กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1075.1 ถามหมัด ถามมรรคา ถามกระบี่ มาพร ้อม กัน
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1075.1 ถามหมัด ถามมรรคา ถามกระบี่ มาพร ้อม กัน
หลิวซวีเดินออกมาจากพื้นที่มงคลรากบัว ริ้วคลื่นกระเพื่อม ระลอกหนึ่ง เขาก็มาถึงเรือนหลังหนึ่ง ร่มกางดุจบุปผาผลิบานลอยอยู่ กลางอากาศพร ้อมหมุนเบาๆ หลิวซวี่มาเผย กายอยู่ภายใต้ “ร่มเงา”
“หน้าประตู” มีแม่นางน้อยชุดดาคนหนึ่งยืนตัวตรงรออยู่ ศีรษะ ของนางก าลังบิดหมุนช ้าๆ หมุนไปจนสุดการมองเห็นของฝั่งซ ้ายแล้ว จึงหมุนกลับมาทางขวา ทาซ้าไปซ้ามา เรียกขานการกระทานี้อย่าง ไพเราะว่าเป็ นการมองลาดตระเวน
ข้างกันยังมีเด็กชายผมขาวอยู่ด้วยคนหนึ่ง รับหน้าที่คอยจด บันทึกเวลาที่คนนอกเข้าออกพื้นที่มงคลอย่างแม่นยา ขุนนางผู้เรียบ เรียงต าราของภูเขาลั่วพั่วคนนี้ทาหน้าที่เป็ นเทพทวาบาลพร ้อมกับแม่ นางน้อยที่สะพายกระเป๋ าผ้าฝ้ ายพาดไหล่ไว้เฉียงๆ
หลิ่วซวี่มาถึงภูเขาลั่วพั่วแล้วถึงได้รู ้ว่าสถานที่แห่งนี้มีชื่อว่ายอด เขาจี๋หลิง แต่ศาลบรรพจารย์ของภูเขาลั่วพั่วนั้นอยู่ที่ยอดเขาจี้เซ่อซึ่ง เป็ นยอดเขารอง ไม่ได้อยู่บนภูเขาบรรพบุรุษ
เพราะเจ้าขุนเขาและผู้ดูแลใหญ่จูเหลี่ยน และยังมีบรรพจารย์ผู้ คุมกฏฉางมิ่ง ทุกวันนี้ต่างก็ไม่อยู่บนภูเขา ดังนั้นจึงมอบ “กุญแจเปิด ประตู” ของพื้นที่มงคลให้หน่วนซู่เป็ นคนเก็บไว้เรือนหลังหนึ่งที่สร ้าง
ขึ้นกลางภูเขาโดยเฉพาะเอาไว้วางร่มใบถง อันที่จริงนอกจากเวทอ า พรางตาชั้นหนึ่งแล้ว ในเรือนแห่งนี้ก็ไม่มีการสร ้างตราผนึกขุนเขา สายน้าอะไรอีก
ไปลงบันทึกไว้ที่หน้าประตูก่อน เจ้าประมุขลาคลองหลัวหม่าคน ปัจจุบันผู้นี้บอกว่ามีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้าขุนเขาเฉิน ได้ยินว่าเฉินผิง อันไปที่พื้นที่มงคล เดิมทีหลิ่วซวี่คิดว่าจะรอแต่เด็กหญิงชุดกระโปรง ชมพูถามว่าเขารีบหรือไม่ หลิ่วซวี่บอกว่าไม่ได้รีบมากเท่าไร รอได้ เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูจึงบอกให้เซียนกระบี่หลิ่วรอสักครู่ จากนั้น นางก็วิ่งไปหาเหวยเหวินหลงแห่งห้องบัญชีเฉวียนฝู่ ที่ตอนนั้นมี ตาแหน่งขุนนางใหญ่ที่สุดบนภูเขา เมื่อเหวยเหวินหลงพยักหน้าตอบ ตกลง หน่วนซูถึงได้กางร่มใบถงออก หลิ่วซวี่ถึงได้เดินทางไปเยือน ทะเลสาบชิวชี่ ก่อนที่หลิ่วซวี่จะออกเดินทางได้ควักเงินฝนธัญพืช ออกมาถุงหนึ่ง บอกว่าทาตามกฎ ผู้ฝึกตนเข้าออกพื้นที่มงคลจะทา ให้ปราณวิญญาณไหลออกไปข้างนอก อีกทั้งยังอาจจะน าพา โชคชะตาส่วนหนึ่งออกไปจากพื้นที่มงคลด้วย ก็เหมือนกับยามเดิน ขึ้นเขาแล้วเสื้อผ้าอาจสัมผัสโดนไอหมอก ดังนั้นเงินก้อนนี้จึงถือเป็ น ค่าเดินทาง หน่วนซู่เพียงแค่ส่ายหน้าบอกว่าไม่ต้อง เซียนกระบี่หลิ่ว คือสหายรักของนายท่านเจ้าขุนเขาบ้านตน ไม่จ าเป็ นต้องคิดเล็กคิด น้อยในเรื่องนี้ หากภายหลังเจ้าขุนเขารู ้เรื่องนี้เข้าจะต้องโทษที่ตัวเอง รับรองแขกได้ไม่ดีพอ…ตอนนั้นเด็กชายผมขาวเพียงแค่แสยะปาก ใต้ เท้าอิ่นกวานโทษใครก็ไม่มีทางโทษไปถึงหัวของหน่วนซู่ได้หรอก แต่
หลิ่วซวี่ยืนกรานว่าจะจ่ายเงิน บอกว่าถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็จะรอให้เฉิน ผิงอันกลับภูเขาอยู่ข้างนอก หน่วนซู่ปฏิเสธเซียนกระบี่แช่หลิ่วลา คลองหลัวหม่าที่มีสีหน้าจริงจังผู้นี้ไม่ได้ จึงได้แต่รับเงินเทพเซียนถุง นั้นไว้ชั่วคราว ยามที่ถุงเงินมาอยู่ในมือก็รู ้สึกได้ว่าหนักมาก
ต้องไม่ใช่เงินเกล็ดหิมะหรือเงินร ้อนน้อยแน่นอน
หลิ่วซวี่หวนกลับมาที่ยอดเขาจี๋หลิง เพียงไม่นานก็ขอตัวจากไป ปฏิเสธแม่นางน้อยชุดดาที่จะลงไปส่งล่างภูเขาอย่างละมุนละม่อม เขา เดินทางกลับไปที่ท่าเรือหนิวเจี่ยวเพียงลาพัง ขึ้นเรือข้ามฟากของ ตาหนักฉางชุนลานั้นแล้วออกเดินทางลงใต้ต่ออีกครั้ง
แต่ก่อนจะจากลา หลิ่วซวี่ได้เชิญให้หมี่ลี่น้อยที่เป็ น ‘คนบ้าน เดียวกัน” ว่าหากมีเวลาว่างก็ไปเป็ นแขกที่สกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่า บอกว่าทางตระกูลของตนรู ้สึกว่าเหล้าทะเลสาบคนใบ้รสชาติอร่อย เลื่อมใสผู้พิทักษ์โจวที่รับหน้าที่เป็ นผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาของภูเขา ลั่วพั่วอย่างมาก รู ้สึกเป็ นเกียรติอย่างยิ่ง
นี่ทาให้หมี่ลี่น้อยดีใจแทบตาย ยัดปลาน้อยตากแห้งที่อยู่ใน กระเป๋ าผ้าฝ้ ายไปให้เซียนกระบี่หลิ่วทั้งหมด บอกว่าเอาไว้กินเป็ น กับแกล้มระหว่างทาง หลิ่วซวี่ไม่ได้เกรงใจ บอกว่าเมื่อก่อนตอนอยู่ที่ ร ้านเหล้าเถ้าแก่รองก็มักจะพูดบ่อยๆ ว่าเอาปลาน้อยตากแห้งของบน ภูเขาบ้านข้ามาแกล้มสุรา รสชาตินั้นมีเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีอะไรมา เทียบเคียงได้อีกแล้ว
รอกระทั่งหน่วนซู่มอบถุงเงินใบนั้นให้กับนักบัญชีเหวย ผลคือ เหวยเหวินหลงเปิดออกดูถึงได้พบว่านอกจากด้านบนจะเป็ นเงินฝน ธัญพืชทั้งหมดจริงๆ แล้ว ด้านล่างยังถึงกับเป็ นเหรียญทองแดงแก่น ทองที่มีมูลค่าควรเมือง
ลองนับอย่างละเอียดก็มีเหรียญทองแดงแก่นทองที่ลักษณะ โบราณเรียบง่ายถึงสามสิบหกเหรียญ ไม่ค่อยเหมือนกับเงินอิ๋งชุน เงินก้งหย่างและเงินยาเซิ่งของเมืองเล็กในอดีตสักเท่าไร
เด็กชายผมขาวจุ๊ปากประหลาดใจ เอ่ยชื่นชมติดๆ กันว่าสกุล หลิ่วลาคลองหลัวหม่ามีเงินจริงๆ เซียนกระบี่หลิ่วก็มีคุณธรรมจริงๆ ความสามารถในการคบหาสหายของบรรพบุรุษอิ่นกวานก็ช่างไม่มี อะไรให้พูดเลย!
เงินเหรียญทองแดงแก่นทองที่มองดูเหมือนจะเป็ น “กลุ่มดาวเป่ย โต้วสามสิบหกดวง” ครบชุด ด้านหนึ่งแกะสลักเป็ นชื่อดวงดาวและ ถ้อยค ามงคล ด้านล่างแกะสลักเป็ นเค้าโครงของนครแห่งหนึ่ง อีก ด้านหนึ่งแกะสลักเป็ นภาพดวงดาวบนผ้าและองค์เทพที่เฝ้ าพิทักษ์ซึ่ง มีแสงเรืองรองล้อมอยู่รอบกาย…ต่อให้เป็ นเหวยเหวินหลงที่อ่านตารา หลากหลายก็ยังไม่รู ้ประวัติความเป็ นมาและสาเหตุการสร ้างเหรียญ ทองแดงแก่นทองพวกนี้ คาดว่าน่าจะต้องถามเอาจากชุยตงซานที่ ตอนนี้กาลังรับรองแขกอยู่ที่จวนแห่งอื่น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเงินเหรียญ ทองแดงแก่นทองลักษณะเก่าแก่โบราณที่เรียกได้ว่าเป็ น “ของ
คุณภาพดี” พวกนี้ราคาจะต้องอยู่เหนือเงินเหรียญทองแดงแก่นทอง ทั่วไปแน่นอน
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่หน้าประตูภูเขา หลิ่วซวี่ก็ได้เห็นชายวัย กลางคนชุดเขียวที่ปรากฏตัวอย่างลับๆ ล่อๆ เขากุมหมัดยิ้มเอ่ยกับ หลิ่วซวี่ว่า “โจวเฝยผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของภูเขาลั่วพั่ว คารวะเจ้า
ประมุขหลิ่ว
เดิมทีพอได้ยินว่ามีคนของล าคลองหลัวหม่าอุตรกุรุทวีปมาเยือน ภูเขาลั่วพั่ว เจียงซ่างเจินก็เริ่มไปหลบอยู่ในเรือนพักของพี่น้องต้าเฟิง ที่ตีนเขาไม่ออกมาพบเจอผู้คน รอกระทั่งเขาลองเปิดสมุดบัญชีเล่ม หนึ่งแล้วคิดคานวณอย่างละเอียด ไม่ถูกนี่นา ปีนั้นข้าไม่เคยไปหา เรื่องสตรีสกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่าคนใดเลย สกุลหลิ่วก็แค่สนิทกับ สกุลหยวนศาลซานหลางเท่านั้น ตนเป็ นคนเที่ยงตรงผึ่งผาย ไม่มี เหตุผลให้ต้องหลบหน้าไม่กล้าพบเจอใคร ดังนั้นจึงมาเฝ้ าตอรอ กระต่าย รอให้หลิ่วซวี่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่
หลิ่วซวี่หยุดเดิน กุมหมัดคารวะกลับคืน “หลิ่วซวี่แห่งลาคลอง หลัวหม่าคารวะอดีตเจ้าส านักเจียง”
หากไม่เป็ นเพราะในศึกที่ใบถงทวีป เจียงซ่างเจินไม่ผิดต่อค าว่า “เซียนกระบี่” ทาให้บนภูเขาของอุตรกุรุทวีปเปลี่ยนภาพจาต่อคนผู้นี้ ไปไม่น้อย หลิ่วซวี่ก็คงไม่ยินดีจะหยุดทักทายอีกฝ่ ายจริงๆ หาไม่แล้ว หากอิงตามคาพูดบ้านๆ ของที่บ้านเกิด เจ้ามีเงินก็มีไปเถอะ ขอบเขต เจ้าสูง ข้าแค่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเจ้าก็พอ แล้วนับประสาอะไรกับที่ต่อให้
หลิ่วซวี่จะไม่รู ้สึกว่าค านินทาของคนน่ากลัวสักแค่ไหน แต่ถึงอย่างไร มีเรื่องเพิ่มมาหนึ่งเรื่องก็ไม่สู้มีเรื่องน้อยลงหนึ่งเรื่อง เขาไม่ยินดีจะให้มี ดินเหลืองเปื้อนกางเกงจริงๆ เพราะถึงอย่างไรหากอุตรกุรุทวีปรู ้ว่าตน เคยดื่มเหล้าร่วมโต๊ะกับเจียงซ่างเจินมาก่อน ชื่อเสียงของสกุลหลิ่วลา คลองหลัวหม่าก็คงจบเห่แล้ว
ดังนั้นพอเจียงซ่างเจินบอกว่าจะไปส่งหลิ่วซวี่ถึงท่าเรือหนิวเจี่ยว หลิ่วซวี่ถึงได้ปฏิเสธความหวังดีของอีกฝ่ ายอย่างหนักแน่น
พูดถึงแค่อุตรกุรุทวีปในทุกวันนี้ ทุกครั้งที่พูดถึงอิ่นกวานหนุ่ม ต่างก็รู ้สึกเสียดายกันอยู่บ้าง มีความรู ้สึกเหมือนหยกขาวที่มีจุดด่าง พร ้อย ไฉนถึงปล่อยให้เจ้าโจรเจียงมาเป็ นผู้ถวายงานที่ได้รับการ บันทึกชื่อได้นะ
แต่เพียงไม่นานก็มีคนช่วยหาเหตุผลให้อิ่นกวานหนุ่ม คิดดูแล้ว ปี นั้นภูเขาลั่วพั่วคงจะขาดเงินจริงๆ ถึงได้ปล่อยให้เจ้าโจรเจียงที่ ร่ารวยเงินทองหาช่องว่างมานั่งกินตาแหน่งเปล่าโดยไม่ท าประโยชน์ อยู่บนภูเขาลั่วพั่วได้ นี่แสดงให้เห็นว่าช่วงเริ่มต้นของการเปิดภูเขา ก่อตั้งพรรคที่บ้านเกิดของเจ้าขุนเขาเฉินในปีนั้นไม่ง่ายถึงเพียงใด จะต้องยากจนจนไม่มีข้าวสารกรอกปากหม้อแน่นอน เพียงแต่ว่าเจ้า โจรเจียงก็ช่างหน้าหนาเหลือเกิน ได้ทั้งเงินทุนได้ทั้งก าไรคืนไปแล้วก็ ควรจะไสหัวไปได้แล้ว ยังมีหน้ามาอยู่ต่อบนภูเขา ทาร ้ายชื่อเสียง ยิ่งใหญ่อันดีงามของเฉินอิ่นกวานและภูเขาลั่วพั่วท าไม?
ทุกวันนี้ขอแค่มีแขกมาเยี่ยมเยือนภูเขาลั่วพั่ว สามารถนั่งลงดื่ม ชาที่หน้าประตูภูเขาหรือไม่ก็ขึ้นไปดื่มเหล้าบนภูเขาได้ ภูเขาลั่วพั่วก็ จะต้องมอบยันต์กระบี่ที่ปีนั้นสานักกระบี่หลงเฉวียนเป็ นผู้สร ้างให้ชิ้น หนึ่ง
หลิวซวี่ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “รบกวนอดีตเจ้าส านักเจียงช่วยน า ความไปบอกเจ้าขุนเขาเฉินสักค า เงินเทพเซียนถุงนั้นเป็ นของขวัญ แสดงความยินดีของข้าหลิ่วซวี่เอง ส่วนการค้าขายระหว่างภูเขาลั่ว พั่วและสกุลหลิ่วหลังจากนี้ค่อยว่ากันอีกที
เงินเหรียญทองแดงแก่นทองถุงนั้นเป็ นสกุลหลิ่วลาคลองหลัว หม่าที่ส่งกระบี่บินกลับมาให้หลิ่วซวี่อย่างว่องไวหลังจากที่หลิ่วซวี่ส่ง กระบี่บินสอบถามไป
เจียงซ่างเจินพยักหน้า “เรื่องเล็กน้อย ยินดีช่วยอยู่แล้ว
เจิ้งต้าเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างกายนักพรตเซียนเว่ย เขา ปิดหนังสือลง ยิ้มเอ่ยว่า “แค่มองก็รู ้ว่าเป็ นชายแก่ที่มีเรื่องราว”
เจียงซ่างเจินพยักหน้า “สกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่า มากพอจะ เขียนนิยายเรื่องเล่าขานในยุทธภพได้หลายสิบเล่มเลยล่ะ”
เจิ้งต้าเฟิ งกล่าวอย่างประหลาดใจ “เจ้าหมอนี่ถึงกับเป็ นเจ้า ประมุขคนปัจจุบันของสกุลหลิวล าคลองหลัวหม่าเชียวหรือ?”
ตบหัวตัวเองแล้วเจิ้งต้าเฟิงก็จุ๊ปาก “นึกออกแล้ว คนเราจะดูกัน แค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ฝึกกระบี่ที่เขียนป้ ายสงบสุข ได้อย่างมีพรสวรรค์เช่นนั้น ยามออกจากบ้านจะแต่งกายแบบนี้”
เจียงซ่างเจินยิ้มเอ่ย “ถึงได้ถูกชะตากับเจ้าขุนเขาอย่างไรล่ะ” ตอนนั้นบนโต๊ะเหล้าของเมืองหลวงต้าหลี เฉินผิงอันวางเหรียญ
ทองแดงแก่นทองสามเหรียญลงไปบนโต๊ะ
“หลิ่วซวี่ เจ้ามีเงินเหรียญทองแดงแก่นทองประเภทนี้หรือไม่? สกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่ายินดีขายหรือไม่?”
“ในมือข้าไม่มี แต่ขอแค่สกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่ามีเก็บไว้ใน คลังก็ยินดีขายแน่นอน
“ไม่ล าบากใจหรือ?”
“เปลี่ยนเป็ นคนอื่นที่ถามคาถามข้อนี้ สกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่า คงไม่ต้อนรับแขกแล้วเจ้าดื่มเลย ลงโทษตัวเองหนึ่งชาม
ค้าขายส่วนค้าขาย ผู้ฝึกกระบี่กับผู้ฝึกกระบี่
ในเรือนพักส่วนตัวของห่านขาวใหญ่ ชุยตงซานลากศิษย์พี่หญิง ใหญ่เผยเฉียนให้อยู่ต้อนรับแขกอย่างฝูลู่อวี๋เสวียนด้วยกัน
จวินเชี่ยนกับป๋ ายเหย่ก็มาอยู่เป็ นเพื่อนด้วย ทาให้เงินเหรินผู้เฒ่า ตกใจที่ได้รับความเมตตาโดยไม่คาดฝัน การเดินทางมาเยือนภูเขา ลั่วพั่วแจกันสมบัติทวีปในครั้งนี้ได้กาไรก้อนใหญ่เลย
ในประวัติศาสตร ์ของใต้หล้าไพศาล จวนเซียนที่ได้ครอบครอง ศาลบรรพจารย์ส านักดั้งเดิมพร ้อมกับสานักเบื้องบนและเบื้องล่างสอง แห่งพร ้อมกัน มีน้อยจนนับนิ้วได้
และบังเอิญที่ภูเขาเถาฝูของอวี๋เสวียนเป็ นหนึ่งในนั้นพอดี
ในนามนั้นเงินเหรินผู้เฒ่ามาหาเผยเฉียน ปีนั้นตอนอยู่ที่เกราะ ทองทวีปได้เห็นเผยเฉียนต่อสู้อยู่บนสนามรบ เจินเหรินผู้เฒ่ามีความ ประทับใจที่ไม่เลวต่อแม่นางน้อย คือคนชื่อที่หาเงินโดยสุจริต
นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอีกสองข้อ ได้มาเจอกับเด็กหนุ่มสวม หมวกหัวเสือที่เป็ นแขกเช่นเดียวกันบนภูเขาลั่วพั่ว กาลเวลายาวนาน อวี๋เสวียนกับผู้ที่เป็ นความภาคภูมิใจที่สุดในโลกมนุษย์ผู้นี้ถึงกับไม่ เคยพูดคุยกันอย่างจริงจังเลยสักครั้ง ต้องชดเชยเสียหน่อย อีกอย่าง ก็คือเจินเหรินผู้เฒ่าอยากจะรู ้จักสหายจิ่งชิงที่ตั้งฉายาให้ตัวเองว่า “ราชามังกรน้อยแห่งภูเขาลั่วพั่ว ผู้นั้นเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ ธารดวงดาวนอกฟ้ า ซิ่วไฉเฒ่าได้เล่าถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของ เด็กชายชุดเขียวให้ฟังคร่าวๆ นี่ทาให้อวี่เสวียนสนใจอย่างมากต้อง ใจกล้าถึงเพียงใดถึงได้เรียกเจิ้งจวีจงว่าศิษย์หลานต่อหน้า
เดิมทีเฉินหลิงจวินไม่ยินดีจะติดตามห่านขาวใหญ่มาต้อนรับฝูลู่ อวี่เสวียนสักเท่าไร เพราะถึงอย่างไรผู้เฒ่าที่มีคุณธรรมชื่อเสียงเลื่อง ลืออยู่ในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางผู้นี้ก็อยู่หน้าแรกๆ ของ “รวมเล่ม คนผ่านทาง
ผลคือเจินเหรินผู้เฒ่าเรียกร ้องว่าอยากจะจิบเหล้าเล็กๆ น้อยๆ กับสหายจึงชิง ท าเอาเด็กชายชุดเขียวอึ้งค้างไปทันที ฝืนใจนั่งลง ท่า นั่งนั้นต้องเรียกว่าเคร่งขรึมจริงจัง บางครั้งอวี๋เสวียนเป็ นฝ่ ายชวนคุย ตอนที่ตอบกลับ สายตาของเฉินหลิงจวินก็มักจะสอดส่ายไม่อยู่นิ่งไม่ กล้ามองสบตากับเจินเหรินผู้เฒ่าเด็ดขาด หากเป็ นเรื่องที่สามารถ อธิบายได้ชัดเจนด้วยสองค าก็จะไม่มีทางพูดสามค าแน่นอน
นี่ทาให้เจินเหรินผู้เฒ่าอดพึมพาในใจไม่ได้ หรือว่าชื่อเสียงคา วิจารณ์ของข้าผู้อาวุโสในภูเขาลั่วพั่วไม่ดีเท่าไร?
ไม่น่าจะใช่นะ จาได้ว่าตอนนั้นเผยเฉียนออกจากสนามรบเคย เอ่ยค าพูดอย่างจริงใจหลายค า บอกว่าอาจารย์พ่อของตนเคยเอ่ย ประโยคหนึ่งกับนางว่า “เป็ นเอกในด้านยันต์ ฆ่าคนกลิ่นอายเซียน เลิศล้า” คาประเมินนี้ไม่น่าจะต่ากระมัง?
เป็ นเหตุให้หลายปีมานี้รายงานขุนเขาสายน้าของสานักสามแห่ง บ้านตนต่างก็เริ่มคัดลอก ยืมใช ้คากล่าวนี้ถี่ๆ กันแล้ว ว่ากันว่าโลก ภายนอกก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง รู ้สึกว่าคากล่าวนี้ไม่ธรรมดา ใช ้กับ ตัวเจินเหรินผู้เฒ่าแล้วเหมาะสมอย่างมาก
อวี๋เสวียนถามอย่างประหลาดใจ “เจ้าส านักชุย เรือกระบี่ลานั้น?”
ชุยตงซานส่งเสียงเรอเพราะฤทธิ์สุรา หัวเราะร่าเอ่ยว่า “เป็ น ของขวัญร่วมแสดงความยินดีที่เจ้าตะพาบเฒ่าบางคนมอบไว้ให้
อาจารย์ของข้าล่วงหน้า ฮ่า แต่ถูกลูกศิษย์อย่างข้าดักชิงมาไว้ก่อน ก าลังกลุ้มอยู่เลยว่าควรจะอธิบายกับอาจารย์อย่างไรถึงจะไม่ถูกตี”
เป็ นของขวัญร่วมแสดงความยินดีที่ซิ่วหู่มอบให้กับศิษย์น้องเล็ก อย่างเฉินผิงอัน เขาได้ดึงเอาเรือกระบี่ ปิ่งติง ลานี้ออกมาจากรายชื่อ เรือกระบี่ของกองทัพต้าหลีล่วงหน้าอย่างลับๆ นานแล้ว
ของอาจารย์ก็คือของลูกศิษย์ ภูเขาลัวทั่วที่เป็ นสานักเบื้องบน ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ส านักวิถีกระบี่ ดังนั้นจึงถูกชุยตงซานขุดมุมก าแพง ไปทั้งอย่างนี้
ของอย่างเรือกระบี่นี้ สรรพคุณแตกต่างจากป๋ ายอวี้จิงจาลองที่ อยู่กลางอากาศเหนือลาน้าใหญ่ของเมืองหลวงสารองอย่างสิ้นเชิง อย่างหลังมีไว้สังหารผู้ฝึกตนใหญ่โดยเฉพาะส่วนอย่างแรกกลับเป็ น ฝันร ้ายบนสนามรบของเผ่าปีศาจกระโจมทัพเปลี่ยวร ้างในอดีต ขอ แค่เรือกระบียืนยันต าแหน่งบนสนามรบและพิกัดเส้นรุ ้งเส้นแวงไว้ก่อน ล่วงหน้า เรือกระบี่ลาใหญ่โดมโหฬารที่ลอยอยู่นอกสนามรบแค่ต้อง ระดมยิงจากระยะไกลหนึ่งรอบก็สามารถดาเนินการกวาดล้างพื้นที่ เป้ าหมายในระยะรัศมีพันลี้ได้อย่างแม่นยา กระบี่บินถี่หนาจะเหมือน น้าตกที่เทลงบนพื้นดิน สนามรบในรัศมีหลายสิบลี้ถูกกวาดทาลาย ไปเป็ นแถบๆ