Super God Gene - ตอนที่ 2506
ลำแสงสีม่วงพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและรูปร่างของผู้หญิงผู้งดงามก็ปรากฏขึ้น ร่างกายท่อนล่างของเธอเป็นหางงูที่มีเกล็ด และผมสีดำของเธอก็เป็นงูจำนวนมาก ดวงตาของเธอปิดอยู่ เธอทั้งดูสง่างาม เยือกเย็นและน่าขนลุก
เมื่อราชาอัศวินไอซ์บลูและยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงเห็นผู้หญิงครึ่งงูคนนั้น พวกเขาต่างก็ดูตกใจ
“เงาของกาน่านั่น มันดูคุ้นๆ…” ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงหลายคนจู่ๆก็มีความรู้สึกอย่างเดียวกันนี้
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นผู้หญิงคนนั้นชัดๆ เงาภายในลำแสงก็หายไป มันหายไปจากสายตาของพวกเขาอย่างกะทันหัน
โล่ในมือของหานเซิ่นสูญเสียลำแสงของมันไป หานเซิ่นรู้สึกสับสนเกี่ยวกับเรื่องนั้น และเขาก็พลิกโล่เพื่อดูอีกด้านหนึ่ง เขาเห็นว่าด้านหน้าของโล่ประดับไปด้วยภาพของผู้หญิงที่เขาเห็นภายในลำแสงนั่น
มันเป็นภาพของผู้หญิงครึ่งมนุษย์ครึ่งงู ดวงตาของเธอปิดอยู่และผมของเธอก็กำลังเต้นระบำ มันทั้งดูงดงามและแปลกประหลาด
“นี่ดูเหมือนจะเป็นของดี มันต้องเป็นสมบัติซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าแน่ๆ” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ เขารีบนำเอาโล่ออกไปจากรู
หลังจากที่หานเซิ่นนำเอาโล่ขึ้นมาจนถึงพื้นผิว เหล่ายอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ได้เห็นโล่โลหะสีม่วง ดวงตาของพวกเขาทุกคนเบิกกว้าง และพวกเขาก็จ้องมองไปที่มันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ลุงหกพูด “นั่นมันสมบัติของเผ่ากาน่า โล่เมดูซ่าส์เกซ… นี่มันเป็นไปได้ยังไง? โล่เมดูซ่าส์เกซถูกทำลายไปในการต่อสู้หนิ ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
“เงาสีขาวนั่น มันคือเมดูซ่า… นี่โล่เมดูซ่าส์เกซยังอยู่บนโลกนี้หรือเนี่ย?”
“ทำไมโล่เมดูซ่าส์เกซถึงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้? และมันยังอยู่ในสถานที่ที่ถูกยึดครองโดยเอ็กซ์ตรีมคิงอีก”
“เร็วเข้า! พวกเราจำเป็นต้องชิงโล่เมดูซ่าส์เกซกลับมา พวกเราต้องนำมันกลับมาให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม”
“พวกเราจะเอามันมาได้ยังไง? ตอนนี้มันมีแค่หน่วยอัศวินไอซ์บลูที่อยู่ในบริเวณนั้น เจ้าคิดจริงๆหรือว่าพวกเขาจะหยุดหานเซิ่นได้?”
บางคนพูดขึ้นมา หลังจากนั้นยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงก็หยุดพูดไป
พวกเขาทุกคนมองไปที่โล่ของหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่ดูเอาจริงเอาจัง
มันไม่มีอะไรที่พวกเขาจะสามารถทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ พวกเขาได้แต่มองดูหานเซิ่นแบกเอาโล่เมดูซ่าส์เกซกลับขึ้นไปบนวาฬขาว
“เร็วเข้า…บอกให้ลุงสี่และท่านหญิงมิร์เรอร์รีบเดินทางไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด พวกเราจำเป็นที่ชิงโล่นั่นคืนมา”
“นี่มันแย่แล้ว สิ่งนั้นไปตกอยู่ในระบบไอซ์บลูได้ยังไงกัน? มันอยู่ในดินแดนของพวกเรามาโดยตลอด แต่ไม่มีใครหามันเจออย่างนั้นหรอ? นี่หน่วยอัศวินไอซ์บลูทำงานกันยังไง? นี่พวกเขาปล่อยให้ของที่สำคัญซ่อนอยู่ใต้จมูกของพวกเราตลอดเวลาหลายปี และตอนนี้มันกำลังจะถูกขโมยไปอย่างนั้นหรอ?”
“ท่านช่วยอนุญาตให้ข้าน้อยไปที่ระบบจักรวาลเคออสด้วย ข้าจะไปช่วยเหลือลุงสี่ในการฆ่าหานเซิ่นและชิงเอาโล่นั่นมา”
“ข้าเองก็ยินดีที่จะไประบบจักรวาลเคออสเช่นกัน”
เดิมทีระบบจักรวาลเคออสเคยเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยากจะไป แต่ในตอนนี้มันเป็นสถานที่ที่ทุกคนปรารถนา
หานเซิ่นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับโล่ที่ได้มา แต่เขามั่นใจว่ามันต้องเป็นสิ่งของที่มีค่ามากๆ เขาเก็บเห็ดร่มพิษและอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็ลากโล่กลับไปที่วาฬขาว
หานเซิ่นได้รับสิ่งที่เขาต้องการเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องอยู่ต่อและรอให้เกิดมีเรื่องร้ายๆขึ้นมา
หานเซิ่นรีบกลับขึ้นไปที่วาฬขาวอย่างรวดเร็วที่สุด เหล่าโจรสลัดกำลังนั่งเฝ้าวาฬขาวอยู่ เมื่อนกแดงน้อยเห็นพวกเขากำลังเข้ามา มันก็บินออกมารับพวกเขา มันบินลงมาบนไหล่ของเป่าเอ๋อโดยหวังที่จะแทะโสมขนาดใหญ่ในมือของเธอ
“นี่เป็นของฉัน!” เป่าเอ๋อกอดโสมเอาไว้แน่นและไม่ปล่อยให้นกแดงน้อยกินมันได้
หานเซิ่นไม่มีเวลาจะมัวมาสนใจการทะเลาะกันของทั้งคู่ เขารีบเดินเครื่องของวาฬขาว เขาเดินทางออกจากระบบไอซ์บลูและมุ่งหน้าลึกเข้าไปในระบบจักรวาลเคออส
หานเซิ่นวางโล่ลง มันหนักเกินกว่าที่เขาจะถือมันไปไหนมาไหนได้ เพียงแค่แบกมันขึ้นมาบนวาฬขาวก็ทำให้เขาหอบแล้ว
เมื่อได้เห็นโล่ที่หานเซิ่นนำกลับมา ฟางชิงอวี่ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น หานเซิ่นออกไปเพียงไม่นานนัก แต่เขาก็นำโล่ขนาดใหญ่อันหนึ่งกลับมา
เมื่อเขาเข้าไปดูใกล้ๆและได้เห็นภาพของผู้หญิงครึ่งมนุษย์ครึ่งงู เขาก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เมดูซ่าส์เกซ!”
“นี่เจ้ารู้จักโล่นี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามเมื่อเห็นท่าทางของฟางชิงอวี่
“นี่…นี่มัน…นี่มันคือเมดูซ่าส์เกซจริงๆอย่างนั้นหรอ?” เสียงของฟางชิงอวี่สั่นรัวขณะที่เขาจ้องมองไปที่โล่
“ข้าไม่รู้ ข้าเพิ่งจะขุดมันขึ้นมา เจ้ารู้เกี่ยวกับโล่นี้อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นถามอีกครั้ง ฟางชิงอวี่ดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับมัน
มือที่สั่นของฟางชิงอวี่ยื่นออกไปสัมผัสผิวของโล่ สิ่งที่เขาพูดนั้นฟังดูไม่ได้ใจความ
“ข้าไม่รู้… ไม่… ไม่… ข้าไม่แน่ใจว่าโล่นี้จะใช่เมดูซ่าส์เกซหรือเปล่า แต่ตำนานบอกเอาไว้ว่ามันถูกทำลายใน…”
“เมดูซ่าส์เกซคืออะไร?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน
ฟางชิงอวี่พยายามสงบจิตใจของตัวเองและพูด
“กาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ยอดฝีมือเกิดขึ้นและตายไป สมบัติเองก็เช่นกัน บางอันถูกทำลายขณะที่อันอื่นถูกสร้างขึ้นมา ที่สุดแล้วพวกมันอาจจะกลายเป็นอะไรที่มีชื่อเสียง แต่สักวันหนึ่ง ภายใต้การไหลเวียนของแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ พวกมันจะกลายเป็นตำนาน ผู้คนจะจดจำสิ่งของอย่างนั้นไปตลอดการ ในอดีตนั้นอัลฟ่าของเผ่ากาน่าได้ใช้โล่เมดูซ่าส์เกซและสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ พวกมันทั้ง 2 เป็นสมบัติระดับเทพเจ้า และพวกมันก็ทำให้เขาไร้เทียมทาน มันทำให้เขาจุดดวงไฟของเผ่าพันธุ์ภายในจีโนฮอลล์ได้ และมันเป็นการกระทำนั้นที่ทำให้เผ่ากาน่ากลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ชั้นสูง”
“หลังจากนั้นโล่เมดูซ่าส์เกซและสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ก็กลายเป็นสมบัติระดับเทพเจ้าที่มีชื่อเสียงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมดูซ่าส์เกซ มันถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในสิบสมบัติระดับเทพเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ว่าได้ อัลฟ่าของกาน่าได้ใช้เมดูซ่าซ์เกซและสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์เพื่อจู่โจมจีโนฮอลล์ หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานหลายวัน พวกมันก็ถูกถีบและร่วงหล่นลงมาจากจีโนฮอลล์ หลังจากนั้นเมดูซ่าส์เกซและสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ก็หายสาบสูญไป”
ขณะที่ฟางชิงอวี่พูด เขาก็เอามือลูบผิวของโล่ “ถ้านี่เป็นเมดูซ่าส์เกซจริงๆ มันก็เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ โล่นี้ใช้เพื่อซื้อเผ่าพันธุ์ชั้นสูงทั้งเผ่าได้เลย เพราะยังไงซะมันก็เป็นถึงสมบัติระดับเทพเจ้าที่ใช้จู่โจมจีโนฮอลล์ แต่ตำนานบอกว่าโล่เมดูซ่าส์เกซและสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ถูกทำลายในการต่อสู้ ข้าไม่รู้ว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
“ยอดฝีมือที่บุกเข้าไปในจีโนฮอลล์?” หานเซิ่นแปลกใจ
แม้แต่แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตที่ทรงพลังก็ยังไม่สามารถผ่านประตูของจีโนฮอลล์เข้าไปได้ แต่ทว่าอัลฟ่าของกาน่าบุกเข้าไปถึงภายในของจีโนฮอลล์และต่อสู้อยู่ภายในนั้นเป็นเวลาหลายวัน เขาไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าอัลฟ่าของกาน่าแข็งแกร่งถึงขนาดไหน
“พวกเราตัดสินว่าโล่นี้คือเมดูซ่าส์เกซของจริงหรือไม่ได้ยังไง?”
หานเซิ่นรู้สึกดีใจ ถ้านี่เป็นสมบัติระดับเทพเจ้าที่ใช้ในการต่อสู้ภายในจีโนฮอลล์จริง มันก็เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากๆ
หานเซิ่นมีสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว ถ้านั่นคือโล่เมดูซ่าส์เกซจริงๆ บางทีเขาอาจจะเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับอัลฟ่าของกาน่าได้ และบางทีเขาอาจจะสามารถใช้พวกมันเพื่อจู่โจมจีโนฮอลล์ด้วยตัวเขาเอง