กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1000.1 ดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิบานสะพรั่งดุจเปลวเพลิง
น้าและดินของพื้นที่หนึ่งหล่อเลี้ยงคนของพื้นที่หนึ่ง เก้าทวีปของ ไพศาล เมื่อกาลเวลาผันผ่าน สถานที่แห่งหนึ่งจะต้องมีวัตถุที่สยบ พิทักษ์สถานที่ ยกตัวอย่างต้นอู๋ถงหมื่นปีที่อยู่ในใบถงทวีป
และแจกันสมบัติทวีปที่มีรูปร่างเหมือนแจกันก็เป็ นหลักการ เดียวกัน
จุดลึกของเส้นชีพจรดินคือดินแดนไท่ซวี (เอกภพ จักรวาล โลก กว้างใหญ่ไพศาล และอาจหมายถึงดินแดนที่ว่างเปล่าเวิ้งว้าง) ที่มี ตราผนึกหนาชั้นแห่งหนึ่ง กว้างใหญ่ไร ้ที่สิ้นสุดนอกจากสองฝ่ ายที่ คุมเชิงกันแล้ว ตรงกลางอากาศก็มีกล่องเหล็กทรงสี่เหลี่ยมที่มีอักขระ โบราณเต็มไปหมดอยู่หนึ่งใบ ด้านล่างกล่องมีถาดรองที่ทาจากไม้ เรียบง่ายคอยค้ายันกล่องเหล็กให้ลอยตัวอยู่
เซี่ยโก่วนั่งขัดสมาธิอยู่ในดินแดนไท่ซวีแห่งนี้ สองแขนกอดอก สายตาเผยแววชื่นชมพูดเหมือนคนแก่ว่า “คลายตราผนึกขุนเขา สายน้าสองชั้นต้องอาศัยสมบัติอาคมและพละกาลังที่ต้องทาลายให้ ได้สามชั้น พวกเจ้าสามารถเดินมาถึงที่นี่ได้ก็ถือว่ามีคุณูปการใน การสู้รบที่ไม่ธรรมดาแล้ว ในตารามีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับการเยี่ยม เยือนสหายในยามค่าคืนที่มีหิมะตกไม่ใช่หรือ? พวกเจ้าสามารถมา
เยือนอย่างฮึกเหิมและกลับไปอย่างมีความสุขได้แล้วล่ะ ดูสิ หิมะตก แล้ว เป็ นหิมะใหญ่เท่าขนห่านเชียวนะ”
นางบอกว่าหิมะตกก็มีหิมะตกลงมาจริงๆ
เป็ นมิตรหรือศัตรูก็ยังมิอาจรู ้ได้ ซ่งซวี่ใช ้เสียงในใจเอ่ยเตือนคน ที่เหลืออีกห้าคนว่าไม่ต้องรีบร ้อนลงมือ
เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนใหญ่ที่อาพรางลมปราณและคอยติดตาม พวกเขาจนมาถึงที่นี่ใครเล่าจะกล้าประมาท ผู้ฝึกตนห้าคนของสาย แผนภูมิดินตั้งท่าพร ้อมต่อสู้ อวี๋อวี๋ที่ตรงเอวห้อยป้ ายอักษรค าว่า ‘ซวี’ ใช ้ฝ่ ามือสองข้างสร ้างค่ายกล ประกายแสงแวววาว ฝ่ ามือและหลังมือ ของเด็กสาวเต็มไปด้วยอักษรโบราณลายเมฆ บนไหล่ข้างหนึ่งของ นางมีจิตหยินเซียนกระบี่บรรพกาลที่อยู่ในรูปโฉมของเด็กหนุ่ม ปรากฏขึ้นมา เรือนกายเล็กจิ๋ว สวมกวานดอกพุดตานไว้บนศีรษะ พกกระบี่สวมเสื้อสีชาด ไข่มุกสีขาวร ้อยเย็บตามตะเข็บของชุด
หันโจ้วจิ่นอาจารย์ค่ายกลอักษร “อู่” ไม่จ าเป็ นต้องท ามุทราท่อง คาถาก็สร ้างต าหนักจวนเซียนที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีพื้นดินเป็ นสีชาด รอบต าหนักมีไอม่วงลอยกรุ่น ด้านในมีเสียงขับร ้องดุจเสียงจาก สวรรค์ลอยแว่วมา
หลวงจีนน้อยสวมจีวรผ้าโปร่งสีเรียบง่าย ห้อยป้ ายอักษร “เฉิน” มือสองข้างสร ้างตราผนึก ลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง ตาข้างที่ หลับมีบ่อสายฟ้ าผุดขึ้นมา ใต้ฝ่าเท้าคือสระดอกบัว
เซี่ยโก่วจุ๊ปากอย่างประหลาดใจ “ใช ้วิธีการของคนเย็บผ้า กระทาสิ่งที่ถือว่าล้าเส้นกล้าออกคาสั่งวิญญาณหยินบรรพบุรุษของ เซียนกระบี่บรรพกาลตนหนึ่ง ทั้งยังหลอมที่ว่าการในอาณาเขต ปกครองของเซียนเจินยุคโบราณ นิมิตภาพและความคิดที่สะอาด บริสุทธิ์ของหลวงจีนน้อย ระหว่างที่ลืมตาหลับตา อาศัยสิ่งนี้มา เชื่อมโยงหยินหยางและความมืดความสว่าง คนผู้หนึ่งที่ฝึกพระธรรม กลับสามารถเล่าเรียนวิชาห้าอสนีของนักพรตจมูกโคหน้าเหม็นได้ ด้วย พวกเจ้าแต่ละคนร ้ายกาจกันมากเลยนะ มีความสามารถ คือคน มีความสามารถ คือคนหนุ่มสาวที่โดดเด่นอย่างสมชื่อ!”
อวี๋อวี๋ใช ้เสียงในใจเอ่ย “เร็วเข้า รีบทานายดูความตื้นลึกหนาบาง ของอีกฝ่ ายดูสิ ดูว่ามีความเป็ นมาอย่างไร หากสู้ไม่ได้ก็เผ่นหนี ถึง อย่างไรคราวหน้าพวกเราค่อยเรียกก าลังเสริมมาก็ได้”
ไม่อาจแน่ใจในอายุที่แท้จริงของเด็กสาวสวมหมวกขนเตียวผู้นี้ แต่ขอบเขตต้องเริ่มต้นที่ห้าขอบเขตบนอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็ นผู้ ฝึกตนที่ไม่เคยมีอยู่ในบันทึกของกรมอาญาต้าหลีแน่นอน นี่ก็แปลก มากแล้ว หรือว่าจะเป็ นผู้ฝึกตนต่างถิ่นที่เพิ่งแฝงตัวเข้ามาในแจกัน สมบัติทวีป?
เณรน้อยพนมสิบนิ้ว พูดเหมือนท่องคาถา “ขอพระพุทธเจ้า คุ้มครองให้วันนี้ไร ้เรื่องราวใด ต่อให้มีเรื่องน่าตกใจแต่ก็ไร ้อันตราย ทุกคนล้วนปลอดภัย วันหน้าข้าจะต้องไปบริจาคค่าน้ามันค่าธูปที่ ศาลสักหน่อย ไม่ใช่การค้า แต่เป็ นความจริงใจอย่างหนึ่ง”
แขกไม่ได้รับเชิญที่แก้มสองข้างแดงเป็ นปั้นคล้ายจะได้ยินเสียง ในใจของเขาจึงยิ้มกว้างเอ่ยว่า “นักพรตน้อยเลิกท านายได้แล้ว จะ สิ้นเปลืองแรงใจไปเปล่าๆ ถึงอย่างไรก็เป็ นคนกันเอง อ้อมไปอ้อมมาก็ ยังเป็ นญาติกันอยู่ดี ไม่มีทางได้ตีกันหรอก”
เณรน้อยพนมสองมืออีกครั้ง พึมพาว่า “พระพุทธเจ้าคุ้มครอง”
เตะโดนแผ่นเหล็กอีกแล้ว มาเจอยอดฝีมือนอกโลกอีกครั้งหรือ ไร
หากรู ้อย่างนี้แต่แรกตอนออกจากบ้านก็ควรจะพลิกเปิดปฏิทินดู มาก่อน
อวี๋อวี๋หัวเราะร่วน “ญาติ? คนกันเอง? หมายความว่าอย่างไร ผู้ อาวุโสคงไม่ได้ล้อเล่นกระมัง?”
เซี่ยโก่วยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่พวกเจ้า”
สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของนักพรตเก๋อหลิ่ง อวี๋อวี๋ก็ถามอย่าง สงสัยว่า “ก็แค่ทานายเท่านั้น หากกระอักเลือดก็เป็ นเรื่องปกติ แต่เจ้า หลับตาทาไม เอ๊ะ ทาไมถึงน้าตาไหลด้วยเล่า?”
เก๋อหลิ่งกะพริบตาปริบๆ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เอ่ย อย่างจนใจว่า “น่าประหลาดมาก คล้ายกับมีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่อยู่ ใกล้ในระยะประชิด แค่มองแวบเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว”
อวี๋อวี๋เอ่ยอย่างขมขื่น “จบกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีจุดจบเหมือน แตงเหมือนผักที่ถูกหั่นอยู่ดีสินะ”
เก๋อหลิ่งพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มจืดเงื่อน
มีความเป็ นไปได้มากว่าอีกฝ่ายจะเป็ นเซียนเหริน
ทุกวันนี้มีโจวไห่จิ้งซึ่งเป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตยอดเขามาเสริมช่อง โหว่สุดท้าย หากว่าคนทั้งสิบสองคนล้วนอยู่ที่นี่ด้วยก็ยังพอจะมีพลัง ให้ต่อสู้ได้บ้าง แต่น่าเสียดายที่พวกหยวนฮว่าจิ้งหกคนอยู่ที่ตาหนัก ฉางชุน ไม่ได้ติดตามมาค้นหาสมบัติด้วย
เซี่ยโก่วถอนหายใจ “นี่ก็คือจุดจบของการที่ไม่ยอมฟังคาเกลี้ย กล่อมแล้ว ไม่ยอมฟังค าพูดของผู้ใหญ่ ความเสียเปรียบก็ “อยู่ ตรงหน้า’ เลยอย่างไรล่ะ ค าโบราณพูดได้ถูกต้องไหมล่ะ?”
“ตอนนี้ยังไม่อาจติดต่อกับพวกหยวนฮว่าจิ้งได้ อาจารย์เฉินก็ไม่ อยู่ด้วย จะท าอย่างไรกันดี?”
เด็กสาวกระทืบเท้า “หรือว่าจะต้องดื่มเหล้าจริงๆ?!”
ก่อนหน้านี้อยู่ในโรงเตี๊ยมของก่ายเยี่ยน อาจารย์เฉินช่วย “ถ่ายทอดมรรคา” ให้พวกเขาทุกคน กาจัดภัยแฝง หลีกเลี่ยงไม่ให้ เจอจิตมารระหว่างที่ฝึ กตนในอนาคต เพียงแต่ว่าพอเป็ นอวี๋อวี๋ อาจารย์เฉินกลับบอกว่าให้นางดื่มเหล้าให้มากๆ
ภูเขาเล็กลูกนี้ของพวกเขา ผู้นาคือผู้ฝึ กกระบี่ซ่งซวี่ มันสมอง และกุนซือกลับเป็ นอวี๋อวี๋ที่มองดูเหมือนเอะอะโวยวาย
เซี่ยโก่วมีท่วงท่าผ่อนคลาย ยื่นนิ้วชี้ไปที่กล่องใบนั้น “แนะนา พวกเจ้าว่าอย่าได้เปิดกล่องเหล็กใบนี้เด็ดขาด หากไม่ทันระวังก็จะ เดือดร ้อนให้ทั้งคนทั้งวิญญาณแหลกสลายเหมือนหิมะละลายในเสี้ยว วินาที อย่าได้รู ้สึกว่าพอจะมีวิชานอกรีตอยู่บ้างเล็กน้อยก็ไม่เห็นเป็ น สาคัญ จิตวิญญาณแหลกสลายประเภทนี้ก็คือการกลายเป็ นเถ้าธุลี อย่างแท้จริง ต่อให้เป็ นผู้ฝึ กตนใหญ่ขอบเขตบินทะยาน หรือไม่ก็ พวกตาแก่ที่มีวิชาอภินิหารมากมายที่สามารถตามไปถึงนครเฟิงตูก็ ยังช่วยพวกเจ้าไม่ได้ รับของที่อยู่ในกล่องไม่ได้มันก็จะร่วงลงพื้น จะ กระแทกแผ่นไม้ที่ไม่มีตราผนึกค้ายันชิ้นนั้นให้แหลกก่อน ก็เหมือน แผ่นเหล็กที่กระแทกลงบนกระดาษบางๆ มีแต่จะทะลุทะลวงลงไป จนถึงพื้นดินของแจกันสมบัติทวีป ตกลงไปยังรากภูเขาที่อยู่ในทะเล ลึก น้าจะเดือดพล่าน เป็ นเหตุให้ทั่วทั้งแจกันสมบัติทวีปกลายมาเป็ น เหมือนซึ้งนึ่ง สรรพชีวิตในหนึ่งทวีปมอดม้วย ลาพังแค่พวกเจ้าไม่กี่ คน ขอบเขตยังไม่พอ มิอาจรับได้ไหว”
โชคดีที่ตนมาทัน หากช ้ากว่านี้ไปสักก้าว เด็กน้อยกลุ่มนี้เก็บ กล่องไปไว้ในกระเป๋ า ถ้าอย่างนั้นเจ้าของที่แท้จริงของวัตถุชิ้นนี้ก็จะ กลายเป็ นบัญชีเลอะเลือนที่คิดคานวณกันได้ไม่ชัดเจนแล้ว
แล้วนับประสาอะไรกับที่เซี่ยโก่วก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะเอากล่อง เหล็กกลับไปได้จริงๆคาพูดเมื่อครู่นี้ของนางไม่ใช่ว่าจงใจข่มขวัญให้
กลัวไปเสียทั้งหมด จินอูกาเนิดใหม่ที่ถูกกักอยู่ในกล่องถือเป็ นตัว ประหลาดในยุคดึกดาบรรพ์ เป็ นแก่นแห่งเพลิงที่หาได้ยากยิ่ง แน่ นอนว่าต้องพยศยากก าราบ หากถูกโลกภายนอกท าลาย พันธนาการ อีกทั้งผู้ฝึกตนเหล่านี้ยังไม่มีวิธีที่จะเก็บกวาดเรื่องเละเทะ ครั้งนี้ได้ ก็จะถูกจินอูวิ่งชนทะลุรากภูเขาบนแผ่นดินของแจกันสมบัติ ทวีปในรวดเดียว ทิ้ง “ช่องโหว่บนพื้น” ที่เป็ นหลุมขนาดใหญ่เอาไว้ จากนั้นก็จะหายตัวไปอย่างไร ้ร่องรอย หลบหนีไปยังไท่ซวีที่อยู่นอก ฟ้ า คิดจะจับมันกลับมาอีกก็ยากราวขึ้นสวรรค์แล้ว
ซ่งซวี่บิดหมุนข้อมือ ในมือก็มีสมบัติลักษณะคล้ายแจกันใบหนึ่ง โผล่มา “ใช่ว่าพวกเราจะไม่มีการเตรียมการเสียเลย ของชิ้นนี้ของ ผู้เยาว์สามารถชักนาสมบัติที่อยู่ในกล่องได้”
ของชิ้นนี้เป็ นอาจารย์หยวนแห่งกองโหราศาสตร ์ที่มอบให้กับ ซึ่งชวี่ อีกทั้งยังเป็ นของที่ทางราชสานักต้าหลีเพิ่งจะขุดค้นเจอใน พื้นที่มงคลให้เอี่ยมที่เพิ่งถูกค้นพบ
พบเจอพื้นที่มงคล เข้าไปข้างในแล้วได้สมบัติมา จากนั้นก็มาชัก น า “จินอู” เข้าสู่กล่องจากเส้นชีพจรใต้ดินของอวี๋โจวแห่งนี้ ทุกเรื่อง ร ้อยเรียงสืบเนื่องกัน ล้วนต้องยกคุณความชอบให้กับการอนุมานและ การวางแผนที่รอบคอบรัดกุมของหยวนเทียนเฟิง
ท้องฟ้ าหันหาพื้นดิน เทพแห่งผืนดินถือขวดน้า เครื่องกว้านใต้ บ่อน้าหมุนเร็วรี่ ขวดน้าเต็มไร ้เสียง ต้นไม้เพลิงมีกิ่งต่า
เซี่ยโก่วเหลือบมองแล้วก็ให้รู ้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พอจะมี ความสามารถอยู่บ้างนี้นา เป็ นสมบัติที่ใช ้ต่อกรกันได้จริงๆ ดูท่า เบื้องหลังพวกเขาก็น่าจะมีผู้สูงศักดิ์อยู่
หากเปลี่ยนมาเป็ นป้ ายจึงในอดีต ไหนเลยจะต้องสนใจเรื่องอื่น อีก เห็นของเก่าของตาหนักอัคคีที่หล่นร่วงลงมาสู่โลกมนุษย์ เดิมก็มี ตราประทับของนางนาบไว้อยู่แล้ว จากนิสัยการกระทาของนางที่ ผ่านๆ มา ป๋ ายจิ่งก็คงแค่ใช ้กระบี่ฟันเปิดกล่องเหล็ก กักจินอูวัยเยาว์ ที่เพิ่งจะมีสติปัญญาตัวนั้นเข้ามาไว้ในชายแขนเสื้อของตัวเอง ส่วนจะ ชักน าให้เส้น ชีพจรดินเกิดการสั่นสะเทือนหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับนาง ด้วยเล่า เพียงแต่ว่านางออกมาจากภูเขาลั่วพั่วครั้งนี้ เสี่ยวโม่วางใจ ในตัวนางถึงเพียงนี้ ไม่ตามมา “จับตามอง” ด้วยซ้า นี่ถึงได้ทาให้เซี่ย โก่วมีความอดทนเพิ่มมากขึ้น
เซี่ยโก่วลูบคล าปลายคาง รู ้สึกล าบากใจอยู่บ้างเล็กน้อย คิด อยากจะพิสูจน์ว่าดวงอาทิตย์ใหญ่ที่ตกลงสู่พื้นดินดวงนี้เป็ นของที่มี เจ้าของ นางก็ต้องออกกระบี่เปิดกล่องถึงจะทาให้ทุกคนเชื่อนางได้
ทว่าก็เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยที่ไม่รู ้จักหนักเบากลุ่มนี้ต้องการนา จินอูตัวนี้กลับไปให้ได้หากเป็ นที่ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างก็ง่ายดายยิ่งนัก ฟันมดตัวน้อยไม่กี่ตัวที่ไม่ใช่ห้าขอบเขตบนด้วยซ้า ไม่เปลืองแรง สักกะฝึก อย่างมากก็แค่ต้องส่งกระบี่สามครั้งเท่านั้น
หนึ่งเพราะไม่ยินดีจะก่อเรื่องที่ใต้หล้าไพศาล สองไม่อยากจะทา ให้เสี่ยวโม่ที่อุตส่าห์ไว้ใจนางต้องผิดหวัง เซี่ยโก่วคิดไปคิดมาก็ได้แต่
ฝื นนิสัยเสนอทางเลือกที่พบกันครึ่งทางซึ่งไม่สอดคล้องกับการ กระทาของนางในอดีตที่ผ่านมาเลยแม้แต่น้อย “ก็ถือเสียว่าเอาของ แลกสิ่งของก็แล้วกัน ข้าจะมอบสมบัติที่เป็ นระดับอาวุธเซียนให้พวก เจ้าชิ้นหนึ่ง พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องมาเสียเที่ยว กลับไปก็จะได้มี ค าอธิบาย”
ซ่งซวี่ส่ายหน้า “ต่อให้ผู้อาวุโสมอบอาวุธเซียนมาให้มากกว่านี้ พวกเราก็มิอาจตอบตกลงได้ ไม่ใช่ว่าผู้เยาว์ได้คืบแล้วจะเอาศอก ยิ่ง ไม่กล้ามีความคิดที่จะโก่งราคา แต่เป็ นเพราะของชิ้นนี้มีความสาคัญ กับราชส านักต้าหลีของพวกเรามาก จะขาดไปไม่ได้”
เซี่ยโก่วลุกขึ้นยืน ยิ้มกว้างเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าพวกเจ้ายังไม่เข้าใจ สถานการณ์ดีนัก ถึงได้รู ้สึกว่ามีทางเลือก พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
อวี๋อวี๋ใช ้เสียงในใจเอ่ย “หรือควรจะยกชื่อของอาจารย์เฉินมาทา ให้อีกฝ่ายตกใจกลัวสักหน่อย?”
ผ่านเหตุเปลี่ยนแปลงที่เมืองหลวงต้าหลีครานั้น ผู้ฝึ กตนสาย แผนภูมิดินในทุกวันนี้ก็มีความเห็นพ้องต้องกันในข้อหนึ่งแล้ว
มีเรื่องอะไรก็ให้ไปหาอาจารย์เฉิน
ราชสานักต้าหลีเพิ่งจะหาพื้นที่มงคลใหม่เอี่ยมที่ไร ้หลักฐานให้ สืบเสาะแห่งหนึ่งเจอจุดที่ประหลาดที่สุดก็คือพื้นที่มงคลแห่งนี้ไร ้ตะวัน ไร ้จันทรา มหามรรคาเกิดช่องโหว่ เป็ นเหตุให้มีความต้องการเร่งด่วน
ที่จะต้องเอาดวงอาทิตย์ใหญ่ซึ่งตกลงมาบนพื้นดินตั้งแต่ยุคบรรพกาล ดวงนี้ไปชดเชย
“ข้าบอกแต่แรกแล้วว่าพวกเรามีความเกี่ยวข้องกัน ไม่อย่างนั้น ข้าจะเปลืองน้าลายขนาดนี้ท าไม หากไม่เป็ นเพราะมีความสัมพันธ์ ชั้นนี้อยู่ ด้วยนิสัยของข้าน่ะหรือ เฮอะ”
เซี่ยโก่วสะบัดข้อมือ “คนรักของข้าก็คือเสี่ยวโม่ที่อยู่ข้างกาย เฉินผิงอัน ฉายาของเขาคือสี่จู๋ นามว่าโม่เซิง เคยไปที่วังหลวงของ เมืองหลวงต้าหลี พวกเจ้าต้องเคยศึกษาประวัติและตัวตนของเขาซ้า ไปซ้ามาอยู่แล้ว เขาหล่อเหลากว่าเฉินผิงอันเยอะเลย”
เซี่ยโก่วยกสองแขนกอดอก ยิ้มเอ่ย “ส่วนข้าน่ะหรือ เพิ่งจะตั้งชื่อ ให้ตัวเองใหม่ ชื่อว่าเหมยฮวา นามเดิมว่าเซี่ยโก่วไม่ค่อยน่าฟังเท่าใด นัก ฮ่า”
ในตาราไม่ได้มีประโยคหนึ่งบอกว่า เส้นทางเล็ก (เสี่ยวโม่) ทาง ทิศใต้ของเมืองต้อนรับวสันต์ เห็นเพียงดอกเหมย (เหมยฮวา) ข้าง ทางยังคงเบ่งบาน มิใช่หรือ
สุดท้ายเซี่ยโก่วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เรื่องนี้พวกเจ้าไป อธิบายเหตุผลกับเฉินผิงอันก็ไม่มีประโยชน์ ของเป็ นของข้าก็คือของ ข้า หากยังพูดมากไม่เลิกก็อย่าโทษว่าข้าลงมืออ ามหิตล่ะ”
แน่นอนว่าเซี่ยโก่วไม่มีทางฆ่าคนตาย แบบนั้นมีแต่จะทาให้เสี่ยว โม่วางตัวล าบาก
และในขณะที่เซี่ยโก่วเตรียมจะปล่อยกระบี่แรกออกไปนั้นเอง ใน ดินแดนไท่ซวีแห่งนี้ก็มีปัญญาชนสวมชุดลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งเผยกาย มาจากความว่างเปล่า
ตราผนึกหลายชั้นคล้ายเป็ นเพียงเครื่องประดับ ปัญญาชนผู้นี้ ดุจดั่งเข้ามาในดินแดนที่ไร ้ผู้คน
มองดูคล้ายบัณฑิต แต่กลับมีกลิ่นอายของพระธรรมเข้มข้นแผ่ อบอวลพุ่งมาปะทะใบหน้าจนเซี่ยโก่วรู ้สึกได้
คนผู้นี้คงไม่ได้เพิ่งกลับมาจากดินแดนพุทธะสุขาวดีหรอกนะ?