กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1078.4 หยิบเรื่องราวมาเติมเต็มใจคน
เฉินผิงอันกล่าว “ผู้ฝึ กลมปราณต่ากว่าเซียนดินบุกเบิกช่อง โพรงลมปราณก็เหมือนการขุดบ่อไปทั่ว จานวนบ่อน้ามีมาก ปราณ วิญญาณที่สะสมไว้ก็มีมาก แต่ระดับความสูงต่าและการเพิ่มการลด ของระดับน้ากลับยังมีขีดจากัดอยู่ที่ฟ้ าอานวยและดินอวยพร ทาไม บ้านเกิดของข้าถึงได้พูดกันว่า “ผู้สร ้างโอสถทองส าเร็จก็คือคนรุ่น เดียวกับข้า? เพียงแค่เพราะเมื่อผู้ฝึกลมปราณสร ้างโอสถทองได้แล้ว ก็จะเหมือนครอบครัวที่ฐานะมีอันจะกินที่สร ้างห้องใต้ดินขนาดใหญ่ ยักษ์ขึ้นมา สามารถเก็บน้าแข็งเอาไว้ได้ พอถึงหน้าร ้อนอากาศร ้อน แผดเผา ขอแค่อยากกินก็จะได้กินเหล้าบ๊วยเย็นๆ ที่สดชื่นดับ กระหายได้ทุกเมื่อ หรือไม่ก็เหมือนอย่างการสร ้างสะพานแห่งความ เป็ นอมตะเส้นหนึ่งเอาไว้ เชื่อมโยงในและนอกร่างกายมนุษย์ นี่ก็คือ คาที่ว่า “ร่างกายของนักพรตคือถ้าสวรรค์เล็ก ฟ้ าดินนอกกายคือ พื้นที่มงคลขนาดใหญ่” อย่างที่กล่าวถึงในคาถาเซียน หลักการ เหตุผลพวกนี้ อันที่จริงล้วนเป็ นลู่ไถที่เคยพูดกับข้า ข้าก็แค่น ามา บอกต่อเท่านั้น”
ด้วยนิสัยประหลาดและการกระทาที่ผิดจากคนปกติของลู่ไถ ปี นั้นจะต้องทิ้งเงามืดไว้ในใจโจวซูเจินอย่างแน่นอน หากพอจะกอบกู้ ภาพลักษณ์เขาให้ดีขึ้นได้หน่อยก็ทาไปเถอะ
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “วางใจเถอะ วันหน้าแคว้นหูไม่มีทางแตะต้อง หอจิ้งหย่างแน่ แต่หากพวกเจ้ายินดีจะเป็ นพันธมิตร กลายเป็ นสหาย บนภูเขากัน ข้าก็ยินดีที่จะได้เห็น”
ทั้งสองสถานที่ต่างก็มีสตรีอยู่เยอะ เป็ นสตรีเหมือนกันก็อย่าได้ สร ้างความล าบากใจให้กับสตรีด้วยกันเลย
โจวซูเจินยอบกายคารวะแล้วเดินนวยนาดกลับเข้าไปในอาราม ต้ามู่ พอนางคิดถึงว่าจะต้องไปเจอเว่ยเหลียงกับนังแพศยาไร ้ยางอาย ผู้นั้นก็อารมณ์ย่าแย่แล้ว
เพ่ยเซียงกล่าวอย่างละอายใจ “เจ้าขุนเขา แคว้นหูทาเรื่องเป็ น การเป็ นงานไม่ส าเร็จเลยสักเรื่อง แล้วยังช่วยให้เสียเรื่องอีก อย่างข้า นี่ถือเป็ นคนประเภทที่ความสามารถในทาเรื่องให้สาเร็จไม่มี แต่ ความสามารถในการก่อเรื่องวุ่นวายกลับมากพอเหลือแหล่หรือไม่?”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “แคว้นหูของพวกเจ้าถือว่าหวังดีแต่ทาเสียเรื่อง มีเหตุผลพออภัยได้ท าความดีชดใช ้ความผิดไปก็แล้วกัน แต่อย่าให้ มีคราวหน้าอีก”
เซี่ยโก่วกล่าว “แล้วนับประสาอะไรกับที่เพ่ยเซียงยังอบรมบ่ม เพาะลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจสองคน วันหน้าแคว้นหูจะยังไม่ร ้าย กาจอีกหรือ ไม่ต้องกังวลว่าจะชักหน้าไม่ถึงหลังเลยล่ะ”
เพ่ยเซียงมึนงง หมายความว่าอย่างไร ลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจ สองคน พวกนางคือใคร? คงไม่ได้พูดถึงหลัวฟู่ เม่ยกับชิวชิงกระมัง?
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ของแคว้นหูพวกนางตกใจกันไม่ น้อยเลย
อันที่จริงเฉินผิงอันรู ้ว่าเซี่ยโก่วคอยมองดูการสืบสวนในคุกของ แคว้นหูอยู่ตลอด ถึงขั้นที่ว่านางยังได้เห็นและได้ยินมากกว่าตนด้วย ซ้า
เฉินผิงอันเห็นเจ้าแห่งแคว้นหูมีสีหน้าเหลอหราแล้วอดไม่ไหว ถามว่า “เจ้าไม่รู ้หรือว่าอันที่จริงหลัวฟู่ เม่ยได้กลายเป็ นหัวใจส าคัญ ของสายผู้คุมกฏแคว้นหูมานานแล้ว?”
เพ่ยเซียงยิ่งมึนงง เจ้าขุนเขาท่านอย่าพูดจามีลับลมคมนัยสิ นาง ได้แต่เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “รู ้สิ นังหนูหลัวฟู่ เม่ยผู้นี้ค่อนข้างชอบ ศึกษาวิชาความรู ้อย่างพวกศาสตร ์การอ่านใจคนอะไรนั่น อีกอย่าง ตอนที่นางอายุยังน้อยก็เคยให้คนไปหาซื้อและรวบรวมตารา การแพทย์และต าราการชันสูตรศพมาหลายเล่ม ดูเหมือนว่านางจะ ค่อนข้างเชี่ยวชาญเรื่องการจัดการรายงานข่าวด้วย?”
ทว่าเพ่ยเซียงที่เป็ นเจ้าแห่งแคว้นและเป็ นอาจารย์ แม้เวลาปกติจะ เอ่ยชมเชยลูกศิษย์แต่ส่วนลึกในใจกลับไม่เคยเห็นด้วย รู ้สึกว่าหลัวฟู่ เม่ยไม่ท าอะไรเป็ นการเป็ นงาน เอาแต่ท าเรื่องเหลวไหลไร ้สาระ เพียง แค่เพราะคุณสมบัติด้านการฝึ กตนของลูกศิษย์คนนี้ดีพอ ฝ่ าทะลุ ขอบเขตไม่ช ้า เพ่ยเซียงถึงได้ไม่แสดงท่าทีไม่พอใจออกมา
เซี่ยโก่วหัวเราะร่วน “เพ่ยเซียงหนอ วันไหนเจ้าลองหาเวลาว่าง จ าไว้ว่าต้องอ าพรางเรือนกายให้ดี แล้วลองไปสัมผัสกับสารพัดวิธี และความอามหิตโหดเหี้ยมยามที่หลัวฟู่ เม่ยสืบสวนนักโทษด้วย ตัวเองดู เจ้าก็จะรู ้แล้วว่าอะไรที่เรียกว่ามาดของบรรพจารย์ผู้คุมกฏ แคว้นหูคนถัดไป”
เพ่ยเซียงฟังด้วยความอกสั่นขวัญผวา นางหันหน้าไปมองเฉิน ผิงอัน
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ไม่ได้เป็ นการตีวัวกระทบ คราดอะไร”
เซี่ยโก่วหัวเราะคิกคัก “พี่หญิงเพ่ยเซียง ขอปรึกษาหน่อยสิ ไม่สู้ เจ้าเอาหลัวฟู่ เม่ยและชิวชิงผู้นั้นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ให้มาเป็ นลูกศิษย์ที่ ไม่ได้รับการบันทึกชื่อของข้าดีไหมล่ะ? ราคาปรึกษากันได้ ข้ายัง พอจะมีทรัพย์สมบัติเหลืออยู่บ้าง”
เพ่ยเซียงมองเจ้าขุนเขาเฉินอีกครั้ง แต่ก็มองสัญญาณลับอะไร ไม่ออก จึงได้แต่เอ่ยว่า “แม่นางเซี่ย เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันใหม่ดีไหม?”
เซี่ยโก่วใช ้หมัดทุบฝ่ ามือ “ช่างเถิดๆ เจ้าขุนเขากับเสี่ยวโม่ต่างก็ เป็ นวิญญูชนที่สนับสนุนในความดีงามของผู้อื่น ข้าเอาอย่างไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ถอยไปหนึ่งก้าว อย่าได้แย่งชิงของรักของผู้อื่นเลย ไว้ ค่อยว่ากัน ไว้ค่อยว่ากัน!”
เพียงแต่เพ่ยเซียงพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ ในเรือนลั่วฮวา ดูเหมือนเจ้าขุนเขาเฉินจะพูดว่าเซี่ยโก่วคือรองผู้ ถวายงานของภูเขาลั่วฟั่ว หรือว่านางจะยังเป็ น…ผู้บรรลุมรรคาที่ไม่ อาจมองกันแต่ภายนอกได้?
สามารถถูกโจวอันดับหนึ่งลากไปเป็ นเทพทวารบาลด้วยกันได้ เด็กสาวสวมหมวกขนเตียวก็จะไม่มีขอบเขตเริ่มต้นที่หยกดิบเลย หรอกหรือ?
ที่แท้เจ้าคนชั่วเจียงซ่างเจิน ก่อนหน้านี้พอเปิดอกพูดคุยกันที่ หน้าประตูไปแล้วก็ทิ้งเจ้าแห่งแคว้นหูที่เป็ นคนกันเองไว้เพียงลาพัง
ภายหลังโจวอันดับหนึ่งก็ไปพูดคุยราลึกความหลังกับคนอื่นใน เรือนถั่วฮวา เซี่ยโก่วที่รู ้สึกว่าในด้านการทาตัวเป็ นอาจารย์ของผู้อื่น อีกฝ่ ายด้อยกว่าเจ้าขุนเขาบ้านตัวเองหนึ่งแสนแปดพันลี้ นางก็ไม่มี อารมณ์จะฟังโจวอันดับหนึ่งพูดคุยเรื่อยเปื่อยอีก หากกล่าวตามคา โบราณของเมืองเล็กก็คือพันตะวันออกร ้อยตะวันตก
เฉินผิงอันทะยานลมไปที่กู่เยว่เซวียนบนเกาะหลัวไต้ ไปรวมตัว กับผู้คุมกฏฉางมิ่งและกวอจู๋จิ่ว รอกระทั่งโจวอันดับหนึ่งที่รู ้สึกว่า ตัวเองเป็ นคนดีงามถอยออกมาจากเรือนลั่วฮวาทิ้งเพ่ยเซียงให้เข้า ร่วมการประชุมครั้งถัดไปของอารามต้ามู่กลับมา เฉินผิงอันก็เรียก เรือยันต์ออกมาหวนกลับไปที่ภูเขาลั่วพั่วด้วยกัน
คนทั้งกลุ่มเดินเข้ามาในลานบ้านแล้วเก็บร่มใบถงคันนั้นลงไป
หมี่ลี่น้อยถามเสียงเบา “เจ้าขุนเขาคนดี การเดินทางครั้งนี้ ราบรื่นหรือไม่?”
เฉินผิงอันยิ้มพลางลูบศีรษะของนาง “ค่อนข้างจะราบรื่น”
ได้ยินว่าเทพเซียนผู้เฒ่าอวี๋มาเยือนภูเขาลั่วพั่วครั้งนี้ก็ได้แสดง มาดของยอดฝีมือออกมาอย่างเต็มที่!
ไม่เพียงแต่ยกหนี้สามร ้อยเหรียญเงินเหรียญทองแดงแก่นทอง ก่อนหน้านี้ให้ ยังเป็ นฝ่ ายมอบมาให้อีกหนึ่งพันเหรียญ ประเด็น สาคัญคือเป็ นการกึ่งมอบให้กึ่งให้ยืม
นี่ไม่ใช่แค่การคลี่คลายปัญหาเร่งด่วนดุจไฟลามไหม้ขนคิ้ว ให้กับเฉินผิงอันแล้ว แต่ต้องบอกว่าเป็ นการส่งถ่านท่ามกลางหิมะ ก่อนแล้วค่อยปักบุปผาลงบนผ้าแพรให้อีกด้วย
ตามการประมาณการณ์ของเจิ้งจวีจง มีเงินเหรียญทองแดงแก่น ทองอีกหนึ่งพันห้าร ้อยเหรียญ เฉินผิงอันก็จะสามารถยกระดับขั้น ของกระบี่บิน ‘จันทร ์กลางบ่อ ให้สูงขึ้นได้อีกครั้งจนกลายเป็ น “จันทร ์ ปากบ่อ
ถ้าอย่างนั้นเงินอีกสองร ้อยเหรียญที่ยังเป็ นช่องว่างอยู่ ด้วยความ น่าเชื่อถือของภูเขาลั่วพั่วและการเข้ากับคนอื่นได้ดีของเฉินผิงอัน จับตรงโน้นมาผสมตรงนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานก็น่าจะรวบรวมได้ครบ พูด ถึงแค่สกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่าของอุตรกุรุทวีป บางทีอาจยังรวมถึง ศาลซานหลางด้วย ภูเขาลั่วพั่วยินดีให้ส่วนต่างที่ไม่ต่า ซื้อเงิน
เหรียญทองแดงแก่นทองอีกสองร ้อยเหรียญมาจากสองฝ่ าย คิดดูแล้ว ก็ไม่น่าจะยาก
เฉินผิงอันเพียงแค่พาหมี่ลี่น้อยไปที่เรือนหลังนั้นด้วยกัน เนื่อง จากหน่วนซู่มีงานยิบย่อยอีกมากมายต้องไปท า นางจึงไม่ตามนาย ท่านเจ้าขุนเขาไปแล้ว
ส่วนกวอจู๋จิ่วก็พาเซี่ยโก่วไปเล่นสนุกกับเด็กชายผมขาวของ สายภูเขาบ้านตน
เจียงซ่างเจินต้องรีบไปประลองวิชาความรู ้กับพี่น้องต้าเฟิงและ นักพรตเซียนเว่ยที่หน้าประตู จ าเป็ นต้องโอ้อวดบุญตาของตัวเอง จากการเดินทางไปเยือนอารามต้าสู่ทะเลสาบชิวชี่ให้พวกเขาฟังดีๆ ดูสิว่าวันหน้าจะมีโอกาสที่พวกเขาพี่น้องจะไปเยือนพื้นที่มงคล ด้วยกันหรือไม่ แน่นอนว่ามิอาจอาศัยขอบเขตได้ นี่จะตกเป็ นขี้ปาก ชาวบ้าน ไม่มีความหมายใดๆ จ าเป็ นต้องอาศัยแค่รูปโฉมและ ความสามารถมาเอาชนะกายใจสาวงามเท่านั้น นักพรตเซียนเว่ยนั้น ยังพูดได้ง่าย เป็ นผู้ฝึกตน คิดจะหาคู่บ าเพ็ญเพียรก็ไม่จ าเป็ นต้องรีบ ร ้อน แต่พี่น้องต้าเฟิ งนั้นไม่อาจถ่วงเวลาล่าช ้าได้อีกแล้ว ตาราลับ หลายเล่มที่มีภาพวาดประกอบถูกเปิดบ่อยจนม้วนพับไปแล้ว!
เรียกรวมสหายให้ไปหาที่พักในโรงเตี๊ยมตระกูลเซียนแห่งหนึ่ง ด้วยกัน ตอนที่หลิ่วชื่อเฉิงอยู่ตามล าพังก็รู ้สึกลังเลไม่แน่ใจ บนโต๊ะ วางถุงเงินไว้ใบหนึ่ง
นักพรตชุดสีชมพูดื่มเหล้าคนเดียวเงียบๆ กลุ่มนัก ตนอยู่ร่วมกับ ผู้อื่นในสังคมได้อย่างดีเยี่ยม มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ค่อยดี นั่นคือเกิด ความเข้าใจผิดกับคนอื่นได้ง่าย
ออกมาท่องเที่ยวข้างนอกในครั้งนี้ หลิ่วชื่อเฉิงได้พกถุงเงินติด ตัวมาด้วยใบใหญ่ ให้ทางนครจักรพรรดิขาวส่งมาให้ ศิษย์พี่บอกว่า เมื่อไหร่ที่ขาดเงินก็ค่อยเปิดออกดู ให้ศิษย์น้องอย่างเขาจัดการได้ ตามสบาย
ถุงเงินเหมือนจะเป็ นสมบัติอาคมชิ้นหนึ่ง หลิ่วชื่อเฉิงไม่อาจอาศัย น้าหนักของมันมาแยกแยะว่าเป็ นเงินเทพเซียนประเภทใด
แต่ขอแค่เป็ นของขวัญที่ศิษย์พี่มอบให้ อย่าว่าแต่เงินฝนธัญพืช เลย ต่อให้เป็ นเงินเกล็ดหิมะ หรือแม้กระทั่งเงินเหรียญทองแดงของ พวกชาวบ้าน หลิ่วชื่อเฉิงก็ไม่ยินดีจะนามาใช ้จ่ายแม้แต่เหรียญเดียว ต้องเอาไปบูชาเท่านั้น!
แต่ละเหรียญล้วนเป็ นน้าใจจากศิษย์พี่
เพราะถึงอย่างไรหลิ่วชื่อเฉิงก็มีทรัพย์สินที่ไม่น้อยเลยจริงๆ ขาด เงินหรือ? เจ้าหอแก้วใสอย่างเขาจะขาดเงินได้อย่างไร ยกตัวอย่าง เช่นก่อนหน้านี้ระหว่างที่มีการประชุมที่ศาลบุ๋นฮว่อหลงเจินเหรินเป็ น ฝ่ ายเสนอว่าตัวเองมีกระเบื้องแก้วใสที่ระดับขั้นยอดเยี่ยมอยู่ชุดหนึ่ง ได้มาไม่ง่าย อันตรายรายล้อม เรียกได้ว่าต้องอกสั่นขวัญผวากว่าจะ ได้มาอยู่ในมือ….เจินเหรินผู้เฒ่าพูดเช่นนี้ ทาเอาหลิ่วชื่อเฉิงยิ่งตกอก
ตกใจมากกว่า ฮว่อหลงเงินเหรินที่ศิษย์พี่บอกว่า ไม่ได้เป็ นขอบเขต สิบสี่ก็ช่างน่าประหลาดใจเหลือเกิน ผู้นี้ เป็ นที่ยอมรับว่าคือลูกพี่ใหญ่ ของสองสายขาวด าในอุตรกุรุทวีป ผู้อาวุโสไม่ใช่ว่าในมือท่านขาด เงินก็เลยมาฆ่าตนเพราะคิดจะเชือดหมูหรอกนะ!
เจินเหรินผู้เฒ่าถามหลิ่วชื่อเฉิงว่าอยากซื้อหรือไม่ จิตแห่งมรรคา ของหลิ่วชื่อเฉิงเหมือนน้าในถังที่แกว่งไปแกว่งมา ทั้งกังวลทั้งดีใจ แน่นอนว่าบนใบหน้ายังต้องแสร ้งแสดงออกว่ายินดีอย่างล้นเหลือ กัด ฟันตอบไปว่า ซื้อสิ จะไม่ซื้อได้อย่างไร กระเบื้องแก้วใสที่ถูกนามาใช ้ ในหอแก้วใส่ได้ไม่ใช่กระเบื้องของล่างภูเขา ขอแค่มีหนึ่งแผ่น หาก หลิ่วชื่อเฉิงเดินผ่านก็จะไม่มีทางปล่อยให้พลาดไปได้อย่างแน่นอน
“เจ้าหอหลิ่ว กระเบื้องแก้วหนึ่งร ้อยแผ่นเต็มๆ เลยนะ จานวนมาก ขนาดนี้ ราคาจะต่าไม่ได้นะ
ไม่เป็ นไร มีเท่าไรก็ซื้อเท่านั้น ข้าเหมาหมด เงินไม่พอ ผู้เยาว์ก็ ไปขอยืมจากคนอื่นได้
“ถือว่าเห็นแก่หน้าของเจ้านครเจิ้ง ผินเต้าก็จะบอกราคาต้นทุน กับเจ้าหอหลิ่วก็แล้วกันนะ?”
หลิ่วชื่อเฉิงบอกให้เจินเหรินผู้เฒ่าเปิดราคา หลังจากเงินเหรินผู้ เฒ่าบอกราคามาแล้ว หลิ่วชื่อเฉิงก็ไม่ได้ต่อราคาด้วยซ้า ควักเงิน ออกมาโดยตรง มือหนึ่งมอบเงินมือหนึ่งรับของรวดเร็วฉับไว
ตอนนั้นพอเห็นว่าเงินเหรินผู้เฒ่าทาท่าเสียดายคล้ายคนที่นึก เสียใจภายหลัง เจ้าหอหลิ่วก็รู ้ว่าตัวเองได้กาไรแล้ว ส่วนเจินเหรินผู้ เฒ่านั้นขาดทุน
สุดท้ายหลิ่วชื่อเฉิงจ่ายเงินฝนธัญพืชไปหนึ่งพันห้าร ้อยเหรียญ ซื้อกระเบื้องแก้วใสสีเขียวมรกตที่ผ่านเวลามายาวนาน มีกลิ่นอายเต๋ เข้มข้นหนึ่งร ้อยแผ่นมาจากมือของเจินเหรินผู้เฒ่า
ทรัพย์สินเงินทองบางอย่างเล็กน้อยเหมือนเม็ดฝนโปรยปราย ไม่ กระเทือนขนหน้าแข้งของเจ้าหอหลิ่วที่มือเติบใจป้าด้วยซ้า
ตอนนั้นหลิ่วชื่อเฉิงรู ้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก เจินเหรินผู้เฒ่าเป็ นคน ซื่อสัตย์จริงๆ เห็นแก่หน้าของศิษย์พี่จริงๆ!
รอกระทั่งการประชุมของศาลบุ๋นสิ้นสุดลง ก่อนที่ฮว่อหลงเจินเห รินจะออกเดินทางไกลได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้หลิ่วชื่อเฉิง เจิน เหรินผู้เฒ่าบอกว่าตนสามารถฝ่ าฝันอุปสรรคขวากหนาม หากมี โอกาสจะหากระเบื้องแก้วใสอีกยี่สิบแผ่นมาให้
หลิ่วชื่อเฉิงไม่พูดพร่าทาเพลงก็ตอบจดหมายกลับไปทันที ส่ง เงินฝนธัญพืชไปให้ห้าร ้อยเหรียญ บอกว่าจะไม่ยอมให้ผู้อาวุโสต้อง ขาดทุนติดต่อกันถึงสองครั้งเด็ดขาด กระเบื้องแก้วใสยี่สิบแผ่นนี้ต้อง มีมูลค่าเท่านี้!
ในความเป็ นจริงแล้วกระเบื้องแก้วใสหนึ่งร ้อยยี่สิบแผ่นเป็ นเฉิน ผิงอันที่ขายให้ฮว่อหลงเจินเหรินตอนอยู่ในถ้าสวรรค์วังมังกร ตอน
นั้นดูเหมือนว่าเงินเหรินผู้เฒ่าจะจ่ายเงินฝนธัญพืชไปแค่หกร ้อย เหรียญเท่านั้น?
ช่างเป็ นการให้ “ราคาต้นทุน” ที่โจรหักหลังโจรกันเองจริงๆ
หลิ่วชื่อเฉิงกระวนกระวายใจ ไม่รู ้ว่าตัวเองจะยังไปเป็ นแขกที่ ภูเขาลั่วพั่วได้อีกหรือไม่
อันที่จริงหลิ่วชื่อเฉิงกังวลไปเอง เขาไม่ไปหาเจ้าขุนเขาเฉิน เฉิน ผิงอันก็ต้องมาหาเขาอยู่ดี
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่นอกฟ้ า เจิ้งจวีจงให้เฉินผิงอันยืมเงิน ใช ้ วัตถุจือชื่อมาบรรจุเหรียญทองแดงแก่นทอง คือจานฝนหมึกโบราณ ชิ้นหนึ่งที่ไม่มีตัวอักษรแกะสลัก เป็ นจานฝนหมึกแบบพกพาที่มีรูป ตะวันจันทราอยู่บนก าแพงแถบเดียวกัน ด้านหลังของจานฝนหมึก เจาะเป็ นรูเรียงลาดับตามกลุ่มดาวยี่สิบแปดดวง
เด็กสาวสวมหมวกขนเตียวคนหนึ่งมาปรากฏตัวในโรงเตี๊ยม ตระกูลเซียนที่เจ้าของเบื้องหลังแซ่ต่งแห่งนี้ นางนอนคว่าอยู่บน หลังคา งัดแผ่นกระเบื้องด้านบนออกแล้วก้มหน้าลงมา พูดกับเจ้าคน ที่สวมชุดเต๋าสีชมพูในห้องผู้นั้นว่า “ข้าชื่อเซี่ยโก่ว คือผู้ถวายงาน อันดับรองของภูเขาลั่วพั่ว เจ้าขุนเขาของพวกเราให้ข้ามาบอกกับ เจ้า เชิญเจ้าไปดื่มเหล้าบนภูเขาสามารถพาสหายรักที่พบเจอกัน อย่างผิวเผินแต่ถูกชะตากันพวกนั้นไปด้วยได้”
หลิ่วชื่อเฉิงลุกขึ้นเงยหน้ากุมหมัด “ต้องขอขอบคุณสหายที่มา บอกกล่าวกัน ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ข้าผู้แซ่หลิ่วจะต้องพาสหายขึ้น ไปเป็ นแขกบนภูเขาลั่วพั่วแน่”
อีกฝ่ ายถึงกับมาโผล่บนหลังคาได้โดยที่ตนไม่รู ้ตัว แล้วยัง สามารถงัดกระเบื้องหลายแผ่นนั้นออกได้อย่างเงียบเชียบ นี่ หมายความว่าขอแค่อีกฝ่ ายยินดี ศีรษะนี้ของหลิ่วชื่อเฉิงก็สามารถ เด็ดเอาไปได้ทุกเมื่อ
แค่ขอบเขตหยกดิบไม่พอแล้วจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังอยู่ใน อาณาเขตของฉู่โจวที่เป็ นพื้นที่มังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบแห่งนี้ด้วย
เด็กสาวสวมหมวกขนเตียวพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม เหลือบตา มองถุงเงินที่อยู่บนโต๊ะแล้วนางก็เอาแผ่นกระเบื้องกลับวางไว้ที่เดิมอีก ครั้ง
หลิ่วชื่อเฉิงเข้าใจได้ทันใด ขึ้นเขาไปเป็ นแขกดื่มเหล้าต้อง จ่ายเงิน!
เดินอยู่บนเส้นทาง เฉินผิงอันยิ้มถามเทพรายงานข่าวบ้านตนว่า “พ่อครัวเฒ่าแล้วก็พวกหลิวเสี้ยนหยาง กู้ช่าน ยังไม่กลับกันมา หรือ?”
จูเหลี่ยนไม่ได้กลับมาก็ยังไม่เท่าไร นอกจากจะไปพบสาวงามคน รู ้ใจในอดีตที่เป็ นคนรักเก่าของตัวเองแล้วยังจะไปท าอะไรได้อีก เฉิน ผิงอันไม่อยากจะมองด้วยซ้า
เฉินผิงอันกลัวก็แต่ว่าหลิวเสี้ยนหยางจะควบคุมกู้ช่านไม่อยู่
หมี่ลี่น้อยหัวเราะร่าตอบว่า “พวกเขายังไม่กลับมากันเลย พ่อ ครัวเฒ่าบอกว่าเขาจะไปโดนด่าสักหน่อย พูดจาประหลาดนัก หลิว สัปหงกรับรองกับพี่หญิงหน่วนซู่และข้าว่าเขาเข้าไปในพื้นที่มงคล รากบัวแล้วจะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายอย่างแน่นอน ตอนนั้นข้างกายหลิว สัปหงกยังมีคนหนุ่มคนหนึ่งติดตามไปด้วย คงเป็ นเพราะเห็นข้าตัว เตี้ย เขาก็เลยทรุดตัวนั่งยองพูดกับข้า ฮ่า เขาตัวสูงมากเลย นิสัยก็ดี ด้วย เขายังใช ้เสียงในใจแอบพูดกับข้าว่าวันหน้าหากข้าไปเดินลงน้า กระโดดข้ามประตูมังกรที่นครจักรพรรดิขาว เขาจะช่วยเปิดประตูให้ ข้าถึงขั้นที่ว่ายังสามารถทาให้น้าของน้าตกในถ้าสวรรค์หวงเหอไหล ย้อนกลับเพื่อข้า ไม่ต้องเดินลงน้าด้วยซ้า จะส่งข้าไปที่ประตูมังกร โดยตรงเลย ว้าว อายุน้อยๆ ก็พูดจาค าใหญ่ค าโตยิ่งนัก ข้าก็เลย แสร ้งทาเป็ นคิดจริงจัง แน่นอนว่าข้าดีใจจริงๆ เขาที่นั่งยองกะพริบตา ปริบๆ อยู่ตรงนั้นก็ยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนกัน”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “แบบนี้เองหรือ