กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1009.3 เหล้าเก่าแก่อายุสี่สิบปีไหหนึ่ง
ส าหรับในใจของนางแล้ว นางรู ้สึกเลื่อมใสพี่ชายใหญ่ที่ไม่เคย เจอหน้ากันสักครั้งประดุจเทพเจ้ามาโดยตลอด หากไม่เป็ นเพราะ หม่าเหยียนซานคือพี่รอง นางคงจะเอาแส้ฟาดอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆ
อันที่จริงสองพี่น้องรอให้สงครามใหญ่ที่หอบม้วนไปครึ่งทวีปครั้ง นั้นปิดฉากลง วิถีทางโลกกลับมาสงบสุขอีกครั้ง เมื่อหลายปี ก่อน พวกเขาก็มีความคิดอยากจะกลับบ้านเกิดไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษกัน แล้ว เพียงแต่ว่าพ่อแม่ที่เวลาปกติรักและตามใจพวกเขายิ่งกว่าใคร กลับมีเพียงเรื่องนี้ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมตอบตกลงเด็ดขาด ใช ้ เหตุผลสารพัดอย่างมาปฏิเสธ พูดแค่ว่าตระกูลของพวกเขาย้าย ออกมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว เส้นทางยาวไกล คงกังวลว่าหม่าเห ยียนซานและหม่าเยว่เหมยจะแอบออกจากบ้านจึงถึงกับออกคาสั่ง อย่างเข้มงวดแก่พี่น้องคู่นี้ว่าห้ามกลับไปยังบ้านเกิดเองโดยพลการ หาไม่แล้วจะยกกฎบ้านมาจัดการกับพวกเขา
พวกเขาสองพี่น้องพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่หลายครั้งก็ยังไม่เป็ นผล จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป เพราะที่บ้านมีท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่ง และยังมีเรือส่วนตัวอีกสองลาที่ทาการค้าระหว่างเหนือและใต้ ดังนั้น จึงมักจะได้สัมผัสกับรายงานบนภูเขาเป็ นประจา สองพี่น้องจึงสงสัย ใคร่รู ้ในบ้านเกิดซึ่งเป็ นภูมิลาเนาแห่งนั้นอยู่มาก แต่ไม่เหมือนกับ
น้องสาวหม่าเยว่เหมยที่มีใจเลื่อมใสใฝ่ หาถ้าสวรรค์หลีจู หม่าเหยียน ซานไม่ได้รู ้สึกสนใจความลี้ลับซับซ ้อนบนภูเขาเท่าใดนัก ผีขี้เหล้า เสเพลที่ไม่ทาการทางานอย่างเขาสนใจเพียงเรื่องเดียว ก็คืองานเลี้ยง ท่องราตรีของภูเขาพีอวิ๋นขุนเขาเหนือ หม่าเหยียนซานอยากจะเข้า ร่วมงานด้วยตัวเองสักครั้ง แค่ได้เปิดโลกกว้างสักครั้งก็พอใจแล้ว
หม่าเหยียนซานลุกขึ้นยืน ยิ้มเอ่ยว่า “เอาเถอะๆ กลับบ้านไป บอกกับท่านพ่อท่านแม่เถอะว่าคืนนี้ข้าจะต้องกลับไปนอนที่บ้านแน่ หากภายในสองชั่วยามแล้วยังไม่เห็นเงาของข้าก็ส่งคนมาหักขาข้า ได้เลย!”
หม่าเยว่เหมยหมุนกายจากไป หม่าเหยียนซานแอบยักคิ้วหลิ่ว ตาให้กับเด็กสาวคนหนึ่งที่ขี่ม้าพกกระบี่ นางสีหน้าไร ้อารมณ์ โดน หม่าเยว่เหมยโบยแส้ฟาดม้าใส่อย่างแรง บนใบหน้าของเด็กสาวมี รอยเลือดเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นทันที แต่กระนั้นนางก็ยังนิ่งเฉยไม่สะทก สะท้าน
หม่าเหยียนซานก็ไม่แสดงท่าทีอะไรต่อเรื่องนี้ รอกระทั่งพวกนาง ควบม้าจากไปไกลแล้ว เขาก็กลับลงไปนอนบนพื้นอีกครั้ง ถามชวน คุยว่า “พี่ชายคนนั้นของข้าร ้ายกาจมากหรือ?”
สตรีหน้าตางดงามคลี่ยิ้มหวาน พยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่าร ้าย กาจจนร ้ายกาจไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วจริงๆ”
พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของนางก็เลื่อนลอย ถอนหายใจเบาๆ หนึ่ง ที น่าเสียดายที่ไมเคยได้เจออหน้ากันเลยสักครั้ง
นางก็คือเทพภูเขาในท้องถิ่น
ภูเขามีชื่อว่าเจ๋อเอ่อ
อิงตามทาเนียบภูเขาสายน้าในทุกวันนี้ ตาแหน่งเทพของนางอยู่ ที่ขั้นเจ็ด
ในแคว้นใต้อาณัติแห่งหนึ่ง เทียบกับบนไม่พอ เทียบกับล่างมาก เหลือแหล่
หม่าเหยียนซานพูดด้วยสีหน้าสับสน “ในเมื่อเป็ นพี่ชายแท้ๆ ท าไมพวกเราท าได้ดี เขาถึงไม่สนใจ พวกเราท าเลว เขาก็ไม่สนใจ เหมือนกันเล่า?”
นางยิ้มอธิบาย “ตามคากล่าวของบนภูเขา ขึ้นเขาฝึกตน เครือ ญาติห่างเหิน มิอาจเกี่ยวพันกันลึกซึ้งเกินไปได้”
หม่าเหยียนซานร้องฮ่า “ก็พูดมาตรงๆ ว่าไม่รู้จักไม่นับญาติไป เสียเลยสิ”
นางลังเลเล็กน้อย โน้มตัวลงยื่นสองนิ้วมานวดตรงจุดไท่หยาง ของหม่าเหยียนซานอย่างนุ่มนวล เอ่ยเสียงเบาว่า “คาพูดที่เอ่ยตาม อารมณ์เช่นนี้ วันหน้าอย่าได้พูดอีกนะ”
พี่ใหญ่ของพี่ชายน้องสาวคู่นี้ สาหรับเทพภูเขาในแคว้นเล็กๆ อย่างนาง เขาก็คือบุคคลที่อยู่ไกลสุดขอบฟ้ า สูงส่งเกินกว่าจะปืนป่าย ได้ถึง
อายุสี่สิบกว่าปีก็เป็ นขอบเขตหยกดิบ เป็ นว่าที่ขอบเขตเซียนเห รินอย่างแน่นอน ในอนาคตถึงขั้นที่อาจได้เป็ นขอบเขตบินทะยาน
อยู่ในอันดับหนึ่งบนกระดานของคนรุ่นเยาว์สิบคนในหนึ่งทวีป เชียวนะ
ด้านหลังของเขามีหลิวป้ าเฉียวเซียนกระบี่ขอบเขตก่อกาเนิด แห่งสวนลมฟ้ า มีลูกศิษย์ผู้สืบทอดของหลิวเหล่าเฉิงเซียนเหรินแห่ง สานักเจินจิ้ง และยังมีรองเจ้าขุนเขาหนุ่มแห่งส านักศึกษากวานหูใน ทุกวันนี้…
นี่ไม่เรียกว่าสูงส่งเกินจะเอื้อมถึงแล้วจะเรียกว่าอะไร
เรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่สุดยังเป็ นเรื่องที่คนผู้นี้ถึงกับสามารถออก คาสั่งแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลมากมายได้อีกด้วย!
นางถึงกับเป็ นกังวลแล้วว่า หากวันใดโชคดีได้พบเจออีกฝ่ าย จริงๆ พูดไม่เข้าหูกันค าเดียว ประโยคใดของตนพูดผิดไป บางทีอีก ฝ่ ายแค่ดีดนิ้วทีเดียว ร่างทองของนางก็อาจแหลกสลายคาที่เลยก็ เป็ นได้
สัมผัสได้ถึงความผิดปกติเล็กน้อยของสตรี หม่าเหยียนซานก็ลุก ขึ้นมานั่งอีกครั้ง หยิบเหล้ากาหนึ่งออกมาจากใต้ชายกระโปรงของ
นางอย่างไม่ง่ายนัก สตรีหัวเราะคิก เขาเงยหน้ากระดกดื่มเหล้าหมัก ตระกูลเซียนคาใหญ่ ยื่นนิ้วโป้ งออกมาเช็ดมุมปาก “เคยได้ยินว่าพี่ ใหญ่ของข้าคนนั้นเจ้าอารมณ์ เป็ นเรื่องจริงที่คนทั้งทวีปล้วนรับรู ้ได้ ยินมาว่าตอนที่เขาฝึ กตนอยู่ในศาลบรรพชนของส านักการทหาร แม้แต่คนร่วมส านักก็ยังไม่เคยละเว้น คนมีพรสวรรค์ด้านการฝึกตน ถูกเขากาจัดไปหลายคน คือตัวก่อเรื่องอันดับหนึ่ง”
เหนียงเนียงเทพภูเขาที่ปลอมตัวมาเป็ นสตรีขายเหล้าอยู่ที่นี่พูด กลั้วหัวเราะเบาๆ “มีพี่ใหญ่ที่เป็ นเช่นนี้คือความโชคดีที่สะสมมา หลายชาติภพ เหยียนซาน ฟังค าแนะน าจากข้าสักค า หากว่าได้เจอ กันจริงๆ ก็อย่าแสดงความขุ่นเคืองให้เขาเห็นเลย”
หม่าเหยียนซานแสร ้งท าเป็ นไม่ได้ยิน ไม่รู ้เหตุใดเขาถึงดูเป็ น กังวลใจ
สตรีถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือ?”
หม่าเหยียนซานแกว่งกาเหล้า เงยหน้ามองไปยังม่านราตรี “เจ้า ว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกหรือไม่?”
สตรีปิดปากหัวเราะ “ไม่มีทางอยู่แล้ว”
หม่าเหยียนซานพึมพา “แต่สักวันหนึ่งจะต้องมีฝนตกฟ้ าร ้องแน่ ถูกไหม?”
หากเป็ นนักดื่มทั่วไปที่พูดจาโง่เขลาเช่นนี้ เหนียงเนียงเทพภูเขา ท่านนี้ก็คงทาเป็ นไม่ได้ยิน แต่นางรู ้ชัดเจนดีว่าหม่าเหยียนซานที่
มองดูเหมือนภายนอกสวยดั่งทองและหยกภายในมีแต่ปุยฝ้ ายเปื่อย เน่าผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างมาก
พูดถึงแค่เทพภูเขาของภูเขาทายาทมหาบรรพตประจิม หรือก็คือ หัวหน้าของซึ่งฮูหยินเขาก็ให้ความส าคัญกับหม่าเหยียนซานมาก มักจะมาเชื้อเชิญคนผู้นี้หาเป็ นการส่วนตัวเป็ นประจ า
นางครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ไม่ช ้าก็เร็วฝนย่อมต้องตกลงมา แน่นอน แต่ว่าขอแค่มีร่มคันใหญ่กางให้ อย่าว่าแต่เม็ดฝนที่ใหญ่เท่า เมล็ดถั่วเหลืองเลย ต่อให้มีมีดตกลงมาจากฟ้ าก็ไม่น่ากลัว”
สีหน้าของหม่าเหยียนซานยังคงเต็มไปด้วยพยับเมฆมืดครึ้ม กระชับคอเสื้อชุดคลุมหนังจิ้งจอก ด่าเบาๆ ว่า “อากาศเย็นปลายฤดู
ใบไม้ผลิชาติสุนัข”
แม้ว่าวันๆ หม่าเหยียนซานจะเอาแต่เที่ยวเตร่อยู่กับหมู่มวลบุปผา ชื่อเสียงฉาวโฉ่ แต่เมื่อเทียบกับน้องสาวที่มองดูเหมือนฉลาดเฉลียว แล้ว ลางสังหรณ์ที่มีต่อเรื่องราวและผู้คนทางโลก เขากลับเฉียบคม กว่ามากนัก
บอกตามตรง หม่าเหยียนซานเห็นน้องสาวหม่าเยว่เหมยเป็ นคน โง่ แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็ นน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง นิสัยแย่ไปสัก หน่อย หม่าเหยียนซานจึงไม่คิดจะถือสาอะไรนาง
หม่าเหยียนซานจาได้ว่าตอนที่ตัวเองยังเด็ก มีครั้งหนึ่งที่ออกมา เดินเล่นตอนเด็ก เดินตามแสงตะเกียงไป ผ่านห้องหนังสือของบิดา
เขาสังเกตเห็นว่าดูเหมือนบิดาจะก าลังคุยธุระอยู่ข้างใน ไม่รู ้ว่าเป็ น เพราะเหตุใดบิดาถึงได้เดือดดาลอย่างหนัก ด่าติดๆ กันว่าไอ้ลูกไม่มี พ่อชาติสุนัข ไอ้สารเลวที่ควรตายไปเร็วๆ จะได้ไปเกิดใหม่เร็วๆ เหยียบโชคดีขี้หมาอะไรถึงสามารถตีสนิทซานจวินท่านหนึ่งได้…ยิ่ง พูดยิ่งโมโห แล้วยังขว้างกระบอกพู่กันจากเตาเผาทางการราคาไม่ ธรรมดาใบหนึ่งจนแตกด้วย ท่านแม่จึงส่งเสียงบ่นว่าราคาตั้งสามร ้อย ต าลึงเงินเชียวนะ ขว้างแตกอย่างนี้ ความสามารถในการล้างผลาญ มากกว่าความสามารถในการหาเงินจริงๆ
จากนั้นท่านแม่ก็เริ่มพูดถึงคนแซ่เว่ยผู้นั้น บอกว่าไม่ใช่คนดี อะไร ตามข่าวที่ส่งกลับมาดูเหมือนว่าจะมีชาติกาเนิดต่าต้อยจากเทพ แห่งผืนดินของภูเขาฉีตุนที่อยู่ใกล้กับเมืองหงจู๋เท่านั้น…..
เด็กคนหนึ่ง ตอนนั้นนั่งยองอยู่ในมุมกาแพงเงี่ยหูฟังอยู่เงียบๆ
บางที่ปี นั้นที่ตระกูลย้ายบ้านก็น่าจะเป็ นการหลบเลี่ยงอะไร บางอย่าง?
โดยเฉพาะเมื่อหลายปีก่อนความกังวลนี้ของท่านพ่อท่านแม่ก็ยิ่ง เด่นชัด เพราะโรงเตี้ยมและท่าเรือตระกูลเซียนเริ่มมีคนที่รับผิดชอบ รวบรวมรายงานข่าวเกี่ยวกับหลงโจวเก่าของต้าหลีโดยเฉพาะ เป็ น ข่าวที่เกี่ยวข้องกับภูเขาพีอวิ๋นและภูเขาหนิวเจี่ยว ไม่มีการแบ่งข่าว เล็กข่าวใหญ่ข่าวละเอียดหรือข่าวหยาบ ล้วนจะต้องถูกบันทึกลง เอกสารอย่างลับๆทั้งหมด
ตามหลักแล้วนี่คือเรื่องที่ไร ้เหตุผลอย่างยิ่ง ทรัพย์สมบัติของ ตระกูลหม่า หม่าเหยียนซานรู ้ชัดเจนดีที่สุด บิดาเชี่ยวชาญการค้า อย่างยิ่ง เกิดมาก็เป็ นวัตถุดิบของคนที่เป็ นพ่อค้ามารดาเองก็มีแววตา ที่ดีเยี่ยมและมีความกล้าหาญหนักแน่น ถึงขั้นที่ว่าหลายๆ ครั้งยังมี ความคิดมากกว่าบิดา หากใช ้ค ากล่าวของหม่าเหยียนซานก็คือ “จัดการเก่ง” เป็ นพิเศษ เก้ามิ่งฮูหยินของเมืองหลวงที่ระดับขั้นสูงมาก พอมีจานวนไม่เยอะ ไม่เกินหนึ่งมือนับ แล้วก็ไม่ใช่ว่าแค่สูงศักดิ์ ร่ารวยธรรมดาเท่านั้น ทว่าทุกวันนี้พวกนางกลับต่างก็ “ดูทิศทาง ศีรษะม้าของนายพล” (เปรียบเปรยถึงพวกที่ชอบทาตัวเป็ นผู้ตาม มากกว่าผู้น า) กันอย่างลับๆ หึ ดูทิศทางศีรษะม้าของนายพล (ใน ประโยคค าว่าม้า ภาษาจีนอ่านว่าหม่า เขียนแบบเดียวกับแซ่หม่า) ค า
กล่าวนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
หากไม่เป็ นเพราะมีลูกอกตัญญูที่ชอบก่อเรื่องก่อราวไปทั่วอย่าง เขา ไม่ว่าจะส่งเสริมสนับสนุนอย่างไรก็ไม่เป็ นผล คาดว่าตระกูลหม่า ที่มีกองกาลังของหลากหลายฝ่ ายสลับขั้วกันอยู่คงเดินจากเบื้องหลัง ของแคว้นอวี้เซวียนมาอยู่เบื้องหน้าไปแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อป่ ากว้างใหญ่ไม่ว่านกแบบใดก็มีหมด ลูกหลาน สายรองหลายบ้านนอกเหนือจากสายหลักของตระกูลดูเหมือนว่า แม้แต่เขาก็ยังเทียบไม่ติด กินดื่มพนันนารีล้วนเชี่ยวชาญทุกเรื่อง ถึง ขั้นทาให้คนตายไปหลายคน หลายปี ที่ผ่านมานี้เขาต้องคอยช่วย ตามเช็ดตามล้างให้คนพวกนั้นมาไม่น้อย และยังมีเรื่องบางอย่างที่
เปิดเผยไม่ได้ เขาก็ได้แต่แสร ้งทาเป็ นไม่รู ้เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น หมู่บ้านในการดูแลของเชื้อพระวงศ์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ชานเมืองหลวง ได้มีการสร ้างคุกแห่งหนึ่งขึ้นมาเป็ นการส่วนตัว เอาไว้ใช ้ฆ่าคนหา ความบันเทิงโดยเฉพาะ ลูกหลานชนชั้นสูงในเมืองหลวงแคว้นอวี้เซ วียนยังมักจะจัด “การล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วง” ขึ้นเป็ นประจา จับกลุ่มกัน ไปตามแคว้นเล็กทั้งหลายในอาณาเขตทางทิศใต้ภายใต้การน าพา ของลูกหลานคนมีอานาจในพื้นที่ ขี่ม้าสะพายธนู ตามหาหมู่บ้าน ห่างไกลโดยเฉพาะ บ้างก็ใช ้ดาบฟัน บ้างก็ใช ้ธนูยิง… หลังจบเรื่อง ที่ว่าการในท้องถิ่นก็ใช ้คากล่าวอ้างว่าโจรพเนจรเป็ นผู้ก่อคดีมาปิด สานวนคดี ถึงขั้นที่ว่ายังสามารถหลอกเอาเงินเดือนและเสบียงของ ทหารก้อนหนึ่งจากทางราชสานักมาใช ้ ฝึ กทหาร” ได้อีกด้วย ใน กลุ่มลูกหลานชนชั้นสูงกลุ่มนี้ก็มีลูกหลานสายรองแซ่หม่าอยู่สองคน
หม่าเหยียนซานเคยเห็นกับตาตัวเองว่ามีเด็กหนุ่มร่างกาย อ่อนแอที่ชาติกาเนิดดีมากคนหนึ่ง เดิมทีน่าจะเป็ นเมล็ดพันธ ์บัณฑิต ที่เหมือนกับหม่าเช่อบ้านตนได้ นับตั้งแต่ที่เขาเข้าร่วมการล่าสัตว์ฤดู ใบไม้ร่วงที่ต้องนั่งเรือตระกูลเซียนออกเดินทางไกลครั้งหนึ่ง ยามที่ เด็กหนุ่มสบตากับคนอื่น สายตาก็เปลี่ยนมาเป็ นดุร ้ายเป็ นพิเศษ
หม่าเยว่เหมยผู้เป็ นน้องสาวยังเคยสงสัยในเรื่องนี้ หม่าเหยียน ซานก็ได้แต่พูดหยอกล้อว่าคนเราถึงเวลาก็จะฉลาดขึ้นได้เอง มีอะไร ให้ต้องแปลกใจกัน ไม่เชื่อหรือ? เจ้าลองดูเวลาที่เขามองสตรีทุกวันนี้
สิ ยังจะแค่มองใบหน้าอยู่อีกไหม? สายตาไล่ไปตามหน้าอกสะโพก ต้นขาแล้ว
ตระกูลหม่าที่อยู่ในเมืองหลวงไม่ได้สะดุดตานัก ปีนั้นตั้งใจเลือก ถนนที่ตั้งของเรือนเป็ นพิเศษ เลือกถนนเส้นที่มีแต่ตระกูลตกอับซึ่งรุ่น บรรพบุรุษเคยร่ารวยมาก่อน ถึงขั้นที่ว่าเป็ นเพื่อนบ้านใกล้เคียงกันมา ยี่สิบกว่าปี คนพวกนั้นก็ยังนึกว่าตระกูลหม่าเป็ นแค่ตระกูลที่ร่ารวยใน ชั่วข้ามคืนซึ่งพอจะมีสมบัติอยู่ก้อนเล็กๆ เท่านั้น เวลาปกติที่ไปมาหา สู่กัน บางทีอาจดูแคลนตระกูลหม่าที่มีแค่เงินเหม็นๆ ไม่กี่แดงด้วยซ้า
แต่เทพทวารบาลลงสีที่ปิดอยู่หน้าประตูจวนตระกูลหม่า ผู้ฝึกตน ผู้ถวายงานในตระกูล ปรมาจารย์หมัดที่เป็ นองค์รักษ์ดูแลเรือนซึ่งหาก ไม่ใช่ขอบเขตเจ็ดก็เป็ นขอบเขตหก…
หม่าเหยียนซานเคยลองประมาณการณ์คร่าวๆ แค่สมบัติในทาง แจ้งในทางลับของตระกูลหม่า ก็อย่าว่าแต่รับมือกับคู่ต่อสู้หรือศัตรูคู่ แค้นในด้านการค้าของแคว้นอวี้เซวียนเลย คิดจะกวาดจวนเซียน ระดับสามบนภูเขาของแจกันสมบัติทวีปให้เรียบก็ยังมากพอ
หม่าเหยียนซานเก็บความคิดวุ่นวายกลับมา ยื่นมือไปตบแก้ม ของสาวงามเบาๆ “เรื่องของการเปลี่ยนชื่อภูเขา ข้าจะต้องช่วย แน่นอน”
เหนียงเนียงเทพภูเขาท่านนี้รู ้สึกมาโดยตลอดว่าชื่อภูเขาเจ๋อเอ่อ (พับหู) ไม่น่าฟังอยากจะเปลี่ยนชื่อมาเป็ น “เจ๋อเยา” (คานับ)
สตรีไม่โกรธกลับยังคลี่ยิ้ม ยอบกายคารวะขอบคุณหม่าเหยียน ซาน
หม่าเหยียนซานเดินออกมาจากร ้านเหล้า ใช ้นิ้วโป้ งดัน นิ้วหัวแม่มือ เป่ าปากเสียงดังเพียงไม่นานก็มีม้าพันธ ์ดีสีพุทราแดงที่ ไม่ได้ผูกเชือกเอาไว้วิ่งมา
คุณชายสูงศักดิ์ผู้เมามายขึ้นหลังม้าอย่างชานาญ โบกแส้สีทอง ในมือหนักๆ ควบม้าวิ่งตะบึงไปบนถนนทางหลวง
สันเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงกับศาลภูเขาเจ๋อเอ่อมีคนหนุ่มคน หนึ่งนั่งอยู่บนกิ่งไม้ของต้นสนโบราณ มองไปยังร ้านเหล้าตีนเขาที่อยู่ ห่างไปไกล ขบวนม้าขบวนนั้นมาเยือนแล้วก็จากไป สุดท้ายก็เป็ น คุณชายสวมเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกที่ควบม้าหวดแส้
เขาลุกขึ้นยืน การมองเห็นเปิดกว้าง แต่ไหนแต่ไรมาภูเขาเจ๋อ เอ่อก็ขึ้นชื่อว่าเป็ นภูเขาที่สูงตระหง่าน กลุ่มภูเขารอบด้านล้วน ปรากฏให้เห็นอยู่ในสายตา แค่กวาดตามองก็เห็นได้ทั่วเทือกเขาทอด ยาวแผ่ไปไกล ประหนึ่งเหล่าขุนนางในท้องพระโรงที่ถือฮู้หยกเข้าเฝ้ า ภูเขาใกล้เคียงงดงามดุจสตรีมวยผม
ตัวอยู่ในคลื่นลูกยักษ์ เงยหน้าเห็นคลื่นสีครามกดทับเหนือศีรษะ
คนหนุ่มที่เหยียบย่างเข้ามาในอาณาเขตขุนเขาสายน้าของ แคว้นอวี้เซวียนเป็ นครั้งแรกผู้นี้เดินทางมาเพียงลาพัง เอาสองมือสอด
รองไว้ใต้ท้ายทอย มองไกลไปยังเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองแสงไฟ สว่างไสวราวกลางวัน
เขากระตุกมุมปาก พึมพ ากับตัวเองว่า “ความอมตะคือกรงขังที่ ไม่เสื่อมสลาย นิรันดร ์กาลคือราคาของนิรันดร ์กาล”
เรือนกายเปล่งวูบหายไป
ตรงร ้านเหล้าตีนเขา สตรีก าลังปิดประตูร ้าน หันหน้าไปมองก็ เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาช ้าๆ นางคลี่ยิ้มหวานเอ่ยว่า “ลูกค้า ขอ โทษด้วย ร ้านเหล้าปิดแล้ว”
ชายหนุ่มยิ้มกล่าว “ในเมื่อเปิดร ้านทาการค้า จะเปิดต่ออีกหน่อย ก็ไม่น่าจะเป็ นไร”
สตรีขมวดคิ้ว หากไม่เป็ นเพราะมองไม่ออกว่าอีกฝ่ ายมีตบะตื้น หรือลึก นางก็ไม่คิดเสียดายค่าเหล้าเล็กน้อยแค่นี้จริงๆ จึงคลี่ยิ้มไป ให้อีกฝ่าย “คุณชาย ร ้านเหล้าเล็ก แต่ราคาเหล้ากลับแพง”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ต่อให้ราคาจะแพงแค่ไหนก็ไม่กลัว ซ่งฮู หยินจดลงบัญชีของหม่าเหยียนซานก็พอ”
หัวใจของสตรีบีบรัดตัวแน่น ใช ้ปลายเท้าของรองเท้าปักลายบุป ผาขยี้ดินเบาๆ อย่างไม่ให้เป็ นที่จับสังเกต เชื่อมโยงเข้ากับร่างทอง ที่ตั้งบูชาอยู่ในศาลเทพภูเขาเจ๋อเอ่อ
ชายหนุ่มเดินมาทางร ้านเหล้าช ้าๆ เพียงแต่เมื่อเท้าแรกของเขา สัมผัสพื้นร ้าน เหนียงเนียงเทพภูเขาก็ค้นพบด้วยความตะลึงพรึง เพริดว่าการเชื่อมโยงระหว่างตนกับร่างทองในศาลได้ขาดหายไป
ตอนที่ชายหนุ่มกาลังจะเดินสวนไหล่เหนียงเนียงเทพภูเขาที่ตัว แข็งค้าง เขาพลันยื่นมือออกมาบีบคอของนางแล้วลากนางมา ด้านหลังของตัวเอง เดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว คงจะรังเกียจที่อีกฝ่ ายเป็ น ภาระจึงผลักเบาๆ ร่างของสตรีก็กระแทกลงบนพื้นในร ้าน ชายหนุ่ม เดินเข้ามาในร ้าน นั่งลงบนพื้น มือหนึ่งยันไว้บนหัวเข่า ก่อนจะโบก มือเอ่ย “เร็วๆ เข้า รีบต้มเหล้าที่ราคาแพงที่สุดของร ้านมาสองกา ยิ่ง เป็ นเหล้าที่เก็บมานานเท่าไรก็ยิ่งดีมากเท่านั้น”
สตรีลุกขึ้นโงนเงน อกสั่นขวัญผวา เอ่ยเสียงสั่นว่า “เทพน้อยซ่ งอวี๋แห่งภูเขาเจ๋อเอ่อไม่ทราบว่าเซียนซือมีชื่อว่าอะไร”
“ข้าโชคไม่เลว ได้มาเกิดในครรภ์ที่ดี แซ่เดียวกับหม่าเหยียน ซาน”
ชายหนุ่มแสยะปากยิ้ม “เห็นแก่ที่เจ้ามีความสัมพันธ ์อันดีกับ น้องชายที่รักของข้า ก็เรียกชื่อข้าตรงๆ ได้เลย ข้าชื่อหม่าขู่เสวียน”
ซ่งอวี๋หน้าซีดเผือด
หม่าขู่เสวียนถาม “ทาไม หรือจะให้ข้าเป็ นต้มเหล้าเชิญเจ้าดื่ม?”
ตอนที่เทพภูเขาเจ๋อเอ่อง่วนอยู่กับการต้มเหล้า หม่าขู่เสวียนที่ หันหน้าเข้าหาประตูใหญ่เท้าคางด้วยมือข้างเดียว เขาจ้องเขม็งไปยัง พุ่มหญ้ารกครื้มที่ขึ้นริมทาง
หากเขายังไม่มาเมืองหลวงแคว้นอวี้เซวียนอีก เกรงว่าคงได้แต่ มาเก็บศพเท่านั้นกระมัง
จะว่าไปแล้วก็น่าสนใจ เขาแห่งตรอกซิ่งฮวากับเจ้าบ้านนอกขา เปื้อนโคลนแช่เฉินที่ตรอกหนีผิงผู้นั้น คนหนึ่งคือคนโง่ในสายตาของ คนวัยเดียวกัน อีกคนหนึ่งคือดาวหายนะที่ผู้คนหลบเลี่ยงยังแทบไม่ ทัน ภายหลังก็ออกจากบ้านเกิดไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ดูเหมือนว่าชีวิต นี้ต่างก็ชอบเดินทางไกลเหมือนกัน วันเวลาที่พวกเขาอยู่ในบ้านเกิด กลับไม่มากนัก
แค้นใหม่เปลี่ยนเป็ นแค้นเก่า ความอาฆาตเหมือนหญ้าฤดูใบไม้ ผลิ นักเดินทางยิ่งเดินยิ่งห่างไปไกลก็ยิ่งมีชีวิตอยู่รอด
แล้วก็เหมือนสุราเก่าไหหนึ่งที่เก็บไว้นานสี่สิบปี ถูกคนบางคน เอามาวางไว้บนโต๊ะสองฝ่ ายที่ดื่ม ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ต้องดื่ม คน ที่เมามายต้องตาย คนมีสติจึงจะรอด