Super God Gene - ตอนที่ 2774
ในตอนที่ฟีนิกซ์จากไป สะพานไม้ระหว่างภูเขาทั้งสองก็กลับมามีสภาพไร้ชีวิตชีวาดังเดิม กิ่งก้านที่งอกออกมาหดกลับไป และผิวของมันก็เริ่มดูเหมือนถ่านอีกครั้งหนึ่ง ระฆังเหล็กสีดำก็หยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน
หลังจากที่ฟีนิกซ์ยกตัวหานเซิ่นขึ้นมา มันก็บินไปด้วยความสูง นี่แตกต่างจากการบินอย่างไม่รีบไม่ร้อนของเจ้าฟีนิกซ์ในตอนที่มันเข้ามาหาภูเขาสองวานรครั้งแรก
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้พูดอะไร เขาก็เห็นว่าตัวเองกำลังตรงเข้าไปหาหนึ่งในดวงอาทิตย์ ขณะที่พวกเขายังคงอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์พอสมควร หานเซิ่นก็คิดว่าความร้อนจากดวงอาทิตย์กำลังจะละลายร่างกายระดับเทพเจ้าของเขา เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาเข้าไปใกล้มากกว่านี้
แต่ฟีนิกซ์กระพือปีกและพุ่งผ่านดวงอาทิตย์ไป เมื่อหานเซิ่นมองไปข้างหน้า เขาก็เห็นต้นมะเดื่อขนาดใหญ่ยักษ์ต้นหนึ่งที่กลับหัวกลับหางอยู่ในระยะที่ไกลสุดสายตา
หานเซิ่นเคยเห็นต้นไม้ที่แปลกประหลาดมากมายในชีวิต แต่เขาไม่เคยเห็นต้นไม้ที่เติบโตแบบกลับหัวกลับหางมาก่อน
ด้านบนของต้นมะเดื่อนั้นอยู่บนพื้น แต่รากของมันชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า รากของมันเป็นเหมือนกับหนวดของมังกรที่พันไปมา เหมือนกับรังนกขนาดใหญ่
“ผู้คนบอกว่าฟีนิกซ์นั้นอาศัยอยู่ในต้นมะเดื่อ บางทีฟีนิกซ์ตัวนี้อาจจะไม่ได้อาศัยอยู่บนต้นมะเดื่อ แต่อาศัยอยู่ในรากของต้นมะเดื่อแทน”
หานเซิ่นมองต้นไม้ที่เติบโตอย่างกลับหัวกลับหางด้วยสีหน้าแปลกๆ
เทพฟีนิกซ์บินเข้าไปที่รากของต้นไม้ และมันก็อ้าปากเพื่อปล่อยหานเซิ่นลงบนรากของต้นไม้ที่พันกันเหมือนกับรังนก
หานเซิ่นค้นพบอย่างรวดเร็วว่าที่แห่งนี้ไม่ได้แค่เหมือนกับรังนก แต่มันเป็นรังนกจริงๆ
ในรังนกที่ประกอบขึ้นโดยรากของต้นไม้นั้น หานเซิ่นเห็นไข่ขนาดใหญ่ฟองหนึ่งที่สูงราวๆสิบเมตร ไข่ฟองนั้นลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีขาวที่เหมือนกับเจ้าฟีนิกซ์
“ทำไมถึงพาข้ามาที่นี่? เจ้าคงจะไม่ได้คิดว่าข้าดูเหมือนกับฟีนิกซ์หรอกใช่ไหม? อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการเลี้ยงข้าในฐานะลูกหลานคนหนึ่งน่ะ?” หานเซิ่นพูดกับฟีนิกซ์
“แน่นอน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่ฟีนิกซ์ ฟีนิกซ์จะไม่ให้กำเนิดลูกหลานที่น่าเกลียดอย่างเจ้า และนี่คือลูกของข้า” ฟีนิกซ์พูดอย่างภาคภูมิ
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงพาข้ามาที่นี่?” หานเซิ่นถอนหายใจออกมา ถ้าเขาถูกเลี้ยงดูโดยฟีนิกซ์ตัวหนึ่ง เขาก็จะกลายเป็นมนุษย์ฟีนิกซ์
“ร่างกายของเจ้ามีร่องรอยของสมาชิกเผ่าพันธุ์ฟีนิกซ์อยู่ และข้าต้องขอบอกว่ามันเป็นอะไรที่ค่อนข้างเด่นชัด ข้าแน่ใจว่าเจ้าต้องใช้เวลาร่วมกับลูกหลานของเผ่าพันธุ์เรามาเป็นเวลานาน” ฟีนิกซ์พูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“ลูกหลานของฟีนิกซ์?” หานเซิ่นแปลกใจ หลังจากนั้นเขาก็คิดบางสิ่งขึ้นมาได้
‘เขาคงจะไม่ได้พูดถึงนกแดงน้อยหรอกใช่ไหม? แต่นกแดงน้อยเป็นลูกผสม มันไม่ใช่ฟีนิกซ์จริงๆ’
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมฟีนิกซ์ถึงได้ปฏิบัติกับเขาแตกต่างจากคนอื่น มันเป็นเพราะนกแดงน้อย
“พวกเราใช้เวลาร่วมกันอยู่พอสมควร ความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นแน่นแฟ้น พวกเราเหมือนเป็นพี่น้องกัน” หานเซิ่นพูดอย่างจริงจัง
หานเซิ่นไม่คิดจะบอกฟีนิกซ์ไปว่าจริงๆแล้วนกแดงน้อยเป็นลูกผสม เพราะถ้าฟีนิกซ์เหยียดลูกผสม การปฏิบัติพิเศษที่เขาได้รับก็จะหายไป
เพียงแค่คิดเกี่ยวกับความโหดร้ายของฟีนิกซ์ในตอนที่มันเริ่มกินผู้คน หานเซิ่นก็รู้สึกหนาวขึ้นมา เขาหวังว่าฟีนิกซ์จะไม่เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาและพยายามจะกินเขาเป็นอาหาร
“ข้าคิดว่าตัวเองเป็นฟีนิกซ์ตัวเดียวที่หลงเหลืออยู่ในจักรวาลนี้ ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะยังมีฟีนิกซ์อยู่ในจักรวาลนี้อีกตัว”
ฟีนิกซ์ดูมีความสุขมากๆ แต่หลังจากนั้นมันก็พูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้าทำได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าด้วยการพาฟีนิกซ์ตัวนั้นมาที่นี่”
“ข้ากลัวว่านั่นอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก ข้าแยกทางกับเขามาสักพักหนึ่งแล้ว และข้าก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน… แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ถ้าเจ้าต้องการจะเจอกับเขา ข้าจะทำอย่างเต็มที่เพื่อหาตัวเขาและพาเขามาที่นี่ การได้พบกับครอบครัวอีกครั้งจะเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด”
หานเซิ่นเห็นว่าสีหน้าของฟีนิกซ์นั้นเริ่มจะแข็งกร้าว ดังนั้นเขาจึงรีบพยายามทำให้เสียงของตัวเองฟังดูมั่นใจ
ฟีนิกซ์ดูดีใจอีกครั้ง “อย่าแค่พยายามอย่างเต็มที่ เจ้าต้องพาเขามาที่นี่”
“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะพาเขามาที่นี่ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม” หานเซิ่นพูด เขาอยากจะรีบออกไปจากซีโน่เจเนอิคสเปชนี้ให้เร็วที่สุด
หานเซิ่นไม่รู้ว่าฟีนิกซ์ตัวนี้จะรับฟีนิกซ์ที่เป็นลูกผสมได้หรือเปล่า เขาไม่อยากจะเสี่ยงโดยการพานกแดงน้อยมาที่นี่
ฟีนิกซ์ดูมีความสุขมากที่ได้ยินแบบนั้น มันยื่นปีกข้างหนึ่งออกมาและหานเซิ่นก็เห็นขนนกเส้นหนึ่งที่ลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีขาว ขนนกนั้นดูเหมือนจะมีชีวิตในตัวของมันเอง และมันก็บินมาอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น
“ข้าจะมอบขนนกฟีนิกซ์นี้ให้กับเจ้าในฐานะของขวัญ ทำงานนี้ให้สำเร็จ และข้าจะมอบรางวัลให้กับเจ้าเพิ่มอีก” ฟีนิกซ์พูดอย่างจริงจัง
“พี่ฟีนิกซ์ใจกว้างมากๆ ข้ารู้สึกซาบซึ้งที่ได้รับสิ่งนี้มา”
หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็คว้าขนนกที่ลุกเป็นไฟมา มันเป็นขนของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต ถึงแม้มันจะเป็นแค่ขนนกเส้นหนึ่ง มันก็ถือเป็นอะไรที่มีค่ามากๆ
ขนนกนั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ที่เกือบจะโปร่งใส ขนนกทั้งเส้นดูเหมือนกับว่าถูกสร้างขึ้นมาจากไฟ แต่มันไม่เหมือนกับไฟธรรมดา มันเป็นของแข็งที่จับต้องได้
ขนนกไฟนี้ถือเป็นชิ้นส่วนเล็กๆของฟีนิกซ์ตัวหนึ่ง แต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของหานเซิ่น มันดูเหมือนกับดาบเพลิงที่มีความยาวหนึ่งเมตร หานเซิ่นยิ้มกว้างออกมา เขาสามารถใช้ขนนกนี่เป็นอาวุธได้
ในตอนนี้หานเซิ่นกำลังขาดอาวุธดีๆอยู่ ขนนกไฟนี้ถือเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขา ยิ่งเขาถือมันนานขึ้น เขาก็ชอบมันมากยิ่งกว่าเดิม
‘นี่ควรจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างทรงพลัง’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
หลังจากที่รับของขวัญมาแล้ว หานเซิ่นก็เปลี่ยนเรื่องพูด
“ทำไมเจ้าถึงกำลังมองหาลูกหลานของฟีนิกซ์? ข้าคิดว่าฟีนิกซ์น้อยตัวนั่นอ่อนแอกว่าเจ้ามาก”
หานเซิ่นพูดความจริง ฟีนิกซ์ตัวนี้เป็นฟีนิกซ์เต็มตัวและมันก็เป็นซีโน่เจเนอิคที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด นกแดงน้อยเป็นแค่ลูกผสม และมันอ่อนแอมากๆในตอนที่มันถือกำเนิด เมื่อเทียบกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตแล้ว มันต่างกันราวฟ้ากับเหว
ฟีนิกซ์ถอนหายใจและพูด “การสืบสายพันธุ์ของพวกเราเป็นเรื่องยาก มันมีพวกเราเหลืออยู่ไม่มาก จนกระทั่งถึงตอนนี้ข้าก็ยังหาเผ่าพันธุ์เดียวกันไม่เจอเลย ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะมีลูกหลานของฟีนิกซ์อยู่ในจักรวาลนี้อีก สำหรับข้าและเผ่าพันธุ์ของข้า นี่ถือเป็นข่าวดีมากๆ เมื่อลูกของข้ากำเนิดขึ้นมาแล้ว พวกเขาจะอยู่คู่กัน แบบนั้นพวกเขาก็จะสืบสายพันธุ์ของพวกเราต่อไปได้”
หานเซิ่นอึ้งไปเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น ฟีนิกซ์ตัวนี้ต้องการจะใช้นกแดงน้อยในฐานะเครื่องจักรสำหรับผลิตลูก มันมีแผนที่จะใช้นกแดงน้อยเพื่อเพิ่มประชากรของฟีนิกซ์
‘เดี๋ยวก่อนนะ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่านกแดงน้อยนั้นเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย’
หานเซิ่นคิด ‘ถ้าพวกมันมีเพศเดียวกัน พวกมันจะมีลูกกันยังไง?’
หานเซิ่นไม่ได้พูดเรื่องนั้นออกมา เขาเพียงแค่ตอบตกลงและให้สัญญากับฟีนิกซ์ว่าเขาจะพานกแดงน้อยมาที่นี่
“ถ้าไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้ว ข้าก็ขอตัวไปตามหาเขาก่อน” หานเซิ่นพูด เขาต้องการจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน ก่อนที่เจ้าจะไป มันมีบางสิ่งที่สำคัญมากๆที่เจ้าต้องทำ” ฟีนิกซ์พูด หลังจากนั้นมันก็พ่นไฟใส่หานเซิ่น