กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1006.1 พวกเขานั่งล้อมรอบกองไฟ
มนุษย์ที่แท้นั้นอัศจรรย์นัก
เห็นเพียงว่าสองเท้าของหลี่เซิ่งเหยียบอยู่บนภูเขายันต์สองลูก ทันใดนั้นกายธรรมก็ถูกยกระดับขึ้นสูงอย่างน้อยหนึ่งเท่า สองเท้าพา ภูเขายันต์ก้าวเดินไปเหมือนสวมรองเท้า หลี่เซิ่งผินตัวมาด้านข้าง แต่ กลับทิ้งคันฉ่องสีทองที่เกิดจากการรวมตัวกันของตัวอักษรแห่งชะตา ชีวิตเอาไว้ที่เดิม ประหนึ่งกาแพงที่อ่อนนุ่มแต่กลับยืดหยุ่นมากพอ คอยขัดขวางทางไปของเรือข้ามฟากอีกครั้ง ส่วนตัวของหลี่เซิ่งก็ใช ้ แผ่นหลังกระแทกชนใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง แม่น้ายันต์ที่อยู่ด้านหลังก็ เหมือนเส้นทางใหม่เอี่ยมที่ถูกปูขึ้นมาใหม่ แบ่งแยกออกมาจาก เส้นทางชิงเต้าเส้นเดิม กายธรรมของหลี่เซิ่งหงายไปด้านหลัง สอง เท้าทยอยกันยกขึ้น ก่อนจะกระทืบลงบนไท่ซวีหนักๆ อีกครั้ง กาย ธรรมที่โน้มไปด้านหลังยิ่งโน้มเอียงลงไปอีกหลายส่วนค่อยๆ ขยับ เคลื่อนไปยังทิศทางของ “เรือข้ามฟาก” ผลักใต้หล้าเปลี่ยวร ้างทั้ง แห่งให้เข้าไปอยู่ในเส้นทางน้าของยันต์น้าสายนั้น แผ่นหลังของกาย ธรรมใหญ่ยักษ์หลี่เซิ่งเสียดสีกับค่ายกลของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างจนเกิด เป็ นริ้วแสงแวววาวพร่างพราวอย่างถึงที่สุด
ปีศาจใหญ่บรรพกาลที่วิ่งมาชมงิ้วเหลือแค่หลีโก้วกับอู๋หมิงซื่อ เท่านั้น
อู๋หมิงซื่ออดไม่ไหวหยิบกาเหล้าออกมาอีก กรอกเหล้าเข้าปาก อีกใหญ่ พูดกลั้วหัวเราะอย่างสาแก่ใจว่า “ไม่ต้องสงสัยแล้ว ต่อให้ผู้ ไร ้เทียมทานที่แท้จริงของป้ ายอวี้จิงจะไร ้เทียมทานแค่ไหนก็ไม่มีทางสู้ จอมปราชญ์น้อยได้แน่นอน”
หลีโก้วกล่าว “มีอะไรให้ต้องดีใจด้วยเล่า?”
อู๋หมิงซื่อพยักหน้า “ต้องดีใจสิ นี่หมายความว่าหมื่นปีที่ผ่านมานี้ ต่อให้ผู้มีพรสวรรค์และเวทคาถาจะมีมากแค่ไหนก็ยังไม่สูงเท่ามหา มรรคาของผู้ฝึกตนรุ่นพวกเรา”
หลีโก้วกล่าว “จะคิดแบบนี้ไม่ได้ ในหมื่นปี ที่ผ่านมานี้จอม ปราชญ์น้อยศึกษาเวทคาถามาเยอะมากนัก”
อู๋หมิงซื่อมีสีหน้าปั้นยาก เงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายก็อดไม่ไหว ยกมือขึ้นตบหัวของเด็กหนุ่มที่มีตาดาสองชั้น “รู ้หรือไม่ว่าทาไมปีนั้น เจ้าถึงอยู่ร่วมกับพวกบัณฑิตและนักพรตเผ่ามนุษย์กลุ่มนั้นไม่ได้?”
หลีโก้วกล่าว “เพราะข้าไม่รู้จักพูด”
ชายฉกรรจ์ร่างเล็กเตี้ยยิ้มเอ่ย “ที่แท้เจ้าก็รู ้ด้วยหรือ”
ชายฉกรรจ์ที่ไร ้ชื่อไร ้ชื่อ ถึงขั้นที่ว่าแม้กระทั่งชื่อจริงเผ่าปีศาจก็ ยังไม่มีผู้นี้ ปีนั้นมีความสัมพันธ ์ที่ไม่เลวกับอาจารย์ซานซานจิ่วโหว จริง สามารถถือเป็ นสหายครึ่งตัว สหายสุราครึ่งตัวได้ด้วยซ้า
คงเป็ นเพราะนิสัยที่เปื่อยเฉื่อยก็เลยมีเพื่อนน้อย ศัตรูก็ไม่เยอะ ไม่เหมือนกับป๋ ายจิ่งที่หากผูกปมแค้นกับใครก็ต้องจัดการอีกฝ่ ายให้ สิ้นซาก ไม่กี่ครั้งที่ชายฉกรรจ์ร่างเล็กเตี้ยลงมือก็ล้วนทาเพื่อสหาย ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่นเพื่อหลีโก้วที่พลังพิฆาตอยู่ไกลเกินกว่าจะ เทียบเขาได้ติด แต่กลับมีความสามารถในการป้ องกันสูงมากข้าง กายผู้นี้
ดังนั้นชายฉกรรจ์จึงเสียดายมากที่ผู้ฝึกกระบี่หลิวชามิอาจหวน คืนมายังเปลี่ยวร ้างได้ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ ายก็จะต้องกลายเป็ นสาหยสุรา คนใหม่ของเขาแล้ว
ป๋ ายจิ่งหัวเราะจนหุบปากไม่ลง แม้จะไม่ได้เห็นจุดจบของหูถูผู้นั้น กับตาตัวเอง แต่ก็พอจะเดาสถานการณ์ได้คร่าวๆ จากนั้นนางก็แสร ้ง ท าท่าเจ็บปวดรวดร ้าว พูดเสียงดังด้วยน้าเสียงเศร ้าใจว่า “เจ็บปวด หัวใจยิ่งนัก ช่างทาให้คนเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก! หูถูเจ้านี่ช่างเลอะเลือน (หูถู) จริงๆ!”
ชายฉกรรจ์หลุดหัวเราะพรีด ยกมือขึ้นแกว่งกาเหล้าที่อยู่ในมือ ไปทางป๋ ายจิ่ง
เมื่อก่อนทาไมถึงไม่เคยรู ้เลยว่าป๋ ายจิ่งชอบพูดจากระแหนะกระ แหนแบบนี้ด้วย?
ป๋ ายจิ่งกลอกตามองบนใส่ โบกมือบอกเป็ นนัยว่าพวกเราสองคน ไม่สนิทกัน เจ้าอย่ามาตีสนิทกับข้า เสี่ยวโม่ของข้าใจแคบนักล่ะ
หากว่าเสี่ยวโม่เข้าใจข้าผิด ข้าจะฟันเจ้าชะ
แต่หากเจ้ายินดีมอบกาเหล้าในมือมาให้ข้า วันหน้าพวกเราสอง คนก็สามารถเรียกกันเป็ นพี่สาวกับน้องชายได้แล้ว
ชายฉกรรจ์ร่างเล็กเตี้ยผู้นี้ชอบฟังเสียงสุราในกาแกว่งส่ายยามที่ ยกกาขึ้นกระดกดื่มเหล้าเลิศรส
กาเหล้าที่อยู่ในมือของเขาใบนี้ อันที่จริงเป็ นหนึ่งใน “บรรพบุรุษ” ของวัตถุฟางชุ่นในโลกยุคหลัง นอกจากจะมีความหมายเป็ นของที่ ระลึกแล้ว เนื่องจากเป็ นของกึ่งสาเร็จรูปชิ้นหนึ่ง ดังนั้นระดับขั้นจึงไม่ สูงมากนัก
วัตถุจื่อชื่อ วัตถุฟางชุ่นในมือของเซียนดินทุกวันนี้ ช่วงแรกเริ่ม สุดต่างก็มาจากหลันฉีหนึ่งในสิบผู้กล้าแห่งใต้หล้า เป็ นนางที่เป็ น ผู้น าแห่งการหลอมวัตถุบนภูเขาออกมาก่อนใคร
พูดถึงแค่การปรากฏตัวของวัตถุจาพวกนี้ อิทธิพลที่มีต่อ สถานการณ์บนภูเขาของโลกยุคหลังก็ลึกล้ายาวไกล มากจนมิอาจ ประมาณการณ์ได้ ถึงขั้นที่ว่าช่วยเพิ่มโอกาสชนะให้กับศึกเดินขึ้น ฟ้ าของผู้ฝึกตนในโลกมนุษย์ในช่วงแรกนั้นอย่างมากด้วย
ชายฉกรรจ์ดื่มเหล้าไปคาหนึ่งแล้วก็เช็ดมุมปาก อยู่ดีๆ ก็อดนึก ถึงประโยคจริงใจหลังจากดื่มเหล้าไปแล้วของอาจารย์ซานซานจิ่ว โหวหนึ่งในเพื่อนรักที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ในปีนั้นไม่ได้
“ทาให้พวกนักพรตที่ไม่ควรถูกหลงลืมทั้งหลายถูกคนรุ่นหลัง จดจ าได้อย่างยาวนานต่อให้ผ่านไปพันปีหมื่นปี ต่อให้จะแค่ถูกคน คนหนึ่งหรือคนแค่ไม่กี่คนจดจาไว้ได้ก็ตาม
ด้านหลังหลี่เซิ่ง ในที่สุดอาจารย์ซานซานจิ่วโหวก็ลงมืออย่าง แท้จริงแล้ว
เขาเรียกยันต์ออกมาหนึ่งปีก มีแค่ยันต์ใหญ่สองชนิดเท่านั้น ใช ้ ยันต์อักษรน้าฟันเปิดแม่น้าแห่งกาลเวลาเส้นหนึ่งบนเส้นทางที่ใต้หล้า เปลี่ยวร ้างพุ่งทะยานไปข้างหน้า สะบั้นการชักนากันระหว่างเรือลานี้ กับวิถีเส้นทางชิงเต้าที่มีอยู่แต่เดิม จากนั้นจึงใช ้ยันต์อักษรภูเขาตั้ง กาแพงแห่งแล้วแห่งเล่าขึ้นมาขนาบสองข้างฝั่งของใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง และยันต์แม่น้าประหนึ่งสร ้างเขื่อนยาวขึ้นมาสองข้างฝั่งของท้องน้า เพื่อที่จะให้เรือข้ามฟากที่ล่องมาตามความว่างเปล่าลานี้มองดูคล้าย ร่วงลงไปสู่ “ด้านล่าง” แต่แท้จริงแล้วกลับถูกยกให้ล่องขึ้นเนินสูง
ขณะเดียวกันอาจารย์ซานซานจิ่วโหวก็เริ่มร่ายวิชาอภินิหารแห่ง ชะตาชีวิต บังคับขุนเขาบนพื้นดินของใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง
เพียงแต่ว่าถูกกุ่ยเค่อขัดขวางทันที ผู้ฝึกตน “หนุ่ม” คนนี้ออก คาสั่งย้ายรากภูเขาบนพื้นดิน สุดท้ายได้แต่ถูกจากัดไว้ในอาณาเขต โดยรอบฐานที่ตั้งทั้งหลายของใต้หล้าไพศาลเท่านั้น
ทางฝั่งของภูเขาใหญ่แสนลี้มียอดเขาแห่งหนึ่งที่สูงที่สุด ผู้เฒ่า หลังค่อม สองตากลวงโบ๋ เฒ่าตาบอดที่เวลานี้ข้างเท้าไม่มีหมาเฝ้ า
บ้านมานอนหมอบยืนอยู่ริมหน้าผาอย่างโดดเดี่ยว ยื่นมือมาลูบข้าง แก้มที่เว้าตอบของตัวเองคล้ายกาลังลังเลอะไรอยู่
ลูกศิษย์คนดีที่เป็ นทั้งลูกศิษย์เปิดภูเขาและลูกศิษย์ปิดสานักผู้ นั้น ทุกวันนี้ดูเหมือนจะได้เป็ นนักปราชญ์ของส านักศึกษาแล้ว
แต่พวกหนอนหนังสือในศาลบุ๋นกลับค่อนข้างดื้อดึง ก่อนหน้านี้ เอ่ยประโยคว่าห้ามให้มีคราวหน้าอีก ดูท่าคิดจะอาศัยคุณความชอบ ก้อนใหม่ที่สะสมมา มาช่วยให้ลูกศิษย์ได้เป็ นวิญญูชนคงหมดหวัง แล้ว
และตัวเขาเองจะต้องการตัวหนังสือไม่กี่บรรทัดบนสมุดคุณ ความชอบของศาลบุ๋นไปท าอะไร คิดดูแล้วเฒ่าตาบอดก็รู ้สึกว่าไม่มี ความหมายอะไร จึงหมุนตัวเดินกลับไปยังที่พักผ่านห้องของหลี่ไหวก็ หยุดเท้า ผลักประตูห้องให้เปิดออก เห็นเพียงว่าบนโต๊ะวางเหล้าไว้ หลายกา ตาราหนึ่งปีก คงเพราะเตรียมเอาไว้ให้อาจารย์อย่างเขาได้ อ่านหนังสือพลางดื่มสุราไปด้วย
อวี๋เสวียนบังคับแม่น้ายันต์ที่ปูแผ่อยู่กลางอากาศเหมือนผืนพรม เขาเองก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย ผู้ฝึกตนใหญ่ที่ได้ยึดครองคาว่า “ยันต์” ไป เพียงลาพังผู้นี้มีจินตนาการบรรเจิด ความกล้าหาญก็สูงมาก ถึงกับ พยายามที่จะวาดยันต์บิดแม่น้าแห่งกาลเวลาส่วนหนึ่งบนเส้นทางของ แม่น้ายันต์ อาศัยสิ่งนี้มาเปิดประตูใหญ่บานหนึ่ง ช่วยให้เรือลานั้นยิ่ง ออกห่างจากเส้นทางชิงเต้าที่กาหนดไว้มากยิ่งขึ้น คิดไม่ถึงว่าประตู ใหญ่ยังไม่ทันเปิด ได้แค่สร ้างธรณีประตูที่เกิดจากการทับซ ้อนกัน
ของยันต์หลายชั้นเท่านั้นก็ถูกลมปราณที่เป็ นดั่งกระแสน้าขึ้นลูก ใหญ่โถมชัดจนสลายสิ้น อวี๋เสวียนได้แต่หยุดมืออย่างขุ่นเคือง คานวณในใจอย่างรวดเร็วพักหนึ่งเส้นทางนั้นถูกต้องแล้ว เพียงแต่ว่า ยังเตรียมการได้ไม่ดีพอ ฉุกละหุกเกินไป หากให้เวลาที่มากพอและมี ยันต์ที่ถูกหลอมในปริมาณมหาศาลแก่เขา ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถ สร ้างประตูใหญ่สองบานไว้ในสองสถานที่ของดินแดนไท่ซวีนอกฟ้ า ได้จริงๆ พอเรือเข้าไปในประตูบานหนึ่งก็จะออกจากประตูบานที่สอง ทันที ก็เหมือนสร ้างกุยซวีเชื่อมสองสองใต้หล้าเอาไว้…
หลวี่เหยียนส่ายหน้า ยิ้มเอ่ย “ความคิดของสหายอวี๋ดี เพียงแต่ ว่ายากที่จะทาได้ส าเร็จ”
อวี๋เสวียนหัวเราะร่า
หากจะพูดถึงเส้นสายของมรรคกถาอย่างอื่นคงยังพูดได้ง่าย สามารถคุยกันได้หลายประโยค แต่หากสหายฉุนหยางพูดเรื่องยันต์ กับข้า ก็ไม่มีอะไรให้คุยกันได้แล้วจริงๆ
แม้ว่าคาสั่งที่ส่งไปยังพื้นดินจะถูกกุ่ยเค่อแห่งเปลี่ยวร ้างสลาย โองการส่วนใหญ่ทิ้งไปได้
นอกจากอาจารย์ซานซานจิ่วโหวจะเรียกยันต์ใหญ่สองแผ่นออก มาแล้วก็ยังมีวิชาอภินิหารที่เป็ นสมบัติกันกรุอีกวิชาหนึ่ง เห็นเพียงว่า เขายกมือสองข้างขึ้นคล้ายกาลังพับกระดาษ
ถึงกับเอาแม่น้าแห่งกาลเวลาที่อยู่ด้านหลังหลี่เซิ่งและสี่ด้านของ ฟ้ าดินมาพับทับซ ้อนเข้าด้วยกัน จากนั้นวาง “ว่าว” ตัวนี้ไว้เหนือ แม่น้ายันต์เบาๆ
วิธีการที่เหนือเมฆเช่นนี้ก็คล้ายการจับเสื้อผ้ามาผูกเป็ นปม เส้นด้ายที่ทอในแนวตรงและแนวขวางทุกเส้นบนเสื้อตัวนี้ต่างก็ถูกดึง เอามาอยู่ในปมนี้ในระดับที่ไม่เท่ากัน
จากนั้นพับวิถีเส้นทางชิงเต้าช่วงใหญ่ที่อยู่ด้านหลังใต้หล้า เปลี่ยวร ้างให้เป็ นว่าวตัวหนึ่งเหมือนกัน
สุดท้ายว่าวยันต์สองแผ่นก็คล้ายข้องปลาสองชิ้นที่หันปากของ เข้าหากันแล้วค่อยๆ ประกบเข้าด้วยกันจนจับปลาใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่ง เอาไว้ได้
นี่ก็คือยันต์อักษรเฉวียน (ไซจับปลาที่สานด้วยไม้ไผ่) ที่อาจารย์ ซานซานจิ่วโหวศึกษามานานมาก แต่เพิ่งนามาใช ้เป็ นครั้งแรก
หากจะบอกว่าตอนนั้นที่อาจารย์ซานซานจิ่วโหวไปเป็ นแขกที่ นครชิงชุ่ยของป๋ ายอวี้จิงโค่วหมิงได้ขอความรู ้เรื่องวิชายันต์จากผู้ อาวุโสท่านนี้ สุดท้ายได้สร ้างยันต์ใหญ่ออกมาหลายชนิดซึ่งมียันต์ สามภูเขาเป็ นหนึ่งในนั้น
ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ซานซานจิ่วโหวเองก็สามารถอาศัยการถก มรรคาที่บรรยากาศกลมเกลียวปรองดองครั้งนั้นมาช่วงชิง ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นยันต์อักษร
“เฉวียน” นี้ที่เอาไว้ใช ้สยบการาบ วิเคราะห์และทาลาย ‘ฟ้ าดินเล็ก” หลากหลายชนิดของผู้ฝึกตนใหญ่ในฟ้ าดิน
นักพรตฉุนหยางคลี่ยิ้มอย่างชอบใจ สหายลู่แห่งป๋ ายอวี้จิงต้องอ อกแรงไปไม่น้อยแน่ตอนที่อาจารย์ซานซานจิ่วโหวนั่งลงถกมรรคาอยู่ กับเจ้าลัทธิโค่ว สหายลู่ก็ต้องจงใจพูดจาสอดแทรกมุกตลกอยู่ข้างๆ ด้วยแน่นอน
ผู้ที่บรรลุมรรคาเหมือนจักจั่นลอกคราบ ลืมเรือนกายหลุดพ้น จากพันธนาการ เรื่องของการฝึกตนส่วนใหญ่เหมือนการข้ามแม่น้า สละเรือ ได้ปลาแล้วโยนไซดักปลาทิ้ง ขึ้นเรือนแล้วเอาบันไดออก การกระทาทานองนี้ อันที่จริงไม่เกี่ยวข้องกับความดีเลว ไม่มี ความหมายในทางที่ดีหรือความหมายในทางที่ไม่ดี
เพียงแต่ว่ารากฐานแห่งมรรคายันต์ใหญ่ของอาจารย์ซานซานจิ่ว โหวแผ่นนี้ได้บุกเบิกโฉมหน้าใหม่ คล้ายกับว่าผู้ใหญ่คนหนึ่งได้เอ่ย เตือนผู้ฝึ กตนที่เป็ นผู้เยาว์ว่าอย่าได้ลืมกาพืดของตัวเอง หรือไม่ก็ เจาะกระดาษหน้าต่างให้ทะลุไปเสียเลย บอกกับผู้ฝึกตนบนยอดเขา ทั้งหลายว่า คาว่าผู้บรรลุมรรคาในทุกวันนี้ พวกเจ้ายังอยู่ห่างไกล จากการได้พิสูจน์มรรคาอย่างแท้จริงมากนัก
อวี๋เสวียนเบิกตากว้าง ยันต์สามารถเอามาเล่นแบบนี้ได้ด้วย หรือ?
ค่ายกลใหญ่ก็ดี ฟ้ าดินเล็กก็ช่าง เผชิญหน้ากับยันต์นี้ล้วนจะไม่ เป็ นเหมือนสิ่งที่สมมติขึ้นมาเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้นหรอก หรือ?
หลวี่เหยียนเห็นภาพนี้แล้ว ลองเพ่งมองอย่างละเอียดพักหนึ่งก็ เกิดความเข้าใจ มีประโยชน์ต่อเวทกระบี่ของตัวเอง
ข้างกายของอาจารย์ซานซานจิ่วโหวมีสตรีสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส คนหนึ่งเผยกายเสื้อผ้าของนางพลิ้วไสว เรือนกายใหญ่โตมโหฬาร เหมือนดวงจันทร ์ดวงหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศ ดวงตาเป็ นสีทอง เพียงแต่ว่าไม่ได้ดูเย็นชาเหมือนดวงตาของพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แววตา สีหน้าและท่าทางของนางล้วนอ่อนโยนนุ่มนวล เหมือนคนมาก
จิตวิญญาณที่แท้จริงของยันต์ในใต้หล้า ฐานะและตัวตนของ นางในวิถีแห่งยันต์ก็คล้ายกับ “บรรพบุรุษแห่งเงิน” ของเงินเทพเซียน ทั้งหลาย
นี่ก็น่าจะเป็ นสาเหตุหลักที่ทาให้ฝูลู่อวี๋เสียนอาศัยเพียงแค่ยันต์ที่ แท้จริงก็ยังไม่สามารถผสานมรรคากับขอบเขตสิบสี่ได้แล้ว
อย่าว่าแต่หลอมยันต์ออกมานับพันนับหมื่นแผ่นเลย ต่อให้ จานวนจะมากกว่านั้น อวี๋เสวียนก็ยังไม่อาจอาศัยสิ่งนี้มาพิสูจน์ มรรคาได้
เพียงแค่เพราะบนทางสายนี้ได้มีปราชญ์แห่งอดีตกาลได้ยึดทาง สายนั้นไปเพียงลาพังก่อนแล้ว ขอบเขตบินทะยานหมายจะเลื่อนเป็ น
ขอบเขตสิบสี่กลัวที่สุดว่าจะเดินไปบนทางสะพานไม้ที่มีคนเดินอยู่ ก่อนแล้ว
ยกตัวอย่างเช่นมีป๋ ายเหย่อยู่ก่อน ซูจื่อกับหลิ่วชีก็มิอาจอาศัย โชคชะตาบุ๋นมาผสานมรรคาขอบเขตสิบสี่ได้ มีชุนไหวจงแห่งอาราม เสวียนตู เสี่ยวโม่ก็ช ้ากว่าก้าวหนึ่ง มีอู๋โจว หลีโก้วก็จ าเป็ นต้อง เปลี่ยนเส้นทาง
วิญญาณที่แท้จริงของยันต์ซึ่งจาแลงออกมาจากมหามรรคานี้ ยืนอยู่ที่สุดปลายทางของแม่น้ายันต์สายนั้น กายธรรมใหญ่โต มโหฬาร นางหันหน้าเข้าหาหลี่เซิ่งและอาจารย์ซานซานจิ่วโหว
วิญญาณแห่งยันต์ที่มีรูปโฉมเป็ นสตรีเดินถอยหลังประหนึ่งคนที่ ก าลังด ากล้า
“ต้นกล้าเขียว” ทุกต้นที่ถูกเสียบลงในนาก็คือยันต์จานวนนับไม่ ถ้วนที่นางสาดโปรยไปในไท่ซวีนอกฟ้ า
นี่แสดงให้เห็นว่านางต้องการจะปู “เส้นทางชิงเต้า” สายใหม่ ขึ้นมา เพื่อที่จะให้เรือของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างเคลื่อนไปตามวิถีการ โคจรนี้ ขยับออกห่างจากไพศาล
เจิ้งจวีจงกลับส่ายหน้า
หลี่ซีเซิ่งใช ้เสียงในใจสอบถาม “อาจารย์เจิ้ง มีอะไรไม่เหมาะสม หรือ?”
เจิ้งจวีจงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ต่อให้ตลอดทั้งเส้นทางชิงเต้าที่ถูก ก าหนดไว้ถูกเปลี่ยนแปลง แต่ขอแค่ไม่ได้สร ้างวิถีทางเส้นใหม่ที่ สอดคล้องกับมหามรรคาอย่างแท้จริงขึ้นมาก็ยังต้องเหนื่อยเปล่าอยู่ดี ต่อให้มรรคกถาของอาจารย์ซานซานจิ่วโหวจะสูงแค่ไหนสามารถ อาศัยวิชาของยันต์มาคัดลอกหมื่นอาคม ครอบคลุมทุกสรรพวิชา ก็ ยังไม่มากพอจะประคับประคองวงโคจรของมหามรรคาตลอดทั้งใต้ หล้าได้อยู่ดี บวกกับที่ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสไม่ได้เหยียบย่างลงไปบน แผ่นดินของเปลี่ยวร ้างบ่อยนัก เป็ นเหตุให้เส้นทางสายนี้ แม้จะบอก ว่าเหนือกว่าปีศาจชูเซิงอยู่ระดับหนึ่ง แต่หากจะพูดถึงระดับของความ แข็งแกร่งแล้วกลับยังเป็ นรองอยู่หลายส่วน”
“หรือสมมติว่าโจวมี่ไม่มีทางหนีทีไล่รออยู่แล้ว แต่ก็อย่าลืมล่ะว่า ทุกวันนี้ในสรวงสวรรค์ใหม่แห่งนั้นไม่ได้มีแค่โจวมี่คนเดียวเท่านั้น เป็ นเหตุให้ต่อให้มีเส้นทางใหม่เอี่ยมที่พอจะถือว่าโคจรไปตาม กฎระเบียบได้อย่างคร่าวๆ เพิ่มมา ก็ยังไม่ถือว่าไร ้ช่องโหว่อยู่ดี”
หลี่ซีเซิ่งถามต่ออีกว่า “หากเปลี่ยนเป็ นอาจารย์เจิ้งจะทา อย่างไร?”
ตามคากล่าวของเจิ้งจวีจง ต่อให้หลี่เซิ่งกับอาจารย์ซานซานจิ่ว โหวร่วมมือกัน บวกกับค่ายกลทับซ้อนของพวกเขาก็ดูเหมือนว่าจะ ยังไม่มีแผนการใดที่รอบคอบรัดกุมทุกด้าน
เจิ้งจวีจงส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “เปลี่ยนเป็ นข้าไม่ได้”
ฉวยโอกาสที่ค่ายกลทับซ ้อนยังไม่ได้สัมผัสกับใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง อย่างแท้จริง เฉินผิงอันพยายามจะคัดลอกยันต์ใหญ่ที่ยังไม่ทราบชื่อ แผ่นนี้ขึ้นมาในทะเลสาบหัวใจ แต่กระนั้นก็ยังไร ้ผล
ได้แต่รูปลักษณ์ภายนอกแต่ไม่ได้ทางจิตวิญญาณ พอเค้าโครง ของยันต์ถูกสร ้างขึ้นเพียงไม่นานก็โงนเงนแล้วพังถล่มลงมาทันที พยายามอยู่หลายครั้งก็ยังได้ผลลัพธ ์ที่น่าอนาถเช่นนี้
ก็เหมือนกับว่าทรัพย์สมบัติที่มีน้อยนิดเกินไป ได้แต่พยายามจะ ใช ้กระดาษยันต์ที่คุณภาพต่าที่สุดมารองรับปณิธานที่แท้จริงของ ต าราเต๋าชั้นสูง แน่นอนว่าย่อมท าไม่ได้
นอกจากนี้ก็คือจันทร ์กลางบ่อของเฉินผิงอัน เนื่องจากได้เพิ่ม เงินเหรียญทองแดงแก่นทองเข้าไปหกร ้อยเหรียญ ระดับขั้นเพิ่มพูน ขึ้น พอจะเรียกว่า “จันทร ์ปากบ่อ” ได้แล้ว เพียงแต่น่าเสียดายที่นา กระบี่บินเจ็ดแสนกว่าเล่มมาจัดค่ายกลก็มิอาจปลีกมือมา…เปิดเตา เล็กได้แล้วจริงๆ