Super God Gene - ตอนที่ 3126 ต่อสู้เพื่อโลหิตชีพจรเทพสปิริต
ตอนที่ 3126 ต่อสู้เพื่อโลหิตชีพจรเทพสปิริต
นอกจากอัศวินที่เฝ้าอยู่ด้านนอกดวงดาวแล้ว อัศวินคนอื่นที่ลงไปบนดวงดาวนั้นเสียชีวิตทั้งหมด มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ อัศวินสกายวิ่งที่เหลือรอดเริ่มพากันหนีออกไป
บอลด์กาย หานเซิ่นและหลี่ปิงหยูตกใจอย่างมาก ดาวดวงนั้นได้กลายเป็นอะไรที่แปลกประหลาดและโหดร้าย ผู้ใช้ยีนเรซที่ทรงพลังมากมายบนดวงดาวนั้นใช้น้อยกว่าหนึ่งวินาทีในการเทเลพอร์ตหนีออกมา แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็หนีจากการจับกุมของเถาวัลย์ไม่ได้ และเมื่อพวกเขาถูกดึงลงไปในทะเลลาวา มันก็ไม่สําคัญว่าพวกเขาจะเป็นผู้ใช้ยีนเรซที่แข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาทุกคนถูกฆ่าตาย
“โลหิตชีพจรเทพสปิริด… ดาวดวงนั้นจะต้องมีโลหิตชีพจรเทพสปิริตอยู่”
บอลด์กายพูดขณะที่มองดวงดาวที่ตอนนี้เริ่มเรืองแสงเหมือนกับดวงอาทิตย์
“เจ้าจะบอกว่าเถาวัลย์นั่นคือโลหิตชีพจรเทพสปิริตอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
“แน่นอนว่านั่นไม่ใช่โลหิตชีพจรเทพสปิริต ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เถาวัลย์นั่นจะต้องเป็นยืนเรซที่อาศัยอยู่บนดาวดวงนั้น ในตอนที่โลหิตชีพจรเทพสปิริตก่อตัวขึ้น เถาวัลย์นั่นจะต้องดูดซับไข่ยืนของชีพจรในผืนดินเข้าไป เพื่อวิวัฒนาการสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการที่ธาตุของมันเข้ากันได้ดีกับโลหิตชีพจรเทพสปิริต ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทําให้มันวิวัฒนาการอย่างน่าสะพรึงกลัวแบบนั้น”
บอลด์กายหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “ในตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งไปยั่วโมโหมัน คนของสกายคิงคงจะไม่ยอมหยุดเพียงแค่นี้ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาควรปล่อยให้พวกเขาลองทดสอบดูว่าเถาวัลย์นั่นทรงพลังแค่ไหนกัน”
มันมีบางสิ่งที่บอลด์กายไม่ได้พูดถึง ด้วยการที่มีโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่น่ากลัวปรากฏขึ้นที่นี่ มันมีโอกาสสูงที่สกายคงจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง นอกจากนั้นยอดฝีมือคนอื่นๆก็อาจจะมาปรากฏตัวที่นี่เช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนั้นการที่พวกเขาจะลงไปเพื่อโลหิตชีพจรเทพสปริตในตอนนี้จะเป็นอะไรที่เสี่ยงเกินไป
“เจ้าพอจะระบุตําแหน่งของโลหิดชีพจรเทพสปิริตนั่นได้ไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่บอลด์กาย
หานเซิ่นรู้ถึงความลังเลของบอลด์กาย แต่เขาคิดต่างออกไปจากบอลด์กาย หานเซิ่นคิดว่านี่เป็นโอกาสดี ในเมื่อยอดฝีมือคนอื่นๆยังไม่ปรากฏตัว ตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เขาจะไปเอาโลหิตชีพจรเทพสปิริตนั้นมา
“เจ้าจะไปเอาโลหิตชีพจรเทพสปิริตมาอย่างนั้นหรอ?” บอลด์กายรู้ว่าหานเซิ่นกําลังคิดอะไรอยู่
“เจ้ารู้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหน?” หานเซิ่นถามอีกครั้ง
บอลด์กายกัดฟันและพูด “ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ โลหิตชีพจรเทพสปิริตควรจะอยู่ที่ใจกลางของดวงดาว สาเหตุที่ดวงดาวกลายเป็นแบบนั้นคงจะเป็นเพราะผู้คนของสกายทิ้งขุดลึกเข้าไปที่ใจกลางของดวงดาวและไปกระตุ้นโลหิตชีพจรเทพสปิริตเข้า ถ้าสถานการณ์ปกติ พวกเราจําเป็นต้องหาจุดที่พวกเขาขุดก่อน แต่ตอนนี้ พวกเราไม่จําเป็นต้องทําอะไรยุ่งยากแบบนั้น เมื่อทั้งดวงดาวกลายเป็นของเหลว ถ้าเจ้าทนต่อความร้อนที่น่าสะพรึงกลัวนั้นได้ เจ้าก็จะเข้าไปถึงใจกลางของดวงดาวและหาโลหิตชีพจรเทพสปิริตได้ไม่ยาก”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ บอลด์กายก็พูดเสริมว่า “ถ้าเจ้าต้องการจะไปเอามันมา เจ้าก็ควรจะรีบหน่อย โลหิตชีพจรเทพสปิริตนั้นยังไม่ได้ระเบิดโดยสมบูรณ์ ในตอนที่มันระเบิด มันจะเกิดปรากฏการณ์ประหลาดและดึงดูดเหล่ายอดฝีมือนับไม่ถ้วนมาที่นี่ ข้ากลัวว่าถ้าเป็นแบบนั้น มันจะเป็นเรื่องยากที่พวกเราจะหนีไปจากที่นี่”
“โอเค พวกเจ้าไปหาที่ปลอดภัยและรอข้าอยู่ที่นั่น เมื่อข้าได้โลหิตชีพจรเทพสปริตมาแล้ว ข้าจะไปหาพวกเจ้า”
หลังจากที่พูดแบบนั้น หานเซิ่นก็กลายเป็นแสงสีทองที่พุ่งไปยังดวงดาวที่ดูเหมือนกับดวงอาทิตย์
หลี่ปิงหยูดูเหมือนกับว่าเธอกําลังคิดหนัก ความรู้ของเธอนั้นมากกว่าของบอลด์กาย เธอรู้ว่าที่ใจกลางของดาวดวงนั้นจะให้กําเนิดโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่น่ากลัวมากๆขึ้นมา มันไม่เหมือนกับโลหิตชีพจรเทพสปิริตอื่นๆ บุคคลที่จะรับโลหิตชีพจรเทพสปิริตนั้นได้จะต้องมีความแข็งแกร่งทางร่างกายที่สูงมากๆ
นอกจากนั้นตอนนี้บนดวงดาวยังมียีนเรซเถาวัลย์คอยเฝ้าอยู่อีก หลี่ปิงหยูรู้จักมันดี ภายในพระราชวังหวูเว่ย แต่มันมีบันทึกเกี่ยวกับยีนเรซโบราณที่มีชื่อว่าซันสปิริตกราวด์อยู่มันเป็นยีนเรซธาตุไฟหยาง
สปิริตกราวด์นั่นจะต้องฟักตัวอยู่ภายในใจกลางของดวงดาว เนื่องจากวงจรชีวิตที่ยาวนานของมัน บอกได้ยากว่ามันเติบโตอยู่ภายในใจกลางของดวงดาวมาเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว เพราะตราบใดที่มันไม่โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดิน มันก็จะไม่มีมนุษย์คนไหนตรวจจับถึงการมีอยู่ของมันได้
เนื่องจากสนามแม่เหล็กของระบบโกลด์คริสตัลเกิดความเปลี่ยนแปลง และดาวดวงนั้นก็กลายเป็นหนึ่งในเจ็ดโกสต์สตาร์ไลท์แลนด์ที่กําเนิดโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่น่ากลัวขึ้นมา นอกจากนั้นโลหิตชีพจรเทพสปิริตนี้ยังเป็นธาตุไฟหยาง
มันทําให้ซันสปิริตกราวด์ที่โดยปกติแล้วจําเป็นต้องใช้เวลาเป็นพันล้านปีเพื่อเจริญเติบโตนั้นสามารถดูดซับไข่ยีนจํานวนมากเพื่อวิวัฒนาการสู่ร่างสุดยอด
เมื่อคิดเกี่ยวกับซันสปิริตกราวด์ในตํานานที่วิวัฒนาการเป็นร่างสุดยอดและได้รับพลังเสริมจากโลหิตชีพจรเทพสปริดที่น่ากลัว หลี่ปิงหยูก็จินตนาการถึงความแข็งแกร่งของมันไม่ออก
หลี่ปิงหยูคิดว่าไม่ว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน มันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะรอดชีวิตกลับมาจากที่ที่ซันสปิริตกราวด์อยู่อาศัย เธอจึงลังเลว่าควรจะห้ามเขาเอาไว้ดีไหม
แต่หานเซิ่นนั้นเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เขาไม่มอบเวลาให้หลี่ปิงหยู หลี่ปิงหยูพยายามเรียกหานเซิ่น แต่เขาไม่ได้ยินเธอและบินตรงเข้าไปในดวงดาวที่เหมือนกับดวงอาทิตย์
“ช่างเถอะ ด้วยพลังของเขา บางทีเขาอาจจะรอดชีวิตกลับมา” หลี่ปิงหยูถอนหายใจ เธอไม่รู้ว่าควรจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ดี
หานเซิ่นบินเข้าไปในทะเลลาวาที่ร้อนระอุ จริงๆแล้วมันไม่ควรถูกค่านึงว่าเป็นลาวาอีกต่อไป เนื่องจากอุณหภูมิที่สูง มันได้กลายเป็นของเหลวที่แปลกประหลาด ตอนนี้แม้แต่โลหิตและหินก็ใสเหมือนกับน้ํา
ถึงแม้หานเซิ่นจะได้รับการป้องกันจากยีนเรซราชานกยูงปีกทอง เขาก็ยังคงรู้สึกร้อนอยู่ดี โชคดีที่ร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่ง เขาจึงไม่ได้หวาดกลัวต่อความร้อนและบินลึกเข้าไปในดวงดาวโดยเลือกบริเวณที่ห่างไกลจากเถาวัลย์
ยิ่งบินลึกเข้าไปสู่ใจกลางของดวงดาวมากเท่าไหร่ อุณหภูมิก็สูงขึ้นมากเท่านั้น แต่สําหรับหานเซิ่นแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดวงตาของเขาเรืองแสงสีทองประหลาดที่ส่องทะลวงผ่านของเหลวอุณหภูมิสูงที่น่ากลัวไปได้ไกลหลายพันไมล์ นี่เป็นพลังวิชาประสานยีนเนตรราชานกยูง ถ้าเขาไม่มีพลังนี้อยู่ หานเซิ่นก็คงจะจะมองเห็น ได้ไม่เกินกว่า 30 ฟุต
ขณะที่หานเซิ่นบินไปเรื่อยๆ มันก็มีเงาที่เหมือนกับมังกรตรงเข้ามาในทิศทางของเขา มันมาโผล่ตรงหน้าของหานเซิ่นอย่างกะทันหัน มันก็คือเถาวัลย์ขนาดยักษ์ที่มีความกว้างมากกว่าแท้งค์น้ํา มันมีขนาดใหญ่กว่าเถาวัลย์ที่อยู่ด้านนอกซะอีก
แต่หานเซิ่นเตรียมตัวที่จะรับมือกับอะไรแบบนี้อยู่ก่อนแล้ว เขารู้ว่าเถาวัลย์ด้านนอกนั้นมีต้นกําเนิดมาจากใจกลางของดวงดาว ดังนั้นส่วนที่ซ่อนตัวอยู่ข้างใต้จึงจะเป็นร่างหลักของมัน แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าใจกลางของดวงดาวนั้นจะถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์
ปีกนกยูงสีทองกระพือและเรืองแสงสีทองที่ด้านหลังของหานเซิ่น ร่างกายทั้งร่างของเขากลายเป็นแสงสีทองที่พุ่งเลี้ยวโค้งผ่านเถาวัลย์ไป
Dong!
ปีกทองที่ไร้เทียมทานนั้นทิ้งรอยแผลตื้นๆเอาไว้บนผิวของเถาวัลย์ ขณะที่เถาวัลย์ยังคงพยายามพุ่งเข้าจับตัวหานเซิ่นอย่างบ้าคลั่ง
ปีกทองของเขากระพืออีกครั้งเพื่อหลบหลีกการโจมตีของเถาวัลย์ วินาทีต่อมา มีเถาวัลย์โผล่มาเพิ่มอีก พวกมันพุ่งเข้ามาหาหานเซิ่นจากทุกทิศทาง หานเซิ่นเป็นเหมือนกับนกยูงที่บินอย่างรวดเร็วและสง่างามเพื่อหลบหลักเถาวัลย์
ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้วิชาจีโนไม่ได้ แต่เขาก็ยังคงเก่งในเรื่องการคาดการณ์รูปแบบการเคลื่อนไหว มันเป็นพรสวรรค์ที่เขาจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้
ท่ามกลางเถาวัลย์นับไม่ถ้วนที่พยายามจะหยุดเขาเอาไว้ หานเซิ่นยังคงบินตรงไปที่ใจกลางของดวงดาง มันไม่มีอะไรจะมาหยุดเขาได้