กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1005.3 ก็ลองดู
เรือนกายเผ่าปีศาจที่สุดท้ายจาแลงออกมาเป็ น “รากภูเขา” ที่ ยิ่งใหญ่อลังการ กระทั่งมีการประชุมริมล าคลองได้แบ่งใต้หล้าออกไป หลายแห่ง พื้นที่ที่ถูกแบ่งให้เป็ นของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างก็กลายมาเป็ น สิ่งของที่มีเจ้าของ
แต่สุดท้ายก็ยังถูกจูเยี่ยนคว้าไปไว้ในมือได้สาเร็จ และบรรพบุรุษ ย้ายขุนเขาผู้นั้นยังสามารถหลอมเทือกเขาที่ซุกซ่อนวิถีแห่งกระบี่เส้น หนึ่งเอาไว้ให้กลายมาเป็ นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งได้สาเร็จ
รอยยิ้มของหูถูกดลึกขึ้นอีกหลายส่วน “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าในเวลา หมื่นปีที่พวกเราไม่อยู่ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างจะมีโจวมี่โผล่มาได้”
สามารถทาให้จอมปราชญ์น้อยที่เคยยโสโอหังไม่เห็นหัวใครต้อง อัดอั้นได้เช่นนี้ สาแก่ใจ สาแก่ใจยิ่งนัก เพียงแค่มองอยู่ด้านข้างก็ รู ้สึกสบายใจอย่างยิ่งแล้ว
แต่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ตอนที่หูถูพูดจาเย้ยหยันก็ได้ร่าย วิชาสกัดกั้นฟ้ าดินไว้ด้วย
อยู่ดีๆ หูถูก็ถูกคนถองจนร่างกระเด็นออกไปหลายพันลี้ เป็ นเหตุ ให้จมูกยุบลงไปทั้งแถบ หูถูไม่มีความลังเลใดๆ ไม่ทันได้เอ่ยขอบคุณ อู๋หมิงซื่อผู้นั้น เรือนกายก็พลันแตกตัวออกเป็ นควันด าหลายขุมจน นับไม่ถ้วน แล้วยังกระจายตัวออกไปในชั่วพริบตา คล้ายกับหว่านแห
ขนาดใหญ่ยักษ์ไปบนพื้นดิน ควันดาเหล่านั้นพุ่งกรูไปยังใต้หล้า เปลี่ยวร ้างอย่างบ้าคลั่ง
“ยันต์” แผ่นหนึ่งลอยอยู่ตรงตาแหน่งที่หูถูยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ดู จากระดับความสูงแล้วก็ใกล้เคียงกับช่วงล าคอของหูถูพอดี
ยันต์แผ่นนี้ไม่มีกระดาษยันต์ มีแค่อักษรคาว่า “ฟัน” ที่ส่องแสงสี
ทองเป็ นประกายระยิบระยับ
ปีศาจใหญ่หลายตนที่อยู่ใกล้เคียงรู ้ดีถึงความร ้ายกาจของยันต์นี้ หากหูถูถูกยันต์นี้กระแทกใส่มันก็จะไปหยั่งรากอยู่ในร่างจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะพัวพันอยู่กับชื่อจริงเผ่าปีศาจของหูถู
อู๋หมิงซื่อเก็บกาเหล้าใบนั้นมา กุมหมัดยิ้มเอ่ยขออภัยอาจารย์ ซานซานจิ่วโหวผู้นั้นอยู่ไกลๆ “คันมือไปหน่อย โปรดอภัย โปรดอภัย เห็นแก่ที่เคยดื่มเหล้าด้วยกัน อย่าได้ถือสาเลย”
ค าว่าฟันพลันสลายกลายเป็ นเส้นยาวสีทองตรงดิ่งแปดเส้น สุดท้ายขมวดรวมกันกลายเป็ นเชือกเส้นหนึ่งที่บินพุ่งกลับเข้าไปใน ชายแขนเสื้อของผู้ฝึกตนหนุ่มอย่างรวดเร็ว
อู๋หมิงซื่อเผยสีหน้าเลื่อนลอยไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อนานมาก มาแล้ว แม้ว่าบนพื้นดินของโลกมนุษย์ ระหว่างผู้ฝึ กตนใหญ่ของ เผ่าพันธ ์ต่างๆ ก็มีความขัดแย้งกันเองภายในที่เอะอะก็แบ่งตัดสินเป็ น ตายต่อกัน แต่ในภาพรวมแล้วผู้ฝึกตนกลุ่มที่อยู่ในจุดสูงที่สุด ไม่ว่า จะมีรากฐานมหามรรคาเป็ นอย่างไร จะมีชาติกาเนิดที่แตกต่างกัน
อย่างสิ้นเชิงแค่ไหน อันที่จริงความสัมพันธ ์ของแต่ละฝ่ ายล้วนไม่ตึง เครียดนัก ถึงขั้นที่ว่ายังมีบรรยากาศผ่อนคลายอย่างที่โลกยุคหลังมิ อาจจินตนาการได้ด้วย ก็เหมือนอย่างหลีโก้วที่เคยมีความสัมพันธ ์ ปรองดองกับบัณฑิตกลุ่มนั้น มิตรภาพของพวกเขาเรียกได้ว่าไม่เลว หากอิงตามการค านวณของบนภูเขาในโลกยุคหลังจริงๆ หลีโก้วก็ สามารถถือได้ว่าเป็ นลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อของปรมาจารย์ มหาปราชญ์ได้ด้วยซ้า
และร่างเดิมของอู๋หมิงซื่อที่ออกหมัดต้านรับหายนะไว้ให้หูถูได้ผู้ นี้ก็คุ้นเคยกับอาจารย์ซานซานจิ่วโหวที่เรียกยันต์อักษรคาว่าฟันและ เจ้าแห่งถ้านี้เซียวของชายหาดลั่วเป่ าอย่างมาก ในยุคบรรพกาลอัน ห่างไกลเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขา ทั้งกับผู้ฝึกกระบี่มาแล้ว หลายครั้ง ร่วมกันต้านทานศัตรูอย่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ออกลาดตระเวน พื้นดิน เปิดฉากเช่นฆ่าอย่างกาเริบเสิบสานพวกนั้น
บนพื้นดินของเปลี่ยวร ้าง ทางยอดเขาฝั่งนั่น กุ่ยเค่อที่มีรูปโฉม เป็ นเด็กสาวยกมือที่แห้งเหี่ยวขึ้นทุบลงบนหัวใจเบาๆ
เป็ นค่ายใหญ่หลายแห่งที่ใต้หล้าไพศาลจัดตั้งไว้ในเปลี่ยวร ้างได้ ถูกเปิดขึ้นแล้ว เป็ นเหตุให้นางรู ้สึกเจ็บปวดราวหัวใจถูกคว้าน
ป๋ ายเจ๋อยื่นมือมาตบแขนของเด็กสาวเบาๆ หัวคิ้วของกุ่ยเค่อถึง คลายออกได้
ในขณะที่หูถูที่พลิ้วกายลงมาบนพื้นของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างกาลัง แอบลอบยินดีอยู่กับตัวเองนั้นเอง ป๋ ายเจ๋อกลับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เจ้าไปหาเรื่องใครดันไม่หา ดันไปหาเรื่องอาจารย์ซานซานจิ่วโหวผู้ นั้นเสียได้
จุดที่หูถูเลอะเลือนที่สุดก็คือเขาไม่ควรกลับมายังพื้นดินเร็ว ขนาดนี้ บนผืนแผ่นดินของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างก็จะไม่ใช่ผืนแผ่นดิน ของโลกมนุษย์แล้วอย่างนั้นหรือ?
หูถูที่เพิ่งรวบรวมกลุ่มควันหลายหมื่นกลุ่มกลับมา ขณะที่ปลาย เท้ากาลังจะสัมผัสพื้นดิน ปีศาจใหญ่ตนนี้ก็สัมผัสได้อย่างเฉียบไวได้ แล้วว่าท่าไม่ดีแล้ว เท้าห่างจากพื้นอีกแค่เสี้ยวเดียวก็รีบยกเท้าขึ้น ทันใด คิดไม่ถึงว่าพื้นดินของเปลี่ยวร ้างในรัศมีพันลี้รอบด้านจะ เหมือนมีคลื่นริ้วน้ากระเพื่อมแผ่ขึ้นมาทันใด ห่อหุ้มข้อเท้าของหูถูไว้ ในฉับพลัน หูถูโอดครวญไม่หยุด ร่ายวิชาหลบหนีซึ่งเป็ นวิชาแห่ง ชะตาชีวิตอีกบทหนึ่ง แต่กลับเปลืองแรงเปล่าเพราะร่างของเขา เหมือนถูกกระชากลงไปในน้าวนขนาดใหญ่ยักษ์ และยิ่งเหมือนถูก คนกระชากลากถูขึ้นไปบนภูเขา นาทีถัดมาหูถูก็ค้นพบด้วยความ ตะลึงพรึงเพริดว่าตัวเองไปอยู่ข้างกายของผู้ฝึกตนหนุ่มแล้ว เขากลืน น้าลาย ไม่รู ้ว่าควรจะเปิดปากอย่างไรดี
อาจารย์ซานซานจิ่วโหวพูดด้วยสีหน้าเฉยเมยว่า “ไม่ขอโทษหลี่ เซิ่งรี?”
หูถูหน้าเขียวคล้าทันใด แต่ก็ยังเก็บสีหน้าลงไปอย่างรวดเร็ว เค้น รอยยิ้ม ประสานมือคารวะหลี่เซิ่งที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเข้าท่าเข้าที “เป็ นข้าที่พูดจาส่งเดช ต้องขออภัยจอมปราชญ์น้อยด้วย”
ถูกผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่สองคนร่วมมือกันเล่นงาน รสชาติ นี้จะเป็ นเช่นไร แค่คิดก็พอจะรู ้ได้
ป๋ ายเจ๋อเงยหน้ามองไปนอกฟ้ า ลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่ก็ยังไม่ได้ เปิดปากพูดอะไร เพราะก็สมควรแล้วที่หูถูต้องเจอเรื่องยากลาบาก เสียบ้าง
ก่อนหน้านี้ไปรวมตัวกันที่ลาคลองเย่ลั่ว หลังจากการประชุมผ่าน ไป แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปอีกครั้ง นักพรตเฒ่าที่สวมกวานไม้ไผ่ กับหูถู และยังมีหญิงชราผู้นั้นแอบกระทาเรื่องบางอย่างกันโดย พลการ ช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิของปีนี้พวกเขาได้จับมือกันไปเยือน อาณาเขตของท่าเรือกุยซวีรื่อจุ้ย คิดว่าอาศัยฝีมือของพวกเขาสาม คน ไม่พูดว่าสามารถเดินกร่างอยู่ที่ท่าเรือแห่งนั้นได้ แต่ก็ยังไปมาได้ อย่างมีอิสระอยู่ดีไม่ใช่หรือ? ผลคือระหว่างที่เดินทางไปก็ปรึกษากัน ไว้เรียบร ้อยแล้วว่าจะสังหารพลทหารล่างภูเขาของไพศาลสักหลายๆ แสนคน จะได้ให้พวกคนรุ่นหลังอย่างเฝ่ ยหรานได้เห็นดีกันเสียบ้าง เพียงแต่ว่าไปได้แค่ครึ่งทางนักพรตเฒ่าสวมกวานไม้ไผ่ลองท านายดู พอเห็นผลทานายก็เริ่มบ่นพึมพาอย่างระแวงแล้ว หลังจากนั้นทานาย อีกสองรอบ ยิ่งนานก็ยิ่งเคร่งเครียด เพียงแต่เพราะติดขัดที่หน้าตา สุดท้ายก็ยังเดินทางต่อไปพร ้อมกับหูถูและหญิงชรา นักพรตเฒ่าสวม
กวานไม้ไผ่ยังคงระมัดระวังรอบคอบ จึงจับตัวผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจสอง ตนมาก่อนกลางทาง เป็ นขอบเขตหยกดิบกับขอบเขตเซียนเหริน ใช ้ คนที่เป็ นขอบเขตหยกดิบโยนออกเป็ นเหยื่อล่อก่อน ให้อีกฝ่ ายรับ หน้าที่เป็ นทัพหน้า ยังไม่ทันได้ลงมือในฐานทัพแห่งหนึ่งที่ราชวงศ์ ใหญ่ของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางใต้หล้าไพศาลมาปักหลักอยู่ก็ ถูกค้นพบร่องรอยแล้วถูกฆ่าทิ้งทันที
หลังจากนั้นพวกหูถูก็ให้เผ่าปี ศาจขอบเขตเซียนเหรินคน สุดท้ายไปสังหารกองทัพม้าขนาดเล็กและทหารลาดตระเวนของ ไพศาลโดยเฉพาะ พอจะประสบผลส าเร็จอยู่บ้างจริงๆยังสังหารผู้ฝึก ตนติดตามกองทัพที่เหมือนมดตัวน้อยไปได้อีกกลุ่มหนึ่ง ภายใต้การ อนุมานของนักพรตเฒ่าสวมกวานไม้ไผ่ เผ่าปีศาจขอบเขตเซียนเห รินที่เหมือนหุ่นเชิดถูกชักใยผู้นี้ก็เหมือนนักฆ่าที่จงใจอาพรางตบะ และขอบเขต คอยลอบสังหารกองทัพของราชวงศ์ที่ประจาการอยู่ใน แถบพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกล สังหารแม่ทัพบู๊และผู้ฝึกติดตามกองทัพ ที่อยู่ข้างกายพวกเขาโดยเฉพาะ ผ่านไปประมาณเดือนกว่า เผ่า ปีศาจขอบเขตเซียนเหรินผู้นี้เพิ่งจะเผยตัวอย่างลับๆ ล่อๆ ก็ถูกเจินเห รินผู้เฒ่าคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมปักลายมังกรใช ้มังกรเพลิงสองตัว สังหารจนไม่เหลือกระทั่งเถ้าธุลีจากจุดที่ห่างไปไกลถึงพันลี้ เรื่องที่ ยุ่งยากยิ่งไปกว่านั้นก็คือพวกนักพรตเฒ่าสวมกวานไม้ไผ่สามคน เกือบจะต้องตกอยู่ในวงล้อมเสียแล้ว อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นจริงๆ
นักพรตเฒ่าสวมกวานไม้ไผ่อาศัยลางบอกเหตุที่มาจากอาวุธ เทพบรรพกาลที่ผ่านการหล่อหลอมมาได้ครึ่งหนึ่งถอยหนีอย่างเด็ด เดี่ยว แล้วก็จริงดังคาด เท้าหน้าของพวกเขาสามคนเพิ่งจะผละจาก ไป เท้าหลังของผู้ฝึกตนใหญ่ไพศาลหลายคนก็มาโผล่ตรงตาแหน่งที่ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้านี้ นอกจากฮว่อหลงเจินเหรินที่ว่ากันว่า มาจากอุตรกุรุทวีปแล้วยังมีนักพรตสะพายกระบี่ที่สวมชุดคุมอาคม ม่วงเหลืองอีกคนหนึ่ง และยังมีผู้ฝึกกระบี่สองคน รวมไปถึงผู้ฝึกยุทธ ใหญ่ที่พลังอานาจน่าครั่นคร ้ามอีกคนหนึ่ง
ไม่พูดถึงยอดฝีมือชั้นสูงของไพศาลที่ปรากฏตัวกลุ่มนั้น หญิง ชรายังอาศัยริ้วกระเพื่อมเล็กน้อยจากปราณวิญญาณฟ้ าดินมารับ สัมผัสได้อย่างเฉียบไวถึงกลิ่นอายที่ซ่อนแฝงอยู่ระหว่างทางที่พวก เขาเร่งรุดหลบหนีอีกหลายขุม คาดว่าคงเป็ นเพราะกระโจนคว้าได้แค่ ความว่างเปล่า แต่ละคนจึงได้ถอยกลับไป
กุ่ยเค่อถาม “ท าไมอาจารย์ซานซานจิ่วโหวถึงยืนกรานที่จะยืน อยู่ข้างหลี่เซิ่ง?”
ป๋ ายเจ๋อยิ้มตอบ “อันที่จริงเมื่อนานมากมาแล้วความสัมพันธ ์ของ พวกเขาสองคนธรรมดามาก ธรรมดามากๆ ข้ายังเคยไกล่เกลี่ยไม่ให้ พวกเขาตีกันด้วย”
สหายบางคนแค่เห็นหน้าก็เหมือนรู ้จักกันมานาน ประหนึ่งดื่ม สุราฤทธิ์ร ้อนแรง ยกตัวอย่างเช่นป๋ ายเจ๋อกับจอมปราชญ์น้อย
มิตรภาพบางอย่างกลับเหมือนสุราที่ต้องใช ้ไฟเบาอุ่นช ้าๆ ก็ เหมือนกับหลี่เซิ่งและอาจารย์ซานซานจิ่วโหว
หลังจากศึกเดินขึ้นสวรรค์สิ้นสุดลง ในช่วงยุคโบราณที่ใต้หล้า เพิ่งจะถูกสร ้างขึ้นและค่อยๆ เข้าสู่วิถีทางโลกที่สงบสุข เมื่อประมาณ เจ็ดแปดพันปีก่อน หลี่เซิ่งเคยทาการทดลองอย่างหนึ่ง ได้ตั้งใจเชื้อ เชิญอาจารย์ซานซานจิ่วโหวให้มาร่วมกันก่อตั้ง “จารีตพิธีการใหม่” ให้กับใต้หล้าไพศาล
เรื่องราวในใต้หล้าสืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็หนีไม่พ้นแบ่ง ออกเป็ นเรื่องของโลกสว่างกับเรื่องของโลกมืด เห็นได้ชัดว่าหลี่เซิ่ง กับอาจารย์ซานซานจิ่วโหวได้แยกกันรับผิดชอบสองเรื่องนี้
ดังนั้นจึงมีการตั้งป้ ายบอกกล่าวแก่โลกมืดของฝ่ ายหลัง บนป้ าย แกะสลักตัวอักษรใหญ่เจ็ดคาว่า “สะบั้นความโง่เขลาและความดึงดัน ออกจากจักรวาลที่สงบสุข
และลู่เฉินก็เคยเอาพวกผีเซียนที่ซ่อนตัวอยู่บนเส้นทางโลกมืด อย่างอูถีปีศาจใหญ่แห่งนครเซียนจานมาเปรียบเทียบเป็ นพวกคนที่ ‘โง่เขลาและดึงดัน
เห็นได้ชัดว่าเอามาใช ้เล่นงานพวกภูตผีที่ออกอาละวาดอยู่ในใต้ หล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผีเซียนที่บรรลุมรรคาก็ถือว่าครอบคลุม ได้อย่างมิดชิด ตาข่ายฟ้ าแม้จะห่างแต่ไม่รั่ว
ทว่าในความเป็ นจริงแล้วในช่วงยุคบรรพกาลที่ยาวนานนั้น อาจารย์ซานซานจิ่วโหวกลับมีความสัมพันธ ์ที่ดีเยี่ยมกับผู้ฝึกตนผี อันดับหนึ่งแห่งโลกมนุษย์ซึ่งเป็ นหนึ่งในสิบผู้กล้าของเวลานั้น
ถึงขั้นที่พูดได้ว่าในบางระดับแล้ว อาจารย์ซานซานจิ่วโหวก็คือผู้ ปกป้ องมรรคาที่แท้จริงให้กับภูตผีจิตหยินทั้งหมดในโลกยุคหลังเลย
ด้วยซ้า
เจิ้งจวีจงพูดเสียงในใจให้หลี่ซีเซิ่งและฝูลู่อวี่เสวียนฟังพร ้อมกัน
ครู่หนึ่งต่อมาในใจแต่ละคนก็มีการคิดคานวณจนได้ผลลัพธ ์สาม ข้อ คือต าแหน่งคร่าวๆ สามตาแหน่งในเปลี่ยวร ้างที่เป็ นจุดตัดของ เส้นรุ ้งกับเส้นแวงคนละจุด ซึ่งต่างฝ่ ายต่างก็มีความคลาดเคลื่อนกัน
อยู่บ้าง
เจิ้งจวีจงทาการอนุมานเพียงลาพังภายใต้พื้นฐานนี้
เพียงไม่นานทางฝั่งของนครจินชุ่ยของใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง คนผู้ หนึ่งที่มองดูคล้ายไร ้ชื่อเสียงแต่กลับเป็ นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็ นเจ้าของ นครจินชุ่ยที่แท้จริงก็ได้หายตัวไป
ป๋ ายเจ๋อหรี่ตาลง ตอนนี้ความสนใจส่วนใหญ่ของเขาล้วนเอาไป วางไว้บนร่างของเจ้านครแห่งนครจักรพรรดิขาวทั้งสิ้น
ป๋ ายเจ๋อพลันใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “กุ่ยเค่อ รีบตามหาต าแหน่ง ซ่อนตัวร่างจริงที่แม่นยาของหูถูออกมาเร็วเข้า”
กุ่ยเค่อลังเลอยู่เล็กน้อย แต่เห็นแก่ที่ก่อนหน้านี้ป๋ ายเจ๋อลงมือ ช่วยเหลือจึงพยักหน้ารับ
นอกฟ้ า หลี่เซิ่งไม่ได้หันหน้ากลับมา เพียงแค่ใช ้มือหนึ่งต้านรับ ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างเอาไว้ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ร่างจริงไม่อยู่ ความจริงใจ ไม่มากพอนะ”
เพราะถึงอย่างไรก็เป็ นปีศาจใหญ่บรรพกาลที่มีชีวิตอยู่มานาน หมื่นกว่าปี แล้ว ความสามารถในการรักษาตัวรอดต้องไม่ด้อยไป อย่างไรแน่ พลังพิฆาตไม่มากพอ แต่การหนีเอาชีวิตรอดกลับนับว่า พอใช ้ได้
หูถูแข็งใจเอ่ยว่า “ไม่กล้าเอาร่างจริงมาพบหลี่เซิ่งจริงๆ”
หลี่เซิ่งพยักหน้า “ถือว่าพูดจาจริงใจต่อกันอยู่บ้าง”
น้าเสียงหูถูสั่นเล็กน้อย เอ่ยประโยคหนึ่งที่ถือว่าหน้าหนาไม่น้อย “หากว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าคงจะกลับแล้ว ไม่กล้าถ่วงรั้งการลงมือ ของหลี่เซิ่ง”
หลี่เซิ่งยิ้มเอ่ยเสนอแนะ “เจ้าก็ลองดูสิ?”
หลีกเลี่ยงไม่ให้เป็ นคนที่ยืนพูดไม่ปวดเอว (เปรียบเปรยว่าหากไม่ อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็ไม่เข้าใจ)
ไม่รอให้หูถูพูด “ปฏิเสธอย่างละมุนละม่อน” แค่การเชื้อเชิญนี้ก็ ทาให้จิตแห่งมรรคาสั่นสะท้านได้แล้ว
ที่แท้ป๋ ายเจ๋อได้เอ่ยเรียกชื่อจริงของหูถูขึ้นมาก่อนแล้วเอ่ยเสียง ทุ้มหนักว่า “สละร่างแยกร่างนี้ทิ้งไปซะ ต้องเร็วด้วย!”
เพียงแต่ไม่รอให้หูถูมีการกระทาใดๆ ก็ถูกหลี่เซิ่งกวักมือเรียก ร่างทั้งร่างก็พุ่งฉิวไปข้างหน้าเหมือนสายฟ้ าแลบ
หลี่เซิ่งยื่นมือมาคว้าจับหัวร่างแยกของหูถู ออกแรงเล็กน้อยก็บีบ ให้ปีศาจใหญ่แห่งเปลี่ยวร ้างตนนี้เผย ‘ร่างจริง’ จากนั้นก็จับอีกฝ่ าย กดลงไปบนตัวเรือเปลี่ยวร ้างอย่างง่ายๆ
แค่พุ่งชนทีเดียว ในเสี้ยววินาทีที่ร่างแยกของหูถูสัมผัสโดนใต้ หล้าเปลี่ยวร ้างก็เหมือนมีดอกไม้เล็กๆ บนหน้าผาที่เบ่งบานเป็ นสี เลือดสาดกระจาย
เจิ้งจวีจงมองภาพเลือดสดสาดกระเซ็นนี้อยู่ไกลๆ งอนิ้วมือ กระดิกเบาๆ เลือดสดก็รวมตัวกันเป็ นเส้นยาวที่เล็กบางมากเส้นหนึ่ง ซึ่งมาหล่นลงบนมือของเจิ้งจวีจง เขย่าฝ่ ามือเล็กน้อย เลือดสดนั้นก็ กลายมาเป็ นไข่มุกหนึ่งเม็ดที่หมุนกลิ้งติ้วๆ อยู่ในฝ่ ามือของเจิ้งจวีจง ไม่หยุด
เจ้านครจักรพรรดิขาวอีกคนหนึ่งที่อยู่บนพื้นดินของเปลี่ยวร ้าง ได้เปลี่ยนแปลงเส้นทางมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูถ้าในพื้นที่ลับที่ถูก ซุกซ่อนเอาไว้อย่างลึกล้ามาก
เจิ้งจวีจงคนนี้ประกบสองนิ้วทามุทรากระบี่ก็ฝ่ าทาลายตราผนึก แต่ละชั้นไปได้อย่างง่ายดายเหมือนใช ้มีดปาดเต้าหู้ ไม่ต้องอ้อม เส้นทาง แค่ตรงดิ่งไปข้างหน้าก็พอ
หูถูเห็นเจ้าคนที่ใบหน้าประดับรอยยิ้มผู้นั้น สีหน้าของปีศาจใหญ่ ผู้นี้ก็พลันขาวซีด แต่กลับถูกเจิ้งจวีจงที่สาวเท้าก้าวเดินอย่างผ่อน คลายใช ้หนึ่งหมัดต่อยทะลุหน้าอกไปแล้วเพียงแต่ว่าเพียงชั่วพริบตา ก็มีภาพเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น ป๋ ายเจ๋อมายืนอยู่ข้างกายคนทั้ง สอง มือหนึ่งกดศีรษะของหูถูเอาไว้ อีกมือหนึ่งผลักไปทางเจิ้งจวีจง บังคับแยกสองฝ่ ายออกจากกัน จากนั้นม้วนชายแขนเสื้อเก็บหูถูเข้า ไปไว้ข้างใน ก่อนจะออกไปจากถ้าสถิตพื้นที่ลับแห่งนี้ด้วยกัน
เจิ้งจวีจงสะบัดข้อมือเบาๆ เลือดสดที่ถูกสะบัดกระจายอยู่กลาง อากาศมารวมตัวกันเป็ นไข่มุกเม็ดหนึ่งอีกครั้ง แล้วก็ถูกเขาเก็บเข้า ไปในชายแขนเสื้อเช่นกัน
หากมาช ้ากว่านี้อีกสักนิด อย่างน้อยหูถูก็ต้องขอบเขตถดถอย หากป๋ ายเจ๋อไม่มา ถ้าอย่างนั้นใต้หล้าเปลี่ยวร ้างก็จะไม่มีหูถูอะไรอีก ต่อไปแล้ว
เจิ้งจวีจงพึมพาอยู่ในใจ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ตั๊กแตนจับจักจั่น น่า เสียดายที่นกขมิ้นอย่างพวกเจ้าฝี มือไม่ได้เรื่องสักเท่าไร บินได้ช ้า เกินไป”
เพิ่งจะขาดคา ร่างของเจิ้งจวีจงเพิ่งจะสลายหายไป ในพื้นที่ลับก็ มีเงาร่างของปีศาจใหญ่ชูเซิงโผล่มา เขากวาดตามองไปรอบด้านแล้ว แค่นเสียงหยันในล าคอ
นักพรตเฒ่าสวมกวานไม้ไผ่หดมือข้างเดียวไว้ในชายแขนเสื้อ ท ามุทราไม่หยุด เพียงชั่วครู่สีหน้าก็แข็งค้าง หัวเราะแห้งๆ สองสามที “ผินเต้าไม่อยู่ดูเรื่องสนุกที่นี่แล้ว กลับก่อนล่ะ กลับก่อน”
กวนอี่ถอนหายใจเบาๆ พยักหน้า เอ่ยอย่างจนใจว่า “กลับ ด้วยกันเถอะ”
ผลคือนักพรตเฒ่าที่สะพายกระบี่ถือแส้ผู้นี้เพิ่งจะค้อมเอวลงไป ตบตัวพาหนะเบาๆ หางตาก็เหลือบไปเห็นว่าบุรุษชุดขาวที่ยืนอยู่บน ชั้นสูงสุดของหอแก้วใสกาลังยิ้มมองมาที่ตน
นักพรตเฒ่าขนพองสยองเกล้า มารดามันเถอะ เจ้าจะมองข้า ท าไม? ไม่มีความแค้นใดๆ ต่อกัน มาจ้องผินเต้าแบบนี้เพื่ออะไร?
ผินเต้าเคยไปหาเรื่องเจ้าหรือ? แค่ใช ้นามแฝงว่าหวังโหยวอู้ ไม่ ใช่เจินโหยวอู้เสียหน่อย เจ้าหันไปมองกวนอี่ที่อยู่ข้างกายของผินเต้า แทนสิ!
เจ้าคนที่ว่ากันว่าเป็ นยักษ์ใหญ่แห่งวิถีมารของใต้หล้าไพศาลผู้ นั้นคล้ายจะเดาได้ถึงความคิดที่อันที่จริงแล้วนับว่าเหลวไหลอย่าง มากของนักพรตเฒ่าได้ จึงใช ้เสียงในใจยิ้มเอ่ยกับนักพรตเฒ่าสวม กวานไม้ไผ่ว่า “กวนอี่น่ามองแล้วก็สังหารได้ง่าย เจ้าไม่น่ามองแต่
กลับสังหารได้ยาก เจ้าลองพูดมาเองเถอะว่าหากข้าไม่มองเจ้าแล้ว ควรจะมองใคร”
เจ้าคนแซ่เจิ้ง สมองมารดาเจ้ามีรูหรือไร มีใครเขามีตรรกะ ความคิดแบบเจ้าบ้าง?
อวี๋เสวียนมองเจิ้งจวีจงที่อยู่ในหอแก้วใส ก่อนจะหันไปมอง นักพรตเฒ่าสวมกวานไม้ไผ่ ไม่รู ้ว่าทาไมถึงอดหันไปมองอิ่นกวาน หนุ่มอีกไม่ได้