กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1007.3 เปิดศึก
จำต้องยอมรับว่ำในส่วนลึกของหัวใจเฉินผิงอัน อันที่จริงเขำคิด ว่ำลู่เฉินมีโอกำสจะเลื่อนเป็ นขอบเขตสิบห้ำมำกกว่ำผู้ไร ้เทียมทำนที่ แท้จริงคนนั้นเสียอีก
เพรำะถึงอย่ำงไรจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครกล้ำพูดว่ำตัวเองหำ หนึ่งที่เล็กที่สุดของหมื่นสรรพสิ่งเจอแล้ว
บำงทีมรรคำจำรย์เต๋ำอำจหำเจอแล้ว แต่เต๋ำที่อธิบำยได้นั้น ไม่ใช่เต๋ที่เที่ยงแท้ พูดไปแล้วก็ไม่ถูกต้อง?
ทว่ำกำรตำมหำฟ้ ำดินที่กว้ำงใหญ่อย่ำงไร ้ที่สิ้นสุด มองดูเหมือน เลื่อนลอย แต่เทียบกันแล้วกลับง่ำยกว่ำ แน่นอนว่ำแค่เปรียบเทียบกัน เท่ำนั้น
กระบี่บินแห่งชะตำชีวิตสองเล่ม นกในกรงกับจันทร ์ปำกบ่อ ตอนนี้ก็กำลังเดินไปบนเส้นทำงแห่งกำรยกระดับขอบเขต ส่วนใน อนำคตจะสำมำรถบุกเบิกเส้นทำงใหม่จะได้รับวิชำอภินิหำรใหม่เอี่ยม บำงอย่ำงหรือไม่ ก็ได้แต่เดินก้ำวหนึ่งดูกันไปก้ำวหนึ่งเท่ำนั้น
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “อีกทั้งวิถีกระบี่ที่แสวงหำควำมกว้ำงใหญ่ไร ้ ขอบเขตสิ้นสุดนี้ก็สอดคล้องกับนิสัยใจคอของแม่นำงเซี่ยพอดี”
เซี่ยโก่วลังเลเล็กน้อย ส่ำยหน้ำเอ่ยว่ำ “เฉินผิงอัน เจ้ำคิดง่ำย เกินไปหน่อยแล้ว”
“หมำยควำมว่ำอย่ำงไร?”
“เมื่อหลำยปีก่อนหน้ำนั้น ข้ำเคยเดินเข้ำไปในตำหนักแห่งหนึ่ง โดยบังเอิญ ได้เห็น “จินตนำกำร” ที่ถูกทำให้เป็ นรูปธรรมอย่ำงหนึ่ง นั่นคือดินแดนประหลำดที่มิอำจใช ้ถ้อยคำมำบรรยำยได้ ขอแค่เจ้ำ กล้ำคิด ดูเหมือนว่ำไม่ว่ำอะไรก็ล้วนกลำยเป็ นจริงได้ทั้งนั้น จริงและ ปลอม ลวงและจริง สลับสับเปลี่ยนกันได้อย่ำงสิ้นเชิง ไม่ถูกสิ พูด ไม่ได้ว่ำสลับสับเปลี่ยนกันต้องบอกว่ำควำมจริงกับภำพลวงตำปะปน กันจนแยกไม่ออก ไม่มีขีดจ ำกัดใดๆ ไม่รู ้ว่ำเซียนดินกี่คนที่ถูกกักอยู่ ข้ำงใน จิตแห่งมรรคำดวงหนึ่งเป็ นเหมือนบ่อโคลนลึกที่มิอำจถอนตัว ออกมำได้ แล้วต้องค่อยๆ เน่ำเปื่อยเสื่อมโทรมก่อนตำยไป”
ได้ยินมำถึงตรงนี้ ในที่สุดเสี่ยวโม่ก็เปิดปำกเอ่ยว่ำ “ได้ยินมำว่ำมี เพียงพระพุทธเจ้ำเท่ำนั้นที่สำมำรถสยบดินแดนนี้ไว้ได้อย่ำงสิ้นเชิง หำไม่แล้วต่อให้เป็ นมรรคำจำรย์เต๋ำหรือปรมำจำรย์มหำปรำชญ์ก็ยัง ได้แต่ถอยออกมำอย่ำงเต็มตัวเท่ำนั้น”
“พระพุทธเจ้ำเชียวนะ คือบุคคลโดดเด่นเพียงหนึ่งเดียวที่ สำมำรถพูดได้ว่ำหลุดพ้นจำก “พันธนำกำร” ทั้งหมดอย่ำงแท้จริง เขำร ้ำยกำจจนร ้ำยกำจไปมำกกว่ำนั้นไม่ได้อีกแล้วจริงๆ”
ใบหน้ำของเซี่ยโก่วเต็มไปด้วยแววอิจฉำ พยักหน้ำรับอย่ำงแรง “ว่ำกันว่ำกำยธรรมของพระพุทธเจ้ำมีมำกมำยเหมือนเมล็ดทรำยใน แม่น้ำคงคำ สำมำรถแผ่ไปทั่วอดีต ปัจจุบันและอนำคต ผู้ฝึกกระบี่ อย่ำงพวกเรำต่อให้ร ้ำยกำจแค่ไหนก็มิอำจเปรียบเทียบได้”
เฉินผิงอันยิ้มกล่ำว “แม่นำงเซี่ย ดูเหมือนว่ำเจ้ำจะยังไม่ได้พูด เลยนะว่ำตัวเองออกมำจำกตำหนักใหญ่แห่งนั้นอย่ำงไร”
เซี่ยโก่วยกมือเกำแก้ม มีสีหน้ำเขินอำยอย่ำงที่หำได้ยำก “เรื่อง น่ำอำย อย่ำพูดถึงจะดีกว่ำ”
หลังจำกนั้นเฉินผิงอันก็ให้เสี่ยวโม่ช่วยเหลือ ควำมเร็วในกำร ทะยำนลมเพิ่มขึ้นพรวดพรำด ระหว่ำงนั้นผ่ำนบริเวณที่ใกล้เคียงกับ ดวงดำวก็ต้องเจอกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรำกและพำยุลมกรดพัด กระโชกแรง เกรงว่ำผู้ฝึกตนเซียนดินหำกไม่ระวังถูกกระชำกเข้ำไป ข้ำงในร่ำงย่อมถูกฉีกทึ้งจนแหลกเละ ทว่ำกลับเป็ นสถำนที่ที่ยอด เยี่ยมสำหรับกำรขัดเกลำเรือนกำยของผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลำยทำง ผลลัพธ ์ที่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนกำร “โดนคลื่นชัดสำด” เพียงแต่ว่ำ ติดขัดอยู่ที่กฎระเบียบของศำลบุ๋น ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวไม่อำจทะยำนลม ออกไปนอกฟ้ ำได้ง่ำยๆ คิดดูแล้วนี่น่ำจะเกี่ยวข้องกับดำวอิ๋งฮว่อที่ ปฐมบรรพบุรุษส ำนักกำรทหำร นังบัญชำกำรณ์อยู่
เพิ่งจะเคลื่อนที่สวนทำงผ่ำนดำวสุ่ยซิงไปไกลๆ และในเวลำนี้เอง เฉินผิงอันก็พลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอำยเสี้ยวหนึ่งจึงหันขวับไปมอง
พอจะมองเห็นเรือนกำยพร่ำเลือนของบุรุษคนหนึ่งที่สวมชุดลัทธิ ขงจื๊อได้อย่ำงเลือนรำง กำลเวลำยำวนำน ไม่รู ้ว่ำใครที่เป่ ำขลุ่ยเหล็ก เสียงแว่วกังวำน แหวกม่ำนฟ้ ำมืดด ำ เฉินผิงอันรีบบอกให้เสี่ยวโม่หยุดขี่กระบี่ ประสำนมือคำรวะอริยะ ปรำชญ์ลัทธิขงจื๊อไม่ทรำบชื่อท่ำนนั้นทันใด
รอกระทั่งเฉินผิงอันที่ค้อมตัวคำรวะยืดตัวขึ้น เรือนกำยนั้นกลับ สลำยหำยไปท่ำมกลำงพำยุน้ำวนบนท้องฟ้ ำแล้ว ไม่มีควำมคิดจะ ทักทำยปรำศรัยกับพวกเขำ
ในขณะที่กลุ่มของเฉินผิงอันออกเดินทำงไปต่อ หลี่เซิ่งก็เผยกำย อยู่ริมน้ำวนลูกหนึ่งข้ำงดำวลุ้ยซิง มีบัณฑิตนั่งอยู่ตรงกลำงน้ำวน เบื้องหน้ำคือแท่นหินวำงตำรำไว้สองปีก แบ่งออกเป็ นต ำรำเก้ำเล่มกับ ตำรำสิบสี่เล่ม ตำรำสองเล่มที่อยู่ด้ำนบนสุดแบ่งออกเป็ นเขียนคำว่ำ “หลิวเสียทวีป” กับ “จู้โจว” บัณฑิตผู้นี้เห็นหลี่เซิ่งก็ไม่ได้ลุกขึ้น ต้อนรับ เพียงแค่เอ่ยเรียกขำนหลี่เซิ่งว่ำจอมปรำชญ์น้อยเท่ำนั้น
บัณฑิตถำม “สิบปีหน้ำหำตัวช่วยไว้ได้หรือยัง?”
หลี่เซิ่งพยักหน้ำ “ครำวหน้ำจ ำนวนคนมำกพอแล้ว ยังสำมำรถ เรียกคนรุ่นเยำว์อีกกลุ่มหนึ่งมำได้ด้วย”
บัณฑิตมองไปยังทิศไกล เอ่ยว่ำ “ระยะเวลำลงทัณฑ์หมื่นปีใกล้ จะสิ้นสุดลงแล้ว”
หลี่เซิ่งยิ้มถำม “ได้เจอหน้ำกันแล้วหรือ?”
บัณฑิตพยักหน้ำ “ไม่ผิดไปจำกที่คำด ลูกศิษย์ปิดสำนักสำยเหวิ นเซิ่งของพวกเรำคนนี้หวนกลับไปเก็บตกของดีที่นอกฟ้ ำรอบหนึ่ง อย่ำงไม่กลัวควำมลำบำก เป็ นวัตถุดิบที่ดีในกำรท ำกำรค้ำจริงๆ”
หลี่เชิงกล่ำว “ฝูเซิงเคยเสนอให้เฉินผิงอันได้เข้ำมำอยู่ในศำลบุ๋ นอย่ำงลับๆ ทำหน้ำที่เป็ นท่ำนเทพเจ้ำแห่งโชคลำภระยะเวลำหนึ่ง ให้ เขำได้แสดงควำมถนัดเป็ นพิเศษของตัวเองทำหน้ำที่รับผิดชอบดูแล โยกย้ำยทรัพยำกรของใต้หล้ำไพศำลเข้ำไปในเปลี่ยวร ้ำงโดยเฉพำะ เพียงแต่ว่ำถูกซิ่วไฉเฒ่ำด่ำไปรอบหนึ่งถึงได้ล้มเลิกควำมคิด”
สถำนที่แห่งนี้มีผู้มำเยือนน้อยนิด ผู้ฝึกลมปรำณที่นอกเหนือจำก ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อแล้วก็มีแค่เทพเจ้ำแห่งโชคลำภหลิวของธวัลทวีป และอำจำรย์ฟ่ ำนแห่งสำนักกำรค้ำเท่ำนั้น
ขยับเข้ำใกล้ไพศำล เซี่ยโก่วก็ถำมชวนคุยว่ำ “เจ้ำขุนเขำเฉิน เวทกระบี่สองสำมบทที่นักพรตฉุนหยำงคนนั้นร่ำยออกมำ มองดูแล้ว ไม่ธรรมดำเลย เขำไปเรียนมำจำกใครกัน?”
เฉินผิงอันกล่ำว “ผู้อำวุโสฉุนหยำงเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่ได้มี อำจำรย์บนภูเขำช่วยถ่ำยทอดให้”
เซี่ยโก่วเบ้ปำก เห็นได้ชัดว่ำไม่เชื่อ ก่อนจะถำมอีกครั้งว่ำ “ดู เหมือนเจ้ำจะกลัวคนแซ่เจิ้งมำก?”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ข้ำจะแนะนำเจ้ำสักคำ วันหน้ำหำกตัดขำด ควำมสัมพันธ ์กับภูเขำลั่วพั่วแล้ว หำกแม่นำงเซี่ยยังเที่ยวเล่นอยู่ในใต้ หล้ำไพศำลต่อ ไปมีเรื่องกับใครก็ได้ทั้งนั้นแค่อย่ำไปท้ำทำยอำจำรย์ เจิ้งท่ำนนี้ก็พอ”
เซี่ยโก่วหัวเรำะร่ำ “ขอบเขตสิบสี่ ใครจะกล้ำไปมีเรื่องด้วยเล่ำ”
เสี่ยวโม่เอ่ยเสียงทุ้มหนัก “ป๋ ำยจิ่ง ต่อให้อำจำรย์เจิ้งเป็ นแค่ ขอบเขตบินทะยำน เจ้ำก็ไม่อำจไปท้ำทำยเขำได้ง่ำยๆ เหมือนกัน”
เซี่ยโก่วยิ้มหวำน แสร ้งพูดอย่ำงเหนียมอำย “เสี่ยวโม่ ข้ำเปลี่ยน ชื่อแล้วนะ วันหน้ำเรียกข้ำว่ำเหมยฮวำ”
ไม่สนใจกำร “เกี้ยวพำรำสี” ของคู่แค้นหมื่นปีคู่นี้ เฉินผิงอันพลัน เอ่ยว่ำ “พวกเรำอ้อมเส้นทำง เปลี่ยนประตูใหญ่บนม่ำนฟ้ ำ ไปเยือน ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลำงกันก่อนรอบหนึ่ง”
เสี่ยวโม่แค่พยักหน้ำ แต่เซี่ยโก่วกลับถูมือกล่ำวว่ำ “ไปทำอะไร หรือ?”
ไปพังสถำนที่?
จำได้ว่ำก่อนหน้ำนี้เจินเหรินที่มีฉำยำว่ำฉุนหยำงได้ร่วมมือกับ อวี๋เสวียนไล่ตำมเบำะแสไปจนเจอ แล้วก็ปล่อยกระบี่หนึ่งลงไปที่ทวีป แดนเทพแผ่นดินกลำง
คงไม่ใช่ว่ำจะรีบร ้อนไปขอคำอธิบำยจำกที่นั่นหรอกนะ? ไม่มี ควำมแค้นใดที่ถูกทิ้งไว้ข้ำมคืน? นิสัยอย่ำงเจ้ำขุนเขำเฉินช่ำงเป็ นคน เจ้ำอำรมณ์เหลือเกินจริงๆ
เฉินผิงอันยิ้มกล่ำว “ยังจะทำอะไรได้อีก? ผู้ฝึกลมปรำณขอบเขต ก่อกำเนิดตัวเล็กๆ อย่ำงข้ำก็เป็ นได้แค่จิ้งจอกที่แอบอ้ำงบำรมีพยัคฆ์ เท่ำนั้น”
อริยะปรำชญ์ผู้มีเทวรูปหนึ่งในผู้ดูแลม่ำนฟ้ ำของทวีปแดนเทพ แผ่นดินกลำงคือผู้เฒ่ำเครำดกที่เรือนกำยกำยำ ได้ยินว่ำคนกลุ่มนี้จะ เข้ำไปในแผ่นดินกลำงก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เปิดประตูให้
อิ่นกวำนหนุ่มกุมหมัดคำรวะขอบคุณ เสี่ยวโม่ทำตำมติดๆ เซี่ยโก่วถึงกับยกชำยกระโปรงขึ้นยอบกำยคำรวะ
ผู้เฒ่ำรู ้สึกขัดตำพิกล เด็กสำวสวมหมวกขนเตียวผู้นั้นเดินด้วย ฝีเท้ำแผ่วเบำ ฮ่ำ ข้ำช่ำงสมกับเป็ นกุลสตรีจริงๆ เป็ นคุณหนูเรียบร ้อย มีคู่รักที่ดีงำมเช่นนี้ เสี่ยวโม่ก็ช่ำงโชคดีเหลือเกิน ตนเองก็มี…ดวง ด้ำนควำมรักดีจริงๆ!
เดินเข้ำไปในประตูใหญ่แล้ว แสงกระบี่พร่ำงพรำวสำมเส้นล้วน ดิ่งลงพื้นเป็ นเส้นตรงตรงดิ่งไปยังสกุลลู่ส ำนักหยินหยำงของทวีปแดน เทพแผ่นดินกลำง
แขกไม่ได้รับเชิญสำมคน สองคนคือผู้ฝึ กกระบี่ขอบเขตบิน ทะยำน คนหนึ่งอยู่ในขั้นยอดเขำสูงสุด อีกคนอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบ
ฝ่ ำยหลังเท่ำกับว่ำได้เป็ นยืนรออยู่หน้ำประตูแล้ว เพรำะถึงอย่ำงไรก็ ห่ำงจำกขอบเขตสิบสี่อีกแค่ก้ำวเดียวเท่ำนั้น
แน่นอนว่ำเสี่ยวโม่เองก็เคยเลื่อนไปอยู่ในขอบเขต “สมบูรณ์ แบบ” นี้ในระยะเวลำสั้นๆ ด้วยเหมือนกัน
เฉินผิงอันกับเสี่ยวโม่ต่ำงก็อยู่ในท่ำบินโฉบลงพื้นเหมือนหัวหอม ปักลงดิน มีเพียงเซี่ยโก่วที่ยกสองแขนกอดอก กอดหมวกขนเตียวที่ เพิ่งร่วงลงมำเอำไว้ ปล่อยให้ลมบนฟ้ ำพัดเส้นผมปลิวสยำยเหมือน กำงร่ม เผยให้เห็นหน้ำผำกนูนวำวกลมกลึง
เสี่ยวโม่ถำม “คุณชำย ค่ำยกลใหญ่ของสกุลลู่ที่อยู่ด้ำนล่ำง?”
เฉินผิงอันหรี่ตำลงน้อยๆ “มีค่ำยกลก็ฝ่ำค่ำยกล เจอคนก็ตีคน”
เซี่ยโก่วยิ้มกว้ำง “เจ้ำขุนเขำเฉิน เจ้ำขุนเขำเฉิน ข้ำรู ้สึกว่ำยิ่ง ถูกใจเจ้ำมำกขึ้นทุกทีแล้วนะ”
เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอก “ข้ำเป็ นคนที่มีครอบครัวมีภรรยำแล้ว แม่ นำงเซี่ยอย่ำได้คิดอะไรเหลวไหลไปไกลจนทำให้เสี่ยวโม่เสียใจล่ะ”
เซี่ยโก่วเกำหน้ำ “เสี่ยวโม่ เจ้ำวำงใจเถอะ ไม่มีทำงเด็ดขำดเลย ข้ำสำบำนว่ำอย่ำงน้อยที่สุดก็จะยังชอบเจ้ำไปอีกหมื่นปีนะ”
เสี่ยวโม่ตีหน้ำเคร่ง แสร ้งทำเป็ นไม่ได้ยิน
คงเป็ นเพรำะอำรมณ์ดีมำก เซี่ยโก่วพลันเพิ่มควำมเร็ว ใช ้สอง เท้ำแหวกฝ่ำค่ำยกลใหญ่แต่ละชั้นของสกุลลู่ไปโดยตรง กลำงอำกำศ เกิดเสียงแก้วแตกกระจำยเป็ นระลอก
ตอนที่เฉินผิงอันและเสี่ยวโม่พลิ้วกำยลงไปบนหอดูดำวพื้นที่ ต้องห้ำมของสกุลลู่ซึ่งสูงที่สุดแห่งนั้น เซี่ยโก่วก็ได้เจำะหอดูดำวที่เดิม ทีก็เหลือแค่ครึ่งเดียวให้เป็ นรู ร่ำงทั้งร่ำงปักตรึงลงไปบนพื้นดินแล้ว
เด็กสำวสวมหมวกขนเดียวสะบัดไหล่ ดึงสองเท้ำออกมำจำก พื้นดิน จำกนั้นก็ร ้องโอ้ยหนึ่งที ทิ้งตัวไปด้ำนหลัง นอนนิ่งไม่ยอมลุก ขึ้นมำ สองมือกอดเข่ำตะเบ็งเสียงร ้องว่ำเจ็บแล้วก็เริ่มกลิ้งไปกลิ้งมำ กับพื้น
เฉินผิงอันสีหน้ำไร ้อำรมณ์ อยู่ดีๆ ก็นึกถึงกำร “ขว้ำงเครื่อง กระเบื้อง ที่เจอระหว่ำงทำงในนครปี้ฮว่ำของปีนั้น แล้วพอมองเซี่ยโก่ว อีกครั้งก็ได้เห็นว่ำนำงเองก็มีฝีมือกำรแสดงที่ห่วยแตกเหมือนกัน
คนผู้หนึ่งสวมชุดคลุมยำวสีเขียว สองมือสอดกันไว้ในชำยแขน เสื้อยืนอยู่บนหอดูดำวที่เหลือแค่ครึ่งเดียว หลุบตำลงต่ำมองจวน ตระกูลลู่ที่กินอำณำบริเวณกว้ำงใหญ่เหมือนนครยักษ์ของรำชวงศ์ แห่งหนึ่ง
เสี่ยวโม่ที่สวมหมวกเหลืองรองเท้ำเขียวถือไม้เท้ำไม้ไผ่อยู่ในมือ ใช ้เสียงในใจเอ่ยเตือนป๋ ำยจิ่งว่ำเลิกเสแสร ้งได้แล้ว เจ้ำจะขอค่ำยำมำ จำกสกุลลู่ได้สักเท่ำไรกันเชียว?
เฉินผิงอันยื่นฝ่ ำมือข้ำงหนึ่งออกมำ ชี้ไปยังบริเวณใกล้เคียงกับ หอดูดำว ตรงนั้นมีกำรป้ องกันเข้มงวด เซี่ยโก่วฝ่ ำทะลุค่ำยกล ติดต่อกัน ปรำณกระบี่ทั้งหมดล้วนถูกสกัดขวำงไว้ข้ำงนอก “เกินครึ่ง ก็น่ำจะเป็ นป้ อมจือหลันแล้ว”
ปฐมบรรพบุรุษของสกุลลู่เคยเป็ นไท่ปู่ หนึ่งในหกขุนนำงของ ศำลบุ๋น
ไท่ปู่แต่ละรุ่นของลัทธิขงจื๊อมีหน้ำที่อย่ำงหนึ่งที่สำคัญอย่ำงมำก ก็คือดูแลคัมภีร ์ที่ถูกเรียกขำนว่ำเป็ นบรรพบุรุษแห่งหมื่นคัมภีร ์เล่ม นั้น นอกจำกนี้ยังมีคัมภีร ์เสริมที่เป็ นควำมลับไม่แพร่งพรำยให้ใครรู ้ อีกสองเล่ม เล่มหนึ่งวำงไว้ในหอหลินไถของสวนกงเต๋อ จึงเชิงชีผิง รับผิดชอบคอยดูแลอยู่เป็ นประจำ คัมภีร ์ใหญ่อีกเล่มหนึ่ง ฉบับ จัดพิมพ์ฉบับแรกได้ถูกซ่อนไว้ในป้ อมจือหลันของสกุลลู่ส ำนักหยินห ยำงแห่งนี้ อำศัยคัมภีร ์เล่มนี้ สกุลลู่ที่ “โจวจื่อพูดถึงฟ้ ำสกุลลู่พูดถึง ดิน” ถึงได้ถูกสืบทอดต่อมำเป็ นบทคันฉ่องดินสำขำแยกที่สำคัญ แล้วก็เพรำะตำรำแห่งพื้นปฐพีเล่มนี้ ยอดฝี มือสกุลลู่จึงได้บุกเบิก เส้นทำงลัด เป็ นเส้นทำงที่ไม่เหมือนกับทฤษฎีห้ำธำตุขัดแย้งกันเองที่ โจวจื่อกล่ำวถึง ใช ้เกิ้นกว้ำ (กว้ำคือสัญลักษณ์ที่เป็ นเส้นขีดๆ โดยทั่วไปจะมีสำมเส้น เกิ้นกว้ำคือเส้นสำมเส้นที่เส้นบนเต็มขีด ส่วน ใหญ่กว้ำจะใช ้ในกำรท ำนำย บอกทิศทำง ส่วนใหญ่คนไทยจะรู ้จัก ปำกว้ำหรือยันต์แปดทิศ) เป็ นจุดเริ่มต้น ชะตำชีวิตคนเหมือน เทือกเขำที่ทอดยำว เซียนเหรินลู่เหว่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจู
มำนำนหลำยปีถึงสำมำรถช่วยให้ตระกูลได้ใช ้วิธีลับในกำรตรวจสอบ สำมพลังชีวิตเก้ำชะตำ ยันต์หกเจี่ยจื๋อฝู แล้วน ำมำก ำหนดภำพแผน ที่ที่สมบูรณ์แบบแผ่นหนึ่งซึ่งมีเฉินผิงอันเป็ นพิกัดจำกนั้น “ผู้พิศฟ้ ำ สกุลลู่” และ “ซือเฉินซือแห่งหอสวรรค์” จำนวนน้อยที่สถำนะถูก ปิ ดบังอ ำพรำงเอำไว้ก็จะสำมำรถอำศัยเส้นทำงกำรเดินทำงผ่ำน ขุนเขำสำยน้ำและวิถีแห่งกำรเติบโตของเฉินผิงอันมำพิศมรรคำของ เขำได้
หอดูดำวและป้ อมจือหลันของสกุลลู่ต่ำงก็คอยช่วยเหลือกันและ กัน
เสี่ยวโม่ยิ้มเอ่ย “ไม่รู ้ว่ำคืนนี้ผู้อำวุโสลู่จะเผยตัวหรือไม่”
เฉินผิงอันกล่ำว “อยู่ในถิ่นของตัวเอง ถึงอย่ำงไรก็น่ำจะมีควำม กล้ำในกำรมำพบหน้ำสหำยเก่ำสองคนบ้ำงกระมัง เมื่อเทียบกับข้ำ แล้ว ผู้อำวุโสลู่ของพวกเรำต้องไม่ยินดีเจอหน้ำเจ้ำมำกกว่ำแน่”
ก็จริง ครำวก่อนที่รำลึกควำมหลังกันที่วังหลวงของเมืองหลวงต้ำ หลี ลู่เหว่ยเจอควำมยำกลำบำกอย่ำงเต็มกลืนไปเพรำะฝีมือของเสี่ยว โม่
ถูกเสี่ยวโม่ใช่เวทกระบี่บทหนึ่งที่เหมือนใยแมงมุมสีขำวหิมะปูแผ่ ไปทั่วทั้งเมืองหลวงจำกนั้นทำลำยตำค่ำยกล สำมำรถลำกตัวลู่เหว่ยที่ ด ำดินออกมำได้ส ำเร็จ บีบคออีกฝ่ ำยแล้วยังเอำมำวำงกลับไว้ที่ข้ำง โต๊ะ
ลู่เหว่ยยังถูกมือหนึ่งของเสี่ยวโม่ตัดหัวแล้วเอำวำงไว้บนโต๊ะด้วย
หลังจำกนั้นเฉินผิงอันถึงได้มีโอกำสแสดงวิชำบ่อสำยฟ้ ำของ ตัวเอง กักขังวิญญำณของลู่เหว่ยไว้ข้ำงใน เซียนเหรินถูกบีบให้ รวบรวมจิตวิญญำณเป็ นหนึ่งจุด ต้องเจอกับกำลเวลำอันยำวนำนที่ เต็มไปด้วยแสงสีแปลกประหลำด
สุดท้ำยทนรับควำมทรมำนไม่ไหว สูญเสียกำรควบคุมจิตใจไป อย่ำงสิ้นเชิง จิตแห่งมรรคำที่เดิมทีแทบจะใกล้เคียงกับคำว่ำไร ้จุดด่ำง พร ้อยของลู่เหว่ยกลับแตกสลำยในทันทีเซียนเหรินที่เดิมทีมีหวังจะ เลื่อนเป็ นขอบเขตบินทะยำนต้องขอบเขตถดถอยเป็ นหยกดิบเพรำะ เหตุนี้
เสี่ยวโม่กล่ำว “ดูเหมือนว่ำสกุลลู่จะถอนค่ำยกลโจมตีไปหลำย ชั้น”
เฉิ นผิงอันยิ้มเอ่ย “ไม่อย่ำงนั้นจะให้พวกผู้อำวุโสแห่ง ส ำนักหยินหยำงอย่ำงพวกลู่เหว่ยเปิดฉำกต่อสู้กับพวกเจ้ำหรือไร?”
เสี่ยวโม่ยิ้มอย่ำงรู ้ทัน
ก็จริงนะ ลู่เหว่ยผู้นั้นก็คือเซียนเหรินกระดำษเปี ยก ร่ำงกำย อ่อนแอจนน่ำเหลือเชื่อ มิอำจต้ำนทำนกำรโจมตีได้ไหวจริงๆ
มีคนห้ำคนพำกันเดินออกมำจำกป้ อมจือหลัน มำหยุดฝีเท้ำอยู่ ด้ำนใต้หอดูดำว
ผู้ฝึกตนสกุลลู่กลุ่มนี้รูปโฉมหน้ำตำแตกต่ำงกันเป็ น แต่บุคลิก ล้วนเหมือนกัน มีท่ำทีเย็นชำสูงส่งประหนึ่งนกกระเรียนโบยบินบน ท้องฟ้ ำ
ยอดฝีมือสกุลลู่ที่มำกชื่อเสียงมำกบำรมีกลุ่มนี้ยืนเรียงแถวกัน ควำมสูงกลับต่ำงกันมำก สูงต่ำไม่เท่ำกันเหมือนคลื่นน้ำ
คนที่ยืนอยู่ตรงกลำงคือคนที่มีลำดับอำวุโสและขอบเขตสูงที่สุด รูปโฉมอ่อนเยำว์ เขำก็คือเจ้ำประมุขสกุลลู่คนปัจจุบัน ลู่เสิน มีฉำยำ แปลกประหลำดว่ำ “เทียนเปียน
คนหนึ่งในนั้นก็คือลู่เหว่ย ตรงลำคอของลู่เหว่ยผู้นี้ยังมีรอยเส้นสีเขียวที่ยำกจะสังเกตเห็น ได้อยู่รอยหนึ่ง
ได้เจอกับมือกระบี่ชุดเขียวที่ใบหน้ำประดับรอยยิ้มน้อยๆ คนนั้น อีกครั้ง สีหน้ำของลู่เหว่ยคล้ำยจะสงบนิ่ง แต่แท้จริงแล้วในใจกลับ เคียดแค้นอย่ำงหนัก!
เกือบจะถูกอิ่นกวำนหนุ่มที่ซ่อนมีดไว้ใต้รอยยิ้มผู้นี้กักขังไว้ใน บ่อสำยฟ้ ำซึ่งมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่ำ “คุกสวรรค์” แล้วหลอมจิต วิญญำณให้แหลกเละอยู่ภำยใน
เซี่ยโก่วนั่งอยู่บนพื้น น่ำเสียดำยที่สถำนที่แห่งนี้ไม่มีฝุ่ นสักเม็ด หำไม่แล้วหำกมีฝุ่ นเต็มตัวจะดูน่ำสงสำรยิ่งกว่ำนี้ ไม่จ่ำยเงินเหรียญ
ทองแดงแก่นทองชดเชยมำสักร ้อยเหรียญก็อย่ำหวังว่ำจะไล่นำงไป ไหนได้ นำงไม่ใช่ขอทำนเสียหน่อย
ลู่เสินเงยหน้ำกุมมือ เอ่ยอย่ำงเฉยเมยว่ำ “แขกผู้สูงศักดิ์มำเยือน ขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับแต่ไกล”
เฉินผิงอันไม่ได้สนใจเจ้ำประมุขสกุลลู่ผู้นี้เลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ สะบัดชำยแขนเสื้อง่ำยๆ ข้ำงกำยก็มีผู้ฝึกตนเผ่ำปีศำจคนหนึ่งปรำกฏ ตัวออกมำ อิ๋นลู่ รองเจ้ำนครแห่งนครเซียนจำน ลูกศิษย์รักของปีศำจ ใหญ่เสวียนผู่
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “อิ๋นลู่ เจ้ำกับสหำยลู่เป็ นสหำยเก่ำที่ได้กลับมำ พบเจอกันอีกครั้งอย่ำงที่หำได้ยำก ไม่ทักทำยกันสักหน่อยหรือ?”