Super God Gene - ตอนที่ 2681
พวกเขาทั้งสองยังคงต่อสู้กันต่อไป แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อกันได้ หานเซิ่นสลับเปลี่ยนวิชามีดไปมา ขณะที่เชลยังคงใช้วิชาหมัดเดิม พวกเขาต่อสู้กันอย่างรุนแรงและรวดเร็ว แต่ไม่มีฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ มันเป็นเวลานานมากแล้วที่หานเซิ่นไม่ได้ต่อสู้แบบนี้ การต่อสู้ในช่วงนี้ถ้าเขาไม่ได้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขาก็มักจะบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามแทบจะในทันที เขาไม่ได้ต่อสู้อย่างดุเดือดแบบนี้ตั้งแต่การประลองกับไผ่เดียวดาย
การต่อสู้แบบนี้จะใช้พลังงานจากร่างกายจำนวนมากและมันยังบังคับให้เขาต้องใช้จิตใจของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าเขาทำพลาด คู่ต่อสู้ก็จะใช้ประโยชน์จากความผิดพลาดนั้น เขาไม่สามารถทำพลาดได้แม้แต่นิดเดียว
ขณะที่คนของเวรี่ไฮมองดูการต่อสู้ของทั้งคู่ ความขัดแย้งก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา นักสู้ทั้งสองเป็นระดับราชัน แต่จิตใจของพวกเขาเป็นระดับเทพเจ้า การต่อสู้นี้เป็นอะไรที่แตกต่างออกไป และผู้ชมก็ไม่รู้ว่าจะคิดยังไงกับมันดี
นี่ไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดาๆ การต่อสู้นี้จำเป็นต้องใช้พลังสมองอย่างมากในการรับชม การโจมตีและการโต้กลับของทั้งคู่ดูเหมือนเป็นอะไรที่เรียบง่าย จนกระทั่งผู้ชมใช้เวลาเพื่อหยุดคิดเกี่ยวกับเหตุผลที่นักสู้ทั้งคู่เลือกใช้กระบวนท่าเหล่านั้น ทุกการกระทำในการต่อสู้นี้ถูกทำโดยมีจุดประสงค์แอบแฝง
การต่อสู้ระหว่างหมัดและมีดนั้นดูจะเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่ผู้คนจะคิดเกี่ยวกับมันเป็นเวลานานหลังจากที่การต่อสู้จบลง
ร่างกายของหลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิงกำลังสั่นไหว พวกเขาไม่แน่ใจว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ
“พี่ใหญ่ การที่พี่มีเชลเป็นตัวไหมถือว่าเป็นอะไรที่โชคดีมากๆ” ปี้ซีมองหลี่ชุนชิวพี่ชายของเขาด้วยความนับถืออย่างยิ่ง
“อวี้ซ่านซินเองก็ไม่เลวเช่นกัน” หลี่ชุนชิวพูดอย่างเหินห่าง เนื่องจากเชลเป็นตัวไหมของเขา เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับการพูดคุยมากนัก เขากำลังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่กำลังต่อสู้กับหานเซิ่น แต่มันมีอะไรหลายอย่างที่เขาไม่เคยได้พบมาก่อนและจำเป็นต้องเรียนรู้
การได้ประสบการณ์การต่อสู้จากในมุมมองของเชลนั้นเป็นอะไรที่พิเศษไม่เหมือนใคร เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังต่อสู้อยู่ แต่ในขณะเดียวกันเขาสามารถใช้เวลาเพื่อวิเคราะห์การตัดสินใจของเชลได้ เขาสามารถบอกได้ว่าการตัดสินใจไหนของเชลดีกว่าคู่ต่อสู้และการตัดสินใจไหนแย่กว่า มันทำให้เขาสามารถเลือกเอาเฉพาะสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับเขา
ในตอนนี้เชลเป็นเพียงแค่ครึ่งเทพ ในอนาคตข้างหน้าเชลจะต้องเดินทางผ่านระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ ขั้นทรานส์มิวเทชั่น ขั้นลาร์วา ขั้นบัตเตอร์ฟลายและบางทีอาจจะถึงขั้นทรูก็อต หลี่ชุนชิวสามารถค่อยๆดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างที่เชลประสบ
เมื่อถึงตอนนั้นแม้หลี่ชุนชิวจะยังเป็นแค่ครึ่งเทพ แต่เขาจะมีประสบการณ์ของขั้นทรูก็อต หลี่ชุนชิวสามารถศึกษาทุกสิ่งที่เชลเรียนรู้จากการวิวัฒนาการ ถึงแม้ตัวเขาจะยังเป็นแค่ครึ่งเทพ แต่จิตใจของเขาก็จะอยู่ในระดับที่แตกต่างออกไป
ปี้ซีดูขมขื่นขณะที่พูดขึ้นมา “อวี้ซ่านซินคนนี้ปิดบังอะไรหลายอย่างจากข้า เขาเป็นคนที่เข้มแข็งและอดทน แต่เขาก็เป็นคนที่ยากจะรับมือ จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรสักอย่างจากจิตใจของเขาเลย”
“ตัวไหมแบบนั้นอาจจะเป็นอะไรที่ยุ่งยาก แต่ผลตอบแทนที่จะได้รับก็เป็นอะไรที่คุ้มค่า การมีตัวไหมแบบนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในระยะยาว” หลี่ชุนชิวพูด
“พี่ใหญ่พูดถูก แต่ว่า… ช่างเถอะ ข้าคิดว่าเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเองก็คงจะมีปัญหาแบบเดียวกัน…” ปี้ซีพูด
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อมีปัญหาเดียวกันกับปี้ซีจริงๆนั่นแหละ แต่หานเซิ่นปล่อยให้พวกเธอสัมผัสจิตใจของเขาในตอนที่เขาต่อสู้ เช่นเดียวกันกับหลี่ชุนชิว พวกเธอได้รับประสบการณ์การต่อสู้มากมายจากหานเซิ่น ทุกการตัดสินใจของเขาทำให้พวกเธอได้เรียนรู้อะไรมากมาย
แต่ในตอนนี้หานเซิ่นเป็นเพียงแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า เขามีพลังที่น่ากลัวและจิตใจที่น่ากลัวยิ่งกว่า มันทำให้พวกเธอดีใจที่มีเขาเป็นตัวไหม ถึงแม้หานเซิ่นจะพ่ายแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ แต่เพียงแค่ประสบการณ์ที่ได้รับจากการต่อสู้ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่าสำหรับพวกเธอแล้ว
แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเธอต้องประหลาดใจ ถึงแม้จะในการต่อสู้ที่ดุเดือดแบบนี้ พวกเธอก็สัมผัสได้ว่าหานเซิ่นจงใจเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้
‘นี่หานเซิ่นยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดอย่างนั้นหรอ?’ ความเป็นไปได้นี้ทำให้พวกเธอตกตะลึง หานเซิ่นกำลังต่อสู้ในระดับที่ไม่น่าเชื่อเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวจะคำนึงถึง
หลี่เคอเอ๋อคิดมาโดยตลอดว่าดอลลาร์นั้นแข็งแกร่งกว่าหานเซิ่น แต่ตอนนี้เธอพบว่าตัวเองกำลังมองชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
ถึงแม้เขาจะกำลังต่อสู้กับยอดฝีมืออย่างเชล แต่หานเซิ่นก็ยังคงเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงของตัวเอง นี่ไม่ใช่แค่การแสดงความสามารถที่น่ายำเกรงอีกต่อไป มันเป็นอะไรที่น่าหวาดกลัว
ถึงแม้หานเซิ่นจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดเกี่ยวกับศาสตร์ตงเสวียนและร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด แต่หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทก็ยังสัมผัสได้ว่าเขากำลังยับยั้งบางสิ่งบางอย่าง พวกเธอจึงรู้สึกตัวว่าหานเซิ่นกำลังปิดบังพลังที่แท้จริงของเขา แต่เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ความจริงแล้วความสามารถในการยับยั้งความคิดแม้จะในอยู่สถานการณ์แบบนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าพลังจิตใจของเขานั้นน่ากลัวขนาดไหน ในการต่อสู้แบบนี้คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับวิชาจีโนและพลังที่พวกเขาถนัดที่สุด
“เขาจะน่ากลัวเกินไปแล้ว…” หลี่เคอเอ๋อพูดขณะที่เธอมองดูหานเซิ่น
“เขาค่อนข้างน่ากลัวจริงๆนั่นแหละ ทุกครั้งที่พวกเราคิดว่าเห็นทุกอย่างแล้ว เขาก็จะทำอะไรที่เกิดความคาดหมายของพวกเรา” เอ็กซ์ควิสิทพูดด้วยรอยยิ้มที่กังวลใจ
ในตอนที่เธอต่อสู้กับหานเซิ่น เธอคิดว่าบังคับให้เขาใช้ความสามารถทั้งหมดที่เขามีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหานเซิ่นจะใช้เพียงแค่เศษเสี้ยวของพรสวรรค์ในตอนที่เขาต่อสู้กับเธอ ตอนนี้เขาแสดงความสามารถออกมาเพิ่มอีก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงปิดบังพลังที่แท้จริงเอาไว้
“พวกเราจะต้องเจาะเข้าไปในจิตใจของชายคนนี้ และขุดเอาความลับทั้งหมดของเขา” หลี่เคอเอ๋อพูดด้วยความตื่นเต้น
หลี่เคอเอ๋อมีพรสวรรค์มากกว่าเอ็กซ์ควิสิท แต่เธอไม่ได้ตั้งใจฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์มากนัก เวรี่ไฮฟอร์เก็ตเลิฟของเธอจึงไม่ได้พัฒนาแล้วเหมือนอย่างของเอ็กซ์ควิสิท ด้วยเหตุนั้นเธอจึงมีแนวโน้มที่จะแสดงอารมณ์ออกมามากกว่า
เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างเยือกเย็น “ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน พวกเรามีเวลาสี่ปี เขาจะเผยความลับกับพวกเราเมื่อเวลาผ่านไป ในตอนนี้มันไม่ได้สำคัญอะไรที่เขาจะซ่อนพวกมันเอาไว้”
ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายดูเศร้าหมองเล็กน้อย เขาพูดขึ้นว่า
“ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะตัดสินการต่อสู้ในครั้งนี้ ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็เป็นผู้ชนะได้ หานเซิ่นนั้นแข็งแกร่ง แต่เขาเป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า เขาระดับต่ำกว่าเชล ถ้าพวกเขาทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน มันก็มีโอกาสกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ที่หานเซิ่นจะเป็นฝ่ายชนะ”
ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่ส่ายหัวและพูด “ไม่ ดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น เชลเป็นครึ่งเทพ แต่จิตใจของเขาเป็นระดับเทพเจ้า ส่วนหานเซิ่นเป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า แต่แล้วเขากลับต่อกรกับเชลได้อย่างสูสี นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ของเขานั่นน่ากลัวยิ่งกว่าของเชล”
“นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกของเขาเป็นของจริงอย่างนั้นหรอ?” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายขมวดคิ้ว
“ข้าไม่แน่ใจ แต่ถ้าหานเซิ่นไม่ได้ทำได้ดีขนาดนี้เพราะพรสวรรค์ของเขา มันก็ยากจะจินตนาการได้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาต่อสู้กับเชลได้ถึงขนาดนี้” ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่มองไปที่หานเซิ่นด้วยใบหน้าที่ดูขัดแย้ง
“แค่พรสวรรค์ระดับสิบเปลือกก็หาได้ยากมากๆแล้ว พรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกนั้นจะทำให้คนๆนั้นเป็นกลายคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัย เจ้าคิดว่าหานเซิ่นจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นเลยอย่างนั้นหรอ?” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายถาม เขาดูกังวลใจเล็กน้อย
“ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ของเขาเป็นอะไรที่สุดยอด หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทนั้นโชคดีมากๆที่ได้ทำพันธสัญญากับคนอย่างเขา” ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่พูด
“เดี๋ยวก่อนนะ… มันมีบางสิ่งผิดปกติกับเชล!” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาตกใจมากเกินไป หลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีขาว เขามองไปที่เชลและร้องตะโกนออกมา “เขา…เขากำลังเลื่อนระดับขึ้น!”