กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1057.3 มิอาจต้านทานฤทธิ์สุรา
เฉินผิงอันบอกว่าไม่ต้องห่างเหินกันขนาดนี้ ข้าเป็ นลูกค้าเก่า ของศาลซานหลางพวกเจ้าแล้ว
หยวนเซวียนถามอย่างใคร่รู ้ว่าทาไมถึงพูดแบบนี้ เฉินผิงอันจึง เอ่ยถึงเซียนกระบี่หลิวเล่าเรื่องที่ให้เขาช่วยซื้อเสื้อเกราะวิเศษมาสอง ตัว
พอหยวนเซวียนถามถึงราคาก็พยักหน้าเอ่ยว่ายังคงเป็ นท่านอา หญิงที่มีหน้ามีตาหากเปลี่ยนเป็ นเขาที่เป็ นคนเปิดปากหั่นราคาก็ต้อง จ่ายเงินฝนธัญพืชสิบกว่าเหรียญแน่นอน
เฉินผิงอันนับว่าคุ้นเคยกับเมืองหลวงต้าหลีอยู่มาก ก่อนหน้านี้ก็ เคยมาเยือนลานหลิวหลีมาก่อน พอดีกับถึงเวลาที่ต้องกินข้าวแล้วจึง ดึงพวกเขาเข้าไปกินข้าวในร ้านอาหารใกล้เคียงด้วยกัน
ฟังหยวนเซวียนเล่าว่าท่านลุงหลิ่วได้เป็ นเจ้าประมุขแล้ว เฉินผิง อันก็รีบเอ่ยแสดง ความยินดี เดิมทีไม่คิดจะดื่มเหล้าก็ต้องสั่งเหล้า จากที่ร ้านมาสองสามกา โต๊ะอาหารจึงเปลี่ยนเป็ นโต๊ะสุรา
สกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่ามีทั้งหมดสิบหกบ้าน ทุกบ้านล้วนมี คนมีพรสวรรค์ อีกทั้งยังไม่เหมือนกับตระกูลชนชั้นสูงทั่วไป สกุลหลิ่ว มีชื่อเสียงเลื่องลือในทวีปด้วยเรื่องของการรู ้จักหาเงินอีกทั้งยัง ประหยัดมัธยัสถ์ มีเงินก็ส่วนของมีเงิน แต่กลับไม่ใช่คนรวยที่เย่อหยิ่ง
ฟุ้ งเฟ้ อแต่หลิ่วซวี่กลับไม่ยินดีรับช่วงดูแลกิจการของตระกูล เพราะ อยากจะมุ่งมั่นตั้งใจฝึกกระบี่มากกว่า
ตอนที่เป็ นขอบเขตก่อกาเนิดก็ไปอยู่ที่กาแพงเมืองปราณกระบี่ บอกว่าเพื่อฝ่าทะลุคอขวดเลื่อนขั้นเป็ นห้าขอบเขตบน
แต่พวกผู้อาวุโสในศาลบรรพจารย์ของสกุลหลิ่ว มีใครบ้างที่ไม่ ขมวดคิ้วมุ่น ทั้งกลัวว่าหลิ่วซวี่จะปรับตัวอยู่ที่นั่นไม่ได้ ยิ่งกลัวว่าต่อ ให้หลิ่วซวี่จะเลื่อนเป็ นขอบเขตหยกดิบ วันใดวันหนึ่งอุตรกุรุทวีป อาจจะต้องมีการเช่นกระบี่กันทั้งทวีปอีกครั้ง
ดังนั้นรอกระทั่งหลิ่วซวี่กลับมาถึงบ้านเกิด ประโยคแรกที่ท่านปู่ พูดหลังจากได้พบหน้าหลานชายคนนี้ก็คือหากเจ้าไม่อยากเป็ นเจ้า ประมุขก็ไม่ต้องเป็ น
คิดไม่ถึงว่าในการประชุมของศาลบรรพชนประจาตระกูลครั้ง หนึ่ง กลับสามารถใช ้เรือข้ามทวีปลาหนึ่งแลกเปลี่ยนมาเป็ นเจ้า ประมุข ผู้มีความสามารถ” ซึ่งเป็ นที่ยอมรับของผู้คนได้
หลิ่วซวี่ชอบดื่มเหล้า ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาชอบดื่มช ้าๆ น้อย นักที่จะดื่มพรวดๆ หมดอย่างรวดเร็ว
อยู่บ้านเกิดเป็ นเช่นนี้ อยู่กาแพงเมืองปราณกระบี่ก็เป็ นเช่นนี้
เดิมทีข้าก็เป็ นคนมีเงินอยู่แล้ว อยู่ข้างนอกจะยังต้องเสแสร ้งไป อีกท าไม?
ผู้ฝึกกระบี่ของอุตรกุรุทวีปมีจานวนมากที่สุด คนติดเหล้ามีเยอะ ที่สุด แล้วก็คอแข็งมากที่สุด อยู่บนโต๊ะเหล้าแล้วจะยังมีข้อห้ามอะไร อีก บวกกับที่คนของกาแพงเมืองปราณกระบี่ยังเรียกชื่อของต่งซาน เกิง ฉีถึงจี้ตรงๆ ได้เลย ผู้ฝึกกระบี่จากต่างถิ่นเข้าเมืองตาหลิ่วต้อง หลิ่วตาตาม จะมีอะไรที่ไม่กล้าพูด มีอะไรที่พูดไม่ได้อีกเล่า
คงเป็ นเพราะเถ้าแก่รองเคยได้ยินเรื่องชาติตระกูลและภูมิหลัง ของหลิ่วซวี่มานานแล้วรู ้ว่าเขาเป็ นนายน้อยของสกุลหลิ่วลาคลอง หลัวหม่า หากใช ้คาพูดของพวกคนที่เป็ นทั้งผีขึ้เหล้าเป็ นทั้งหน้าม้าก็ คือ หมูอวบอ้วนร่างกายแข็งแรงตัวหนึ่งมาวิ่งพล่านอยู่หน้าประตูบ้าน ของเถ้าแก่รอง เถ้าแก่รองไม่ก้าวเร็วๆ เอามีดไปฟันมันก็ถือว่าผิดต่อ หมูอ้วนตัวนั้นแล้ว
ดังนั้นแรกเริ่มตอนที่กิจการของร ้านเหล้ายังไม่ได้ดีขนาดนั้นจึง คิดอยากจะดึงเอาหลิ่วซวี่เศรษฐีบ้านนอกที่มีเงินหมื่นก้วนร ้อยเอว สามารถทุ่มทองพันชั่งได้มาที่ร ้าน ถามเขาว่าอยากมาเป็ นเจ้ามือ ด้วยกันหรือไม่ มีวิธีการที่ทาให้ได้เงินอย่างมั่นคงไม่ขาดทุน ภายหลัง หลิ่วซวี่ถูกเฉินผิงอันรบเร ้าจนร าคาญจึงพูดกับเฉินผิงอันอย่าง ตรงไปตรงมาว่าตัวเองออกจากบ้าน ไม่มีความเคยชินที่จะต้องพกเงิน ไปหาคนมือเติบหลอกง่ายคนอื่นเถอะ มาหาข้าเจ้าหาผิดคนแล้ว
หลังจากนั้นมาเถ้าแก่รองไม่ได้เลี้ยงเหล้าเขา แต่มักจะชวนเขา ให้ไปนั่งยองดื่มเหล้าข้างทางด้วยกันประจ า ดูท่าคงจะเห็นเขาเป็ นคน ยากจนที่ต้องกลับบ้านไปสืบทอดกิจการก่อนถึงจะมีเงินเหลือใช ้จริงๆ
หลิ่วซวี่ไม่ได้โกหก นอกจากเรื่องฝึกกระบี่แล้ว เขาก็ไม่พิถีพิถัน ในเรื่องใดอีกทั้งนั้น
ทางตระกูลกังวลว่าเขามาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองที่ไม่คุ้นเคยกับทั้ง สถานที่และผู้คนเรื่องของการหลอมกระบี่อย่างไรก็ต้องใช ้เงินเทพ เซียน ดังนั้นทุกๆ สามวันห้าวันจึงมักจะส่งเงินมาที่เรือนชุนฟานภูเขา ห้อยหัว แต่หลิ่วซวี่ไม่เคยไปรับเงิน ภายหลังก็ส่งตรงไปที่จวนของ ชุนจวี่เฉวียน ผลคือหลิ่วซวี่ยังแสร ้งทาเป็ นไม่รู ้อีก ซุนจวี่เฉวียนจึงมา บอกกับเขาว่าทางตระกูลของเจ้าฝากเงินมาไว้ที่จวน หลิ่วซวี่บอกว่า เขาไม่ได้ใช ้เงิน ให้ฝากไว้ที่นั่นต่อไปก็แล้วกัน
กระทั่งตอนหลังที่หลิ่วซวี่ออกมาจากกาแพงเมืองปราณกระบี่ แล้ว เขาก็ยังไม่เคยไปเอาเงินเทพเซียนแม้แต่เหรียญเดียวจากเรือน ขุนฟานและเรือนส่วนตัวของชุนจวี้เฉวียน
การที่เขาไปให้การสนับสนุนที่ร ้านเหล้าแห่งนั้น ความตั้งใจแรก ของหลิ่วซวี่ก็คือหวังว่าจะได้ดื่มรสสุราของบ้านเกิดจากที่นั่น ผลเป็ น อย่างไร ยากจะอธิบายได้หมดในค าเดียว
วงเดิมพันหนึ่งวงมีคนสิบคน เป็ นหน้าม้าไปแล้วแปดคน แล้วยังมี เฉินผิงอันที่เป็ นเจ้ามืออีกคนหนึ่ง เหลือแค่คนคนเดียวที่บ่นว่าตัวเอง โชคไม่ดี คราวหน้าจะต้องได้เงินก้อนใหญ่แน่นอน
วันนี้ในเมื่อเริ่มดื่มเหล้ากันแล้ว ปรมาจารย์หญิงขอบเขตเดิน ทางไกลฝานอวี้จึงเทเหล้าเต็มชามใหญ่ เป็ นฝ่ายดื่มคารวะเจ้าขุนเขา เฉินด้วยตัวเอง นางกระดกดื่มทีเดียวหมดชาม
ที่แท้ปีนั้นยามที่ฝ่ าทะลุขอบเขตอยู่บนสนามรบของลาน้าใหญ่ แจกันสมบัติทวีป นางเคยถูกเจิ้งเฉียนช่วยไว้หนึ่งครั้ง พูดให้ถูกต้องก็ คือฝานอวี้ถูกเจิ้งเฉียนกระชากไหล่โยนออกไปจากวงล้อมสังหาร
ภายหลังฝานอวี้ถึงได้รู ้ว่าผู้อาวุโสบนวิถีวรยุทธที่มีฉายาว่า “เจิ้ง ชิงหมิง” ผู้นั้นถึงกับเป็ นลูกศิษย์ใหญ่เปิดภูเขาของเจ้าขุนเขาเฉิน ชื่อ จริงคือเผยเฉียน
คนที่เป็ นอาจารย์ เป็ นอาจารย์พ่ออย่างเฉินผิงอัน ทุกวันนี้ชอบ ฟังคนอื่นพูดเรื่องพวกนี้มากที่สุด
กินดื่มอิ่มหนากันแล้ว หลิวอู่ติ้งพูดน้อยที่สุด แต่กลับดื่มเยอะ ที่สุด ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าดื่มจนเมามายอย่างแท้จริง ตอนเดินยังเดินเซจน ต้องให้คนมาประคอง
หยวนเซวียนรู ้ดีอยู่แก่ใจว่านี่เป็ นเพราะชั่วชีวิตนี้ท่านปู่ หลิวฝึ ก กระบี่มาตลอดชีวิต แต่กลับไม่เคยไปเยือนกาแพงเมืองปราณกระบี่ มาก่อน
เป็ นเหตุให้เหล้าทุกชามบนโต๊ะวันนี้ ผู้เฒ่าดื่มไปดื่มมา สิ่งที่ดื่ม ล้วนเป็ นความละอายใจที่ผุดพุ่งจากหัวใจทะลักไปถึงชามเหล้า
ดื่มจนหน้าแดงก่า ไม่ใช่แค่ว่ามิอาจต้านทานฤทธิ์สุราเท่านั้น ยัง เป็ นเพราะเผชิญหน้ากับคนหนุ่มจากก าแพงเมืองปราณกระบี่ อิ่นก วานคนสุดท้ายที่เป็ นคนต่างถิ่นเหมือนกันผู้นี้ท าให้ผู้เฒ่ารู ้สึกเหมือน วัวสันหลังหวะ จึงหน้าแดง
เรื่องราวบนโลกมักเป็ นเช่นนี้ มิอาจต้านทานฤทธิ์สุรา ลาบากใจ มิอาจเป็ นตัวของตัวเอง
ก่อนหน้านี้อยู่บนโต๊ะสุรา ระหว่างที่ดื่มผู้เฒ่าบอกว่าจะดื่มสุรา คารวะเฉินอิ่นกวานเฉินผิงอันยิ้มบอกว่าไม่ต้อง กลับกันยังเรียก ตัวเองว่าเป็ นผู้เยาว์ เป็ นฝ่ายดื่มสุราคารวะผู้เฒ่าด้วยตัวเอง
หลังจากนั้นผู้เฒ่าก็เอาแต่ดื่มเหล้าอยู่กับตัวเอง ยิ่งนานก็ยิ่งเงียบ งัน
หลิ่วซวี่ยกศอกขึ้นถองเฉินผิงอันที่อยู่ข้างกายเบาๆ บอกเป็ นนัย ว่าให้เจ้าช่วยปลอบใจเหล่าหลิวหน่อย เถ้าแก่รองเจ้าเชี่ยวชาญเรื่อง นี้ที่สุดแล้ว ดูสิว่าจะช่วยคลายปมในใจของเขาได้หรือไม่
ปีนั้นที่ร ้านเหล้าเล็ก เถ้าแก่รองอ้าปากทีอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ ทั้งนั้น คุยโวไม่ต้องร่างคาพูด พวกคนที่นั่งยองดื่มเหล้าอยู่ข้างทาง ต่างก็ชอบฟังเถ้าแก่รองเล่าเรื่องโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงิน
เฉินผิงอันส่ายหน้า ไยต้องสาดเกลือลงบนบาดแผลของผู้ฝึ ก กระบี่เฒ่าด้วยเล่า
อีกอย่างไม่เคยไปเยือนก าแพงเมืองปราณกระบี่ก็คือไม่เคยไป ข้าทั้งไม่สนฟ้ าแล้วก็ไม่สนดิน ไม่สนด้วยว่าเจ้าจะมีเหตุผลและความ ล าบากใจอะไร
ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนโต๊ะสุรา หากเจ้าบอกว่าจะดื่มสุรา คารวะเจ้าขุนเขาเฉินหรือจะเรียกชื่อเฉินผิงอันตรงๆ ก็ยังไม่เป็ นไร ข้า คือผู้เยาว์บนภูเขา ต้องดื่มอยู่แล้ว อีกทั้งยังต้องดื่มคารวะกลับคืนผู้ อาวุโสไปอีกชามด้วย
แต่ในเมื่อเจ้าหลิวอู่ติ้งใช ้คาเรียกขานว่าอิ่นกวาน อีกทั้งเจ้ายัง เป็ นผู้ฝึกกระบี่ของอุตรกุรุทวีป ก็ช่วยไม่ได้แล้ว ข้าไม่ได้สนิทกับเจ้า
หลี่ซวี่ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “เจ้ารู ้จักเซิ่นโหลวกระมัง? ผู้ฝึ ก ลมปราณของที่นั่นหลายคนต่างก็เคยไปดื่มเหล้ากับข้าที่ร ้านเหล้า ของเจ้า ทั้งๆ ที่ไม่ใช่พรรคของผู้ฝึกกระบี่ ไม่ได้มีอักษรจง แต่กลับมี ลูกศิษย์ผู้สืบทอดมากมายที่ไปตายอยู่ที่กาแพงเมืองปราณกระบี่ หลิว อู่ติ้งก็เคยเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเซิ่นโหลว แล้วก็เกือบจะได้เป็ น เจ้าประมุขด้วย แต่เพียงแค่เพราะการถามกระบี่เพื่อทวงความ ยุติธรรมให้คนอื่นครั้งหนึ่งที่ไห่ซื่อ ทาให้ผู้ฝึกกระบี่ของที่นั่นบาดเจ็บ กันไม่น้อย จึงถูกขับออกจากสานัก หาไม่แล้วปี นั้นเขาเลื่อนเป็ น โอสถทอง หากไม่ผิดไปจากที่คาดก็คงจะเดินทางผ่านภูเขาห้อยหัว ไปเยือนกาแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว”
หลิ่วซวี่เงียบไปพักหนึ่ง มองผู้เฒ่าที่เดินอยู่เบื้องหน้าแผ่นหลังแผ่ ความหม่นหมองแล้วเอ่ยต่อว่า “หลิ่วอู่ติ้งรู ้สึกว่าตัวเองตอบแทน
พระคุณของสกุลหยวนหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งจะลาออก จากต าแหน่งผู้ถวายงานของศาลซานหลาง คิดว่าจะเดินทางไปเยือน ใต้ หล้าเปลี่ยวร ้างเพียงลาพัง เพียงแต่ว่าหยวนเซวียนยังไม่รู ้เรื่องนี้ หลิ่วอู่ติ้งไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับเขา จนถึงทุกวันนี้หลิวอู่ติ้งก็ยังไม่รู ้ว่า ปีนั้นเป็ นอาจารย์เจ้าประมุขของเขาที่จงใจให้ทางฝั่งของไห่ซื่อช่วย เล่นละคร ด้วยหวังว่าต้นกล้าที่ดีอย่างเขาจะอยู่ต่อในอุตรกุรุทวีป ตั้งใจฝึ กกระบี่ให้ดีๆ แล้วสักวันหนึ่งจะฝึ กตนจนได้ห้าขอบเขตบน ส่วนจะใช่ผู้ฝึกตนบนท าเนียบของพรรคเซิ่นโหลวหรือไม่ก็ไม่สาคัญ แล้ว เพราะอาจารย์ของหลิวอู่ติ้งรู ้ชัดเจนดีว่า ด้วยนิสัยของลูกศิษย์ คนนี้ ผู้ฝึ กกระบี่ขอบเขตโอสถทอง อีกทั้งยังมีสถานะเป็ นว่าที่เจ้า ประมุขคนถัดไปของพรรคเซิ่นโหลว ไปถึงกาแพงเมืองปราณกระบี่ก็ ถูกลิขิตมาแล้วว่าจะไม่มีทางมีชีวิตรอดกลับมาถึงบ้านเกิดได้ แน่นอน”
เฉินผิงอันลังเลอยู่เล็กน้อย เอาสองมือถูหน้าแรงๆ แล้วพยักหน้า เดินไปหยุดอยู่ข้างกายผู้เฒ่า ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสหลิว มีผู้ ฝึกลมปราณของอุตรกุรุทวีปสองคน คนหนึ่งคือผู้ฝึกกระบี่ของพรรค ไห่ซื่อบนเกาะซินตันที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวนอกทะเล ชื่อว่าเหออวี้ เป็ นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตโอสถทอง คนหนึ่งคือลูกศิษย์ผู้สืบทอดของ เจ้าประมุขพรรคเซิ่นโหลว มีชื่อว่าเกาเจี๋ย คือเจ้าแห่งยอดเขาเติง เซียน พวกเขามักจะจับคู่กันไปดื่มเหล้าที่ร ้านเป็ นประจา ตอนนั้นข้า ประหลาดใจมากกว่าลูกศิษย์ของสองพรรคที่เป็ นศัตรูกันมาหลายรุ่น
ไฉนถึงไปดื่มเหล้าด้วยกันได้ มีครั้งหนึ่งดื่มเหล้าด้วยกัน ข้าก็ได้ยิน พวกเขาคุยกัน อวี้เหอบอกว่าเรื่องในปีนั้นเป็ นเขาที่ทาผิดก่อน ผิด ต่ออาจารย์ลุงของเกาเจี๋ย เดือดร ้อนให้เขาถูกขับไล่ออกจากส านัก อีกคนหนึ่งก็เริ่มก่นด่า บอกว่าหากไม่เป็ นเพราะถูกเจ้าเปิดโปงตัวตน ป่ านนี้อาจารย์ลุงหลิวก็คงได้เป็ นเจ้าประมุของพวกเราไปนานแล้ว อุตรกุรุทวีปของพวกเราก็จะต้องมีผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบเพิ่มมา คนหนึ่ง ธวัลทวีปก็จะด้อยกว่าพวกเราอีกขั้นหนึ่งเจ้าเหออวี้ไม่มี ความสามารถกะผายลมอะไรทั้งนั้น มีแต่ปากเปราะๆ ดื่มเหล้าก็ไม่ ตายสักที…เหล้ามื้อนี้ ใครเป็ นตะพาบคนนั้นต้องจ่ายเงิน เถ้าแก่รอง เอาเหล้าดีๆ มาอีกสองกา”
ผู้เฒ่าฟังอย่างตั้งใจ เงียบไปพักหนึ่งก็ยิ้มเอ่ยว่า “ล้วนเป็ นการ กระท าโดยใช ้อารมณ์อันที่จริงไม่มีใครถูกใครผิดหรอก”
“ผู้อาวุโส หากในใจรู ้สึกย่าแย่จริงๆ ให้ข้าด่าท่านสักสองสาม ประโยคไหมล่ะ? เรื่องนี้ข้าถนัดมากเลยนะ ขั้นต่าคือร ้อยประโยค รับรองว่าทุกประโยคไม่มีซ้ากัน”
“…”
“ไป เซียนกระบี่ผู้เฒ่าหลิว พวกเราไปดื่มเหล้าตามลาพังกันสัก มื้อ”
เรียกผู้ฝึ กกระบี่ขอบเขตก่อกาเนิดคนหนึ่งว่าเซียนกระบี่ก็ยัง พอทาเนา นี่ยังถึงขั้นเรียกว่าเซียนกระบี่ผู้เฒ่าหลิวที่เกินกว่าเหตุอีก
“เหลือค้างไว้ก่อน”
“มีไปมีกลับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงกับอิ่นกวานตามนี้!”
พยายามจะให้เป็ นเช่นนี้
พยายามจะให้ปีหน้าได้ดื่มเหล้าที่เหลือค้างไว้ในปีนี้
การเดินทางลงใต้มาครั้งนี้ของหลิ่วซวี่ เดิมก็เพื่อมาดื่มเหล้า กับเฉินผิงอัน เพียงแค่นี้เท่านั้น ไม่มีเรื่องสาคัญอะไรให้พูดคุย มาดื่ม เหล้ากับสหายก็ถือเป็ นธุระอย่างหนึ่งเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
ดังนั้นพอดื่มเหล้าไปแล้ว หลิ่วซวี่ก็เตรียมจะเดินทางไปที่นคร มังกรเฒ่าเพียงล าพัง มีเรื่องการค้าบนภูเขาที่ต้องไปคุยกับตระกูลฝู ส่วนภูเขาลั่วพั่ว จะไปหรือไม่ไปก็ต้องดูสถานการณ์อีกที
พวกหยวนเซวียนสามคน เดินทางมาครั้งนี้ไม่ถือว่าเสียเที่ยว แน่นอนว่าต่างก็สามารถกลับที่พักกันได้แล้ว จะต้องไปที่โรงเตี๊ยม ตระกูลเซียนที่เฉินผิงอันแนะนา ส่งกระบี่บินแจ้งข่าวดีไปที่ตระกูล
หลิวอู่ติ้งคุ้มกันหยวนเซวียนไปส่งที่ศาลซานหลางแล้วก็จะ เดินทางไปยังใต้หล้าเปลี่ยวร ้างทันที ถึงเวลานั้นจะแวะไปดูซากปรัก ของกาแพงเมืองปราณกระบี่
หลิ่วซวี่ตามพวกเขาไปพักที่โรงเตี้ยมด้วย หยวนเซวียนยิ้มเอ่ย “ท่านลุงหลิ่ว เจ้าขุนเขาเฉินเห็นท่านเป็ นสหายจริงๆ แล้ว”
หลิ่วซวี่ยิ้มถาม “หมายความว่ายังไง?”
หยวนเซวียนกล่าว “ข้าได้ยินมาว่าโรงเตี๊ยมแห่งนั้นขึ้นชื่อว่า ชอบเชือดหมู ชื่อเสียงบนภูเขาธรรมดาอย่างมาก”
หลิ่วซวี่กล่าว “เห็นข้าเป็ นสหายหรือไม่ยังบอกได้ยาก แต่ข้าคาด ว่าโรงเตี๊ยมแห่งนั้นเฉินผิงอันต้องได้ส่วนแบ่งแน่นอน”
ฝานอวี้กล่าว “คงไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง”
หลิ่วซวี่เอ่ย “ที่เจ้ารู ้สึกว่าไม่น่าจะถึงขั้นนั้นก็เพราะเจ้ายังไม่สนิท กับเฉินผิงอันมากพอ”
ฝานอวี้ยิ่งประหลาดใจมากกกว่าเดิม ในเมื่อเป็ นเช่นนี้ ไฉนพวก เจ้าถึงยังเป็ นเพื่อนสนิทกันได้ถึงเพียงนี้?
คงไม่ถึงขั้นที่ว่าคนหนึ่งทาการค้าชอบหลอกคนสนิท อีกคนหนึ่ง รู ้สึกว่ามีเงินเยอะก็เลยชอบเป็ นคนหลอกง่ายหรอกกระมัง
หลิ่วซวี่พูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “ผู้ฝึกกระบี่อย่างพวกเรา เงินจะ นับเป็ นอะไรได้”
บนเรือข้ามฟากตระกูลเซียนลาหนึ่งที่อยู่ระหว่างเดินทางกลับ เหนือ จู่ๆ ก็มีผู้ฝึกตนที่บอกว่าตัวเองคือผู้ถวายงานของกรมอาญาต้า หลีคนหนึ่งมาหาพวกเขา ขอให้ป๋ ายเติงเดินทางไปที่เมืองหลวงต้าหลี ทันที บอกว่าทางฝั่งของกรมพิธีการในเมืองหลวงเชิญให้ป๋ ายเติงไป ปรึกษาเรื่องการเข้ารับตาแหน่งที่ว่างอยู่ของเทพวารีแม่น้าเถี่ยฝู
ก่อนหน้านี้ป่ ายเติงกับผีอิ๋นลู่ และยังมีเกาเกิงลูกศิษย์ผู้สืบทอด ของจิงเฮาพากันออกจากบ้านมารอบหนึ่ง คิดไม่ถึงว่ากลับไปจะได้ เป็ นเทพวารีแม่น้าเถี่ยฝูแล้ว
เกาเกิงกับอิ๋นลู่ต่างก็เอ่ยแสดงความยินดีกับป่ายเติง ทางฝั่งของ กรมพิธีการต้าหลีบอกว่าปรึกษา แต่อันที่จริงยังต้องปรึกษาอะไรกัน อีกเล่า นี่เป็ นเรื่องที่ชัดเจนอย่างมากแล้วไม่ใช่หรือ
ก่อนหน้านี้ออกมาจากภูเขาลั่วพั่ว ฟ้ าสูงแผ่นดินกว้างใหญ่ อารมณ์ปลอดโปร่งผ่อนคลายเป็ นที่สุด!
พวกเขาสามคน อย่างน้อยที่สุดต่างก็มีอิสระเสรียิ่งใหญ่ที่ “วันนี้ ข้าผู้อาวุโสไม่อยากดื่มเหล้าก็ไม่ต้องดื่มแล้ว!
รากฐานมหามรรคาของป๋ ายเติงซึ่งเป็ นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยก ดิบคือเผ่าพันธุ์เจียวหลง มีชาติก าเนิดมาจาก “ตระกูลจักรพรรดิยุค โบราณ” ของบนภูเขาในอดีต คือหนึ่งในวังมังกรพสุธาในอาณาเขต ของแคว้นสู่โบราณ
แม้จะบอกว่าปี นั้นวังมังกรน้อยใหญ่บนพื้นแผ่นดินเหนือ มหาสมุทรเรียกได้ว่ามีมากมายดุจขนวัว ลูกหลานมังกรก็มากมาย ก่ายกอง ทว่าสายเลือดของทายาทรุ่นหลังกลับซับซ ้อนอย่างมาก แต่ กลับไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะถูกเรียกว่า “มังกรที่แท้จริง”
ก่อนหน้านี้อยู่บนภูเขา พวกเขาสามคนอยู่ดีๆ ก็ถูกเรียกใช ้งาน ให้ไปเยือนแคว้นเล็กใต้อาณัติแห่งหนึ่งที่อยู่ทางใต้ของลาน้าใหญ่
เป็ นแค่เรื่องเล็กน้อย เกาเกิงคุ้นเคยกับขนบธรรมเนียมและวิธีการของ วงการขุนนางในใต้หล้าไพศาลเป็ นอย่างดี ส่วนผีที่ขอบเขตต่าที่สุดก็ มีความคิดแผลงๆ และอุบายชั่วร ้ายเยอะ เป็ นกุนซือหัวสุนัขได้มาก พอเหลือแหล่บวกกับสถานะผู้ฝึกกระบี่และขอบเขตหยกดิบของป๋ าย เติง การไปทางานครั้งนี้จึงเรียกได้ว่าจัดการได้อย่างรอบคอบรัดกุม หมดจดสวยงาม