กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1015.5 เยาว์วัยมองฟ้ าจากก้นบ่อน้า
ซากปรักสนามรบโบราณมีวิญญาณวีรบุรุษที่สวมเสื้อเกราะบาง ประเภทพักอาศัยอยู่เป็ นประจา เนื่องจากมีความยึดติดบางอย่าง พวกมันจึงร่อนเร่อยู่ระหว่างฟ้ าดิน หากในมือได้ถือครองอาวุธก็จะมี ภาพเหตุการณ์ประหลาดที่ “ปลายหอกมีแสงสีทองไหลริน ปลายทวน มีประกายเพลิงจากฟ้ า” หรือก็คือคากล่าวที่ว่า “ไฟลุกไหม้อยู่ที่ปลาย ง้าว มองไกลไปดั่งแสงเทียนลอยค้าง” ที่ระบุไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร ์บางเล่ม
เพียงแต่ว่าทัศนียภาพเช่นนี้ไม่ใช่ว่าภูตผีจิตหยินทุกตนจะมีได้ เกิดขึ้นได้น้อยมาก หาได้ยากยิ่ง
แล้วก็เพราะหาได้ยากถึงได้ทาให้ทั้งคนและผีหวาดกลัว
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ถามว่า “นี่คือ?”
ป๋ ายเหมาที่เงียบกริบเป็ นจักจั่นในหน้าหนาวอยู่นานแล้วรีบส่าย หน้า ยื่นนิ้วมาดันไว้ที่ริมฝีปาก บอกเป็ นนัยว่าห้ามพูด อย่าได้ปาก พล่อยส่งเสียงในเวลานี้เด็ดขาด
เห็นว่าเด็กหนุ่มยังจะเปิดปากพูดต่อ ป๋ ายเหมาก็รีบยื่นมือไปกา แขนของเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น ไม่ว่าค าพูดประหลาดอะไรก็พูดออกมา ได้หมด แต่ตอนที่กองทัพติดอาวุธเบากลุ่มนี้ขยับเข้ามาใกล้จะต้อง ระวังแล้วระวังอีก!
รอกระทั่งม้าสิบกว่าตัวหายลับไปท่ามกลางม่านราตรีที่อยู่เบื้อง หน้าอย่างว่องไว แสงไฟเปล่งวาบลากทิ้งไว้เป็ นเส้นยาวเส้นหนึ่ง ก่อน จะค่อยๆ ผลุบหายเข้าไปในเมืองเล็กตีนเขาป๋ ายเหมาถึงได้กล้าหอบ หายใจ ปาดหน้าผากที่ไม่มีเหงื่อตามจิตใต้สานึก
เด็กหนุ่มถามว่า “คือทหารม้ามากฝีมือใต้อาณัติของจวนซานจ วินภูเขาเหอฮวานหรือ?”
ป๋ ายเหมาส่ายหน้า เอ่ยด้วยสีหน้าประหลาด “อย่าได้คิดเลย ภูเขาเหอฮวานหรือจะมีความสามารถในการปกครองกองทัพ”
เห็นได้ชัดว่าป๋ ายเหมารู ้ตัวตนที่แท้จริงของกองทัพม้า ลาดตระเวนกลุ่มนี้ แต่เขาจะไม่ยอมเปิดปากพูดอย่างเด็ดขาด
ตอนมีชีวิตอยู่และหลังจากตายไป ฤดูใบไม้ผลิฤดูร ้อนและฤดู ใบไม้ร่วงฤดูหนาวของในหนึ่งปี ล้วนมีชีวิตอยู่บนหลังม้า
ป๋ ายเหมาเบี่ยงหัวข้อสนทนา แสร ้งทาเป็ นพูดอย่างผ่อนคลายว่า “อีกเดี๋ยวก็จะเข้าไปในเมืองเล็กแล้ว เจ้าจ าไว้ว่าให้ติดตามอยู่ข้าง กายข้า อย่าเดินไปไหนมั่วซั่ว หากเดินแยกไปจะถูกผีบังตา มองดู เหมือนห่างไปไม่กี่ก้าว แต่อันที่จริงกลับอยู่ไกลสิบกว่าลี้ มลพิษและ กลิ่นอายสกปรกปะทุไปทั่ว หมอกขาวแผ่อบอวล อ้อมไปอ้อมมา อันตรายแล้วอันตรายอีก”
เข้ามาในเมืองเล็กที่เต็มไปด้วยโคมไฟหลากสีสัน สุดปลายของ ถนนหลักเชื่อมต่ออยู่กับเส้นทางเทพที่มุ่งหน้าไปยังภูเขาเหอฮวาน
ข้างทางมีหอเรือนอยู่หลังหนึ่ง ข้างหอเรือนมีต้นไม้โบราณที่กิ่งใบเป็ น พุ่มหนา ด้านบนแขวนกระดาษสีแดงไว้เต็มไปหมด
ดินแดนแห่งภูตผี กลิ่นอายวังเวงน่าสะพรึงกลัว แม้กระทั่งแสง จันทร ์ก็ราวกับว่าเยียบเย็นไปด้วย
สองข้างถนนแขวนโคมสีแดงสดไว้เป็ นแถวเรียงราย มีร ้านไม่ น้อยที่เปิดประตูอ้า เห็นเงาคนผลุบโผล่ แต่กลับแทบไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมา
ผีสาวถือร่มผู้นั้นคล้ายจะคุ้นเคยกับเมืองเล็กอย่างมาก นางหัน ตัวกลับมาโบกมืออ าลาป๋ ายเหมากับเด็กหนุ่ม จากนั้นก็เดินเข้าไปใน ตรอกเล็กแล้วหายตัวไป
ป๋ ายเหมาใช ้เสียงในใจบอกเล่าประวัติความเป็ นมาคร่าวๆ ของ ร ้านสองข้างทางให้เด็กหนุ่มฟังว่าไม่ควรไปมีเรื่องด้วยและเหตุใดถึง ไม่อาจไปมีเรื่องด้วยได้ เพียงแต่ว่าเดินไปถึงจุดหนึ่ง ชั้นสองมีสตรี หน้าตางามเย้ายวนสวมเสื้อผ้าบางเบาก าลังกวักมือเรียก เจ้าจวนป๋ า ยจึงชะลอฝี เท้า สอบถามเด็กหนุ่มข้างกายว่าจะดื่มเหล้าเคล้านารี หรือไม่ แล้วยังพูดด้วยว่าที่นี่ไม่มีอะไรน่ากลัว ค้าขายยุติธรรม พวก นางไม่กินคน กินแค่เงินเท่านั้น แค่จ่ายเงินเกล็ดหิมะสองเหรียญก็ สามารถดื่มเหล้ากาหนึ่งได้แล้ว ส่วนเหล้ากาหนึ่งจะดื่มนานเท่าไรก็ ต้องดูที่ความสามารถของตัวเองแล้ว แต่แล้วเจ้าจวนป๋ ายก็หัวเราะหึหึ ก็ถือว่ากินคนเหมือนกันนะไม่อย่างนั้นจะเรียกได้ว่าเป็ นสุสานแห่ง วีรบุรุษได้อย่างไร
เด็กหนุ่มเพียงแค่ยกสองแขนกอดอก สายตามองตรงไม่ล่อกแล่ก หัวเราะพรืดเอ่ยว่าโอ้โห แค่พูดถึงเรื่องนี้เจ้าจวนป๋ ายก็คึกคักเลยหรือ ไร?
ป๋ ายเหมาจึงได้แต่ล้มเลิกความคิด
ในหอเรือนที่ตั้งอยู่สุดปลายทางของถนน ในหอสามารถดื่มเหล้า ได้ แสงไฟสว่างไสวเจิดจ้าราวกับเวลากลางวัน ผู้คนนั่งกันเต็มห้อง โถงเตรียมพร ้อมส าหรับการเข้าร่วมงานพิธีรับสมัครลูกเขย
ป๋ ายเหมาจ่ายเงินเกล็ดหิมะหนึ่งเหรียญ ขอที่นั่งในมุมของห้อง โถงใหญ่จากทางเหลาสุรา กาชับเฉินเหรินว่าแค่นั่งอยู่เฉยๆ ก็พอ อย่าได้ก่อเรื่องเด็ดขาด หากใครมาหาเรื่องถึงที่จริงๆ ก็ให้บอกชื่อ ของเขาไป ส่วนตัวป๋ ายเหมาเองวิ่งตุปัดตุเป๋ ไปมอบของขวัญแล้ว
ด้านล่างป้ ายของหอเรือนตรงตีนเขาแห่งนี้วางโต๊ะที่ปูไว้ด้วยผ้า ต่วนสีแดงสด มีผู้เฒ่าสวมชุดแพรลักษณะคล้ายคนดูแลคนหนึ่งกาลัง ป่ าวประกาศรายชื่อเสียงดัง และยังมีนักบัญชีที่รับหน้าที่จดรายการ ของขวัญอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง
“ซิ่งแดงราดรดด้วยเปลวเพลิงสายฟ้ าครึ่งจิน โอสถมรกตที่หลอม ด้วยสายน้าหนึ่งเส้นฮูหยินผีผาแห่งถ้าเสียงสวรรค์มอบซิ่งสายฟ้ า ตระกูลเซียนให้หนึ่งลูกและโอสถวารีหนึ่งเม็ด!
“ชุดขนนกที่มีแสงเมฆเรืองรอง สวมเสื้อกันฝนตกปลาในบ่อ มังกร เฮยหลงเซียนจวินมาถึงแล้ว! ซองแดงหนึ่งซอง เงินเกล็ดหิมะ สิบแปดเหรียญ”
ผู้เฒ่าที่มีฉายาว่า “เฮยหลงเซียนจวิน” ถลึงตากล่าว “หืม?!”
ผู้ดูแลรีบยิ้มประจบทันใด “บอกผิดไปแล้ว คือแปดสิบเหรียญ!”
นักบัญชีหนุ่มที่เขียนสิบแปดเหรียญไปแล้วเงยหน้าขึ้น ใบหน้า เต็มไปด้วยสีหน้าลาบากใจ ถูกผู้ดูแลเฒ่าตบหัว “ขีดทิ้งเสียสิแล้ว ค่อยเขียนใหม่ แค่นี้ก็ทาไม่เป็ นหรือ?”
รอกระทั่งนายท่านเซียนจวินขอบเขตชมมหาสมุทรผู้นั้นเดินขึ้น เขาจากไปไกล ผู้ดูแลยังด่านักบัญชีไม่เลิก “ไม่มีสมองเลยหรือไง”
“ราชาปีศาจผู้อาศัยอยู่บนถนนหยวนเหนา หมัดเท้าดุดันไร้ผู้ใด ทัดเทียม ถังคุนปรมาจารย์ใหญ่ถัง คืนนี้มาร่วมแสดงความยินดี ทองคาหนึ่งหีบ อัญมณีสองกล่อง!”
“เปลี่ยนจากโครงกระดูกมาเป็ นเจ้าจวน ตอนมีชีวิตอยู่เคยเป็ น ขุนนางใหญ่ จวนชิงป๋ ายแห่งสันเขาเซียจื่อ ป๋ ายเหมาเจ้าจวนป๋ าย เงินเกล็ดหิมะห้าสิบเหรียญ หมึกโบราณ…อีกหลายก้อน”
ป๋ ายเหมารีบก้มหน้าค้อมเอว ถูมือพูดกลั้วหัวเราะเสียงเบาว่า “ผู้ ดูแลอวี๋ หมึกโบราณชุดนี้ทาขึ้นจากในวัง พอจะมีค่าอยู่บ้าง”
ผู้ดูแลพยักหน้ารับ เอ่ยเตือนนักบัญชีหนุ่มผู้นั้นว่า “เพิ่มคาว่า “ทาขึ้นจากในวัง” ให้กับเจ้าจวนป๋ ายด้วย”
เรือยันต์ส่วนตัวลักษณะคล้ายเรือตั๊กแตนลาหนึ่งแหวกอากาศ มาถึง พริบตาเดียวก็จอดสนิทกับพื้น มีชายฉกรรจ์ร่างกายาผู้หนึ่งที่ ข้างกายน าพาสาวใช ้มาด้วยสองคนเดินมาสตรีผู้หนึ่งทามุทราเก็บ เรือยันต์ลานั้นกลับคืน ชายฉกรรจ์ยื่นฝ่ ามือที่ใหญ่เท่าใบลานมารับ เรือยันต์ จากนั้นผลักป๋ ายเหมาที่ขวางทางออก ไม่เสียแรงที่เป็ นผู้ฝึก ยุทธขอบเขตหก ผลักเสียจนป๋ ายเหมากระเด็นออกไปสองจั้ง เขาไม่ เสียเวลาพูดคุยกับผู้ดูแลอวี่ของภูเขาเหอฮวาน เพียงแค่พาสาวใช ้ สองคนตรงดิ่งขึ้นเขาไป หากจะให้เขาควักเงินมาให้ผู้อื่นก็เท่ากับรอ ให้ไก่ตัวผู้ออกไข่โดยแท้
ผู้ดูแลเฒ่าท าท่าจะพูดแต่ไม่พูด คิดดูแล้วก็ยอมปล่อยอีกฝ่ ายไป ฉายาของเจ้าหมอนี่คือชีวิตนี้ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมแพ้ เลื่อมใสแค่ซานจ วินเว่ยแห่งขุนเขาเหนือที่ชายแขนเสื้อสองข้างมีลมเย็นเท่านั้น!
เห็นชายฉกรรจ ์โอบกอดสตรีสองคนเดินจากไปไกล ผู้ดูแลถึงได้ หันไปร ้องเพ้ยอีกด้านหนึ่ง เจ้าเป็ นตัวอะไรกัน ซานจวินของหนึ่งทวีป คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงใด จะคู่ควรให้คนอย่างเจ้าเลื่อมใส หรือ?
ป๋ ายเหมากลับมาที่เหลาสุรา พบว่าไม่เห็นเงาร่างของเด็กหนุ่ม สะพายกระบี่แล้ว เขาก็ได้แต่ยิ้มฝื ดเผื่อน ดื่มเหล้าไปแล้วก็เรียก ลูกจ้างมาคิดเงิน แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่ามีคนจ่ายเงินให้แล้ว
บนเส้นทางเทพในภูเขา คู่รักซานจวินสองท่านอย่างจ้าวและอวี๋ พร ้อมใจกันปรากฏตัวคล้ายกับว่าต้องการมารอรับแขกผู้สูงศักดิ์ที่ หน้าประตูภูเขาด้วยตัวเอง
ทางฝั่งของยอดเขาโพโม่ บุรุษหนุ่มสองคนทะยานลมพลิ้วกายลง มายังที่แห่งนี้ คนหนึ่งสวมชุดผ้าป่าน สวมรองเท้าสาหรับเดินขึ้นเขา อีกคนสวมชุดหม่างฝู (หม่างคืองูใหญ่หรืองูหลาม หม่างฝูคือชุดพิธี การลายมังกรสี่เล็บ) สีหมึก แต่กลับไม่ได้เป็ นขุนนางชนชั้นสูงแต่ เพราะชุดคลุมอาคมของทางตระกูลทาขึ้นในรูปแบบนี้ เพราะเขาแซ่ฝู มาจากนครมังกรเฒ่า อีกทั้งเขายังเป็ นผู้ฝึกลมปราณที่สามารถเข้า ร่วมการประชุมในศาลบรรพจารย์ได้อีกด้วย คนหนุ่มที่สวมชุดผ้า ป่านยิ้มเอ่ยประโยคหนึ่งว่า ฝูชี่ เดือดร ้อนให้เจ้าต้องมาเสียเที่ยวแล้ว ต้องมาลุยน้าขุ่นบ่อนี้ไปด้วย ฝ่ ายหลังส่ายหน้า ใบหน้าจนใจ เขาหรี่ ตามองไปยังทิศไกล เอ่ยว่ามาก็มาแล้ว
แสงกระบี่พร่างพราวเส้นหนึ่งที่มาพร ้อมกับประกายแสงห้าสีพุ่ง มาถึงในชั่วพริบตาหนึ่งคือเด็กหนุ่มสวมกวานเต๋าใบหน้าเคร่งขรึม เขาสะบัดชายแขนเสื้อ รวบรวมเมฆหมอกที่สีสันเจิดจ้ากลุ่มหนึ่งให้ เป็ นลายเส้นอักขระยันต์บนชุดคลุมอาคม ส่วนหญิงสาวที่ขี่กระบี่มา ด้วยกัน เมื่อนางยืนนิ่ง กระบี่ยาวก็พุ่งสอดกลับเข้าไปในฝักที่อยู่ ด้านหลัง
คนหนุ่มสวมชุดป่ านคลี่ยิ้มกว้าง เป็ นฝ่ ายคารวะก่อน “อวี๋เจิ้น แห่งภูเขาเหอฮวานคารวะเฉิงเจินเหริน แม่นางไช่ฉิน”
ฝชี่กุมหมัดยิ้มเอ่ย “ฝูชี่แห่งนครมังกรเฒ่า คารวะราชครูเฉิง เซียนกระบี่จาง”
จางไช่ฉินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
เฉิงเฉียนยิ้มกล่าว “ฟูหนันหัวเป็ นอะไรกับเจ้า?”
ฝูชี่ตอบกลั้วหัวเราะ “หากนับกันตามลาดับอาวุโสของทาเนียบ วงศ์ตระกูล ข้าสามารถเรียกเขาว่าท่านอาน้อยได้ เจอกันข้างนอก กลับได้แต่เรียกว่าเจ้านคร หาไม่แล้วท่านอาน้อยต้องไม่มีทางสนใจ ข้าแน่นอน”
ตรงหน้าประตูภูเขา ฝู่ จวินคู่รักทั้งสองคนกุมมือคารวะแขกผู้สูง ศักดิ์สองคน จ้าวฝู่ จวินกอดคอพูดคุยกับผู้ฝึ กตนคนนั้นอย่างเบิก บานใจ เสียงหัวเราะดังไม่ขาดปาก “น้องฉินแจว๋! ในที่สุดเจ้าก็มาหา ข้าสักที!”
อวี๋ฝู่จวินใช้เสียงในใจเอ่ยถาม “สหายฉิน เถียนเซียนซือไม่ได้มา ด้วยกันหรือ?”
ส่วนอาจารย์ท่านนั้นของฉินแจว๋กับเถียนหูจวิน พวกเขาไม่มี ทางเชิญมาได้อยู่แล้ว
ในความเป็ นจริงแล้วแม้แต่เถียนเซียนซือก็ยังเชิญตัวมาได้ยาก มาก แล้วก็จริงดังคาดฉินแจว๋ส่ายหน้า “ช่วงนี้ศิษย์พี่หญิงเถียนต้อง ปิดด่าน”
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่คนหนึ่งนั่งอยู่บนบ่อน้าแห่งหนึ่งของเมือง เล็ก สองมือสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ
เขามองเห็นปัญญาชนสวมชุดคลุมนกกระสาที่รีบร ้อนเดินมาหา ก็ยิ้มถาม “เจ้าจวนป๋ ายไม่อยู่ดื่มเหล้าที่นั่น มาเดินเตร็ดเตร่ส่งเดช อะไรที่นี่?”
ป๋ ายเหมาโล่งอก ยื่นนิ้วชี้หน้าเจ้าคนที่เดินเตร็ดเตร่ส่งเดชอย่าง แท้จริง เอ่ยอย่างข าๆ ปนฉุนว่า “บอกแล้วว่าอย่าเดินไปไหนส่งเดช เจ้ามาทาอะไรที่นี่?”
เด็กหนุ่มกระโดดลงจากปากบ่อ รองเท้าสานคู่นั้นสัมผัสพื้นเบาๆ ยิ้มเอ่ยว่า “นั่งบ่อมองฟ้ า ดูให้ดีว่าโลกในสายตาตัวเองตอนสามสิบปี แรกเป็ นเช่นไร”
ป๋ ายเหมาฟังด้วยความงวยงง รู้สึกเพียงว่าจอมยุทธพเนจรหนุ่ม แซ่เฉินผู้นี้ทาตัวลึกลับแต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เพียงแต่ยังอดไม่ไหวบ่น ว่า “คิดว่าที่นี่เป็ นเมืองเล็กทั่วไปจริงๆ หรือไร? ไปๆๆ รีบไปเร็วเข้า อีก เดี๋ยวข้าต้องขึ้นเขาแล้ว จะส่งเจ้าออกจากเมืองเล็กก่อน สถานที่ อันตรายที่มีมังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบเช่นนี้ไม่เหมาะให้อยู่นาน”
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ยิ้มเอ่ย “มังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบอะไร เทียบ กับเมืองเล็กบ้านเกิดข้าแล้วไม่อาจนับเป็ นอะไรได้เลย ห่างชั้นกันไกล นัก”
ป๋ ายเหมากระชากแขนเด็กหนุ่มมาอย่างโมโห ลากตัวเขาเดิน ออกไปนอกตรอกอย่างไม่ปล่อยให้เขาปฏิเสธ ยิ้มเอ่ยว่า “เมืองเล็ก บ้านเกิดของเจ้าคงไม่ใช่อาเภอไหวหวงของถ้าสวรรค์หลีจูหรอกนะ?”
ต่อให้เจ้าจวนป๋ ายจะมีความรู ้แค่หางอึ้ง แต่ก็ยังรู ้จักสถานที่ใหญ่ เท่าฝ่ ามือแห่งนั้นว่ามีผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกตนที่แค่ถ่มน้าลายก็ ทาให้ตนจมน้าตายได้ ประเด็นสาคัญคือแต่ละคนยังอายุน้อยๆ กัน ทั้งนั้น
เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวอย่างตกตะลึง “พี่ใหญ่ป๋ าย เรื่องนี้ก็เดาได้ ด้วยหรือ ลึกลับอ าพรางจริงๆ เลยนะ เป็ นยอดฝี มือที่เข้าใจการ ท านายด้วยหรือไร?!”
“ด้วยอะไรกัน เจ้าน่ะเคยทานายได้ว่าแม่นางหลิ่วไม่ได้แซ่หลิ่ว หรือไม่เล่า?”
“ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็ต้องมีพลาดกันบ้าง ต้องเป็ นแบบนี้ถึงจะ ถูก”
“เอาล่ะๆ อย่ามัวพูดเหลวไหลอยู่เลย ส่งเจ้าออกไปจากเมืองเล็ก ข้าผู้เป็ นขุนนางก็จะขึ้นเขาไปแล้ว เราก็แยกย้ายกันไป ถึงอย่างไรห ยินและหยางก็อยู่กันคนละเส้นทาง มืดและสว่างมีความต่าง วันหน้า หากไม่ต้องเจอกันได้ก็อย่าเจอกันอีกเลย”
“พี่ใหญ่ป๋ าย เจ้าลองคิดดูนะ ข้าแซ่เฉิน คนแซ่เฉินแห่งถ้าสวรรค์ หลีจูผู้นั้นก็แซ่เฉิน เหมือนกัน หืม? ไม่ต้องเดาแล้วไหมล่ะ”
ป๋ ายเหมาชอบใจยิ่งนัก แต่มือก็ยังคงจับแขนอีกฝ่ ายไว้แน่นไม่ ยอมปล่อย แล้วยังตบหัวเด็กหนุ่ม ด่าอย่างข าๆ ว่า “เจ้าตัวดี ถึงกับตี สนิทกับคนเขาเลยหรือ หากเป็ นอย่างที่เจ้าพูด ข้าแซ่ป๋ ายจะมีความ เกี่ยวข้องอะไรกับผู้ที่เป็ นความภาคภูมิใจมากที่สุดในโลกมนุษย์ใน ตานานผู้นั้นล่ะ?”
“เจ้าจวนป๋ าย วิญญูชนขยับปากไม่ขยับมือนะ”
“ให้เด็กน้อยอย่างเจ้ารู้จักจ าเสียบ้าง”
ป๋ ายเหมาฟาดฝ่ ามือออกไปอีกครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้เด็กหนุ่มยื่น มือมาบังไว้ได้ ป๋ ายเหมาปล่อยแขนของอีกฝ่ าย หยิบยันต์สีเหลือง แผ่นหนึ่งที่เก็บไว้นานหลายปีออกมา เอ่ยเสียงเบาว่า “ออกจากเมือง เล็กไปแล้วก็รีบไปซะ เมื่อครู่มีคนบอกว่าเห็นความเคลื่อนไหวทางฝั่ง ของยอดเขาโพโม่ แล้วยังเป็ นความเคลื่อนไหวที่ไม่เล็กด้วย ในนั้นมี แสงกระบี่เปล่งวูบขึ้นมา มีความเป็ นไปได้อย่างมากว่าเซียนกระบี่ หญิงแช่จางแห่งเขตเทียนเฉามาถึงแล้วเจ้าระวังไว้หน่อย โลก ภายนอกต่างก็พูดกันว่านางเจ้าอารมณ์ ออกกระบี่อย่างดุดัน หาก เป็ นนางจริงๆ ทางฝั่งของภูเขาเหอฮวานต้องไม่มีนางนิ่งดูดายแน่ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดเจ้าควรอ้อมเส้นทางไปชะ ยันต์ทาลายสิ่งกีดขวาง แผ่นนี้ถือเป็ นของขวัญจากลาก็แล้วกัน ข้ายังคงยืนยันค าเดิม เป็ น สหายกับ…ผีตนหนึ่ง อย่าได้พบเจอกันอีกเลย”
ไปถึงเขตริมขอบของเมืองเล็ก เด็กหนุ่มสะพายกระบี่เดินถอย หลัง ยิ้มเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ป๋ าย บอกตามตรง ข้าเป็ นสหายกับเซียนกระบี่
หญิงผู้นั้น และฉินแจว๋ที่เพิ่งขึ้นเขามาคนนั้นหากเจอข้าก็คงต้องหา หมอให้ช่วยดูหัวเข่าให้แล้วจริงๆ เชื่อหรือไม่ก็ตามใจเจ้า ไปล่ะๆ ยังมี เรื่องอีกเล็กน้อยที่ข้าต้องไปจัดการ สรุปก็คือเจ้าไปถึงบนภูเขาแล้ว หากว่ามีเรื่องอะไรก็ตะโกนเรียกข้าดังๆ จะกับจางไช่ฉินก็ดีหรือจะฉิน แจว๋แห่งทะเลสาบซูเจี่ยนก็ช่าง แค่บอกกับพวกเขาว่าเจ้ารู ้จักคนแซ่ เฉินที่สวมรองเท้าสาน สะพายกระบี่ ชอบขอเหล้าคนอื่นดื่ม พบเจอ กันอย่างผิวเผิน แต่กลับเหมือนคนที่รู ้จักกันมานาน นัดหมายกันไว้ แล้วว่าช่วงกลางปีของปี นี้จะไปดื่มเหล้ามื้อหนึ่งที่เมืองหลวงแคว้นชิง ซิ่ง”
ปัญญาชนสวมชุดคลุมนกกระสาคลี่ยิ้มพลางพยักหน้ารับ
ชีวิตคนมีเรื่องให้น่าปลาบปลื้มปิติยินดีมากมาย หวนกลับบ้าน เกิด ดื่มสุราเลิศรส เห็นร ้อยบุปผาบานสะพรั่ง นั่งเล่นหมากล้อมใต้ต้น สน ดวงจันทร ์กลมโตในวันไหว้พระจันทร ์ ฟังเสียงสายลมที่เหมือน เสียงคลื่น ปิดประตูอ่านตาราในค่าคืนที่หิมะตก….
คืนนี้ต้องรวมเรื่องการฟังคาคุยโวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่บอกว่า ตัวเองคือเฉินผิงอัน จากถ้าสวรรค์หลีจูเข้าไปด้วย