Super God Gene - ตอนที่ 2597
ตอนที่ 2597 เรื่องใหญ่
ตอนนี้หานเซิ่นยังคงเป็นส่วนหนึ่งของรีเบท แต่เขาก็เป็นบุคคลอันทรงเกียรติของปราสาทนภา เขาถูกปฏิบัติเหมือนกับเป็นหนึ่งในคนของปราสาทนภา
หานเซิ่นยังได้รับเกาะๆหนึ่งภายในปราสาทนภาเป็นของตัวเอง มันเป็นเกาะหยกน้อยๆที่เขาเคยอาศัยอยู่
จิ้งจอกสีเงินและอสูรกาแล็กซี่ลงชื่อเพื่ออาศัยอยู่ในเกาะหยกน้อยเช่นเดียวกัน หานเซิ่นอยากจะใช้พลังของวิชาโลหิตชีพจรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพวกมัน แต่ร่างกายของเขายังคงไม่ฟื้นตัว ดังนั้นเขายังไม่สามารถทำแบบนั้นได้
จิ้งจอกสีเงินพยายามจะรักษาหานเซิ่นด้วยสายฟ้า แต่ผลของมันเล็กน้อยซะจนแทบจะไม่ช่วยอะไร
หานเซิ่นมอบธันเดอร์ก็อตสไปค์ให้กับจิ้งจอกสีเงิน พลังของธันเดอร์ก็อตสไปค์มีประโยชน์ต่อจิ้งจอกสีเงิน ดังนั้นมันจะเป็นสิ่งที่ดีต่อการวิวัฒนาการของมัน
หานเซิ่นใช้กลาสเซสเพื่อตรวจสอบศักยภาพยีนของพวกมัน พวกมันทั้งคู่ได้ 5 ดาว ส่วนศักยภาพที่แท้จริงของพวกมัน เขาจะได้รู้เมื่อพวกมันกลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว
วันหนึ่ง หานเซิ่นนอนอาบแดนอยู่บนเกาะ เป่าเอ๋อนั่งอยู่ข้างๆขณะที่ยังคงกัดแทะโสมสีม่วง ซึ่งมันไม่ได้มีขนาดเล็กลงเลย ถึงแม้เธอจะกัดกินมันอยู่ทุกวัน นางฟ้าและซีโร่กำลังเตรียมอาหารกลางวัน ส่วนหานเมิ่งเอ๋อกำลังถือธนูงูหกคอร์อยู่ในมือและกำลังฝึกใช้มัน
จิ้งจอกสีเงินและอสูรกาแล็กซี่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างเงียบๆ มันมีอสูรตัวน้อยที่ดูเหมือนกับลูกบอลหิมะสีขาววิ่งไปมารอบๆ ก้อนหิมะนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตจากก็อตแซงชัวรี่ มันพิเศษมากเพราะมันสามารถป้องกันตัวเองอยู่ภายในลูกบอลสีขาวที่ไม่สามารถถูกทำลายได้
หานเซิ่นพาเจ้าตัวน้อยมาที่จักรวาลจีโนในตอนที่เขาอยู่บนดาวอุปราคา ก้อนหิมะนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเซี่ยชิง และมันก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ตามเซี่ยชิงไปไหนมาไหนในจักรวาล
ในตอนที่แนร์โรว์มูนถูกนำมาที่ปราสานภา ก้อนหิมะไม่ได้อยู่ที่นั่น มันถูกส่งตัวมาที่หลังโดยเซี่ยชิง
หานเซิ่นสงสัยว่าทำไมเซี่ยชิงถึงได้ส่งก้อนหิมะมาแทนที่จะโทรมาหาเขา เมื่อหานเซิ่นเห็นสิ่งของที่ก้อนหิมะนำมาส่ง เขาก็ต้องตกใจที่ได้รู้ว่ารักของประธานผู้เอาแต่ใจของเซี่ยชิงได้ถูกทำเป็นภาพยนตร์ที่กำลังจะฉายในเร็วๆนี้
การให้ก้อนหิมะนำตั๋วเข้าชมภาพยนตร์มาส่งนั้นเป็นการโอ้อวดตัวเองแบบอ้อมๆของเซี่ยชิง
หานเซิ่นค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตและพบว่ารักของประธานผู้เอาแต่ใจของเซี่ยชิงเป็นที่นิยมมากๆ เขาได้รับสมญานามว่าอาจารย์เซี่ย
หานเซิ่นพยายามจะหาว่ารักของประธานผู้เอาแต่ใจขายออกไปกี่เล่มและพบยอดขายของมันมีเลขศูนย์อยู่เป็นจำนวนมาก
“ว้าว! นี่เซี่ยชิงได้รับเงินมากเท่าไหร่กันเนี่ย?” หานเซิ่นอึ้งไป ไม่ว่าเขาจะต่อสู้มากแค่ไหนหรือได้รับอาวุธระดับเทพเจ้ามากี่อัน เขาก็ไม่สามารถหาเงินได้มากเหมือนอย่างเซี่ยชิง
“นี่เราควรจะวาดบางสิ่งบ้างดีไหมนะ?” หานเซิ่นรู้สึกสนใจ แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองขาดความสามารถในการวาด ดังนั้นเขาจึงละทิ้งความคิดนั้นไป
ภายในปราสาทนภาเองก็จะฉายภาพยนตร์ของเซี่ยชิงเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงพาหานเมิ่งเอ๋อไปดูมัน เขาคิดที่จะซื้อที่นั่งทั้งโรงหนังเพื่อที่พวกเขาจะได้ดูหนังอย่างสงบ
เมื่อพวกเขาไปถึงโรงหนัง หานเซิ่นก็พบกับยวิ๋นซู่อี ยวิ๋นซู่ซางและกระเรียนพันขน ในตอนนี้พวกเขาเป็นระดับราชันแล้ว พวกเขาพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับหานเซิ่น
ความจริงแล้วความคืบหน้าของหานเซิ่นไม่ได้รวดเร็วอะไรมาก เพราะเขาจำเป็นต้องพัฒนาวิชาจีโนถึง 4 ตัวไปพร้อมๆกัน ถ้าเขาฝึกวิชาจีเพียงแค่ตัวเดียวที่ไม่ใช่เรื่องราวของยีนล่ะก็ เขาก็คงจะไปถึงระดับเทพเจ้าแล้วตอนนี้
“หานเซิ่น เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” ยวิ๋นซู่อีถามขณะที่มองมาที่หานเซิ่น
ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องการจะไปเยี่ยมหานเซิ่นที่เกาะหยกน้อย แต่ปราสาทนภาสั่งห้ามไม่ให้ใครไปที่นั่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ด้วยเหตุนั้นนี่เป็นครั้งแรงที่พวกเขาได้กับหานเซิ่นหลังจากที่แยกจากกันไป
หานเซิ่นดูไม่ดีเท่าไหร่นัก ร่างกายของเขายังคงดูผอมแห้งจนหนังติดกระดูก กระเรียนพันขนนั้นเกือบจะจำหานเซิ่นไม่ได้
“ข้าเกือบจะไม่เป็นไรแล้ว ข้าว่าจะไปเยี่ยมพวกเจ้า แต่ผู้อาวุโสหยุนไม่ยอมให้ข้าออกจากเกาะจนถึงตอนนี้” หานเซิ่นอธิบาย
“พวกเราก็ถูกบอกแบบเดียวกัน ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะไปเยี่ยมเจ้าที่เกาะแล้ว”
“หนังกำลังจะฉายแล้ว พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ!” ยวิ๋นซู่ซางพูดด้วยรอยยิ้ม
หานเซิ่นซื้อทั้งโรงหนังด้วยเหตุนั้นมันจึงมีที่ว่างเหลือเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหานเซิ่นจึงเชิญพวกเขามาดูด้วยกัน
เนื่องจากหานเซิ่นรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เขาจึงไม่ได้จดจ่อกับภาพยนตร์มากนัก เขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่ายวิ๋นซู่อีและยวิ๋นซู่ซางดูจะชอบมันมาก พวกเธอทั้งหัวเราะและร้องไห้ออกมา
ในตอนจบหลังจากที่พระเอกช่วยนางเอกออกมาได้ เมื่อพวกเขาทั้งคู่จูบกัน ยวิ๋นซู่อีและยวิ๋นซู่ซางก็ดูอินกับหนังมากๆ ดวงตาของพวกเธอก็เกือบจะเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจน้อยๆ
‘ไม่สำคัญว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน พวกเธอเองก็มีหัวใจที่เหมือนๆกัน’ หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
หลังจากที่หนังจบลง หานเซิ่นก็เชิญพวกเขามาทานอาหารเย็นด้วยกัน พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานขณะที่พวกเขาเดินทางกลับ
“ทำไมข้าถึงไม่ได้ยินเกี่ยวกับไผ่เดียวดายเลย?” หานเซิ่นถามกระเรียนพันขน เขาเคยถามคนอื่นเกี่ยวกับไผ่เดียวดาย แต่ทุกคนพยายามจะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยได้คำตอบที่แท้จริง
กระเรียนพันขนดูลังเล แต่ยวิ๋นซู่อีพูดด้วยความโกรธ “มันเป็นเพราะนางเอ็กซ์ควิสิทนั่น!”
“เอ็กซ์ควิสิท?” หานเซิ่นแปลกใจ เขารู้จักชื่อนี้ แต่เขาไม่คิดว่าเอ็กซ์ควิสิทจะเกี่ยวข้องอะไรกับไผ่เดียวดาย
“ซู่อี หยุดพูด” กระเรียนพันขนขมวดคิ้ว
“นี่เป็นบางสิ่งที่ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้รู้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่กระเรียนพันขน
กระเรียนพันขนส่ายหัวและพูด “ไม่ใช่แบบนั้น แต่เรื่องนี้มันช่วยไม่ได้ ถึงแม้เจ้าจะรู้ไป เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้”
“ถ้ามันไม่ได้ถูกห้าม แบบนั้นทำไมเจ้าไม่บอกข้าล่ะ?” หานเซิ่นพูด
กระเรียนพันขนยังคงลังเล แต่สุดท้ายแล้วยวิ๋นซู่อีก็บอกเรื่องราวทั้งหมดให้หานเซิ่นฟังอยู่ดี
ปราสาทนภาและเผ่าเวรี่ไฮมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ผู้คนมักจะเชื่อว่าปราสาทนภาเป็นเหมือนกับปากเสียงของเผ่าเวรี่ไฮ ถึงแม้ปราสาทนภาจะไม่ใช่หนึ่งใน 3 เผ่าพันธุ์สูงสุด แต่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่กล้าจะมายุ่งอะไรกับปราสาทนภาอยู่ดี
ความจริงแล้วปราสาทนภาพึ่งพาอำนาจของเผ่าเวรี่ไฮ ดังนั้นเมื่อเอ็กซ์ควิสิทและเวรี่ไฮคนอื่นเดินทางมาที่ปราสาทนภาและขอให้ไผ่เดียวดายกับอวี้ซ่านซินเข้าร่วมกับเผ่าเวรี่ไฮ มันจึงเป็นคำขอที่ปราสาทนภาปฏิเสธไม่ได้
อวี้ซ่านซินตอบตกลง ขณะที่ไผ่เดียวดายปฏิเสธคำขอของเอ็กซ์ควิสิท
ซึ่งนั่นสร้างความตึงเครียดระหว่างปราสาทนภากับเวรี่ไฮ แต่เผ่าเวรี่ไฮไม่ได้ยกเลิกคำขอ และไผ่เดียวดายนก็ไม่ยอมทำตามความต้องการของพวกเขา ด้วยเหตุนั้นผู้นำปราสาทนภาจึงจับตัวไผ่เดียวดายไปขังเอาไว้
“ไผ่เดียวดายปฏิเสธเผ่าเวรี่ไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
กระเรียนพันขนส่ายหัวและยิ้มแห้งๆออกมา
“ความสัมพันธ์ระหว่างปราสาทนภาและเวรี่ไฮนั้นเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากๆ ดูเหมือนว่ามันจะมีข้อตกลงบางอย่างที่ถูกตั้งเอาไว้ และตอนนี้ผู้นำของพวกเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขาไม่อาจจะปฏิเสธคำขอของเผ่าเวรี่ไฮได้”
“ถ้าไผ่เดียวดายถูกขัง นั่นหมายความว่าพวกเขาจะถอนคำขออย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
กระเรียนพันขนหัวเราะและพูด “ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีสิ เผ่าเวรี่ไฮยังคงไม่พูดอะไร พวกเขายังไม่บอกว่าไผ่เดียวดายต้องไปหรือไม่ ถ้าพวกเขาไม่ยกเลิกคำขอ พวกเราก็ต้องตอบสนองบางอย่าง พวกเราจะเพิกเฉยไม่ได้”