กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1014.4 คอกท้อดอกหลีกลัวลมฝนพัดผ่าน ดอกจี้ใช่ ริมธารกลับเบ่ง บานอย่างทระนง
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1014.4 คอกท้อดอกหลีกลัวลมฝนพัดผ่าน ดอกจี้ใช่ ริมธารกลับเบ่ง บานอย่างทระนง
ปัญญาชนสวมเสื้อคลุมนกกระสาหัวเราะร่า “เจ้าตัวดี ที่แท้ก็เป็ น คนบนเส้นทางเดียวกัน แค่ได้ยินเรื่องนี้ก็สนใจขึ้นมาทันทีเลยนะ”
เด็กหนุ่มมีสีหน้ามืดทะมึน “พูดจาระวังปากหน่อย ไม่อย่างนั้น หมากินตะพาบ”
เห็นได้ชัดว่าปัญญาชนสวมเสื้อคลุมนกกระสาไม่เข้าใจว่า ประโยคด้านหลังค าพังเพยนี้คืออะไร
พ่อค้าหาบเร่ที่ขึ้นเหนือล่องใต้มาจนปรุกลั้นหัวเราะไม่ไหว “หมา กินตะพาบ หาหัวไม่เจอ”
ปัญญาชนสวมเสื้อคลุมนกกระสาลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังอดเอาไว้ ไม่ลงมือ ถูมือยิ้มกล่าว “เป็ นผู้ใหญ่ต้องใจกว้าง ในท้องของอัคร เสนาบดีเช่นข้าถ่อเรือได้ จะไม่ถือสาเด็กหนุ่มมุทะลุอย่างเจ้าก็แล้ว กัน”
ไม่รู ้ว่าเด็กหนุ่มเป็ นพวกหัวทึบที่ไม่เข้าใจเรื่องราวทางโลกหรือว่า เป็ นยอดฝีมือที่มีที่พึ่งจริงๆ ถึงได้พูดจาไม่น่าฟังอยู่เสมอ “อย่างเจ้า เนี่ยนะ เท้าเดียวของนายน้อยเตะไข่ในกางเกงเจ้าจนแตกได้เลย อ้อ เจ้าเป็ นโครงกระดูกนี่นะ ต้องไม่มีไข่อยู่แล้ว”
ชายฉกรรจ์ที่นั่งยองอยู่ข้างหม้อยื่นมือไปหยิบไส้พวงหนึ่งออกมา จากในหม้อเดือดโดยตรง เงยหน้าหย่อนไส้ใส่ปาก หันหน้ามา บน ปากเต็มไปด้วยคราบมัน กระตุกมุมปากให้กับปัญญาชนสวมเสื้อ คลุมนกกระสา พูดเสียงอู้อี้ว่า “เจ้าจวนป๋ าย หากเป็ นข้าคงทนไม่ไหว แล้ว จะต้องประมือกับเจ้าคนต่างถิ่นผู้นี้ให้เห็นรู ้ดารู ้แดงกันให้จงได้ หากว่าเป็ นสกุลจางเทียนเฉาหรือเป็ นสายลับที่พรรคจินแชวส่งให้มา สืบข่าวที่นี่ เจ้าจวนป๋ ายก็แค่โยนศพไปที่ภูเขาเหอฮวาน ก็ถือว่าได้ สร ้างคุณความชอบครั้งใหญ่ นี่ก็เป็ นสินสอดอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ”
สตรีกางร่มหันตัวกลับมา ไม่คิดว่านางถึงกับเป็ นคนไร ้หัว
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วน้อยๆ กุมมือเอ่ย “แม่นาง ขอโทษด้วย เป็ น คาพูดที่ไร ้เจตนา”
สตรีไร ้หัวยกมือขึ้นทาท่าปิดปากหัวเราะ ไหล่สายไหวเบาๆ น่าจะ เป็ นการแสดงให้รู ้ว่านางไม่ถือสา
บุรุษผู้นั้นเคี้ยวไส้คาใหญ่ ถามว่า “เจ้าหนู ชื่อแซ่อะไร” “เดินไม่เปลี่ยนชื่อนั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ชื่อเฉินเหริน” “ชื่อนี้ของจอมยุทธหนุ่มน้อยตั้งได้ค่อนข้าง อืม…”
พลีชีพเพื่อสัจธรรม “ข้ารู้สึกว่าดีมาก”
“ในเมื่อไม่ใช่ผู้ฝึกตนทาเนียบแล้วจะมาเยือนสถานที่ที่แม้แต่นก ก็ไม่มาชี้แห่งนี้ทาไม”
“มาท่องเที่ยวภูเขาสายน้า”
บุรุษอึ้งตะลึง
พ่อค้าหาบเร่นั่งอยู่ข้างหาบ สองมือกอดอก “ในเมื่อเป็ นผู้ฝึกตน อิสระ ก็เลยอยากจะมาหาที่พึ่งลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่?”
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสายิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับสะพายกระบี่หรือจะเป็ นนักต่อสู้?”
เด็กหนุ่มจ้องเจ้าจวนป่ายผู้นี้เขม็ง “เจ้าจวน? ศาลเถื่อนเล็กจาก แคว้นเล็กเท่าเม็ดยาแห่งใด ถึงกับกล้าเปิดจวนเป็ นของตัวเอง ไม่กลัว ถูกฟ้ าผ่าหรือ? เหอะ กันเล็กแต่ดันขี้กองโตระวังว่าพอก้นบานแล้ววัน หน้าแค่ตดกางเกงก็เปื้อน”
ไม่เพียงแต่ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาเท่านั้น แม้แต่คนอื่นๆ ที่ เหลือก็ยังอึ้งค้างไปกับคาพูดของเด็กหนุ่มคนนี้
ท่องอยู่ในยุทธภพ เป็ นแบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง?
คนขายของใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “ทุกท่านระวังกันหน่อย ก่อน หน้านี้ไม่นานข้าเพิ่งจะได้ยินข่าวเล็กๆ อย่างหนึ่งมา สกุลจางเทียน เฉามีเซียนกระบี่หญิงคนหนึ่งที่ปิ ดบังชื่อแซ่อย่างลึกล้า เมื่อไม่กี่ปี ก่อนเพิ่งจะปรากฏตัว นางยังมีผู้ติดตามคนหนึ่งที่คุณสมบัติน่าตะลึง
ไม่ทราบอายุขัยในการฝึกตนที่แน่ชัด ถึงอย่างไรก็มองดูแล้วอายุน้อย แต่กลับเป็ นเซียนกระบี่ห้าขอบเขตกลางคนหนึ่งแล้ว คราวก่อน ลูกหลานสกุลจางต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่อยู่ที่นี่หากไม่ผิดไปจากที่ คาด ถ้าจะมาที่นี่อีก ไม่ร่วมมือกับพรรคจินแชวซึ่งเป็ นพรรคของ ราชครูแคว้นชิงซิ่งก็ต้องเป็ นเซียนกระบี่สองคนนั้นที่จับมือกันมา เยือน เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่พูดจาเหมือนกินประทัดเข้าไปผู้นี้ ขอ อย่าให้เป็ นผู้ติดตามของสกุลจางคนนั้นเลย”
ผู้ฝึกตนบนโลกมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่กลัวผู้ฝึกกระบี่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกตนอิสระและพวกภูตผีที่ขอแค่เคยเจอกับ ผู้ฝึกกระบี่มาก่อนไม่ต้องสนว่าขอบเขตของอีกฝ่ ายสูงหรือต่า นั่นก็ เท่ากับวาพวกเขาดวงซวยอย่างมากแล้วขอแค่อีกฝ่ ายไม่ลงมือ สังหารอย่างเด็ดขาด หากหนีได้ก็ควรหนี หลบได้ก็ต้องหลบ
ในใจของปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาเคร่งเครียด บ่นว่า “สือหู แล้วท าไมเจ้าไม่พูดให้เร็วกว่านี้เล่า!”
พ่อค้าหาบเร่ยิ้มเอ่ย “ป๋ ายเหมา แล้วเจ้าไม่ถามให้เร็วกว่านี้ล่ะ”
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาถามว่า “สือหู ข่าวสารของเจ้า ว่องไว ครั้งนี้ข้าขึ้นเขามาก็เพราะอยากถามเจ้าเรื่องหนึ่ง ได้ยินมาว่า หนึ่งในสินเจ้าสาวของบุตรสาวที่กาลังจะออกเรือนของเทพภูเขา เหอฮวานมีตาราพิชัยสงครามเล่มหนึ่ง ข่าวนี้ไม่ผิดแน่หรือ?”
พ่อค้าหาบเร่ยื่นมือมา “กฎเดิม”
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาหยิบเงินเกล็ดหิมะสองเหรียญ ออกมาจากชายแขนเสื้อโยนให้คนขายของ
คนขายของโยนเงินเกล็ดหิมะใส่ปากโดยตรงแล้วเคี้ยวกร ้วมๆ ปราณวิญญาณสีขาวหิมะหลายกลุ่มแผ่ออกมาจากมุมปาก ถูกเขา ยื่นมือไปรวบไว้แล้วยัดใส่ปากอีกครั้ง คล้ายกับว่ายังเหลือเศษอยู่บ้าง พ่อค้าหาบเร่จึงเงยหน้าสูดดังซัดเข้าปากไปทั้งหมด ใบหน้า เคลิบเคลิ้ม ชายฉกรรจ์ที่เดิมทีเหมือนคนขี้โรค สีหน้าที่ซีดขาว เปลี่ยนมาเป็ นแดงก่าอย่าง รวดเร็วโดยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ป๋ ายเหมาเอ่ยเสียงหนัก “กินดื่มอิ่มหนาแล้ว ตอนนี้คงพูดได้แล้ว กระมัง?”
สือหูใช ้เสียงในใจพูดกลั้วหัวเราะ “สามารถแน่ใจได้ว่ามีต ารา พิชัยสงครามอยู่เล่มหนึ่งจริงๆ เพียงแต่ระดับขั้นสูงหรือต่ากลับบอก ได้ยากแล้ว บ้างก็เดาว่าเป็ นสมบัติอาคม ป๋ ายเหมา เจ้าว่าเจ้าที่เป็ น โครงกระดูกอยู่ในหลุมศพ ตอนมีชีวิตอยู่ก็ไม่ใช่แม่ทัพบู๊ที่นาทัพทา สงคราม ก็แค่แมลงน่ าสงสารที่บกพร่องในหน้าที่การเฝ้ าพิทักษ์ ดินแดนจึงถูกหัวหน้าตัดหัวต่อหน้าทุกคน ก็แค่นายอ าเภอตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น จะเอาตาราพิชัยสงครามเล่มนี้ไปท าอะไร? เอาไปเช็ด กันหรือ?”
ป๋ ายเหมารวบกระชับเสื้อคลุม เอ่ยเสียงเย็น “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสน หรอก นกมีเส้นทางของนก งูมีเส้นทางของงู เจ้ากับข้าไร ้ความแค้น ใดๆ ต่อกัน แค่เดินไปบนทางของใครของมันก็พอ”
สือหูพยักหน้า “ต่างคนต่างเดินไปบนทางของตัวเอง มีโอกาสก็ มาร่วมมือกัน”
บนยอดเขามีลมกระโชกพัดผ่านมา ชายแขนเสื้อของเด็กหนุ่ม สะบัดดังพึ่บพั่บ กระบี่ยาวที่สะพายไว้ ด้ามกระบี่ที่โผล่ออกมานอกฝัก ส่ายไหวเล็กน้อย ส่งเสียงแผ่วเบา
เด็กหนุ่มรีบขยับเท้าเบี่ยงตัวยืนรับลม
สตรีกางร่มยกแขนท าท่าจับประคองหน้าผาก
เจ้าที่เป็ นแค่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตสี่คนหนึ่งขึ้นมาทาอะไรบน ยอดเขาแห่งนี้
มาก็มาแล้ว ชมทัศนียภาพเสร็จก็จากไปซะสิ
พวกคนขี้ระแวงกลุ่มนี้ยุ่งอยู่กับการเข้าร่วมงานเลี้ยงของภูเขา เหอฮวาน เข้าใจผิดคิดว่าเจ้าคือคนที่รับมือได้ยาก เกินครึ่งคงไม่ ขัดขวางการลงจากภูเขาของเจ้า
แล้วนับประสาอะไรกับที่เมื่อครู่นี้ป่ายเหมาก็จงใจเปิดปากพูดท้า ทายเจ้า แล้วค่อยแสร ้งท าเป็ นหวาดเกรงเจ้า ไม่ยินดีลงมือ อันที่จริงก็ ได้ช่วยต้านหายนะให้เจ้าแล้ว
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่ยังไม่รู ้หนักเบายังคงพูดพึมพากับตัวเอง ว่า “ลูกหลานสกุลจางเทียนเฉาและยังมีเซียนซือพรรคจินแชว เวท
คาถาล้วนร ้ายกาจมากนักหรือ? สูงแค่ไหนพวกเจ้าใครเคยเจอกับตัว มาบ้าง? ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ”
คงเป็ นเพราะมอบเงินเกล็ดหิมะออกไปสองเหรียญ อารมณ์ของ เจ้าจวนป๋ ายจึงไม่เลวเท่าไร หลุดหัวเราะพรืด “ต้นตระกูลและสายตรง สองบ้านต่างก็เป็ นบุคคลบนฟ้ าที่อยู่สูงเกินกว่าจะปืนป่ายได้ถึง เจ้าที่ เป็ นผู้ฝึกกระบี่ตัวปลอมอย่ามาทาตัวขายหน้าที่นี่เลย รีบไสหัวไปซะ เดินช ้าไป ข้าผู้เป็ นเจ้าจวนจะจับเจ้าหลอมเป็ นคนแบกหามแทน…”
ขณะเดียวกันป๋ ายเหมาก็ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “เฉินเหริน เจ้าจง รีบไปจากที่นี่ซะ”
เห็นว่าเด็กหนุ่มมีสีหน้าคลางแคลง ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสา ก็รีบใช ้เสียงในใจเอ่ยอย่างรีบร ้อนว่า “เจ้าหนุ่ม พ่อค้าหาบเร่กับชาย ฉกรรจ์ที่อยู่ตรงหม้อเป็ นพวกเดียวกัน เนื้อที่อยู่ในหม้อ เจ้าคิดว่าเป็ น เครื่องในสัตว์จริงๆ หรือ? รีบไปเร็วเข้า! เจ้าโง่นี่ คิดจริงๆ หรือว่าใน อาณาเขตของผีที่ไร ้ชื่อไร ้แปแห่งนี้ คนจะดีกว่าผี? เงินเกล็ดหิมะสอง เหรียญนั่น….ช่างเถอะเจ้าหนีไม่รอดแล้ว ชาติหน้าค่อยมาใช ้คืนข้าก็ แล้วกัน ขอแค่พวกเขาร่วมมือกัน ข้าก็ไม่มีทางสู้ได้แน่นอน ไม่มี เหตุผลที่จะต้องเอาชีวิตมาทิ้งให้กับคนโง่อย่างเจ้า”
พ่อค้าหาบเร่ลุกขึ้นยืน “เฉินเหริน แม้ว่าก่อนคืนนี้พวกเราสอง คนจะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แต่ข้าที่เป็ นผู้อาวุโสในยุทธภพก็คง ต้องเอ่ยถ้อยคาที่ควักใจมาพูดกับเจ้าแล้ว”
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาถอนหายใจ สองจิตสองใจอยู่พัก ใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่คิดจะลงมือ
นี่คือคาพูดติดปากของสือหูแล้ว เขาบอกว่าควักใจก็คือควักใจ จริงๆ
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่เอื้อมมือไปด้านหลัง หักด้ามกระบี่ที่ใช ้กาว ดอกท้อติดเข้ากับฝักกระบี่ลงมา ใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ ยิ้มบางๆ เอ่ย ว่า “เจ้าชื่อสือหูหรือ? ระวังไว้หน่อย อย่ารนหาที่ตายให้ตัวเอง ข้าเป็ น เวทกระบี่ของตระกูลเซียนนะ!”
เมื่อเป็ นเช่นนี้เด็กหนุ่มก็สะพายแค่ฝักกระบี่ที่ว่างเปล่าแล้ว
ผีหญิงที่ไร ้หัวถอนหายใจเบาๆ ใกล้ตายแล้วจะยังพูดจาวางโตไม่ เกรงกลัวอีก ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ช่วยเด็กหนุ่มผู้นี้แล้ว ช่วยไว้ครั้งนี้ แต่ดูจากนิสัยไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้าตาของเด็กหนุ่ม อยู่ในสถานที่ ที่ผีกินคน คนเองก็กินผีเช่นนี้จะมีชีวิตรอดอยู่ได้นานเท่าไร เพียงแต่ นางอดจะสงสัยไม่ได้ว่า คนมุทะลุเช่นนี้สามารถเดินมาถึงใจกลางของ สถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร?
ไม่รู ้ว่าเหตุใด คนขายของถึงหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง กาลังจะ เปิดปากพูด นอกภูเขาก็เกิดภาพเหตุการณ์ผิดปกติ ประกายแสงแวว วาว มีล าแสงหลายเส้นฉีกกระชากม่านราตรีหนาหนักเข้ามา แสง พวกนั้นเจิดจ้าบาดตามากเป็ นพิเศษ
พริบตาเดียวก็พุ่งจากระยะสิบกว่าลี้ข้างนอกมายังยอดเขา เห็น ว่าเป็ นเด็กหนุ่มเด็กสาวคู่หนึ่งประหนึ่งหยกคู่ ฝ่ ายแรกสะพายกระบี่ ในมือถือแส้โบยม้า ขี่ม้าพันธ ์ดีสีขาวหิมะฝ่ายหลังขี่นกหลวน
สมกับคากล่าวว่าหนุ่มสาวหน้าตางดงามพกกระบี่วิเศษสวมเสื้อ คลุมอาคม ถือแล้โบยนกหลวนสีม่วงไล่ตามสายลมจริงๆ
ด้านหลังพวกเขายังมีชายฉกรรจ์ร่างกายาคนหนึ่งตามติดมา เปลือยล าตัวด้านบน สักลายสีแดงสดไว้เต็มตัว เหยียบย่างอยู่กลาง อากาศ ทะยานว่องไวราวสายฟ้ าแลบ ติดตามสองคนข้างหน้ามา
คนทั้งสามพลิ้วกายลงพื้น ม้าขาวและนกหลวนสีเขียวต่างก็ กลายเป็ นยันต์แผ่นหนึ่งถูกเด็กหนุ่มและเด็กสาวคีบไว้บนปลายนิ้ว ก่อนเก็บใส่ไว้ในสาบเสื้อตรงหน้าอก
แค่ “สมบัติ” ชิ้นนี้ก็ทาให้ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสารู ้สึกอิจฉา อย่างยิ่งแล้ว นอกจากจะอยากได้ เขายังไม่ลืมถอยกรูดไปด้านหลัง พยายามอยู่ห่างจากผู้ฝึกลมปราณพวกนี้ให้ได้มากที่สุด
สายตาของเด็กสาวเฉียบคม “ว่าอย่างไร?”
ชายฉกรรจ์มองปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสา “ผีที่มีกรรมแต่ไม่ เคยทาชั่ว ตายไปแล้วก็ยังมีทิฐิที่เข้มข้น ตั้งศาลเถื่อนขึ้นมา แต่กลับ มิอาจกลายเป็ นวิญญาณวีรบุรุษของสถานที่แห่งหนึ่งได้”
สายตาไล่มองไปยังเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ “คนเป็ น ดูเหมือนจะ เป็ นผู้ฝึกยุทธ”
จากนั้นมองสตรีกางร่ม “ผีไร ้หัว ตายด้วยน้ามือของเพชรฆาตที่ ปราณหยางโชติช่วงตอนกลางวันของวันศารทวิษุวัต”
สุดท้ายมองไปยังหม้อน้าเดือดและชายฉกรรจ์ “ผู้ฝึกลมปราณ ชอบกินเนื้อมนุษย์ทาความชั่วไว้มากมาย ผีชางที่ก่อกรรมทาเข็ญอยู่ ในป่าเขาก็ยังเทียบไม่ติด”
เด็กหนุ่มหัวเราะหยัน “ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าทิ้ง”
แสงกระบี่เปล่งวาบก็มีหัวคนกลิ้งหลุนๆ แล้วร่วงใส่หม้อพอดี ศีรษะนั้นผุดขึ้นผุดลงอยู่ในน้าที่เดือดพล่าน
ใบหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยแววรังเกียจชิงชัง แสงสีทองสว่าง จ้าพุ่งวาบออกมาจากชายแขนเสื้อ โจมตีให้ทั้งหม้อและศีรษะนั้น แหลกสลายไปพร ้อมกัน
จากนั้นก็มีเสียงกระดิ่งดังมาระลอกหนึ่ง แสงสีทองหมุนวน ย้อนกลับไปยังชายแขนเสื้อของเด็กสาว ทิ้งลาแสงสีทองเส้นหนึ่งที่ เนิ่นนานก็ยังไม่สลายหายไปไหนไว้กลางอากาศ
ชายฉกรรจ์หันไปมองพ่อค้าขี้โรค “สมคบคิดกับคนชั่ว เป็ นคน จ าพวกเดียวกัน แล้วยังเป็ นเผ่าปีศาจที่หลอมเรือนกายเป็ นมนุษย์ ด้วย”
เด็กสาวถามด้วยสีหน้าสดใส “ใช่พวกกากเดนของเปลี่ยวร ้าง หรือไม่?”
ชายฉกรรจ์ส่ายหน้า “เผ่าปีศาจในท้องถิ่น”
เด็กสาวมีสีหน้าเสียดาย แบบนี้ก็ไม่มีคุณความชอบให้เอาไป แลกเปลี่ยนแล้วน่ะสิ
เด็กหนุ่มยิ้มบางๆ “ฆ่าได้”
พ่อค้าใช ้เท้าเกี่ยวคานหาบขึ้นมาขว้างใส่เด็กหนุ่ม ครั้นจึง กระโดดออกไปจากหน้าผาแต่กระนั้นก็ยังถูกแสงกระบี่ที่วาดวงโค้ง แทงเข้าที่หัวใจด้านหลัง แสงกระบี่ผุดขึ้นมาอีกครั้งก็ตัดหัวเขาไปได้
ฝ่ ามือที่ใหญ่ราวกับพัดใบลานของชายฉกรรจ์โบกออกไปก็ชัด ให้หาบเร่ของพ่อค้าแหลกเป็ นผุยผง
เด็กหนุ่มหลุดหัวเราะพรืด “ฝีมือกระจอกก็ยังคิดจะปิดฟ้ าข้าม มหาสมุทรอีกหรือ”
เด็กสาวปลดกระดิ่งสีทองตรงเอวลงมาเขย่าเบาๆ ควันดากลุ่ม หนึ่งพลันกระจายออกไปนอกหน้าผา ก่อนกลายร่างเป็ นกระดาษสี ขาวหลายร ้อยแผ่น เด็กหนุ่มประกบสองนิ้ววาดเบาๆ หนึ่งที กระบี่บิน ก็เหมือนได้รับคาสั่ง แสงกระบี่สีขาวหิมะตัดสลับกันอยู่นอกหน้าผา ปั่นคว้านกระดาษขาวทั้งหลายให้กลายเป็ นเศษเล็กเศษน้อย ชาย ฉกรรจ์อ้าปากสูดหนึ่งทีก็รวบรวมแก่นเลือดของเผ่าปีศาจที่กระจัด กระจายให้เป็ นไข่มุกเม็ดหนึ่งแล้วสูบกลืนลงท้องไปพร ้อมกับโอสถ ปีศาจ
บนภูเขาเหลือเพียงเสียงลม
ผีสาวกางร่มก็ลุกขึ้นยืนแล้วเช่นกัน ลังเลอยู่เล็กน้อย สุดท้าย นางก็เลือกจะยืนอยู่ข้างกายเด็กหนุ่มสะพายกระบี่
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสากลืนน้าลาย ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ไล่ คนลงจากภูเขา ถ้าอย่างนั้นเขาจึงคิดจะเปิดปากขอร ้อง
เห็นได้ชัดว่านังหนูผู้นี้คือเซียนซือผู้สืบทอดของจวนเซียนจิน แชว จึงมีคุณสมบัติที่จะได้ครอบครองแม่ทัพเทพ “จูปิง” ผู้หนึ่งให้มา เป็ นผู้ติดตาม
ส่วนเด็กหนุ่มคนนั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เห็นได้ชัดว่าเป็ นเซียน กระบี่คนหนึ่ง!
นี่เป็ นครั้งที่สองในชีวิตนี้ที่เจ้าจวนป๋ ายได้เจอกับเซียนกระบี่
ยังคงเป็ นเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่ไม่รู ้ฟ้ าสูงแผ่นดินต่าที่เปิดปาก ทาลายความเงียบขึ้นมาก่อน เขาเอาสองมือไพล่หลัง มองไปทางเด็ก หนุ่มที่มองดูคล้ายเป็ นคนวัยเดียวกัน ผงกศีรษะ บนใบหน้าเผยสี หน้าที่ผู้อาวุโสชื่นชมผู้เยาว์ เอ่ยเสียงทุ้มหนักจริงจัง “คิดไม่ถึงว่าจะ ยังได้เจอกับคนบนเส้นทางเดียวกันในสถานที่บ้าๆ แบบนี้”
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดถูกเด็กหนุ่มที่ ชื่อว่าเฉินเหรินผู้นี้ทาให้อึ้งงันไปอย่างสิ้นเชิง เจ้านี่เอาแต่หน้าตาไม่ เอาชีวิตจริงๆ เลยนะ แน่จริงตอนที่พูดจาวางโต มือก็อย่าสั่นสิ
โชคดีที่เซียนกระบี่เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจเจ้าคนสมองมีรูผู้นี้
เด็กสาวถามเสียงเบา “พี่หญิงจางจะมาถึงเมื่อไหร่? จะไปเจอกับ พวกเราที่ภูเขาเหอฮวานไหม? พวกเราจะสามารถบุกฆ่าจากตีนเขา ไปถึงจวนสองแห่งที่อยู่กลางภูเขาได้หรือไม่?”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “เจ้าประมุขบ้านข้าอาจไม่มา ดังนั้นการฝึก ประสบการณ์ข้างนอกครั้งนี้ เป็ นตายต้องรับผิดชอบเอาเอง”
สีหน้าของเด็กสาวคล้ายจะผิดหวัง แต่แท้จริงแล้วในใจกลับลอบ ยินดี
ในและนอกภูเขาสูงลูกหนึ่ง เมฆดาเชื่อมโยงเส้นทางของนก ผนัง เขียวแว่วเสียงวานรครวญ
ผีสาวกางร่มมองเด็กหนุ่มเด็กสาวสองคนที่สถานะสูงส่งอยู่บนฟ้ า เพียงแต่ว่าความชอบบนโลกคล้ายจะเป็ นเหมือนกันหมด ล้วนอยู่ต่า เตี้ยติดพื้น
นางชอบเขา เขาชอบนาง เพียงแต่ไม่รู ้ว่านางจะชอบเขาคนไหน
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาร ้องโอดครวญไม่หยุด ที่แท้เมื่อ คลื่นลูกหนึ่งสงบลงคลื่นอีกลูกก็ผุดขึ้นมา
บนยอดเขาเพิ่งจะมีมังกรข้ามแม่น้าที่ไปมีเรื่องด้วยไม่ได้สามตัว โผล่มา เหตุใดงูเจ้าถิ่นที่ภูเขาเหอฮวานก็มาด้วยเล่า หรือว่าจะต้องมา พบเจอกันบนทางแคบ เปิดฉากเข่นฆ่ากันครั้งหนึ่ง?
เด็กหนุ่ มสะพายกระบี่ยังคงพูดจาหน้าไม่อายไม่เลิก “เจ้า จวนป๋ าย วางใจร ้อยดวงได้เลย มีข้าอยู่ ฟ้ าไม่ถล่มลงมาหรอก”
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสายิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ ขอบคุณเจ้านะ”
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่พยักหน้า “ข้ายถูกชะตากับคนแซ่ป๋ ายมา โดยตลอด ในเมื่อเป็ นพี่น้องคนกันเองก็ไม่จาเป็ นต้องเกรงใจกัน หรอก”