Super God Gene - ตอนที่ 2439
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ต้องการจะฆ่าหานเซิ่น เพราะยังไงซะเขาก็เป็นเจ้าของแหวนมิร์เรอร์สปิริตอาย การฆ่าเขาจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อแหวนมิร์เรอร์สปิริตอาย ซึ่งจะส่งกระทบต่อตัวคุณหญิงมิร์เรอร์เองด้วยเช่นกัน
แต่ถึงเธอไม่อยากจะสร้างความเสียหายกับแหวนนั่นมากแค่ไหน เธอก็ต้องการจะฆ่าเด็กสาวในอ้อมแขนของหานเซิ่นมากกว่า ถ้าหานเซิ่นยังคงปฏิเสธที่จะปล่อยตัวเด็กสาวคนนั้น เธอก็จำเป็นต้องทำให้หานเซิ่นบาดเจ็บมากพอที่เขาจะไม่สามารถปกป้องเด็กสาวได้อีกต่อไป
“ถ้ารูปภาพสุดท้ายเป็นความจริง ข้าหรือหานเซิ่นกันที่จะไปอยู่หน้ารูปปั้นนั่น?” คุณหญิงมิร์เรอร์สงสัย
“ท่านประเมินพลังอาณาเขตมิร์เรอร์ของท่านสูงเกินไปแล้ว”
เลือดไหลผ่านแก้มของหานเซิ่นขณะที่เขายังคงอุ้มเด็กสาวเอาไว้ เขาดูใจเย็นอย่างมาก
“ข้าประเมินพลังของมันสูงเกินไปอย่างนั้นหรอ?”
คุณหญิงมิร์เรอร์ดูโกรธเล็กน้อย เธอไม่เคยอดทนกับใครแบบนี้มาก่อน ถ้าใครมาพูดจาอะไรกับเธอแบบนี้ ถึงพวกเขาจะเป็นระดับเทพเจ้า เธอก็จะฆ่าพวกเขาซะ
เธออดทนกับความหัวแข็งและความเสียมารยาทของหานเซิ่น แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เห็นคุณค่าที่เธอออมมือให้กับเขา มันทำให้คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่พอใจอย่างมาก และเธอก็ใช้ดาบของเธอฟันใส่กระจกอีกครั้ง
หานเซิ่นเคลื่อนไหวในจังหวะที่คุณหญิงมิร์เรอร์แกว่งดาบหักของเธอ ดาบหักเข้าไปในกระจก แต่ครั้งนี้มันไม่สามารถทำร้ายหานเซิ่นได้
“อาณาเขตมิร์เรอร์ของท่านจู่โจมเงาของข้าในกระจกที่ท่านสร้างขึ้นมาได้ และเนื่องจากเงานั้นเชื่อมต่อกับร่างจริงของข้า ท่านก็จะทำร้ายข้าได้ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านต้องสัมผัสเงาของข้า แต่ทว่าเงาของข้าในกระจกนั้นจะเคลื่อนไหวตามข้า ข้าจะควบคุมมันเพื่อหลบหลีกดาบหักของท่านได้” หานเซิ่นพูด
“เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าเรียนรู้เกี่ยวกับอาณาเขตมิร์เรอร์ของข้าได้ในระยะเวลาอันสั้น” คุณหญิงมิร์เรอร์กล่าวชมเขา
“แต่ถึงเจ้าจะทำแบบนั้นได้แล้วมันจะยังไง? โลกกระจกนั้นตรงกันข้ามกับโลกของพวกเรา ถึงเจ้าจะควบคุมเงาของตัวเองได้ แต่มันก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับร่างกายของเจ้า เพราะทุกการเคลื่อนไหวที่เจ้าทำในโลกนี้จะกลับตาลปัตรในโลกระจก นอกจากนั้นเจ้ายังตาบอดอีก เจ้าไม่เห็นเงาของตัวเองในกระจก อย่างนั้นแล้วเจ้าคิดว่าหลบหลีกการโจมตีของข้าได้อย่างนั้นหรอ?”
“ลองโจมตีข้าอีกครั้ง และท่านจะได้เห็นเองว่าข้าหลบมันได้หรือไม่” หานเซิ่นยังคงดูสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย
เห็นได้ชัดว่าคุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ชื่นชอบท่าทีของหานเซิ่น เธอใช้ดาบหักฟันไปทางกระจกด้วยหนึ่งในดาบสายรุ้งของเธอ
พลังจากโจมตีนั้นตรงไปที่เงาของหานเซิ่นในกระจก หานเซิ่นจำเป็นต้องควบคุมการเคลื่อนไหวเพื่อชักนำเงาหลบหลีกการโจมตีที่เข้ามา
เงาของหานเซิ่นจะตอบสนองทุกการเคลื่อนไหวของเขาในทันทีทันใด แต่การกลับตาลปัตรของกระจกทำให้มันเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม
ผู้คนทั่วไปจะใช้กระจกในตอนที่พวกเขาแต่งหน้าหรือหวีผม เมื่อต้องทำงานบางอย่างที่จำเป็นต้องใช้การเคลื่อนไหวที่แม่นยำอย่างสูง ผู้คนที่ไม่มีประสบการณ์จะทำผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง แต่หานเซิ่นไม่ได้กำลังจะทำอะไรที่ง่ายๆอย่างการหวีผม เขากำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
หานเซิ่นจำเป็นต้องควบคุมภาพสะท้อนของเขาเพื่อหลบหลีกการโจมตีที่น่ากลัวของคุณหญิงมิร์เรอร์ มันเป็นงานที่ยากลำบากอย่างมาก และการจะทำแบบนั้นขณะที่ตาบอดและได้รับบาดเจ็บนั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ถึงคุณหญิงมิร์เรอร์จะใช้วิชาดาบอย่างเต็มกำลัง เธอก็ไม่สามารถฟันถูกเงาของหานเซิ่นได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เขาทำได้ยังไงกัน?” คุณหญิงมิร์เรอร์สงสัย ความแปลกใจเริ่มแสดงออกมาบนใบหน้าที่เยือกเย็นของเธอ
เธอรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ยากขนาดไหนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหานเซิ่นเพิ่งจะกลายเป็นระดับราชันได้เพียงไม่นาน เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหานเซิ่นจะรับมือกับวิชาดาบของเธอได้อย่างง่ายดายแบบนี้ เพราะยังไงซะเธอก็มีประสบการณ์ของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า เธอไม่ใช่แค่ศัตรูระดับราชันธรรมดาๆสำหรับหานเซิ่น
ตอนนี้หานเซิ่นสามารถต่อสู้กับเธอได้แบบซึ่งๆหน้า และเขาก็สามารถควบคุมเงาในกระจกด้วยอย่างแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ การโจมตีทุกครั้งของเธอไม่สามารถถูกตัวของเขาได้เลย
แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คือหานเซิ่นทำแบบนี้ขณะที่ตาของเขายังคงบอดอยู่ มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าประสาทสัมผัสอื่นของเขายอดเยี่ยมขนาดไหนถึงสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่สามารถทำร้ายภาพสะท้อนของหานเซิ่นได้ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงลดดาบลง
“ท่านหญิงมิร์เรอร์ ดูเหมือนว่าท่านจะทำร้ายข้าไม่ได้” หานเซิ่นพูด
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้ดูโกรธอีกต่อไป เธอประเมินหานเซิ่นคนที่เพิ่งจะกลายเป็นระดับราชันได้ไม่นานต่ำเกินไป เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าหานเซิ่นจะกลายเป็นภัยสำหรับเธอ
แต่ด้วยความสามารถที่เขาเพิ่งจะแสดงออกมานั้นทำให้เธอรู้ว่าเขาคือศัตรูที่สามารถเทียบชั้นกับเธอได้ เขาไม่ใช่แค่ยอดฝีมือระดับราชันธรรมดาที่เธอจะฆ่าได้ง่ายๆ
“เจ้าแข็งแกร่งมาก คริสตัลไรเซอร์ที่เหลือรอดแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรอ? นั่นเป็นอะไรที่หาได้ยากมากๆ ถ้าเป็นไปได้ ข้าไม่อยากจะศัตรูกับเจ้า” คุณหญิงมิร์เรอร์พูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่นด้วยความชื่นชม
“ข้าก็ไม่อยากจะเป็นศัตรูกับท่านเช่นกัน ทำไมพวกเราไม่มาร่วมมือกันและหาทางรักษาอาการตาแดงของพวกเรา?” หานเซิ่นยิ้ม
“แน่นอนว่าพวกเราจะร่วมมือกัน แต่นางจะต้องตายก่อน” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด ทันใดนั้นอาณาเขตมิร์เรอร์ที่น่ากลัวก็ส่องแสงประหลาดที่แวววาวขึ้นมา
เมื่อหานเซิ่นรู้สึกตัวอีกทีเขาก็พบว่าตัวเองถูกกักขังอยู่ภายในเขาวงกตกระจก กระจกนั้นปรากฏให้เห็นทุกหนทุกแห่งที่เขามองออกไป แม้แต่พื้นหรือท้องฟ้าด้านบนก็เป็นกระจกเช่นกัน
ภาพสะท้อนของหานเซิ่นอยู่ในกระจกทุกบานราวกับว่ามีหานเซิ่นเป็นพันๆคนอยู่ที่นั่น กระจกนั้นสะท้อนซึ่งกันและกัน
สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไป เนื่องจากมันมีภาพสะท้อนมากขนาดนี้ คุณหญิงมิร์เรอร์ก็จะโจมตีใส่เขาได้อย่างง่ายดาย หานเซิ่นจำเป็นต้องหยุดเธอจากการโจมตีภาพสะท้อน การป้องกันตัวเองนั้นกลายเป็นงานที่ยากขึ้นกว่าเดิมมาก
และในตอนนี้มันเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าเดิมในการจะทำลายกระจกเก่าแก่พวกนี้ หานเซิ่นไม่รู้ว่ากระจกเก่าแก่พวกนี้จะถูกทำลายได้ไหม แต่ถึงพวกมันจะถูกทำลายได้ การทำลายกระจกก็จะทำให้พวกมันแตกและสร้างเป็นภาพสะท้อนนับไม่ถ้วนในเศษเสี้ยวของกระจกแต่ละชิ้น แบบนั้นหานเซิ่นก็จะเป็นอันตรายยิ่งกว่าเดิม
“เจ้ายังมั่นใจว่าจะหลบหลีกการโจมตีของข้าได้อีกไหม?” คุณหญิงมิร์เรอร์ถามขณะที่ลอยตัวอยู่ตรงศูนย์กลางของอาณาเขตกระจก
“ก็ต้องมาลองดูกัน บางทีข้าอาจจะทำได้” หานเซิ่นพูด
“ดื้อรั้นดันทุรัง” ด้วยการกวัดแกว่งดาบหัก ดาบสายรุ้งของคุณหญิงมิร์เรอร์ก็มีชีวิตขึ้นมาและบินไปหาภาพสะท้อนของหานเซิ่นในกระจก
หานเซิ่นใช้วิชากายหยกอย่างเต็มกำลัง ร่างกายของเขากลายเป็นหยกน้ำแข็งและอาณาเขตกายหยกของเขาก็ปรากฏออกมา อาณาเขตกายหยกของเขาเข้าปกคลุมกระจกเก่าแก่ทั้งหมด น้ำแข็งแพร่กระจายไปบนผิวของกระจกทุกๆบาน
“นั่นมันไร้ประโยชน์ ภาพสะท้อนของเจ้าบนน้ำแข็งยังคงจะถูกการโจมตีของข้าอยู่ดี ดังนั้นข้าจะใช้พวกมันเพื่อฆ่าเจ้าได้” ดาบสายรุ้งของคุณหญิงมิร์เรอร์ฟันไปในทิศทางหนึ่งในกระจกที่ถูกแช่แข็ง
“น้ำแข็งก็ไม่ได้ผลอย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นมันคงต้องจบลงแค่นี้สินะ”
หานเซิ่นถอนหายใจ เขาเรียกอาณาเขตกายหยกกลับสู่ร่างกาย
ดาบสายรุ้งของคุณหญิงมิร์เรอร์ฟันไปถูกหนึ่งในภาพสะท้อนของหานเซิ่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ได้หลบ
เคร๊ง! เคร๊ง! เคร๊ง!
ดาบสายรุ้งของคุณหญิงมิร์เรอร์ฟันไปถูกภาพสะท้อนของหานเซิ่นหลายครั้ง แต่หานเซิ่นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มันไม่ได้มีเลือดหรือบาดแผลปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา มันเหมือนกับว่าเขากลายเป็นรูปปั้นหยกที่เด็ดเดียวและสงบนิ่ง
“แม้แต่ฝุ่นละอองก็ไม่อาจแปดเปื้อนกายหยกของข้า ร่างกายของข้าคือร่างกายของข้า มันเป็นของข้าเพียงคนเดียว และมันไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะเปลี่ยนความจริงเรื่องนั้นได้ ถึงแม้ท่านจะทำลายภาพสะท้อนทั้งหมดของข้า ท่านก็ทำร้ายข้าไม่ได้” หานเซิ่นยังคงอุ้มเด็กสาวเอาไว้ขณะที่พูดอย่างเยือกเย็น