึ้นกว่าเดิมว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากพลังของหานเซิ่นเพื่อขึ้นไปถึงยอดของภูเขากระดูกเน่า
นี่อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับไป๋หลิงซวง แต่ขณะที่เธอมองหานเซิ่นวิ่งแซงหน้าไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
‘ทำไมเขาถึงเป็นคนที่ได้รับการคุ้มครองจากคิงอีซนับพันด้วย? ถ้าเราได้รับการคุ้มครองจากคิงอีซมากขนาดนั้น บางทีเราอาจจะได้เป็นกษัตริย์องค์ใหม่’
“เขาไล่ตามองค์รัชทายาททันแล้ว…” ผู้ชมดูตื่นเต้น
ร่างกายของหานเซิ่นเรืองแสงสีทองออกมา เขาวิ่งอย่างรวดเร็วถึงขนาดที่เขาแซงหน้าองค์รัชทายาทไป เขากำลังจะไล่ตามองค์ชายสี่และองค์หญิงสองทัน
องค์ชายสี่และองค์หญิงสองรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากด้านหลัง พวกเขาหันกลับไปมองและเห็นหานเซิ่นกำลังวิ่งมาทางพวกเขา หานเซิ่นวิ่งเข้ามาขณะที่ร่างกายอาบไปด้วยแสงสีทองที่ดูองอาจ พวกเขาขมวดคิ้วและเร่งฝีเท้าขึ้น
หานเซิ่นต้องการจะลดระยะห่างลง แต่การวิ่งไปข้างหน้าไม่ได้ง่ายเหมือนก่อนหน้านี้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับแรงต้านทานมากเท่ากับคนอื่น แต่แรงต้านทานที่ซัดมาใส่เขาก็ไม่ได้หายไปจนหมด เขายังคงประสบกับแรงต้านทาน ทำให้เขาไม่สามารถวิ่งเต็มความเร็วได้
ผู้ชมมองดูอย่างใจจดใจจ่อ ราชวงศ์ทั้ง 3 คนกำลังวิ่งขึ้นสู่ยอดของภูเขาด้วยความเร็วสูง และระยะห่างระหว่างพวกเขากับคนอื่นก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ
“ยอดฝีมือระดับเทพเจ้านี่แข็งแกร่งจริงๆ” หานเซิ่นไม่สามารถไล่ตามองค์ชายสี่และองค์หญิงสองได้ทัน พวกเขาทั้ง 3 เข้าสู่ส่วนสุดท้ายของภูเขากระดูกเน่าและหายไปในก้อนเมฆ ไม่มีใครมองเห็นพวกเขาอีกต่อไป
“องค์ชายสี่ผ่านเข้าไปในก้อนเมฆเป็นคนแรก ดูเหมือนว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้ายังคงได้เปรียบเรื่องพละกำลัง การคุ้มครองของคิงอีซนับพันก็ยังไม่เพียงพอที่จะลดความห่างชั้นของระดับ” บางคนถอนหายใจออกมา
“ใครจะเป็นฝ่ายชนะกัน?” ราชาไป๋ ราชินีและราชครูจ้องมองไปที่ยอดภูเขากระดูกเน่าด้วยความสนใจ
ในการสอบครั้งก่อนๆการรอคอยใครบางคนไปถึงยอดเขานั้นไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร เพราะราชวงศ์ระดับเทพเจ้ามักจะเป็นผู้ชนะ แต่ครั้งนี้มันมีหานเซิ่นอยู่ด้วย ซึ่งทำให้การแข่งขันเป็นอะไรที่น่าสนใจขึ้นมา