กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1011.4 ใครไม่ใช่นกขมิ้น
ต้องให้กวอฮุ่ยเฟิงเจ้าประมุขพรรคกิ่งไผ่เป็ นคนเลี้ยงเหล้าเขา ด้วยตัวเองจึงจะถือว่า “ฐานะเท่าเทียมเหมาะสมกัน
แต่คนนอกยืนพูดย่อมไม่ปวดเอว ทุกวันนี้ในภูเขาตะวันเที่ยงมี ค าซุบซิบนินทาอยู่มากมาย อาจารย์ของเขาท่านผู้อาวุโสที่ถึงแม้จะ รักษาสถานะผู้สืบทอดของยอดเขาสุ่ยหลงของเขาเอาไว้จากเจ้า สานักที่เดือดเป็ นฟื นเป็ นไฟได้ แต่ก็ได้แต่ให้ลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ ภาคภูมิใจซึ่งได้รับความสาคัญอย่างยิ่งยวดเช่นเขาออกมาหลบเลี่ยง ทิศทางลม (เปรียบเปรยว่าอยู่ในห่างจากสถานที่อันตราย ห่างจาก สถานการณ์วิกฤต) อยู่ข้างนอก คนนอกหรือจะรู ้ถึงความล าบากใจ ของเขาเซี่ยโหวจ้าน การรวบรวมรายงานข่าวต้องเลี่ยงราชสานักต้า หลีและที่ว่าการของหลงโจว แล้วยังต้องหลบเลี่ยงภูเขาพีอวิ๋นมหา บรรพตอุดรที่สวมกางเกงตัวเดียวกับภูเขาลั่วพั่ว ส่วนหลิวเสี้ยนหยาง จะให้เขาไปตรวจสอบอย่างไร อีกฝ่ ายวิ่งไปขอศึกษาต่ออยู่กับสกุล เฉินผู้รอบรู ้ที่ทักษินาตยทวีปโน่นแล้ว อีกทั้งสานักกระบี่หลงเฉวียน ตลอดทั้งสานักก็มีคนอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น จะให้เขาแทรกซึมเข้าไป เอาคนไปสอดแนมอย่างลับๆ ได้อย่างไร? หาไม่แล้วหากเปลี่ยนมา เป็ นสานักโองการเทพ สกุลเจียงอวิ๋นหลิน บุคคลยิ่งใหญ่อย่างพวก เขาเหล่านี้ก็ยังไม่ยากเย็นแสนเข็ญปานนั้น
อวี่หลิ่นแห่งยอดเขาอวี่เจี่ยวกับหลิ่วอวี้แห่งยอดเขาฉงจือต่างก็ เคยฝึกตนฝึกกระบี่อยู่ที่สานักกระบี่หลงเฉวียน เพียงแต่ว่าไม่ว่าเซี่ย โหวจ้านจะหลอกถามอย่างไรก็ไม่ได้ข้อมูลส าคัญมา โดยเฉพาะ อย่างยิ่งอวี่หลินที่หลังจากได้กลายเป็ นเจ้าแห่งยอดเขา เมื่อก่อนเรียก เขาด้วยความเคารพว่าเซียนกระบี่เซี่ยโหว ภายหลังกลับเรียกง่ายๆ ว่าสหายเซี่ยโหว ราวกับเป็ นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น
ดังนั้นเซี่ยโหวจ้านจึงได้แต่เป็ นคนใบ้กินหวงเหลียน เชื่อฟัง อาจารย์ ซุ่มจ าศีลไปก่อน สักหลายๆ ปี อย่าปรากฏตัวในวงสังคม วัน หน้าค่อยหาโอกาสหาตาแหน่งที่มีอานาจซึ่งได้รับทรัพย์มากให้เขา ในพรรคกระบี่หวงซานซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตของขุนเขากลาง
สีหน้าของเซี่ยโหวจ้านมืดครึ้ม ก้มหน้าดื่มสุราอย่างอัดอั้น
อิ่นกวาน? ร ้ายกาจนักหรือ?
หากได้เจอกันจริงๆ นั่งเผชิญหน้ากัน ด้วยนิสัยของข้าผู้อาวุโสก็ จะต้องถามกระบี่ต่อเจ้าคนแซ่เฉินผู้นั้นสักครั้งให้จงได้!
แพ้แล้วอย่างไร จะเสียศักดิ์ศรีไม่ได้เด็ดขาด
เชื่อว่าอีกฝ่ายคงไม่ถึงขั้นเล่นงานตนจนถึงตาย
จือเค่อฝ่ ายนอกที่ชื่อว่าเฉินจิ้วผู้นั้น ในที่สุดก็ปลุกความกล้าเอ่ย ประโยคที่เป็ นธรรมว่า “สานักใหญ่เหมือนวงการขุนนาง ย่อมเลี่ยงที่ จะสัมผัสกับขนบธรรมเนียมที่ไม่ดีบางอย่างมาไม่ได้ มักจะทาให้คนที่ ตั้งใจทางานอย่างแท้จริงต้องเสียเปรียบอยู่เสมอ ทาดีก็สมควรแล้วท า
ไม่ดี คาพูดซุบซิบนินทาก็ถาโถมเข้าใส่ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ไหนเลย จะขัดขวางได้ไห สภาพการณ์ที่เซียนกระบี่เซี่ยโหวต้องเผชิญ ลอง พลิกเปิดต าราประวัติศาสตร ์ดูก็จะเห็นว่ามีน้อยเสียเมื่อไหร่ ข้าที่อยู่ ที่นี่ต้องดื่มสุราคารวะเซียนกระบี่เซี่ยโหวแล้ว”
ในดวงตาของลุงป๋ ายฉายความตกตะลึงระคนประหลาดใจ มอง เฉินจิ้วที่ถือจอกสุราไว้ด้วยสองมือ ในที่สุดเจ้าเด็กนี่ก็ฉลาดกับเขาได้ แล้วหรือ?
เซี่ยโหวจ้านเหล่ตามองมา พยักหน้ารับ
คิดไม่ถึงว่าจะเป็ นคนที่รู ้จักพูด
มิน่าเล่าถึงมาเป็ นจือเค่อฝ่ายนอกอยู่ที่ภูเขาไฉอวี้แห่งนี้ได้
เซี่ยโหวจ้านจึงถามชวนคุยว่า “เจ้าชื่อว่าอะไรแล้วนะ?”
คนผู้นั้นรีบบอกกล่าวชื่อแซ่ของตนเองอีกครั้ง “เฉินจิ้ว เฉินจาก อักษรเอ่อและอักษรตงรวมกัน จิ้วที่แปลว่าของเก่า”
คงเพราะก่อนหน้านี้ตนพูดเสียงเบาเกินไป หรือเป็ นเพราะเซี่ย โหวจ้านจ าไม่ได้ คนสูงศักดิ์มักมีเรื่องให้หลงๆ ลืมๆ มากมายนี่นะ
เซี่ยโหวจ้านขมวดคิ้วน้อยๆ ทาไมถึงแซ่เฉินเหมือนกันเล่า ได้ยิน แล้วหงุดหงิดนัก
ดูท่าเฉินจิ้วเองก็น่าจะเป็ นคนที่รู ้จักสังเกตสีหน้าท่าทางของคน อื่นจึงรีบแสดงความจริงใจของตัวเองทันที “ข้ากับเจ้าคนแซ่เฉินของ
ภูเขาลั่วพั่วผู้นั้น นับตั้งแต่ได้ยินว่ามีบุคคลเช่นนี้อยู่ก็ไม่เคยมี ความรู ้สึกดีใดๆ ด้วย หากไม่เป็ นเพราะตบะของข้าตื้นเขินมากจริงๆ หาไม่แล้วจะต้องป้ อนหมัดให้เขากินจนเต็มอิ่มแน่!”
ความรังเกียจบนสีหน้าของเซี่ยโหวจ้านลดน้อยลงไปหลายส่วน แม้ฟังแล้วจะชวนสะอิดสะเอียนอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็เป็ นถ้อยคาที่
รื่นหู | เขาหรี่ตาถาม “เฉินจือเค่อ เจ้ากับเจ้าขุนเขาผู้นั้นไม่ได้เกี่ยวข้อง |
ไม่มีความแค้นอะไรกัน ทาไมถึงอคติต่อคนผู้นั้นขนาดนี้ล่ะ?” เซี่ยโหวจ้านคีบมังกรลาคลองขึ้นมาตัวหนึ่ง เคี้ยวช ้าๆ “ไม่ต้อง รีบร้อนตอบค าถาม คิดให้ดีแล้วค่อยตอบ เหล้าสามารถดื่มมั่วได้ แต่ คาพูดจะพูดกันมั่วๆ ไม่ได้”
บรรยากาศบนโต๊ะเหล้าเปลี่ยนมาเป็ นเคร่งเครียดทันใด เหลียงอวี่ผิงรู ้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นอยู่บ้าง ลุงป๋ ายเริ่มกลุ้มใจ กังวลอย่างยิ่ง เฉินจิ้วเจ้าเป็ นจือเค่อฝ่ ายนอก คนหนึ่ง จาเป็ นต้องประจบสอพลอด้วยคาพูดพวกนี้ด้วยหรือ? ใจกล้า นักหรือไร?
คงเป็ นเพราะเหล้าได้ปลุกความกล้าหาญของคน เฉินจิ้วจึงกล่าว อย่างไม่ขลาดกลัวแม้แต่น้อย “ข้าเคยอ่านบันทึกท่องเที่ยวเล่มหนึ่งที่ เขียนเกี่ยวกับเจ้าหมอนั่น มีสัมพันธ ์กับสตรีไม่เคยขาด น่ารังเกียจ เกินทน! ปากบอกว่ามีศีลธรรมคุณธรรม มองดูเหมือนเป็ นจอมยุทธที่
ก าจัดปี ศาจปราบมารไปตลอดทาง แต่แท้จริงแล้วในช่วงเวลาที่ ส าคัญกลับเข้มงวดต่อผู้อื่นใจกว้างกับตัวเอง ไม่ยอมเสียเปรียบเลย แม้แต่น้อย คือวิญญูชนจอมปลอมที่แสร ้งวางมาดภูมิฐานเท่านั้น คน งาม เงินทอง โชควาสนา ชื่อเสียง ล้วนถูกเขาช่วงชิงความได้เปรียบ ไปจนหมด ผีสาวงาม ภูตจิ้งจอก ยันต์คนงาม มีแต่สตรีคลอเคลียแอบ อิงอยู่ข้างกายไม่เคยขาด เจอเรื่องอะไรแค่เล็กน้อยก็มักจะมีคนงาม มาช่วยเหลือให้ผ่านด่านยากไปได้เสมอ ประสบการณ์ในยุทธภพที่ คลุ้งไปด้วยกลิ่นอายของชาดประทินโฉมเช่นนี้ มีความอันตรายใดให้ กล่าวถึง หากเป็ นข้าก็ท าได้เหมือนกัน!”
เฉินจิ้วดื่มเหล้าอีกหนึ่งจอกแล้วร ้องเฟ้ ย “คนที่วันๆ ชอบพล่าม แต่เหตุผลหลักการ กับคนที่ไม่ชอบพูดเรื่องเหตุผลหลักการ ทั้งสอง ฝ่ ายนี้มีความเหมือนกันแค่อย่างเดียว นั่นก็คือโชคดี! นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่มีความสามารถที่แท้จริงอีกแม้แต่น้อย”
ลุงป๋ ายอึ้งงันพูดไม่ออก
สรุปแล้วเจ้าเฉินจิ้วเกลียดการกระท าของอิ่นกวานหนุ่มหรือแค่ อิจฉาที่เขามีโชคเรื่องสาวงามไม่หยุดหย่อนกันแน่?
เซี่ยโหวจ้านพอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้ว อีกฝ่ ายเป็ นคนตื้นเขิน แต่ พูดจาหรือท าอะไรนับว่าพอใช ้ได้ ไม่ใช่พวกคนหลงใหลในเงินทองที่ ดวงตามีแต่เงิน พูดง่ายๆ ก็คือพอจะมีใจทะเยอทะยานอยู่บ้าง อยากจะ ปืนขึ้นสู่ที่สูง จือเค่อฝ่ ายนอกผู้หนึ่งที่ยินดีควักกระเป๋ าตัวเองจ่ายเงิน เพิ่มเติมมีแค่คนสองประเภทเท่านั้น ประเภทแรกคือในกระเป๋ ามีเงิน
เยอะไม่มีที่ให้ใช ้จ่าย อีกประเภทหนึ่งก็คือตัดใจจ่ายเงินก้อนเล็กใน วันนี้ได้เพื่อหาเงินก้อนใหญ่มาในวันหน้าและผู้ฝึกลมปราณต่างถิ่น คนหนึ่งที่ซัดเซพเนจรมาอยู่พรรคกิ่งไผ่ ตบะขอบเขตสี่ จะมีทรัพย์ สมบัติมากมายได้อย่างไร หากไม่ผิดไปจากที่คาดก็คงอยากจะปืนกิ่ง ไม้สูงของพรรคกิ่งไผ่ยกตัวอย่างเช่นตีสนิทกับกวอฮุ่ยเฟิงที่เป็ นโอสถ ทอง วันหน้าจะได้สวมชุดแพรกลับคืนบ้านเกิด
เซี่ยโหวจ้านมั่นใจในสายตาการมองคนของตัวเองว่าแม่นยา อย่างมาก ความต่าต้อยที่พยายามไม่ให้การประจบสอพลอแสดง ออกมาเด่นชัดเกินไปของอีกฝ่ ายแผ่ออกมาจากส่วนลึกของกระดูก หาใช่เสแสร ้งแกล้งท า
ต้องรู ้ว่าเหล้ามื้อนี้เป็ นเงินที่เฉินจิ้วควักเอง เซี่ยโหวจ้านเป็ นฝ่ าย ดื่มสุราคารวะอย่างที่หาได้ยาก
หลังจากวางจอกเหล้าลงแล้ว เซี่ยโหวจ้านก็ยิ้มถามว่า “เฉินจื อเค่อ ได้ยินมาว่าเจ้ามาจากหวงฮวาชวนทางทิศใต้ พรรคไม่เล็กเลย นะ อยู่ในแจกันสมบัติทวีปก็เป็ นจวนเซียนระดับสามได้อย่างมั่นคง แล้ว แม้ว่าสงครามทาให้พรรคถูกทาลาย ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่ มีเสาคานหลักพอที่จะสร ้างพรรคเก่าขึ้นมาใหม่ แต่หากนับกันขึ้นมา จริงๆ หวงฮวาชวนของพวกเจ้าเมื่อเทียบกับพรรคกิ่งไผ่แล้วขนาดก็มี แต่จะใหญ่กว่าไม่เล็กกว่า รากฐานมีแต่จะลึกล้าไม่ตื้นเขิน ไฉนถึงมา หาเลี้ยงชีพอยู่ที่นี่ได้ ไม่รู ้สึกอับอายบ้างหรือ? ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่า หวงฮวาชวนมีทิวทัศน์ที่งดงามอยู่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นก็มีภูเขา
เสวียนถงกับภูเขาผานชือภูเขาสองลูกตั้งคุมเชิงกัน ต่างก็ไม่สูง บน ภูเขามีแต่ต้นเหมย ยามที่ดอกไม้บานก็เป็ นสีขาวสะพรั่งราวกับหิมะ ในภูเขาผานชือยังมีวัดหยวนหยวนเจี่ยงอยู่แห่งหนึ่ง ว่ากันว่าด้านใน วัดซ่อนม้วนภาพยาวไว้ม้วนหนึ่ง เรียกว่าอะไรแล้วนะ?”
เหลียงอวี้ผิงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ที่พูดคุยกัน ดูเหมือนว่าเซี่ยโหวจ้านจะไม่เคยแม้แต่ ได้ยินชื่อของคนผู้นี้มาก่อน แต่กลับรู ้ว่าคนผู้นี้มาจากหวงฮวาชวน ทางทิศใต้ แล้วก็ยิ่งเข้าใจเรื่องราวของที่นั่นราวกับเป็ นสมบัติในบ้าน ตัวเอง
เฉินจิ้วอึ้งตะลึง พูดเหมือนระมัดระวังตัวว่า “แค่เคยได้ยินอาจารย์ พูดถึงบ้างเท่านั้นในวัดหยวนหยวนเจี่ยงที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขาของภูเขา เสวียนถงเก็บ “หมื่นดอกเหมยนอกเบาะนั่งหนึ่งใบ” เอาไว้จริงๆ แต่ โดยทั่วไปแล้วไม่เอาออกมาให้คนนอกดูง่ายๆ แล้วก็เพราะอาจารย์ สนิทกับท่านเจ้าอาวาสจึงเคยได้ดูครั้งหนึ่ง ภายหลังอาจารย์เคยแพร่ง พรายต่อลูกศิษย์ผู้สืบทอดอย่างพวกเราว่าม้วนภาพยาวนี้เก็บรักษา ไว้ได้ไม่ดีพอ น่ าเสียดายยิ่งนัก บนภาพมีรอยด าอยู่เยอะมาก ตัวอักษรที่เป็ นโคลงกลอนก็เลือนรางมองเห็นได้ไม่ชัดแล้ว ส่วน บริเวณใกล้เคียงกับภูเขาผานชือ ในอดีตดอกเหมยผลิบานเหมือน… บทความบทใหญ่จริงๆ เพียงแต่ว่าเมื่อหลายปีก่อนเพราะการปลูกต้น เหมยไม่ได้กาไรดีเหมือนดอกกล้วยไม้ที่สามารถปลูกใส่กระถางเอา ไปขายได้ ดังนั้นคนในพื้นที่จึงฟันต้นเหมยทิ้งไปเยอะมาก คาว่าเหมย
บานเหมือนหิมะจึงไม่ค่อยสมชื่อเท่าไรแล้ว นักประพันธ ์นักกวี ทั้งหลายต่างก็ชอบไปชมดอกเหมยที่อื่นกันมากกว่า”
“ดอกไม้บานเหมือนบทความบทใหญ่ อืม ฟังแล้วเปลี่ยวเหงา กว่าขาวเหมือนหิมะอยู่จริงๆ เฉินจือเค่อ พูดจาได้ไม่ธรรมดาเลยนะ”
เซี่ยโหวจ้านพยักหน้า ยื่นตะเกียบออกไปคีบกุ้งเมา หันหน้ามา ถามว่า “ท่านลุงป๋ ายทุกวันนี้เตี่ยนเค่อฝ่ ายนอกของพรรคกิ่งไผ่ ทุก เดือนได้เงินเดือนกันเท่าไร?”
ลุงป๋ ายรีบบอกจ านวน หกเหรียญเงินเกล็ดหิมะ
ปลายปีมีเงินส่วนแบ่งให้เพิ่มเติม แต่ก็ต้องดูที่ราคาตลาดด้วย
ตะเกียบในมือของเซี่ยโหวจ้านหยุดชะงักไปเล็กน้อย พยักหน้า เอ่ยแค่สามค าว่า ไม่ถือว่าน้อย
จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ลุงป๋ ายกลับเข้าใจได้ ไม่ถือว่าน้อย นั่นก็แสดงว่าไม่มากน่ะสิ
ต้องเพิ่มเงินเดือนให้กับเฉินจิ้วแล้ว
เหล้ามื้อนี้เฉินจิ้วไม่ได้ “เลี้ยง” เปล่าเลยจริงๆ
ตรงตีนเขาของภูเขาไฉอวี้มีล าธารในป่ าไหลไปรวมกันในล า คลองใหญ่สายหนึ่ง ในลาคลองที่กว้างขวางมีเรือทางการของแคว้น ชิงหลิงสัญจรไปมาขวักไขว่
วัตถุล้าค่าหลายอย่างที่ช่างบนภูเขาของพรรคกิ่งไผ่ทาขึ้นอย่าง ตั้งใจก็ได้อาศัยลาคลองใหญ่สายนี้ ไหลเข้าสู่” ตระกูลของแม่ทัพอัคร เสนาบดีชั้นสูงของแคว้น
สองฝากฝั่งปลูกต้นซิ่งเต็มไปหมด บนต้นไม้มีดอกซึ่งผลิบาน ลม พัดผ่านเหมือนหิมะปลิวปราย
สายลมสายฝนดอกซิ่งและหิมะ เหนือใต้น้าตีกระทบฟ้ า
ท่ามกลางม่านราตรี ผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นดอกซิ่ง
ไม่รู ้ด้วยเหตุใด ยามดอกไม้ร่วงโรย มักขมวดคิ้วมุ่น
ป๋ ายหนีมาที่นี่เพียงลาพัง กล่าวว่า “เจ้าประมุข เซี่ยโหวจ้าน มองดูคล้ายผ่อนคลายไม่ยึดมั่นในกฎเกณฑ์ แต่แท้จริงแล้วกลับเป็ น คนระมัดระวังตัวอย่างมาก อยู่บนโต๊ะสุราก็ไม่อาจหลอกถามอะไรที่มี ประโยชน์จากเขาได้เลย”
กวอฮุ่ยเฟิงพยักหน้า “หากเป็ นคนที่ควบคุมปากตัวเองไม่ได้จะ ดูแลรายงานข่าวให้กับภูเขาตะวันเที่ยงได้อย่างไร”
ป๋ ายหนีกล่าวเสียงเบา “ระยะเวลาการเช่าสองร ้อยปีที่ทาสัญญา กับราชส านักแคว้นชิงหลิง อีกเดี๋ยวก็จะถึงกาหนดแล้ว เซี่ยโหวจ้านผู้ นี้มารับหน้าที่เร่งชาระหนี้กับพรรคอย่างพวกเราในช่วงเวลาเช่นนี้ เขาก็สามารถมาเดินเล่นในภูเขาไฉอวี้อย่างเปิดเผยตามระยะเวลาที่ กาหนดไว้ได้ นี่จะเป็ นความหมายของทางศาลบรรพจารย์ภูเขาตะวัน เที่ยงหรือยอดเขาสุ่ยหลงหรือไม่?”
กวอฮุ่ยเฟิ งถอนหายใจเบาๆ “ต่อให้ไม่มีการบอกอย่างเป็ นนัย จากเจ้าประมุขจู๋หรือเซียนกระบี่เยี่ยน เกรงว่าตัวเซี่ยโหวจ้านเองก็ ต้องมีความคิดอยากจะท าความดีชดใช ้ความผิดอยู่แล้ว”
คราวก่อนก็อยู่ในการดูแลของนาง พรรคกิ่งไผ่ได้ต่อสัญญาเช่า ภูเขาไฉอกี้เป็ นระยะเวลาสองร ้อยปีกับแคว้นชิงหลิง ครั้งนี้เกรงว่าคง ยากที่พรรคกิ่งไผ่จะรักษากิจการที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษอย่าง ภูเขาไฉอวี้ไว้ได้อีก
ป๋ ายหนีกล่าว “ในสัญญา ตัวอักษรด ากระดาษขาวเขียนไว้อย่าง ชัดเจนว่าพรรคกิ่งไผ่ของพวกเรามีสิทธิ์ต่อสัญญาก่อน อีกทั้งต่อให้ จวนเซียนแห่งอื่นอยากจะซื้อภูเขาไฉอวี้ พรรคกิ่งไผ่ก็สามารถแข่ง ประมูลราคากับพวกเขาได้ ใครที่ให้ราคาสูงคนนั้นก็ได้ไปครอง”
กวอฮุ่ยเฟิงยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “กลัวก็แต่ว่าต้นไม้อยากหยุดนิ่งแต่ลม ไม่หยุดพัดน่ะสิ”
ไยป๋ ายหนีจะไม่รู ้ถึงความวกวนอ้อมค้อมในเรื่องนี้ เขาก็แค่จงใจ พูดให้เป็ นเรื่องง่ายให้บรรพจารย์อาฟังเท่านั้น
ในเมื่อระยะเวลาที่กาหนดมาถึงแล้ว พรรคกิ่งไผ่ก็ไม่มีเหตุผลที่ เหมาะสมในการยึดครองภูเขาไฉอวี้เอาไว้อีก หากแคว้นชิงหลิง อยากจะขายให้คนอื่น ยกตัวอย่างเช่นภูเขาตะวันเที่ยงเสนอราคาที่สูง กว่า ก็ยากมากที่พรรคกิ่งไผ่จะเอาชนะภูเขาตะวันเที่ยงได้
ถึงขั้นที่ว่าขอแค่ภูเขาตะวันเที่ยงยินดีเสนอราคา พรรคกิ่งไผ่หรือ จะกล้าลงแข่งประมูลราคาด้วย?
มิน่าเล่าก่อนหน้านี้ไม่นานถึงได้มีผู้ถวายงานเชื้อพระวงศ์ของ ราชส านักแคว้นชิงหลิงคนหนึ่งที่อาพรางตัวตน ไม่กล้าให้ภูเขาตะวัน เที่ยงรู ้ร่องรอย ได้แต่มาหากวอฮุ่ยเฟิงเป็ นการส่วนตัว พูดอ้อมค้อม อยู่พักใหญ่ ความหมายคร่าวๆ ก็คือบอกเป็ นนัยแก่กวอฮุ่ยเฟิงว่าทาง ฝั่งฮ่องเต้ของพวกเรา อันที่จริงยินดีอย่างยิ่งที่จะต่อสัญญากับพรรค กิ่งไผ่ ราคาก็ปรึกษากันได้
เห็นได้ชัดว่ากังวลว่าพรรคกิ่งไผ่จะไม่แม้แต่เสนอราคาก็ถูกภูเขา ตะวันเที่ยงเก็บตกได้ไปในราคาที่ต่ามาก
ดังนั้นสาหรับแคว้นชิงหลิงและพรรคกิ่งไผ่แล้ว ในช่วงเวลาหลาย ร ้อยปี ต่อจากนี้ภูเขาไฉอวี้จะตกเป็ นของผู้ใด ก็คือสถานการณ์ ซับซ ้อนที่ลุ่มลึกอย่างมาก
พูดถึงแค่ฮ่องเต้แคว้นชิงหลิง ทั้งไม่กล้ามีเรื่องกับภูเขาตะวันเที่ยง แล้วก็ไม่ยินดีจะมอบภูเขาไฉอวี้ให้เปล่าๆ ทั้งอยากให้พรรคกิ่งไผ่ และกวอฮุ่ยเฟิงเสนอราคาให้สูงเข้าไว้ ทั้งไม่ยินดีจะท าให้ภูเขาตะวัน เที่ยงเดือดดาลเพราะเหตุนี้
และส าหรับกวอฮุ่ยเฟิงแล้ว หากตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปแย่งชิง ภูเขาไฉอวี้ ถ้าอย่างนั้นนางก็ไม่คิดจะเสนอราคาแล้ว ภูเขาตะวันเที่ยง
ย่อมยินดีที่จะได้เห็น ทว่าความสัมพันธ ์กับราชส านักแคว้นชิงหลิง กลับต้องย่าแย่ลงนับแต่นี้
หากไม่สนใจสีหน้าของทั้งฝั่งภูเขาตะวันเที่ยงและฝั่งของแคว้น ชิงหลิง นางก็จะให้ป๋ ายหนีเป็ นตัวแทนอาจารย์ของเขาที่รับหน้าที่เป็ น เทพเจ้าแห่งโชคลาภของพรรคเสนอราคาไปให้ถึงสามสิบเหรียญเงิน ฝนธัญพืช ไม่สนว่าภูเขาตะวันเที่ยงจะเสนอราคาอย่างไร สาเร็จก็ ส าเร็จ ไม่ส าเร็จก็คือไม่ส าเร็จ
แต่หากยกภูเขาไฉอวี้ที่เป็ นต้นกาเนิดทรัพย์สินเงินทองที่ใหญ่ ที่สุดไป พรรคกิ่งไผ่ก็จะขาดรายรับก้อนใหญ่
หรือจะต้องตกเป็ นภูเขาเบื้องล่างของภูเขาตะวันเที่ยงจริงๆ?
กวอฮุ่ยเฟิงไม่มีทางยินยอมให้เป็ นเช่นนี้แน่นอน
หากไม่เป็ นเพราะขีดจากัดด้านสถานที่ตั้งของพรรคบ้านตัวเอง กวอฮุ่ยเฟิงก็ไม่อยากจะมีความเกี่ยวข้องกับภูเขาตะวันเที่ยงแม้แต่ น้อย ข้อนี้นับตั้งแต่ก่อนที่นางจะรับหน้าที่เป็ นเจ้าประมุขก็คิดอย่างนี้ มาก่อนแล้ว นั่นเป็ นเพราะได้ยินกับหูได้เห็นกับตาถึงการกระทาที่ต่า ช ้ามิอาจเปิดเผยของภูเขาตะวันเที่ยงมามากเกินทนจริงๆ
ป๋ ายหนีทาท่าจะพูดแต่ก็หยุดไปอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ยังปลุก ความกล้าเอ่ยเสนอแนะได้ว่า “เจ้าประมุข หากอยากจะรักษากิจการ บรรพบุรุษไว้ให้ได้จริงๆ อีกทั้งไม่ถูกภูเขาตะวันเที่ยงอาฆาตแค้น
พวกเราจะสามารถ…กับภูเขาทางทิศเหนือ กับอิ่นกวานหนุ่มท่านนั้น ….”
พูดมาถึงสุดท้าย ผู้เฒ่าคงรู ้สึกว่าค าพูดของตัวเองเหลวไหลมาก เหมือนกันจึงไม่เอ่ยอะไรต่ออีก
กวอฮุ่ยเฟิงกลั้นขา กลั้นแล้วกลั้นอีกก็ยังกลั้นไม่ไหวหลุดเสียง หัวเราะออกมา เห็นได้ชัดว่านางถูกความคิดบรรเจิดของ “ท่าน ลุงป๋ าย” ผู้นี้หยอกให้อารมณ์ดีมากจริงๆ “ท่านลุงป๋ าย ท่านคิดว่าข้า เป็ นใคร ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบน? หรือเป็ นผู้ฝึกตนที่ถือกาเนิดในถ้า สวรรค์หลีจู? ท่านคิดว่าข้าไปที่นั่นแล้วจะได้พบหน้าคนผู้นั้นหรือ? ถอยไปพูดหมื่นก้าว ไม่ได้กินน้าแกงประตูปิด ได้เจอหน้าคนผู้นั้นก็จะ เจรจาเรื่องนี้ได้สาเร็จอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านลุงป๋ าย ท่านคิดว่าภูเขาลั่วพั่วเปิดมูลนิธิหรืออย่างไร?”
เพราะกวอฮุ่ยเฟิ งที่รูปโฉม “ค่อนข้างแก่ชรา” ไม่ว่าจะเป็ น ขอบเขตหรืออายุขัยการฝึกตนก็ล้วนสูงกว่าป๋ ายหนีก็ยังเรียกอีกฝ่ าย ว่า “ท่านลุงป๋ าย” อย่างหยอกเย้าเหมือนกัน
นี่แสดงให้เห็นว่าขนบธรรมเนียมของพรรคกิ่งไผ่ไม่มีการแบ่ง ระดับชั้นอย่างเข้มงวดถึงเพียงนั้น ทุกอย่างล้วนดูที่ขอบเขตของผู้ฝึก ตน
“ก็จริงนะ”
ป๋ ายหนีพยักหน้า นึกถึงคาพูดของจือเค่อบนโต๊ะสุราก่อนหน้านี้ ขึ้นมาได้ “แล้วนับประสาอะไรกับที่ดูจากบันทึกการเดินทางที่ แพร่หลายในอดีตเล่มนั้น ตอนที่เจ้าขุนเขาเฉินยังหนุ่มก็เป็ นบุรุษมาก รักหลายใจที่ชอบสัมผัสหมู่มวลบุปผาคนหนึ่งด้วย”
หากเป็ นเช่นนี้จริง ไม่ทันระวังจะไม่เท่ากับว่าเจ้าประมุขพาตัวไป ติดร่างแหหรอกหรือ? อย่าให้กลายเป็ นเอาซาลาเปาไส้เนื้อขว้างหัว หมาเลย…