Super God Gene - ตอนที่ 2697
ทุกวินาทีภายในเจลเดม่อนฮอลล์เป็นอะไรที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย จนถึงตอนนี้หานเซิ่นอยู่ภายในเจลเดม่อนฮอลล์เพียงแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น แต่ร่างกายของเขาก็ได้รับเจ็ดถึงแปดบาดแผลเรียบร้อยแล้ว บาดแผลเหล่านั้นลึกจนกระดูกเผยออกมาให้เห็น
“เวรเอ้ย!” หานเซิ่นรู้สึกแย่ พลังของเขาเทียบชั้นกับเจ้าซีโน่เจเนอิคไม่ได้
“ต้องลองสิ่งนี้ดู!” หลังจากที่หานเซิ่นเทเลพอร์ตหนีออกไป เขาก็นำของบางสิ่งออกมา มันเป็นขวดที่ดูแปลกประหลาด ที่จับของขวดคือหางของไซเรนสองคน มันเป็นขวดไซเรนศักดิ์สิทธิ์จากเผ่าไซเรนในดินแดนของเอ็กซ์ตรีมคิง
หานเซิ่นแตะด้านซ้ายของขวดไซเรน แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรต่อไป เรดบลัดเดม่อนก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเขา หานเซิ่นไม่สามารถหลบพวกมันได้ เขาเรียกโล่เมดูซ่าส์เกซออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีที่น่ากลัวของเรดบลัดเดม่อนเอาไว้
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่สามารถใช้พลังของโล่เพื่อโจมตีได้ แต่มันก็ยังคงมีการป้องกันที่สุดยอด กรงเล็บของเรดบลัดเดม่อนมาปะทะกับโล่ และแรงกระแทกก็ส่งหานเซิ่นกับโล่กระเด็นออกไป
ปัง!
ร่างกายของหานเซิ่นชนเข้ากับกำแพงของห้องโถงด้านหลัง เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายจะแตกเสี่ยงๆ มันเกือบจะเจ็บปวดเกินกว่าที่เขาจะลุกกลับขึ้นมาได้
หานเซิ่นอดทนต่อความเจ็บปวดและเทเลพอร์ตหนีไป ในจังหวะต่อมาเรดบลัดเดม่อนก็มาปรากฏตัวในตำแหน่งที่หานเซิ่นอยู่ก่อนหน้านี้ และใช้โซ่สสารสีแดงฟาดใส่กำแพง
ขวดไซเรนที่ร่วงลงไปกับพื้นเรืองแสงอย่างประหลาด มันแสดงใบหน้าของไซเรนเวอร์จิ้น
“ไซเรนเวอร์จิ้น ข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ช่วยข้าจัดการเจ้าตัวนี้!” หานเซิ่นรีบตะโกนใส่ไซเรนเวอร์จิ้นในตอนที่เธอปรากฏตัว
ในจังหวะที่หานเซิ่นพูดแบบนั้น กรงเล็บของเรดบลัดเดม่อนก็แทงเข้ามาหาเขาอีกครั้ง หานเซิ่นกระพือปีกอะพอลโลเพื่อหลบไปทางซ้าย เขาหลบหลีกการโจมตีได้สำเร็จ แต่ร่างกายของเรดบลัดเดม่อนแว็บอีกครั้ง และกรงเล็บของมันก็มาปรากฏตรงหน้าของหานเซิ่น
หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบหลีก แต่โซ่สสสารก็ยังคงถูกไหล่ของเขา บาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นลึกพอจะเผยให้เห็นกระดูกที่ขาวซีดภายใน
“เรดบลัดเดม่อน?” ไซเรนเวอร์จิ้นพูดด้วยความตกใจเมื่อเธอเห็นเรดบลัดเดม่อน
“เป็นเรื่องดีที่เจ้ารู้จักเจ้าตัวนี้ แต่เจ้านี่เป็นเพียงแค่ร่างโคลนเท่านั้น มันเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ เจ้ารู้วิธีที่จะรับมือกับมันไหม?” หานเซิ่นรีบถามขณะที่เทเลพอร์ตหนีไปอีกครั้ง
ไซเรนเวอร์จิ้นยิ้มแห้งๆและพูด “ถ้าร่างกายของข้ายังคงอยู่ บางทีข้าอาจจะต่อสู้กับมันได้ แต่ในตอนนี้ข้าไม่มีร่างกาย ข้าคงจะช่วยเจ้าไม่ได้ ถึงแม้มันจะเป็นแค่ร่างโคลน แต่ร่างโคลนของเรดบลัดเดม่อนก็มีประสบการณ์การต่อสู้จากร่างจริง มันไม่ได้เหมือนกับระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟธรรมดาๆ ข้าได้แต่ขอให้เจ้าโชคดี”
หลังจากนั้นไซเรนเวอร์จิ้นก็กลับเข้าไปในขวดไซเรนอีกครั้ง
หานเซิ่นไม่มีเวลามาโกรธ เรดบลัดเดม่อนเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้งแล้ว เขาไม่มีที่ไหนให้หลบ ดังนั้นเขาจึงใช้โล่เมดูซ่าส์เกซเพื่อป้องกันการโจมตีอีกหน
ถึงแม้โล่จะป้องกันร่างกายของหานเซิ่นจากกรงเล็บของเรดบลัดเดม่อนได้ แต่มันไม่ได้ทำอะไรเพื่อบรรเทาแรงกระแทกของการโจมตี มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าถูกทุบด้วยค้อนขนาดใหญ่
หานเซิ่นไม่สามารถต่อกรกับเจ้าซีโน่เจเนอิคได้ และเขาก็รู้ว่าไม่สามารถหนีไปได้ เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันสุดขีด
‘เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป ร่างกายของเราก็คงจะทนต่อไปไม่ไหว ถึงแม้จะมีโอกาสให้โต้กลับ แต่เราก็คงจะไม่มีกำลังเพียงพอ ดูเหมือนว่าเราจะต้องลองใช้มันดู’
หานเซิ่นกัดฟันของตัวเอง วิชาโลหิตชีพจรในร่างกายของเขาเริ่มจะไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป วิชาโลหิตชีพจรนั้นไหลเวียนอย่างกลับตาลปัตร
วิชาจีโนนี้ไม่ใช่วิชาโลหิตชีพจรอีกต่อไป แต่เป็นคัมภีร์นภาอำพันที่หานเซิ่นตกขึ้นมาได้จากทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ มันเป็นวิชาจีโนที่แตกต่างไปจากวิชาโลหิตชีพจรโดยสิ้นเชิง
หานเซิ่นเข้าตาจนจริงๆ เขาจำเป็นต้องลองทุกอย่างที่มีก่อนที่มันจะสายเกินไป ถ้าทฤษฎีของกุนซือไวท์ถูกต้อง บางทีคัมภีร์นภาอำพันก็อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิตหานเซิ่นได้
ถ้าใครคนอื่นพยายามจะฝึกคัมภีร์นภาอำพัน มันก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่หานเซิ่นแค่ต้องใช้วิชาโลหิตชีพจรอย่างกลับตาลปัตร เขาไม่จำเป็นต้องฝึกมัน
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นใช้คัมภีร์นภาอำพัน เขาไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาใช้มัน
พลังของวิชาโลหิตชีพจรไหลเวียนอย่างกลับตาลปัตรผ่านร่างกายของหานเซิ่น มันทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่ไหลเวียนในร่างกายไม่ใช่เลือดแต่เป็นกระแสไฟฟ้าแทน ความรู้สึกเจ็บปวดนั้นเกือบจะทำให้หานเซิ่นกรีดร้องออกมาดังๆ
โดยปกติแล้ววิชาโลหิตชีพจรจะมีออร่าสีแดง แต่ในตอนที่มันถูกใช้อย่างกลับตาลปัตร สีของมันก็เข้มขึ้นจนใกล้เคียงกับสีดำ มันเป็นเหมือนกับเลือดที่ถูกปล่อยทิ้งไว้จนแห้ง
เรดบลัดเดม่อนไม่ได้สนใจอะไรกับความเปลี่ยนแปลงนี้ ดวงตาของมันยังเต็มไปด้วยจิตสังหาร และมันก็แกว่งกรงเล็บเข้าใส่หานเซิ่นอีกครั้ง
มันเป็นเรื่องยากเกินไปที่หานเซิ่นจะหลบ ร่างกายของเขากำลังตกอยู่ในความเจ็บปวดจนรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ มันไม่มีทางที่เขาจะหลบหลีกการโจมตีที่กำลังเข้ามาได้
หานเซิ่นกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดและยกโล่ขึ้นเพื่อป้องกันร่างกาย แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ชกหมัดออกไปใส่เรดบลัดเดม่อน
เรดบลัดเดม่อนเมินเฉยต่อหมัดของหานเซิ่นขณะที่กรงเล็บของมันพุ่งเข้าไปปะทะกับผิวของโล่
หานเซิ่นถือโล่เอาไว้แน่น และเขาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด วิชาโลหิตชีพจรที่กลับตาลปัตรนั้นทำให้เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกฉีกออกจากกัน ความเจ็บปวดที่เขารู้สึกนั้นยากเกินกว่าจะบรรยายได้
ปัง!
แรงกระแทกส่งร่างกายของหานเซิ่นกระเด็นออกไป แต่หมัดของหานเซิ่นก็ชกไปถูกเรดบลัดเดม่อนเช่นเดียวกัน
หานเซิ่นไปชนเข้ากับกำแพงด้านหลังอีกครั้ง และเขาก็กระอักเลือดออกมา แต่เขาสังเกตได้ว่าความเสียหายที่เขาได้รับไม่ได้หนักหนาเหมือนอย่างก่อนหน้านี้
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าวิชาโลหิตชีพจรกลายเป็นระดับครึ่งเทพ ในที่สุดมันก็รวมทั้งเก้าขั้นเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ
หานเซิ่นรีบหันไปมองเรดบลัดเดม่อน เขาอยากรู้ว่าพลังของคัมภีร์นภาอำพันได้ผลหรือไม่
ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นน่าผิดหวัง เรดบลัดเดม่อนดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มันยังดูเหมือนเดิมทุกอย่าง พลังชีวิตของมันยังคงเป็นอะไรที่น่ากลัว ก่อนที่หานเซิ่นจะสังเกตมันอย่างละเอียด เจ้าซีโน่เจเนอิคก็พุ่งเข้ามาเพื่อโจมตีอีกครั้งแล้ว
‘โอ้ไม่นะ นี่คือจุดจบของหานเซิ่นผู้ยิ่งใหญ่… คัมภีร์นภาอำพันนั้นไม่ได้ผล…’ หานเซิ่นคิดอย่างเศร้าใจ ถ้าคัมภีร์นภาอำพันไม่ได้ผล เขาก็จำเป็นต้องใช้โล่เมดูซ่าส์เกซอีกครั้ง
แต่ร่างกายของเขาบาดเจ็บแล้ว การใช้โล่เมดูซ่าส์เกซคงจะดูดพลังเขาจดแห้งเหือด ครั้งนี้เขาอาจจะตายได้เลย และมันเป็นหนทางที่เสี่ยงเกินไป
ด้วยเหตุนั้นถึงแม้สถานการณ์จะคับขันแค่ไหน เขาก็ยังคงลังเลที่จะใช้พลังของโล่เมดูซ่าส์เกซ แต่ในจังหวะที่เขาลังเลอยู่นั้น มันก็มีบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น
หานเซิ่นรู้สึกว่าพลังและความเร็วของเรดบลัดเดม่อนลดน้อยลงไป