กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1066.4 ในปีหนึ่งที่เหล่าบุปผาประชันกันเบ่งบาน
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1066.4 ในปีหนึ่งที่เหล่าบุปผาประชันกันเบ่งบาน
เฉินผิงอันรีบวางถ้วยน้าชาลง กระแอมหนึ่งที เอ่ยเตือนว่า “จะ พูดแบบนี้ไม่ได้นะ ดื่มน้าไม่ควรลืมคนที่ขุดบ่อน้า
ในดวงจันทร ์เฮ่าไฉ่ของใต้หล้ามืดสลัว
เจ้าอารามผู้เฒ่าร ้องเหอะ หัวเราะหยันเอ่ยว่า “ช่างเป็ น ขนบธรรมเนียมที่ดีจริงๆ แต่ละคนชอบเข้าข้างคนกันเอง ท าให้คน นอกรู ้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน”
เดิมทีเสี่ยวโม่คิดจะลุกขึ้นขอตัวลา เขาจะไปหาผู้ฝึ กกระบี่ที่ ราชวงศ์ชิงเสินสักรอบหนึ่งพอได้ยินประโยคนี้ก็ถามอย่างใคร่รู ้ว่า “หมายความว่าอย่างไร? ที่ภูเขาลั่วพั่วมีใครพูดถึงสหายหรือ?”
ขออย่าให้มีการเข้าใจผิดอะไรกันเลย
เจ้าอารามผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “คือสตรีที่จาแลงกายมาจากบรรพบุรุษ เงินเหรียญทองแดงแก่นทอง สหายฉางมิ่งที่ถูกเจ้าขุนเขาของเจ้าพา ออกมาจากกาแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นั้นนางรังเกียจว่าผินเต้ายื่นมือ ยาวเกินไป ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านไปทั่ว”
เสี่ยวโม่คร ้านจะถามรายละเอียด เพียงถามว่า “ยังมีเส้นสายอะไร ในพื้นที่มงคลรากบัวที่สหายไม่เคยยกขึ้นมาหรือ?”
่
เจ้าอารามผู้เฒ่ากล่าว “จะยกขึ้นมาได้อย่างไร ยกขึ้นมาพร ้อม รากด้วยหรือ ดึงหัวไชเท้าแล้วเอาหลุมมาด้วย หากข้าทาอย่างนี้จริงๆ พื้นที่มงคลดอกบัวก็อย่าหวังว่าจะเลื่อนเป็ นพื้นที่มงคลระดับสูงได้เลย ลาพังแค่เติมโชคชะตาภูเขาสายน้าที่เหมือนหลุมใหญ่มากมายพวก นั้นให้เต็ม เงินเทพเซียนก้อนที่ภูเขาลั่วพั่วต้องทุ่มเข้าไป อย่าว่าแต่ เงินเลย ล าพังแค่ตัวเลขนั้นก็สามารถทาให้คนหน้าเงินบางคนเสียว ฟันแปลบได้แล้ว เพียงแค่คิดหัวก็โตเท่ากระด้งแล้ว”
เสี่ยวโม่ยื่นส่งเหล้าหมื่นกาลไหหนึ่งไปให้ จากนั้นยกชามขาวใน มือขึ้นมา ยิ้มเอ่ยว่า “สหายจะถือสาอะไรผู้คุมกฏฉางมิ่งของพวกเรา ทุกคนต่างก็ทาหน้าที่ของตัวเอง อีกทั้งนางยังทุ่มเทถวายชีวิตเพื่อ ติดตามคุณชายของข้า คิดดูแล้วก็คงต้องเอ่ยประโยคที่มิอาจเป็ นที่ พอใจของทุกฝ่ ายสักสองสามประโยค ข้าจะช่วยขอโทษเจ้าแทนนาง ก็แล้วกัน จะนั่งต่ออีกหน่อย ดื่มเหล้าเป็ นเพื่อนสหายอีกสักไห”
เจ้าอารามผู้เฒ่าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ได้กลับมาพบเจอกัน อีกครั้งหลังจากลากันไปนาน เป็ นโอกาสที่หาได้ยาก ไหเดียวไม่พอ ดื่มต่ออีกสองไห”
เสี่ยวโม่มองสุราที่เหลืออยู่ไม่มากบนโต๊ะ ยิ้มเอ่ยว่า “ดื่มกันไป พอสมควรแล้ว เหลือค้างไว้ก่อนเถอะ”
เจ้าอารามผู้เฒ่ากล่าว “ในห้องเก็บเหล้ายังมีอีกเยอะ ดื่มอีกแค่ ไหสองไหจะเป็ นไรไป”
่
เสี่ยวโม่พยักหน้า “เหล้าหมักไม่เหมือนสหาย ดื่มเหล้าก็ไม่เคย แพ้ให้กับเจ้า เดิมที่ยังอยากจะไว้หน้าเจ้าต่อหน้าลูกศิษย์ทั้งสองของ เจ้าบ้าง นี่คือสหายรนหาที่เองนะ”
เจ้าอารามผู้เฒ่าหัวเราะเสียงดังลั่น
ตอนนั้นหากไม่เป็ นเพราะที่หน้าประตูภูเขาของภูเขาลั่วพั่วมีการ รับรองแขกอย่างรอบคอบรัดกุม หาไม่แล้วต่อให้เฉินผิงอันได้พื้นที่ มงคลดอกบัวส่วนหนึ่งไปครอง หึ คิดอยากจะเลื่อนเป็ นพื้นที่มงคล ระดับกลางและระดับสูงอย่างนั้นหรือ? ได้ก็ได้อยู่หรอก ไม่ขัดขวาง การที่เจ้าของคนใหม่อย่างเจ้าจะทุ่มเงินลงไป ส่วนค่าใช ้จ่ายเงินเทพ เซียนก้อนนั้นน่ะหรือ ก็จะให้ “คนหลงใหลในเงินทอง” ที่ชอบทาตัว เป็ นกุมารแจกทรัพย์อย่างเจ้าได้สัมผัสอย่างแท้จริงว่าอะไรคือ สภาพการณ์น่ากระอักกระอ่วนที่เงินที่ทุ่มลงไปไม่พอ เหมือนไหล หายไปกับสายน้าไม่ได้ยินเสียงสักแอะ รอกระทั่งในที่สุดก็ยกระดับขั้น ของพื้นที่มงคลได้อย่างไม่ง่ายแล้ว และทุกครั้งที่ไปเยือนพื้นที่มงคล บ้านตัวเอง เฉินผิงอันก็จะต้องอดทนกับความเสียดายทุกครั้ง
ไม่อย่างนั้นเฉินผิงอันคิดจริงๆ หรือว่าม้วนภาพภูเขาสายน้าที่ กลายไปเป็ นภาพลายเส้นขาวด าแล้ว พอจ่ายเงินไปเล็กน้อยก็จะ สามารถ “ลงสีสันวาดลายสีทอง” ได้อย่างแท้จริง? ต่อให้เจ้าเอาแปรง ปาดถูลงไปชั้นหนึ่ง เพียงไม่นานพื้นที่มงคลก็จะเหมือนสีชาดที่ค่อยๆ หลุดลอกออกมาทีละชั้น และเนื้อหาบนป้ ายศิลาที่แกะสลักเอาไว้ก็จะ เลือนหายมองเห็นไม่ชัดอีกต่อไป
่
เหมือนในหมู่ชาวบ้านของบ้านเกิดเจ้าขุนเขาเฉิน ชาวบ้านใช ้ แป้ งเปี ยกแปะกลอนปี ใหม่ไว้บนประตูและก าแพง ตามหลักแล้วก็ มั่นคงดี นานหลายปีไม่ต้องเปลี่ยนก็ไม่เป็ นไร แต่กลอนปีใหม่ของ พื้นที่มงคลแผ่นนี้ แค่เจอลมพัดฝนตกแดดส่องเพียงเล็กน้อยก็จะเป็ น เหมือนอย่างที่กล่าวไว้ในตาราเรื่องเล่าประหลาด บนภูเขาเพิ่งผ่านไป หนึ่งปีแต่ล่างภูเขากลับผ่านไปหกสิบปีแล้ว แค่เวลาในพื้นที่มงคลราก บัวผ่านไป “หนึ่งปี” กลอนปีใหม่ก็จะพลิ้วร่วงลงมาเมื่อถูกลมพัด
รอกระทั่งเวลาผ่านไปหกสิบปี เจ้าขุนเขาเฉินที่รู ้สึกตัวทีหลัง อย่างเชื่องช ้า หากไม่มองพื้นที่มงคลที่เขากล้าเปลี่ยนชื่อโดยพลการ เป็ นซี่โครงไก่ ไม่จ่ายเงินอย่างเสียเปล่าอีกแล้ว ขอแค่เฉินผิงอันกับ ภูเขาลั่วพั่วอยากจะถมหลุมนี้ให้เต็มอย่างแท้จริง ต่อให้เมื่อเทียบกับ ตอนที่เจ้าเป็ นเด็กหนุ่มบ้านนอกขาเปื้อนโคลนแล้วจะมีสถานะและยศ ที่น่าตกใจเพิ่มมาอีกมากมาย เจ้าก็ยังต้องมากราบภูเขาที่ผินเต้าแต่ โดยดี แล้วก็ต้องดูด้วยว่าตอนนั้นผินเต้าอารมณ์ดีหรือไม่ อีกทั้งจาไว้ ว่าต้องพาเด็กชายชุดเขียวผู้นั้นมาพร ้อมกันด้วย ต้องให้เจ้าตะพาบ น้อยได้เรียนรู ้ก่อนว่าควรจะพูดจาดีๆ อย่างไร โขกหัวให้ดังๆ อีก หลายทีแล้วค่อยเอ่ยขออภัย สุดท้าย แน่นอนว่าพวกเจ้าทั้งสองต้อง กลับไปมือเปล่าไม่ได้อะไรเลย
ถึงอย่างไรเจ้าเฉินผิงอันก็ชอบปกป้ องคนของตัวเองที่สุดแล้ว ต้องไม่มีทางยอมให้เด็กชายชุดเขียวโขกหัวขออภัยผินเต้าแน่นอน
่
ถ้าอย่างนั้นก็บังเอิญเลย ผินเต้าเป็ นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างมาก ไม่มี มาดของผู้อาวุโสอะไรทั้งนั้น
มีเรื่องขอร ้องมาขออภัยถึงบ้าน เป็ นเจ้าที่รนหาที่เอง เจรจากัน ไม่ส าเร็จ กลับไปทางเดิมด้วยความสิ้นหวัง ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเฉินผิงอัน รนหาที่เองหรอกหรือ?
เจรจาเรื่องเงิน? ปีนั้นเจ้านครจักรพรรดิขาวไปเยือนอารามกวาน เต๋าด้วยตัวเองมารอบหนึ่ง “ราคา” ที่เขาเสนอให้ตอนนั้นก็สูงมาก พอแล้วกระมัง เขาเจิ้งจวีจงก็ยังต้องกลับไปพร ้อมกับความผิดหวัง เหมือนกันไม่ใช่หรือ?
ดังนั้นถึงได้บอกว่าโชคดีที่ตอนอยู่หน้าประตูภูเขา แม่นางน้อย บางคนเอ่ยประโยคที่ตัวนางเองไม่ได้ตั้งใจ แต่บังเอิญเป็ นคาพูด อบอุ่นหัวใจที่ทาให้ผินเต้ารู ้สึกรื่นหูมากเป็ นพิเศษ
ถึงได้ช่วยเฉินผิงอันและจวนเฉวียนฝู่ ภูเขาลั่วพั่วประหยัดเงินไป อย่างที่มองไม่เห็น….อย่างน้อยก็เป็ นเงินฝนธัญพืชหลายพันเหรียญ ไม่เพียงแต่ไม่ขาดทุน อีกทั้งวันหน้าผลประโยชน์ส่วนที่พื้นที่มงคลหา มาได้จะเอาเงินเทพเซียนมาคิดค านวณกันได้อย่างไร
วันนี้ถือว่าหวังหยวนลู่ได้เปิดโลกกว้างแล้ว
มีใครเขาขอโทษกันแบบนี้ด้วยหรือ? ดื่มเหล้าของเจ้าบ้านเพิ่ม อีกหนึ่งไหก็ถือว่าช่วยคนอื่นข้ามผ่านเรื่องนั้นๆ ไปได้อย่างง่ายดาย แล้ว
่
วันนี้สิ่งที่ได้เรียนรู ้มาจากอาจารย์เสี่ยวโม่ค่อนข้างเยอะเลยนะ ต้องเอามาย่อยให้ดีๆ เสียแล้ว วันหน้าออกไปท่องยุทธภพข้างนอกก็ น่าจะได้เอามาใช ้?
จาได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนนักพรตซุนที่สวมรอยเป็ นบรรพจารย์ ของตนมาหลอกดื่มเหล้าจากเขา พอดื่มจนเมาก็เริ่มช่วยชี้แนะ บอก ว่าวีรบุรุษทั้งหลายต่างก็เคยพูดกันว่า ที่ใต้หล้าไพศาลมีเจ้าแห่งถ้าปี้ เซียวชายหาดลั่วเป่าอยู่คนหนึ่งที่มีคุณธรรมมีชื่อเสียงสูงส่ง ขึ้นชื่อว่า เป็ นคนใจกว้างมาก มีมาดของผู้อาวุโสบนภูเขาที่สุดแล้ว!
นักพรตซุนก็คือคนที่ชอบพูดจาเกินจริง ถ้าอย่างนั้นประโยคนี้ก็ ควรฟังให้เป็ นในทางตรงกันข้าม
เจ้าอารามผู้เฒ่าใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “เรื่องการพิศมรรคาผู้ฝึก กระบี่ในพื้นที่มงคล ป๋ ายเหย่เองก็ได้ไปครองอย่างไม่ได้ตั้งใจ”
เสี่ยวโม่ครุ่นคิด “ในเมื่อเป็ นเขา ก็พอจะยอมรับได้”
เจ้าอารามผู้เฒ่าถาม “ก่อนหน้านี้เจ้าแค่พูดถึงตัวเลือกในใจของ ตัวเอง ทางฝั่งเฉินผิงอันคิดอย่างไร?”
เสี่ยวโม่ตอบไปตามตรง “ข้า จากนั้นก็เป็ นโจวอันดับหนึ่ง แล้วก็ เป็ นลูกศิษย์สองคนของเขาอย่างเฉาฉิงหล่างและกวอจู๋จิ่ว”
เจ้าอารามผู้เฒ่าลูบหนวดยิ้มเอ่ย “เป็ นเช่นนี้จริงเสียด้วย”
่
เสี่ยวโม่แกะผนึกดิน สุดท้ายก็ดื่มเหล้าหมื่นกาลไปสองไห ใบหน้าของเขาแดงก่า ส่งเสียงเรอหลังดื่ม ลุกขึ้นยืนอย่างเมามาย วันนี้ดื่มสุราจนเต็มอิ่มแล้วจริงๆ ยื่นมือไปจับประคองโต๊ะ “ไปแล้ว”
เจ้าอารามผู้เฒ่าลุกขึ้นตาม ชุดคลุมเต๋าพลิ้วไหวไปตามสายลม กลิ่นสุราหายไปสิ้นยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทา ไปเที่ยว เล่นโลกมนุษย์เป็ นเพื่อนเจ้าก็ดีเหมือนกัน”
สิ้นเปลืองของดี! ในยุคบรรพกาล นักพรตในโลกมนุษย์หมัก เหล้าดื่มเหล้า ข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดก็คือการหลอมสุราเป็ นปราณ วิญญาณ ถือเป็ นพฤติกรรมที่แย่มาก จากนั้นจึงจะเป็ นการดื่มเหล้า แล้วจึงสลายฤทธิ์สุรา
เสียวโม่ตบไหล่เจ้าอารามผู้เฒ่า “สหายปี้เซียว มีประโยคหนึ่งที่ ข้าอยากพูดมานานแล้ว เจ้าคนนี้ พฤติกรรมยามดื่มสุราไม่ได้เรื่อง เลยจริงๆ”
เจ้าอารามผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “สหายสุราพบเจอได้ยาก มีคนมากมาย เท่าไรในโลกนอกโต๊ะที่ไม่ดื่มสุราคารวะ แต่จะดื่มสุราลงทัณฑ์ เสี่ยว โม่ อย่าฝืนอยู่เลย ไปอ้วกเถอะ”
ลาคอของเสี่ยวโม่ขยับเล็กน้อย น้าในกระเพาะตีตื้นขึ้นมา แต่ กระนั้นก็ยังฝืนกลืนสุราที่แล่นมาจุกตรงลาคอลงไป
หวังหยวนลู่เห็นภาพนี้ก็ตัวสั่นเยือกอย่างควบคุมไม่ได้
่
นักพรตผอมแห้งผู้นี้เข้าใจอีกครั้งแล้ว ผู้อาวุโสเสี่ยวโม่ที่เป็ น มิตรน่าใกล้ชิดคนนี้เป็ นคนดื้อรั้น รักหน้าตา!
เจ้าอารามผู้เฒ่ามีสีหน้าเสียใจอย่างที่หาได้ยาก เอ่ยเสียงเบาว่า “เสี่ยวโม่ เจ้าน่าจะเดาได้แล้วว่าแรกเริ่มสุดโชควาสนานี้ของพื้นที่ มงคลดอกบัว เป็ นเส้นสายกระบี่เส้นหนึ่งที่ข้าช่วยสร ้างขึ้นมาให้เจ้า โดยเฉพาะ ในอดีตคิดว่าจะสามารถช่วยให้วิถีกระบี่ของเจ้าพัฒนา รุดหน้าไปอีกขั้นได้หรือไม่ เพียงแต่ว่ารออยู่ในอารามกวานเต๋าของ ตงไห่นานเกินไป จึงจาต้องเปลี่ยนเส้นสายนี้เสียใหม่”
เสี่ยวโม่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “เดาได้ตั้งนานแล้ว ข้าแค่รับ น้าใจของสหายไว้ก็พอส่วนผลลัพธ ์จะเป็ นเช่นไร สาหรับเจ้าและข้า แล้วจะนับเป็ นอะไรได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าวันนี้ข้าฝื นดื่มเหล้าไป มากมายขนาดนี้ก็แค่เพราะตะกละดื่มเท่านั้นจริงๆ หรือ?”
เจ้าอารามผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “หากไม่มีสหายที่มอบใจให้กันอย่าง จริงใจอยู่บ้างเลย โลกมนุษย์ใบนี้ก็จะขาดรสชาติไปอย่างสิ้นเชิง”
เสี่ยวโม่ยิ้มเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าข้าจะเป็ นเจ้าภาพ ลากเจ้า กับคุณชายให้มาดื่มเหล้าด้วยกัน”
เจ้าอารามผู้เฒ่าหันไปท าเสียงขากถุยอีกด้านหนึ่ง
เสี่ยวโม่รู ้สึกอ่อนใจเป็ นทบทวี
รู ้สึกเสียดายที่เวทกระบี่และขอบเขตของตัวเองไม่สูงมากพอ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะต้องกดหัวสหายให้ดื่มเหล้าแล้ว
่
เจ้าอารามผู้เฒ่าเอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “เสี่ยวโม่ คนที่เจ้าเห็น ในทุกวันนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่บุคคลผู้นั้นอีกแล้วนะ”
เสี่ยวโม่ยิ้มกล่าว “ข้ารู ้ว่าไม่ใช่”
ในลานบ้าน หลังจากหาวติดๆ กันอยู่หลายครั้ง กวอจู๋จิ่วก็หันไป ขออนุญาตอาจารย์พ่อแล้วนางก็ออกไปเดินเล่นชมทัศนียภาพเพียง ลาพัง เซี่ยโก่วพูดคุยกับ “พี่สาว ชิวชิงที่ยังไร ้ฉายาผู้นั้นอย่างถูกคอ นางจึงดึงตัวเด็กสาวให้ไปเดินเล่นใต้แสงจันทร ์กับเจ้าประมุขกวอ ด้วยกัน หลัวฟู่ เม่ยกลับอยากจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย แต่กลับถูกเพ่ ยเชียงใช ้เสียงในใจไล่นางไป หลัวฟู่ เม่ยจึงได้แต่ลุกขึ้นตามศิษย์น้อง หญิง ออกไปจากลานบ้านพร ้อมกับเด็กสาวสวมหมวกขนเตียว แซ่เซี่ยผู้นั้น ในใจนางเต็มไปด้วยความเสียดาย เพราะนางรู ้สึกว่า ไม่ได้พูดคุยกับเจ้าขุนเขาเฉินสักค า ไม่ใช่แค่เสียเปรียบเล็กน้อย เท่านั้น แต่เสียเปรียบอย่างมากเลยล่ะ!
ตอนนี้แม้กระทั่งเค้าโครงเรื่องเล่าขุนเขาสายน้าเรื่องหนึ่งนางก็ยัง แต่งไว้ได้เรียบร ้อยแล้ว โครงเรื่องคร่าวๆ ของเรื่องนี้ก็คือหลัวฟู่ เม่ย เป็ นเด็กน้อยไม่รู ้ประสา ได้ถูกมรรคาใต้แสงจันทร ์กับอิ่นกวานหนุ่ม ในคืนหนึ่งของเดือนปีหนึ่ง ไม่รู ้ฟ้ าสูงแผ่นดินต่า พูดจาโต้เถียงเจ้า ขุนเขาเฉินไปอย่างไร ้มารยาท ผลคืออีกฝ่ ายมีไฟโทสะสูงสามจัง สี หน้าดุดันเฉียบกร ้าว นางโดนตวาดสั่งสอนไปรอบหนึ่ง แต่นางไม่ตาย มีชีวิตรอดมาได้!
่
เมื่อเป็ นเช่นนี้ วันหน้าในแคว้นหูยังจะมีใครกล้ากร่างกับนางอีก? เทียบกันเรื่องขอบเขตอะไร ต้องเทียบกันเรื่องความกล้าหาญและ ความองอาจเด็ดเดี่ยวสิ!
เพ่ยเซียงยิ้มเอ่ย “เจ้าขุนเขา เกาจวินหวนกลับมายังพรรคหูซาน ครานี้ ได้ทดลองปล่อยจิตหยินออกจากช่องโพรงเดินทางไกลครั้ง หนึ่ง เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ในที่สุดก็สามารถถือว่าเป็ นการเดิน ทางไกลอย่างสมชื่อแท้จริงได้แล้ว นางเดินทางไปจนถึงอาณาเขต ชานเมืองหลวงของแคว้นเป่ ยจิ้น ตอนนั้นข้าเองก็คอยตามอยู่ ด้านหลังจิตหยินของนางอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล”
ฝึกบ าเพ็ญตนจนกลายเป็ นโอสถทอง ล้วนถือเป็ นคนรุ่นเดียวกับ ข้า เซียนดินสองคนแรกในประวัติศาสตร ์ของพื้นที่มงคลล้วนมาจาก พรรคหูซานแคว้นซงไล่ทั้งสิ้น
ในเมื่อคุณสมบัติด้านการฝึกตนของเกาจวินดีเยี่ยม อันที่จริงก็ เป็ นการประทานจากมหามรรคาอย่างหนึ่งที่ฟ้ าดินแห่งนี้มอบให้แก่อวี๋ เจินอี้อย่างที่มองไม่เห็น
นับตั้งแต่กลายเป็ นผู้ฝึกลมปราณ จนกระทั่งสร ้างโอสถทอง ทุก ก้าวที่เดินขึ้นเขา ทุกขั้นบันไดขอบเขตล้วนเป็ นทัศนียภาพใหม่เอี่ยม
ดังนั้นจนถึงทุกวันนี้ในพื้นที่มงคลรากบัวก็ยังไม่มีการแบ่ง ขอบเขตอย่างเป็ นรูปธรรม
่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยจิตออกเดินทางที่ลี้ลับมหัศจรรย์ อย่างยิ่ง แม้กระทั่งปีนั้นที่อวี๋เจินอี้เป็ นขอบเขตก่อกาเนิดก็ยังต้องระวัง แล้วระวังอีก
ผู้บรรลุมรรคาที่เปลี่ยนจากชรากลับมาเป็ นเด็กผู้นี้ มีเพียงตอน ก่อนจะ “บินทะยานเท่านั้นที่ถึงจะถ่ายทอดคาถาลับด้วยปากให้กับ เกาจวินอย่างหมดหน้าตัก ไม่เคยทิ้งบันทึกที่เป็ นลายลักษณ์อักษร ใดๆ ไว้ในพรรคหูซาน
“ข้าเดาว่าการที่ก่อนหน้านี้เกาจวินไม่กล้าทดลองปล่อยจิตหยิน ออกจากช่องโพรงง่ายๆ เป็ นเพราะปีนั้นอวี๋เจินอี้ผู้เป็ นอาจารย์ก็ยังไม่ เคยสร ้างจิตหยางกายนอกกายได้ นางจึงรู ้สึกว่าไม่ควรเสี่ยงอันตราย ทาเรื่องนี้ อาจารย์และศิษย์สองคนนี้มีหรือจะรู ้ว่าการปล่อยจิตออก จากช่องโพรงของเซียนดินนั้นง่ายดายมาก เป็ นเรื่องปกติทั่วไปอย่าง ยิ่งในใต้หล้าไพศาล ไหนเลยจะต้องเปิดปฏิทินเหลืองเลือกวันฤกษ์ งามยามดี ยิ่งไม่มีข้อห้ามที่ว่าตอนกลางวันไม่ควรปล่อยจิตหยินออก จากช่องโพรง”
ฉางมิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกเรารู ้สึกว่าง่าย เพียงแค่ เพราะพวกเรามีประสบการณ์ในอดีตที่ผู้อาวุโสบนภูเขาหลายคน สะสมเอาไว้ พวกเขาอาจารย์และศิษย์รู ้สึกว่ายากล าบากก็เพราะทุก อย่างล้วนสร ้างขึ้นมาจากความว่างเปล่า ต้องอาศัยการใคร่ครวญ พิจารณาทีละนิดของตัวเอง นี่คือความรู ้ที่แท้จริง คือความรู ้ประจา ตระกูลและการถ่ายทอดวิชานับแต่ที่มีการเปิดภูเขาบุกเบิกจวนเซียน
่
ตามความหมายที่แท้จริง เอ่ยประโยคที่ไม่น่าฟังสักหน่อย หากแคว้น หูของพวกเจ้าไม่มีภูเขาลั่วพั่วเป็ นที่พึ่ง ผ่านไปอีกสามร ้อยห้าร ้อยปี อย่างมากสุดพันปีก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะงัดข้อกับพรรคหูซานได้เลย ไม่แน่ว่าในศาลบรรพจารย์ของพรรคหูซาน นอกจากเจ้าประมุขเกาจ วินแล้ว อย่างน้อยที่สุดต้องมีเจ้าของเก้าอี้สามถึงห้าตัวที่ไม่ว่าจะเลือก ใครออกมาสักคนก็สามารถกวาดล้างแคว้นหูจนสิ้นซากได้แล้ว”
สีหน้าของเพ่ยเซียงไม่น่ามองขึ้นมาทันใด
เพียงแค่เพราะอีกฝ่ ายคือผู้คุมกฏของภูเขาลั่วพั่ว ดังนั้นเพ่ ยเซียงจึงไม่อาจพูดอะไรได้
เฉินผิงอันคลี่ยิ้มช่วยพูดไกล่เกลี่ยให้ว่า “สิ่งที่สหายฉางมิ่งพูด เกินครึ่งคือเรื่องจริง แต่แคว้นหูของพวกเจ้ามีที่พึ่งก็เป็ นเรื่องจริง เหมือนกันนี่นา”
เพ่ยเซียงคลี่ยิ้มหวาน เปลี่ยนเรื่องพูดด้วยการเอ่ยถ้อยคาดีๆ “เจ้าขุนเขา เล่าลือกันว่าในโลกมนุษย์มีพื้นที่มงคลทั้งหมดเจ็ดสิบ สองแห่ง พื้นที่มงคลที่เลื่อนเป็ นระดับสูง เดิมทีก็มีน้อยจนนับนิ้วได้ อีกทั้งไม่แน่เสมอไปว่าจะกลายมาเป็ นเค้าโครงมหามรรคาที่ได้ ครอบครองสติปัญญาเหมือนเด็กน้อยเสมอไป ไม่ว่าจะอย่างไร พื้นที่ มงคลรากบัวของพวกเราก็โชคดีมาก สตรีที่ก่อนหน้านี้ถือกาเนิด จากโชคชะตาบุ๋นในโลกมนุษย์ก็คือนิมิตหมายอย่างหนึ่