กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1011.3 ใครไม่ใช่นกขมิ้น
เหลาสุราสูงสองชั้น ชั้นที่สองมีห้องใหญ่อยู่ห้องหนึ่งที่เอาไว้ใช ้ รับรองแขกผู้สูงศักดิ์ของภูเขาตะวันเที่ยงโดยเฉพาะ
ลุงป๋ ายพาบุรุษที่ชื่อเฉินจิ้วเดินขึ้นบันไดมา ในระเบียงยาว เหลี ยงอวี้ผิงยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว เรือนกายของนางสะโอดสะอง ตรง ข้อมือขาวนวลราวรากบัวสวมกาไลไข่มุกฉิวที่มีราคาทว่าหาซื้อ ไม่ได้อยู่เส้นหนึ่ง
ผู้ฝึกตนหญิงผู้นี้มองดูแล้วอายุราวๆ สามสิบปี เรือนกายสูงโปร่ง มีใฝเม็ดหนึ่งอยู่ตรงมุมปาก
ชุดคลุมอาคมที่นางสวมมาวันนี้เห็นได้ชัดว่าผ่านการเลือกอย่าง พิถีพิถัน ตรงจุดที่ควรเว้าก็เว้า ตรงจุดที่ควรอวบอิ่มก็ยิ่งขับเน้นให้ อวบอิ่ม
เหลียงอวี้ผิงมองป๋ ายหนีที่ในมือกุมอานาจของการขุดเหมือง เอาไว้แล้วบ่นเสียงเบา “ท่านลุงป๋ าย ปล่อยให้คุณชายเซี่ยโหวรอนาน ได้อย่างไร หากว่าข้าเป็ นคุณชายเซี่ยโหวแล้วนิสัยเจ้าอารมณ์สักนิด ป่านนี้คงกลับไปนานแล้ว ไหนเลยจะอดทนรอให้พวกท่านมาถึงคุณ ชายเซี่ยโหวยังกลับโน้มน้าวข้าว่าอย่าร ้อนใจเสียอีก”
เสียงของผู้ฝึกตนหญิงไม่ดังไม่เบา ท่านลุงป๋ ายขอบเขตถ้าสถิต ที่อยู่ในระเบียงได้ยินอย่างชัดเจน เซียนกระบี่เซี่ยโหวขอบเขตประตู มังกรที่อยู่ในห้องก็น่าจะยิ่งได้ยินชัดเจนมากกว่า
ลุงป๋ ายพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ “นี่ก็คือข้อดีของการมีอวี้ผิงมาช่วย รับรองแขกอย่างไรล่ะ”
เหลียงอวี้ผิงเปลี่ยนจากโกรธเป็ นอารมณ์ดี
เดินเข้าไปในห้อง ป๋ ายหนีกุมมือคารวะ คุณชายเซี่ยโหววางงอบ ไม้ไผ่ที่อยู่ในมือลง ลุกขึ้นยืน ยิ้มเอ่ยว่าไม่จาเป็ นต้องเกรงใจ
ลุงป๋ ายถาม “เซียนกระบี่เซี่ยโหว ข้าจะสั่งให้คนยกอาหารมาให้ เลยดีไหม?”
เซี่ยโหวจ้านพยักหน้ายิ้มเอ่ย “แน่นอนว่าแขกต้องตามใจเจ้า บ้าน ถึงอย่างไรวันนี้ข้าก็ไม่มีธุระที่ไหนอยู่แล้ว รออีกสักหน่อยจะ เป็ นไรไป แล้วนับประสาอะไรกับที่ฝีมือชงชาของสหาย “เจียวเย่” ก็ดี อย่างยิ่ง ชาหมิงเฉียนที่เด็ดมาจากต้นชาเก่าแก่ของหาดโปรยดอกไม้ แห่งนี้รสชาติดีเลยทีเดียว”
ป๋ ายหนีใช ้หางตาเหลือบมองไปยังจือเค่อที่ทาท่าโล่งอก โง่หรือไร
ความนัยที่ซุกซ่อนอยู่นี้คือการซักไซ ้กล่าวโทษแล้ว เจ้ายังฟังไม่ ออกอีกหรือ?
ลุงป๋ ายรีบกุมหมัดเอ่ยวิงวอน “เป็ นข้าที่ทาอะไรไม่รอบคอบมาก พอ อีกเดี๋ยวจะต้องดื่มลงโทษตัวเองก่อนสามจอก”
“ควรต้องให้ความเคารพผู้อาวุโส ลุงป๋ ายพูดอะไรอย่างนี้ เห็นข้า เป็ นคนนอกจริงๆแล้ว”
“มิกล้า มิกล้า”
ผู้ฝึกตนหญิงช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “คุณชายเซี่ยโหว วันนี้ อาหารจานหลักคือกุ้งเมา เหลาสุราของพวกเราต้องเปลืองแรงกัน อย่างมากกว่าจะซื้อ “ก้อนเงิน” สิบแปดตัวมาได้รวบรวมได้พอดีหนึ่ง จาน และยังเป็ นเพราะพรรคกิ่งไผ่ของพวกเรามีความสัมพันธ ์ควันธูป กับขุนนางผู้ตรวจการการขนส่งทางน้าท่านหนึ่งของต้าหลี จึงหาซื้อ มาได้อย่างไม่ง่ายเลย” พูดราวกับว่านางควักกระเป๋ าเงินซื้อมาเองอย่างไรอย่างนั้น ป๋ ายหนีไม่ได้ถือสาที่ถูกนางแย่งคุณความชอบ
เซี่ยโหวจ้านยิ้มกล่าว “ก้อนเงิน เรียกอีกชื่อว่ามังกรลาคลอง เมื่อก่อนได้อาศัยบารมีของท่านอาจารย์ ถึงได้เคยกินตัวที่ยาวสองนิ้ว มาสองสามครั้ง”
สีหน้าของผู้ฝึกตนหญิงกระอักกระอ่วนทันใด
ป๋ ายหนีเองก็รู ้สึกหัวโตอย่างยิ่ง มีแค่เจ้าเหลียงอวี้ผิงเท่านั้นแหละ ที่รู ้สึกว่าล้าค่า เจ้าจะเอามาโอ้อวดเซียนกระบี่แห่งยอดเขาสุ่ยหลงไป
เพื่ออะไร ยอดเขาสุ่ยหลงทั้งฝึกวิถีแห่งกระบี่ และลูกศิษย์ผู้สืบทอด ส่วนใหญ่ก็มักจะฝึกวิชาน้าควบคู่ไปด้วย ย่อมไม่ขาดแคลนความรู ้ เรื่อง “อาหารป่า” ในน้าของในทวีปอย่างแน่นอน
เดิมทีแจกันสมบัติทวีปมีลาคลองใต้ดินอยู่เส้นหนึ่งถูกเรียกขาน ว่าเส้นทางมังกรเดินเรือข้ามฟากตระกูลเซียนสัญจรขวักไขว่ ในน้ามี กุ้งลักษณะพิเศษที่มีเฉพาะในลาคลองแห่งนี้เท่านั้น ทั้งตัวเป็ นสีขาว หิมะ เกิดมาก็สามารถดูดซับแก่นของโชคชะตาน้าได้ เวลาตอนกลาง คืนจะส่องแสงเรื่อเรื่อง ถูกแคว้นทั้งหลายที่อยู่ทางตอนเหนือของล า คลองอย่างเช่นแคว้นซูสุ่ยเรียกขานว่า “มังกรล าคลอง” ทางทิศใต้ กลับเรียกว่า “ก้อนเงิน” หากเป็ นมังกรลาคลองที่มีอายุอยู่ถึงร ้อยปี ลาตัวจะยาวสองนิ้ว ทุกวันนี้มังกรลาคลองที่ยาวหนึ่งนิ้วก็เอาไปขาย เป็ นเงินเกล็ดหิมะได้หนึ่งเหรียญแล้ว อีกทั้งยังหาซื้อได้ยากมากด้วย หากไม่มีความสัมพันธ ์กับที่ว่าการผู้ตรวจการทางน้าของต้าหลีหรือ ตระกูลโหวนครมังกรเฒ่าบ้างเลยก็ไม่มีทางหาซื้อมาได้
เซี่ยโหวจ้านถามชวนคุย “คือขุนนางผู้ตรวจการทางน้าท่าน ใด?”
ลุงป๋ ายตอบ “คือขุนนางคุ้มกันน าส่งสินค้าแซ่หวง” “ระดับขั้นขุนนาง?” “ดูเหมือนจะเป็ นขั้นห้าชั้นโท”
เซี่ยโหวจ้านพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็ นขุนนางผู้ช่วยบาง คนซึ่งเป็ นลูกน้องของผู้ตรวจการอวี๋แล้ว”
เมื่อก่อนอาหารเลิศรสบนภูเขาล้วนเป็ นศิษย์พี่คนหนึ่งที่ดูแลเรื่อง เงินทองของยอดเขาสุ่ยหลงที่สั่งจองล่วงหน้าจากผู้ตรวจการอวี๋ซึ่ง เป็ นผู้ตรวจการการลาเอียงอาหารทางน้าของต้าหลี แต่ว่าคนแซ่อวี๋ มาดใหญ่โต ว่ากันว่าสนิทสนมกับลูกหลานสกุลกวนเสาค้ายันแคว้น ของต้าหลีอย่างมาก ถึงได้งานดีๆ ที่ได้รับทรัพย์มากตาแหน่งนี้ไป ครอง
เฉินผิงอันคลี่ยิ้ม
ได้ยินมาว่าทุกวันนี้ทางฝั่งของจวนผู้ตรวจการทางน้าของต้าหลี อวี๋ซานฝางขุนนางผู้ตรวจการที่ดูแลเส้นทางเดินเรือในเส้นทางมังกร เดินสายนี้ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับกวนอี้หราน สองฝ่ ายเป็ นคน รู ้จักเก่าแก่ เป็ นสหายดื่มสุราเก่าแก่กันแล้ว อวี๋ซานฝางคออ่อน พฤติกรรมหลังจากดื่มเหล้าก็ยิ่งย่าแย่ จะบอกว่าเขาแกล้งเมา แค่เขา ดื่มเหล้าเยอะหน่อยก็มุดไปอยู่ใต้โต๊ะแล้ว จะบอกว่าเขาเมาจริงๆ แต่ ท าไมดันชอบลูบคล ารองเท้าของผู้ฝึกตนหญิงชีฉีอยู่ใต้โต๊ะเล่า
ปี นั้นราชสานักต้าหลีได้ก่อตั้งที่ว่าการใหม่แห่งหนึ่งขึ้นมา รับผิดชอบตรวจสอบดูแลเส้นทางการเดินเรือของเรือข้ามฟาก ท่าเรือตระกูลเซียนในหนึ่งทวีปและการขนส่งทรัพยากรบนภูเขา โดยเฉพาะ ตอนนั้นตาแหน่งของขุนนางหลักก็คือขั้นสามชั้นเอก ต่า กว่าต าแหน่งเจ้ากรมกรมคลังแค่ขั้นเดียว อยู่ในที่ว่าการแห่งนี้ ตระกูล
กวนได้เก้าอี้อันดับสามเดิมทีกวนอี้หรานจะต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ สถานะขุนนางต่าที่สุด แล้วยังโน้มน้าวให้อวี๋ซานฝางไปท างานใน จวนที่ว่าการการลาเลียงอาหารทางน้าที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ ความตั้งใจ เดิมคือจะให้อวี๋ซานฝางกับสหายใหม่ที่ชื่อว่าต่งสุ่ยจิงร่วมมือกัน ฝ่ าย หลังหาเงินอย่างสะอาดสะอ้าน ฝ่ายแรกเลื่อนขั้นขุนนางอย่างราบรื่น
ผลคืออวี๋ซานฝางไปรับหน้าที่อย่างไม่ยินยอมพร ้อมใจ กวนอี้ หรานเจ้าตะพาบที่พูดจาเหมือนผายลมกลับโยนภาระหน้าที่ทิ้ง หัน ไปรับหน้าที่เป็ นขุนนางผู้ตรวจการการก่อสร ้างลาน้าใหญ่สายนั้น แทน
ทุกวันนี้อวี๋ซานฝางที่เป็ นหนึ่งในขุนนางผู้ดูแลทางน้า หน้าที่ที่ สาคัญที่สุดก็คือดูแลเส้นทางมังกรเดินสายยาวจากเหนือจรดใต้ของ แจกันสมบัติทวีป
ส่วนตระกูลโหวแห่งนครมังกรเฒ่าที่ทาการค้าอยู่ในเส้นทาง มังกรเดินมานานยิ่งกว่าเคยได้ครอบครองเส้นทางการเดินเรือ ครึ่งหนึ่ง แต่หลังจากที่ราชสานักต้าหลีเข้ามาแทรกแซง ตระกูลโหวก็ ยอมถอยไปอยู่เบื้องหลัง กินแต่เศษซากน้าแกงเหลือๆ แต่โดยดี
ทุกวันนี้ประตูที่ว่าการผู้ตรวจการการขนส่งทางน้าของต้าหลี ตั้งอยู่ริมตลิ่งของลาน้าจี้ตู๋ ไม่ได้อยู่ในเมืองลั่วจิงเมืองหลวงสารอง ของต้าหลี เป็ นเพื่อนบ้านอยู่กับจวนวารีของฉางชุนโหว
ขุนนางหลักที่ถูกเรียกขานว่า “เฉาไซว่” ได้เลื่อนจากขั้นสามมา เป็ นขั้นสองชั้นโทแล้วขุนนางผู้ช่วยสองคนก็ได้เลื่อนเป็ นขั้นสามชั้น เอกด้วย ตามกฎแล้วผู้ตรวจการการขนส่งทางน้าไม่ได้อยู่ในการ ควบคุมของหน่วยงาน สามารถถวายฎีกาขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ได้เลย
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ อวี๋ซานฝางที่โชคยศถาบรรดาศักดิ์ราบรื่น เนื่องจากจุดเริ่มต้นไม่ต่า อีกทั้งยังเป็ นผู้อาวุโสที่เข้ามาอยู่ในที่ว่าการ ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นใหม่ก่อนใคร ตอนนี้จึงถือว่าเป็ นขุนนางผู้มีอ านาจ แท้จริงได้แล้ว นอกจากหนึ่งหลักสองรองของในที่ว่าการแล้วเส้นทาง การเดินเรือบนภูเขาสามสิบเส้นในช่วงแรกเริ่มสุด เนื่องจากราช ส านักต้าหลีถอยกลับไปอยู่ทางทิศเหนือของลาน้าใหญ่ เส้นทางการ เดินเรือจึงลดลงเหลือสิบเจ็ดเส้น ราชวงศ์สกุลซ่งจึงถอนขุนนาง ผู้ดูแลด้านการขนส่งและเสมียนผู้ช่วยที่เกี่ยวข้องส่วนหนึ่งออกมา ส่วนใหญ่ได้เลื่อนขั้นสูงหรือไม่ก็โยกย้ายไปรับตาแหน่งเท่าเดิมใน ท้องถิ่นต่างๆ ในบรรดาขุนนางผู้ดูแลการขนส่งทางน้าที่เหลืออยู่ก็ มีอวี๋ซานฝางที่เป็ นขั้นสี่ชั้นโท ประเด็นส าคัญคือเส้นทางมังกรเดินที่ อยู่ในการดูแลของเขาอย่างเต็มอานาจ เนื่องจากปลายสุดทางทิศ เหนือตั้งอยู่ที่แคว้นซูสุ่ยซึ่งตั้งอยู่ภาคกลางของทวีป เป็ นเหตุให้มี เส้นทางการเดินเรือเพียงเส้นเดียวที่ยึดขยายไปถึงเส้นทางน้าที่ ส าคัญในอาณาเขตทิศใต้ของแจกันสมบัติทวีป ดังนั้นขนาดคนโง่ก็ ยังมองออกว่าอานาจที่อยู่ในมือของผู้ตรวจการอวี๋ต้องไม่ถูกจ ากัดอยู่ แค่เรื่องการควบคุมดูแลการขนส่งทางน้าในเส้นทางมังกรเดินอย่าง
แน่นอน แคว้นต่างๆ และตระกูลเซียนมากมายที่ตั้งอยู่เลียบลาคลอง หลังจากที่ราชสานักต้าหลีมอบขุนเขาสายน้าตลอดทั้งทิศใต้ของ แจกันสมบัติทวีปกลับคืนไป จนถึงทุกวันนี้แคว้นที่ยังเรียกตัวเองว่า เป็ นแคว้นใต้อาณัติของราชส านักต้าหลีอย่างภาคภูมิใจ คาดว่าคุณ ความชอบส่วนหนึ่งก็คงต้องยกให้กับอวี๋ซานฝาง ส่วนสรุปแล้วคุณ ความชอบนั้นจะมีมากเท่าไร ก็ดูแค่ตาแหน่งขุนนางสูงต่ายามที่อวี๋ ซานฝางย้ายไปรับหน้าที่ที่อื่นในอนาคตก็จะรู ้ได้แล้ว
ดูเหมือนว่าในที่สุดเซี่ยโหวจ้านก็มองเห็นจือเค่อฝ่ ายนอกที่ยืน เป็ นคนใบ้อยู่ตลอดเสียที ถึงได้ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ท่านลุงป๋ าย ท่านผู้นี้ คือ?”
ลุงป๋ ายเอ่ยเสียงหนัก “เฉินจิ้ว! ยังมัวยืนที่มอยู่ท าไม”
เฉินจิ้วรีบยกมือกุมหมัด “เฉินจิ้วจือเค่อฝ่ ายนอกของพรรคกิ่งไผ่ คารวะเซียนกระบี่เซี่ยโหว”
เซี่ยโหวจ้านเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายิ้มกล่าว “เป็ น เกียรติที่ได้พบ ได้ยินชื่อเสียงยิ่งใหญ่มานานแล้ว”
เฉินจิ้วค้างอยู่ในท่ากุมหมัดคล้ายคนตัวแข็ง สะกดกลั้นอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยว่า “ในที่สุดก็ได้พบเจอกับเซียนกระบี่เซี่ยโหว เป็ น เกียรติที่ได้พบ เป็ นเกียรติที่ได้พบ เป็ นเกียรติอย่างถึงที่สุด”
เซี่ยโหวจ้านคลี่ยิ้มไม่เอ่ยอะไร
เหลียงอวี้ผิงกระตุกมุมปาก
เนื้อสุนัขไม่ควรเอามาวางในงานเลี้ยงจริงเสียด้วย
ป๋ ายหนีคิดอย่างไรถึงได้ยินดีช่วยสานสะพานความสัมพันธ ์ ให้กับเจ้าเศษสวะผู้นี้ เซี่ยโหวจ้านถูกใจอีกฝ่ายถึงจะแปลก
แค่จือเค่อฝ่ ายนอกของพรรคใต้อาณัติแห่งหนึ่งของภูเขาตะวัน เที่ยงเท่านั้น มีหน้าที่คอยต้อนรับขับสู้ผู้คน ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ เรื่องสาคัญเรื่องที่เป็ นความลับของพรรคกิ่งไผ่ ถึงขั้นที่ว่ายังไม่ได้ ข้องแวะกับสมุดบัญชีฝ่ ายนอกและภูเขาไฉอวี๋เลยด้วยซ้า ในฐานะจื อเค่อ ค่าใช ้จ่ายทุกก้อนล้วนต้องจดลงในบัญชีอย่างละเอียด แล้ว รายงานให้ทางห้องบัญชีทราบ และอาจจะยังต้องเพิ่มเงินให้ห้องบัญชี เป็ นพิเศษอีกด้วย คิดจะกลายเป็ นจือเค่อของพรรคตระกูลเซียนที่จริง แท้แน่นอนสักแห่งหนึ่งจาเป็ นต้องมีชาติกาเนิดที่สะอาดบริสุทธิ์ มี หลักฐานให้สืบเสาะ เพราะถึงอย่างไรเอกสารผ่านด่านที่ทางราช ส านักต้าหลีแจกจ่ายให้ก็ไม่อาจปลอมแปลงกันได้ง่ายๆ อีกทั้งราคาที่ ต้องจ่ายในการปลอมแปลงก็สูงมาก หากถูกจับได้สิ่งที่ต้อง เผชิญหน้าไม่ใช่การไต่สวนจากราชส านักแคว้นชิงหลิง แต่เป็ นผู้ฝึก ตนใต้สังกัดของกรมอาญาต้าหลีโดยตรง
เซียนกระบี่เซี่ยโหวที่น่าเกรงขามแม้จะไม่แสดงความโกรธ ตรงหน้าผู้นี้ก็คือพี่เทียนไฉที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องรายงานข่าวของภูเขา ตะวันเที่ยงแล้ว
ก่อนจะนั่งลง เซี่ยโหวจ้านกับลุงป๋ ายผลัดกันพูดถ่อมตัวไปรอบ หนึ่ง เหลียงอวี้ผิงที่อยู่ด้านข้างยิ้มพูดโน้มน้าวถึงนั่งลงกันได้
ลุงป๋ ายดื่มลงโทษตัวเองก่อนสามจอกจริงๆ จากนั้นก็นาพาเฉิน จิ้วให้ดื่มสุราคารวะคุณชายเซี่ยไปพร ้อมกัน รอกระทั่งเฉินจิ้วดื่มเหล้า หมดกลับไปนั่งที่เดิมแล้วนั่งเฉยอีกครั้ง ลุงป๋ ายก็ส่งสายตาให้กับจื อเค่อฝ่ ายนอกผู้นี้ เฉินจิ้วที่รู ้สึกตัวช ้าถึงได้ลุกขึ้นดื่มสุราคารวะเพียง ล าพัง เซี่ยโหวจ้านนั่งอยู่ในตาแหน่งของตัวเอง จิบเหล้าไปหนึ่งอีก ยื่นมือมากดลงบนความว่างเปล่าสองที บอกเป็ นนัยแก่บุรุษที่อยู่ฝั่ง ตรงข้ามว่าให้นั่งลงกินอาหารได้
ยามที่เซี่ยโหวจ้านดื่มเหล้า เขามีสีหน้าอึมครึม เห็นได้ชัดว่า อารมณ์ไม่ดี
ยอดเขามากมายของภูเขาตะวันเที่ยง ผู้ฝึ กกระบี่ที่เป็ นคนรุ่น เดียวกันและขอบเขตไม่ต่างจากเซี่ยโหวจ้านสักเท่าไรต่างก็เริ่มพูดจา เหน็บแนมกันแล้ว
บอกว่าต้องโทษที่ตั้งชื่อได้ไม่ดีพอ ตัวอักษรจ้าน ประกอบด้วย สามหยกสองหิน ในเมื่อหยกกับหินอยู่ปนกันก็คือหยกที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่ใช่หรือไร
รอกระทั่ง “ก้อนเงิน” จานนั้นถูกยกมาวางบนโต๊ะ เซี่ยโหวจ้านก็ ยังไร ้อารมณ์จะสนใจเพียงแค่คีบกุ้งเมาตัวหนึ่งให้กับเหลียงอวี้ผิงที่นั่ง อยู่ด้านข้างก่อน
ผู้ฝึกตนหญิงตกใจที่ได้รับความเมตตาโดยไม่คาดฝัน คลี่ยิ้มราว บุปผาผลิบาน
เฉินจิ้วอยากจะลองคีบกุ้งเมามาชิมดูก็ถูกท่านลุงป๋ ายถลึงตาใส่ ทันที จึงได้แต่หันตะเกียบไปทางอื่น คีบปลาลาธารตัวหนึ่งขึ้นมาแทน
ผ่านการถามกระบี่ครั้งนั้นมา ยอดเขาทั้งหลายของภูเขาตะวัน เที่ยงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้ าพลิกดินต่อเนื่องกัน
บรรพจารย์เซี่ยหย่วนชุ่ยที่ลาดับอาวุโสสูงที่สุดของยอดเขา หม่านเยว่ เป็ นเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบ ไม่เพียงแต่รับหน้าที่เป็ นผู้ คุมกฏ ยังได้ครอบครองยอดเขาที่ว่างอยู่นานหลายปีอีกสองยอดเขา
ภูเขาชิวลิ่งของเถาแยนโปถูกปิดภูเขาไปแล้ว เซียนกระบี่ผู้เฒ่า ก่อก าเนิดเป็ นฝ่ ายลาออกจากตาแหน่งหน้าที่ทุกอย่างในสานัก เจ้า ส านักจู๋หวงสั่งให้เถาแยนโปปิดประตูทบทวนตัวเองเป็ นเวลาหกสิบปี
สถานะของเยี่ยนฉู่แห่งยอดเขาสุ่ยหลงได้เปลี่ยนจากบรรพจารย์ ผู้คุมกฏมาเป็ นบุคคลอันดับหนึ่งของคลังสมบัติภูเขาตะวันเที่ยง
เหลิ่งฉี่เจ้ายอดเขาฉงจือป่ าวประกาศแก่ภายนอกว่าปิดด่าน ให้ หลิ่วอวี้ผู้เป็ นลูกศิษย์รับหน้าที่ดูแลกิจธุระต่างๆ แทน อวี่หลิ่นเจ้าแห่ง ยอดเขาอวี่เจี่ยว เซียนกระบี่โอสถทองหนุ่มผู้นี้ แม้ว่าจะต้องอับอาย อย่างใหญ่หลวงในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้ทดท้อ ทอดอาลัยเพราะเหตุนี้ พูดถึงแค่เรื่องที่ต้องตั้งป้ ายศิลาไว้ริมอาณา เขตของภูเขาตะวันเที่ยงก็ต้องผ่านเหตุพลิกผันมาหลายครั้ง ทุกวันนี้ แม้กระทั่งผู้ฝึ กกระบี่หนุ่มที่เลือดร ้อนพุ่งพล่านเกือบสิบคนก็ยังมา สร ้างกระท่อมฝึ กตนอยู่ที่นี่ พวกเขามาจากห้ายอดเขา ว่ากันว่า
ในทางส่วนตัวพวกเขาได้กลายเป็ นภูเขาเล็กลูกหนึ่ง มีคนรวมทั้งสิ้น ยี่สิบกว่าคน ต่างก็เป็ นผู้มีพรสวรรค์ที่อายุค่อนข้างน้อยของยอดเขา ต่างๆ หนึ่งในนั้นก็มีอวี่หลิ่นที่เป็ นหนึ่งในแกนนา
เจ้าส านักจู๋หวงกับศาลบรรพจารย์ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ จู๋ หวงเพียงแค่บอกให้เจ้าแห่งยอดเขาทั้งหลายที่คนหนุ่มสาวเหล่านั้น พักอาศัยอยู่ว่าให้เตือนพวกคนรุ่นเยาว์กลุ่มนี้เป็ นการส่วนตัวว่า ไม่ อนุญาตให้พวกเขาท าลายป้ ายศิลา ส่วนอื่นๆ ที่เหลือไม่ต้องไปสนใจ แล้ว
อันที่จริงท่ามกลางเหตุเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น ยอดเขาสุ่ยหลงได้รับ ความเสียหายไม่มาก ถึงขั้นที่ว่าถือว่าเป็ นภูเขาแห่งเดียวที่ได้รับโชค หลังเคราะห์ร ้ายได้ด้วยซ้า ฐานะในส านักถูกยกระดับขึ้นสูงได้ เล็กน้อย
มีเพียงเซี่ยโหวจ้านลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจของเซียนกระบี่ผู้ เฒ่าเยี่ยนขู่แห่งยอดเขาสุ่ยหลงเท่านั้นที่ไม่สมหวังมากที่สุด ไม่มีหนึ่ง ใน
เหลียงอวี้ผิงเริ่มแต่งเรื่องตาหนิความไม่ดีของภูเขาใต้อาณัติ ต่างๆ ของภูเขาตะวันเที่ยง จากนั้นพูดถึงข้อดีของพรรคตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายภูเขาจีจู๋ของนาง บอกว่าพวกศิษย์น้องหญิง ทั้งหลายชื่นชมเลื่อมใสยอดเขาสุ่ยหลงอย่างไร
เซี่ยโหวจ้านพยักหน้ายิ้มกล่าว “พรรคกิ่งไผ่ของพวกเจ้ามี ความสัมพันธ ์อันดีกับภูเขาตะวันเที่ยงของพวกเรามาหลายรุ่นหลาย สมัย ทุกครั้งที่อาจารย์พูดถึงภูเขาจีจู๋ก็มักจะเอ่ยชมไม่ขาดปาก ไม่ขี้ เหนียวถ้อยค าดีๆ เลย”
เหลียงอวี้ผิงเหลือบตามองลุงป๋ าย
พรรคกิ่งไผ่ภูเขาไฉอวี้คือหนึ่งในพรรคใต้อาณัติจานวนมากมาย ของภูเขาตะวันเที่ยงอันที่จริงช่วงที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด “ภูเขาเบื้อง ล่าง” หรือพรรคที่อยู่ใต้สังกัดของภูเขาตะวันเที่ยงประเภทนี้มีมากถึง สิบกว่าแห่ง เพียงแต่ว่าวันนี้ไม่เหมือนวันวาน พรรคใต้อาณัติในนาม ถึงครึ่งหนึ่งที่แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้หลุดพ้นจากสถานะใต้สังกัดของ ภูเขาตะวันเที่ยงอย่างเป็ นทางการ ในอดีตทุกครั้งที่มีการรวมตัวกันก็ จะนั่งโดยสารเรือยันต์ เรือข้ามฟากส่วนตัวไป “ขานชื่อ” ที่ภูเขา บรรพบุรุษของภูเขาตะวันเที่ยงตรงตามเวลา ทว่าตอนนี้แต่ละฝ่ ายเริ่ม หาข้ออ้างมาปฏิเสธ ใช ้เหตุผลต่างๆ นานา บ้างก็ส่งแค่ลูกน้องมา รายงานผลปฏิบัติงานที่นี่เท่านั้น
และเซี่ยโหวจ้านผู้เป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของบรรพจารย์ยอด เขาสุ่ยหลง ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตประตูมังกรผู้ยิ่งใหญ่ ทุกวันนี้กลับได้ แค่ดูแล “บัญชีรายรับ” ของพรรคใต้อาณัติสามแห่งทางทิศเหนือของ ภูเขาตะวันเที่ยงเท่านั้น
หนึ่งในนั้นก็มีพรรคกิ่งไผ่ อันที่จริงไหนเลยจะต้องให้เขามคอย เร่งเร ้า ไม่ใช่ภูเขา “แดนบิน” ที่ฟ้ าสูงฮ่องเต้อยู่ห่างไกลพวกนั้นเสีย หน่อย ภูเขาไฉอวี้ลูกนี้อยู่ห่างจากภูเขาตะวันเที่ยงแค่กี่ก้าวเอง?
ดังนั้นคนที่มีตาล้วนรู ้ชัดเจนว่าเซี่ยโหวจ้านคือบุตรชายที่ถูก ภูเขาตะวันเที่ยงและยอดเขาสุ่ยหลงทอดทิ้งแล้ว เท่ากับว่าลดขั้นแล้ว ลดขั้นอีก ได้แค่มานั่งเก้าอี้เย็นๆ อย่างสิ้นเชิงเท่านั้น
พูดตามมโนธรรมในใจแล้ว ในเรื่องของการรวบรวมรายงาน ข่าวสาร เซี่ยโหวจ้านที่เป็ นผู้ฝึกตนตบะขอบเขตประตูมังกรไม่ได้มี ความเกียจคร ้านหรือประมาทเลินเล่อเลยแม้แต่น้อย เขาตั้งอกตั้งใจดี เยี่ยม ทาหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าหน้าที่นี้จะได้ ค่าน้าร ้อนน้าชามาค่อนข้างมาก แต่เซี่ยโหวจ้านก็สามารถถามใจ ตัวเองแล้วพูดความจริงได้อย่างไม่ละอายว่า ตนไม่เคยฮุบ ผลประโยชน์เข้ากระเป๋ าของตน แม้แต่เงินเกล็ดหิมะสัก เหรียญก็ไม่ เคยฮุบเอามา เขาแค่อยากอาศัยคุณความชอบมาหาตาแหน่งที่ทาง ดีๆ ในศาลบรรพจารย์ภูเขาบรรพบุรุษของส านักก็เท่านั้น ต่อให้ ขอบเขตจะไม่สูงมากพอ ตามหลักแล้วไม่เหมาะสม แต่ถ้าเป็ นส านัก เบื้องล่างในอนาคตล่ะ?
นี่จึงเป็ นเหตุให้เซี่ยโหวจ้านที่เมื่อก่อนแทบไม่เคยแตะเหล้า วันนี้ พอมีโอกาสก็เริ่มดื่มเหล้าดับทุกข์แล้ว
ไม่อย่างนั้นด้วยสถานะของป๋ ายหนีจะสามารถเชิญตัวเขาเซี่ย โหวจ้านมาได้หรือ?
หรือว่าแค่อาศัย “ก้อนเงิน” ของเส้นทางมังกรเดินที่ยาวแค่ครึ่ง ตะเกียบไม่กี่ตัวมาล่อ ก็ได้แล้ว?