กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1016.2 เว้นเสียจากถามนกที่บินอยู่นอกกรง
หากเฉินผิงอันมาเข้าร่วมงานพิธีที่เมืองหลวงแคว้นชิงซิ่งซึ่ง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ช่วงกลางปี ถ้าอย่างนั้นการดารงอยู่ของสถานที่แห่ง นี้ก็จะกลายเป็ นกระดาษที่ไม่ห่อไฟ หากอิ่นกวานหนุ่มได้ยินว่ามี สถานที่ที่ภูตผีออกอาละวาดเช่นนี้อยู่ นี่ไม่ใช่แค่ความสกปรกขัดต่อ สง่าราศีทั่วไปแล้ว อย่าว่าแต่สกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่งและพรรคจินแชว เลย ตระกูลจางเขตเทียนเฉาของจางไช่ฉินก็คงรู ้สึกกระวนกระวายอยู่ เหมือนกัน
พูดง่ายๆ ก็คือ เป็ นเพราะก่อนหน้านี้นางไปเยือนท่าเรือหนิวเจี่ยว กับหงหยางโปมารอบหนึ่ง บังเอิญได้เจอกับเจ้าขุนเขาหนุ่มที่มาเดิน เที่ยวร ้านผ้าห่อบุญเหมือนกันพอดี ได้พบเรื่องน่ายินดีไม่คาดฝัน อีก ฝ่ ายถึงกับตอบตกลงว่าจะเข้าร่วมงานพิธีสวมกวานของรัชทายาท แคว้นชิงซิ่ง ฮ่องเต้สกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่งและเฉิงเฉียนเจินเหรินผู้ พิทักษ์แคว้นถึงได้ตัดสินใจว่าจะร่วมมือกับสกุลจางเขตเทียนเฉา อย่างไม่เสียดายค่าตอบแทน อีกทั้งยังแอบส่งข่าวให้กับราชส านัก ของอีกสองแคว้นอย่างลับๆ ตัดสินใจว่าจะทาการเก็บกวาดพื้นที่ใน รัศมีพันลี้ซึ่งมีภูเขาเหอฮวานเป็ นหนึ่งในนั้นให้สะอาดเอี่ยม ปราบปรามกลุ่มมารร ้ายให้ราบคาบ
หากภูเขาเหอฮวานรู ้สึกว่าเขาเฉิงเฉียนปรากฏตัวในครั้งนี้เพียง แค่เพื่อหยกลัญจกรสามชิ้น ถ้าอย่างนั้นก็ไร ้เดียงสาเกินไปแล้ว
เฉิงเฉียนจ้องมองไปทางภูเขาเหอฮวาน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “คา พังเพยในหมู่ชาวบ้านกล่าวไว้ว่าดินสามชื่อวันฟ้ าโปร่ง พอฝนตกก็ กลายเป็ นโคลนเละทั้งถนน เอามาใช ้บรรยายถึงถนนหนทางที่เดินได้ ล าบาก”
จางไช่ฉินยิ้มอย่างรู ้ใจ “ท่านลุงเฉิง ดังนั้นถึงต้องสาดน้าสะอาด ใส่ถนนที่มีแต่ดินเหลืองเปื้อนอย่างไรเล่า”
ทุกอย่างเพียงแค่เพื่อการให้เกียรติมาเยือนของเฉินอิ่นกวานแห่ง ภูเขาลั่วพั่วท่านนั้น
เฉิงเฉียนถาม “ไช่ฉิน เจ้าสามารถโน้มน้าวให้คนผู้นี้มาที่เมือง หลวงได้ ถือว่ามีคุณความชอบอย่างใหญ่หลวง เจ้าน้าเต้าตันหยา งหงโปบอกเล่ามาในจดหมายอย่างคลุมเครือเจ้าช่วยอธิบายอย่าง ละเอียดได้หรือไม่?”
ว่ากันว่าเจ้าขุนเขาเฉินท่านนี้ไม่ใช่ว่าจะไว้หน้าใครง่ายๆ
จางไช่ฉินท าหน้ากระอักกระอ่วน กล่าวว่า “ท่านลุงเฉิง ไม่ได้ ปิดบังอะไรเลยจริงๆ แค่เพราะโชคดีเท่านั้น อาศัยว่าในอดีตเขาเคย ไปเยือนหอชิงฝูอยู่หลายครั้ง ได้ผูกความสัมพันธ์ควันธูปไว้กับท่าน ลุงหง”
เฉิงเฉียนคลี่ยิ้ม ไม่ได้ถามอะไรมากอีก
เพียงแต่ว่าพอพูดถึงอิ่นกวานหนุ่ม เจินเหรินผู้เฒ่าก็อดไม่ไหว นึกถึงหญิงสาวมัดผมทรงกลมกลางศีรษะบนสนามรบของเมืองหลวง ส ารองในอดีต วิชาหมัดของนางไร ้ศัตรู ทัดเทียมได้จริงๆ
หากว่า “เจิ้งเฉียน” หรือควรจะเรียกว่าเผยเฉียนลูกศิษย์ใหญ่เปิด ขุนเขาของเฉินอิ่นกวานผู้นี้ปรากฏตัวที่เมืองเล็กแห่งนั้น ก็จะ น่าสนใจมากแล้ว ไม่รู ้ว่าฝู่จวินทั้งสองท่านจะคิดเช่นไร
ทางฝั่งของภูเขาเหอฮวาน จวนเฝิ่นหวานตั้งอยู่ที่ภูเขาอูเถิงภูเขา เบื้องล่าง ในนั้นมีสวนขู่หยวนซึ่งเป็ นสวนส่วนตัวของฝู่จวินอวี๋ฉุนจือ
ฝู่ จวินจ้าวอวี๋สองท่านนาพาแขกผู้มีเกียรติท่านนั้นมาที่นี่ด้วย ตัวเอง ผนังบังตาของที่นี่ถึงกับเป็ นเงินเกล็ดหิมะเหรียญหนึ่งที่ใหญ่โต เกินกว่าจะหาสิ่งใดเปรียบ
ตอนที่เดินอ้อมผ่าน “ผนังบังตา” ฉินแจว๋ใช ้หางตาเหลือบมอง ประเมินอยู่พักหนึ่งกว้างก็กว้างอยู่หรอก ก็แค่บางไปสักหน่อย
อวี๋ฉุนจือเคยเดินทางไปเยือนทะเลสาบซูเจี่ยน เป็ นคนรู ้จักเก่า กับเถียนหูจวินผู้ฝึกตนหญิงแห่งเกาะชิงเสีย ความสัมพันธ ์ไม่เลว ใน อดีตมักจะส่งจดหมายไปมาหาสู่กันเป็ นประจ า
แต่ว่าเถียนหูจวินในเวลานั้นยังไม่ได้สร ้างโอสถทอง ยังคงเป็ นผู้ ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรคนหนึ่ง อีกทั้งสถานะบนทาเนียบก็ไม่ใช่ ลูกศิษย์ใหญ่ของหลิวจื้อเม่าสกัดคงคาเจินจวิน แต่เป็ นลูกศิษย์คน รอง
เพียงแต่ว่าศิษย์พี่ใหญ่ท่านนั้นโชคไม่ดี ดันมาเจอกับศิษย์น้อง เล็กนิสัยเหมือนพญามารบางคน ทั้งสองฝ่ ายผูกปมแค้นต่อกัน ศิษย์ พี่ใหญ่ถูกสังหารทิ้งอย่างง่ายดาย หลิวจื้อเม่าผู้เป็ นอาจารย์ถึงกับไม่ เคยสืบสวนเรื่องนี้
ทุกวันนี้เถียนหูจวินคือเจ้าเกาะของเกาะซู่หลิน คือผู้ฝึกตนโอสถ ทองในท้องถิ่นของทะเลสาบซูเจี่ยน และยิ่งเป็ นผู้ฝึกตนบนทาเนียบ ของสานักเจินจิ้ง ได้ครอบครองพื้นที่แห่งหนึ่งในศาลบรรพจารย์เกาะ กงหลิ่ว
เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับศิษย์น้องเล็กแซ่กู้คนนั้นแล้วก็ยังคงต่าง ราวก้อนเมฆกับดินโคลนอยู่ดี ห่างชั้นอยู่ไกลโขนัก เพราะถึงอย่างไร ทุกวันนี้ฝ่ ายหลังก็ได้เป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเจิ้งจวีจงแห่งนคร จักรพรรดิขาวแล้ว และยังมีข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งแพร่มาถึงแจกันสมบัติ ทวีปบอกว่าหันเชี่ยวเซ่อขอบเขตเซียนเหรินรักและเอ็นดูศิษย์หลาน คนนี้อย่างมาก
แขกผู้มาร่วมงานเลี้ยงนั่งกันอยู่เต็มห้องโถง ฉินแจว๋พบว่าบนเสา คานของห้องโถงเป็ นไม้แกะสลักรูปเทพเซียนผู้เฒ่าฮกลกซิ่วสามองค์ และเซียนเด็กอีกหนึ่งองค์ยืนอยู่ มีความหมายแฝงที่งดงามว่าแสงดาว แห่งความมงคลสาดส่องทั่วห้องโถงที่บรรยากาศชื่นมื่นยินดี
อันที่จริงห้องโถงทั้งแห่งเป็ นเพราะอวี๋ฉุนจือที่มีอารมณ์สุนทรีไป รื้อเอาศาลบรรพชนที่หรูหรางดงามของตระกูลผู้สูงศักดิ์ในราชวงศ์ ล่างภูเขามา จากนั้นนางก็ให้ช่างไล่เขียนกากับชิ้นส่วนแต่ละชิ้นลง
ไป ไม่ไปแตะต้อง ก่อนจะย้ายมาที่ภูเขาอูเถิง สุดท้ายสร ้างขึ้นมาใหม่ อีกครั้ง แทบจะเป็ นแบบเดิมกับเรือนหลังเก่าไม่มีผิดเพี้ยน
บนภูเขาและล่างภูเขาของภูเขาเหอฮวาน จุ้ยยวนกับอูเถิงต่างก็ เคยเปลี่ยนชื่อมาก่อนเคยเป็ นภูเขาที่มีประวัติความเป็ นมาอย่างยิ่ง ภูเขาจุ้ยยวนคือภูเขาทายาทของขุนเขากลางแคว้นใหญ่แคว้นหนึ่ง มีการสร ้างศาลบุรพกษัตริย์ ฮ่องเต้ได้ส่งตัวผู้บัญชาการทหารและรอง เจ้ากรมกรมโยธาให้นาพากองทัพหลายหมื่นนาย ระยะเวลาสิบปี ก่อนและหลัง จวนที่มีการปรับปรุงใหญ่และตาหนักที่ถูกสร ้างขึ้นอยู่ ที่นี่มีถึงยี่สิบกว่าแห่ง ต าแหน่งเป็ นรองแค่ห้ามหาบรรพตเท่านั้น ทาง ราชสานักมีการแต่งตั้งขุนนางผู้ตรวจตราให้มาคอยประจาการ หลังจากเปลี่ยนรัชสมัยแล้วก็ถูกทิ้งร ้างไม่มีการใช ้งาน พูดถึงแค่ภูเขา อูเถิงใต้ฝ่ าเท้าลูกนี้ อดีตของจวนเฝิ่นหวาน ในประวัติศาสตร ์ก็เคย เป็ นเรือนพักส่วนตัวที่หรูหรางดงามของท่านหญิงผู้หนึ่ง
สองเจ้าบ้านหนึ่งแขกนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ พูดคุยกันถึงเรื่องราว น่าสนใจในแจกัน สมบัติทวีปช่วงที่ผ่านมา
ยกตัวอย่างเช่นอารามหลิงเฟยในอาณาเขตแคว้นเพื่อนบ้าน ของราชวงศ์อวิ๋นเซียวทางทิศใต้ได้เลื่อนขั้นเป็ นตาหนักเต๋าแล้ว ถือ ว่าได้รับสถานะอักษรจงตามวัดก่วงฝูไปติดๆ
อาจารย์ของฉินแจว๋คือหลิวอันดับหนึ่งของสานักเจินจิ้ง
ทุกวันนี้ตลอดทั้งแจกันสมบัติทวีป ต่อให้รวมวัดก่วงฝูของลัทธิ พุทธและต าหนักหลิงเฟยของลัทธิเต๋าเข้าไปก็เพิ่งจะมีวัดและอาราม อักษรจงสักกี่แห่งกันเชียว?
อวี๋ฉุนจือพูดอย่างตรงไปตรงมา เอ่ยกึ่งๆ หยอกล้อว่า พี่น้องฉิน หลิวเหล่าเฉิงเป็ นเซียนเหรินแล้ว ต้องมีปณิธานยิ่งใหญ่อยู่ที่บิน ทะยานอย่างแน่นอน จะเป็ นไปได้หรือไม่ที่จะให้หลิวเจินจวินจะมารับ หน้าที่เป็ นเจ้าสานักเจินจิ้งต่อ?
ฉินแจว๋คลี่ยิ้ม แต่ไม่ต่อคา หัวข้อสนทนาที่หากไม่ทันระวังชีวิตก็ จะหายไปเช่นนี้ เขาหรือจะกล้าพูดถึงอย่างส่งเดช ดังนั้นจึงแค่ยกยอ ถึงการทุ่มเทก าลังสร ้างสรรค์ส านักให้รุ่งเรื่องของเจ้าสานักหลิวไป ไม่กี่ประโยคเท่านั้น
จ้าวฝูหยางดื่มชาเมฆหมอกที่ศาลเทพภูเขาจุ้ยยวนทาขึ้นเองไป หนึ่งคาแล้วยิ้มเอ่ยว่า “ได้ยินมาว่าหลวงจีนของวัดก่วงฝูรูปนั้น เมื่อปี ก่อนเพิ่งจัดงานเลื่อนตาแหน่งเทศนาธรรมทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่ว แม้ว่าใต้เท้าอิ่นกวานจะไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีด้วยตัวเอง แต่ กลับให้เว่ยซานจวินแห่งขุนเขาเหนือช่วยส่งกลอนคู่บทหนึ่งไปให้ และวัดก่วงฝูก็ให้ความสาคัญมาก เอากลอนคู่นี้ไปแขวนคู่กับกลอน ของวัดเสวียนคงแผ่นดินกลาง”
สีหน้าของฉินแจว๋เป็ นธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้วอารมณ์กลับ ซับซ ้อนอย่างยิ่ง พยักหน้าเอ่ยว่า “มีเรื่องนี้อยู่จริง”
หากเป็ นไปได้ล่ะก็ ชั่วชีวิตนี้ฉินแจว๋ก็ไม่อยากเจอเจ้าคนแซ่เฉิน ผู้นั้นอีกแล้ว ต่อให้อีกฝ่ ายจะเคยเป็ นนักบัญชีให้กับเกาะชิงเสียของ ตนช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ตาม
อวี๋ฉุนจือกล่าวว่า “ต่างก็พูดกันว่าหลวงจีนท่านนี้มีพระธรรม สูงส่งลึกล้า มีเรื่องเล่าของนิกายฉานสองเรื่องคือเรื่องคว้าเมฆมาซ่อม จีวรและปล่อยเลือกลับภู ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งทวีป อันที่จริงยังมีคดี อีกคดีหนึ่ง เพียงแต่ว่าไม่ได้แพร่หลายกว้างขวางนักในแจกันสมบัติ ทวีป ข้าก็แค่เคยได้ยินฝูหยางพูดถึงเท่านั้น เล่าลือกันว่าอดีต ฮ่องเต้ต้าหลีเคยเรียกภิกษุสมณศักดิ์สูงท่านนี้เข้าพบ สนทนาธรรม กับเขา ผลคือรอกระทั่งพวกเขาเดินอยู่ในอุทยานหลวง นกล้วนตกใจ บินหนีไป กระต่ายและจิ้งจอกต่างก็หลบลี้หนีไปไกล”
“อดีตฮ่องเต้ต้าหลีจึงยิ้มถามประโยคหนึ่งว่า “แค่เคยได้ยินมาว่า ภิกษุสมณศักดิ์สูงเดินท่องอยู่ในป่า สัตว์ร ้ายไม่เพียงแต่ไม่มารบกวน กลับกันยังให้ความสนิทสนม ยินดีช่วยปกป้ องคุ้มครอง เหตุใดวันนี้ ถึงมีภาพเหตุการณ์เช่นนี้ได้?”
“ผลคือเจ้าลองเดาดูสิว่าเป็ นเช่นไร ภิกษุเฒ่าถึงกับตอบด้วย ประโยคที่ว่า “อาตมาฆ่าได้ง่าย”
“พี่น้องฉิน เจ้ามีความรู ้กว้างขวาง เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้ารู ้หรือไม่ว่า จริงหรือเท็จ?”
ฉินแจว๋พยักหน้า “บังเอิญเคยได้ยินอาจารย์พูดถึง เรื่องนี้ไม่ใช่ เรื่องโกหก อาจารย์ยังบอกด้วยว่าอันที่จริงตอนนั้นราชครูต้าหลีก็อยู่ ข้างๆ ด้วย เคยเอ่ยประโยคหนึ่งกับภิกษุเฒ่าหลวงจีนมีโจรในใจให้ฆ่า มากมายขนาดนั้นเสียเมื่อไหร่ เลี้ยงเสือไว้เป็ นภัยหรือ?”
อวี๋ฉุนจืออึ้งตะลึง หมายความว่าอย่างไร? นางจึงหันหน้าไปมอง สามีของตัวเอง
จ้าวฝูหยางนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้ากล่าว “สมกับเป็ นคาพูด ของเซียนเหรินที่อยู่สูงในก้อนเมฆจริงๆ จินตนาการบรรเจิดไปไกล จนน่าเหลือเชื่อ”
หลังจากนั้นอวี๋ฉุนจือก็เล่าเรื่องน่าอายเกี่ยวกับภูเขาตะวันเที่ยง ขึ้นมาอีก บนภูเขาของแจกันสมบัติทวีปทุกวันนี้หากไม่พูดถึงภูเขา ตะวันเที่ยงที่มีเซียนกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆสักสองสามประโยค ไม่ หัวเราะดังๆ สักสองสามทีก็ไม่เรียกว่าการพูดคุยแล้ว
อันที่จริงพวกเขาสามคนคุยกันเรื่องพวกนี้ ต่อให้จะล้อเลียน ภูเขาตะวันเที่ยงที่เพิ่งจะได้เลื่อนเป็ นสานักแค่ไม่กี่วัน แต่กลับคล้าย คนมีเงินในอาเภอห่างไกลที่พูดคุยกันถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งของแคว้น ร่ารวย
เดิมทีฉินแจว๋ก็เป็ นขอบเขตประตูมังกรอยู่แล้ว หากมีแค่ขอบเขต เท่านี้ก็อยู่ไกลเกินกว่าจะทาให้คู่รักเจ้าจวนของภูเขาเหอฮวานทั้งสอง ท่านที่เป็ นโอสถทองแล้วให้ความเคารพนับถือเช่นนี้ ถึงขั้นที่ว่า
ระหว่างที่อวี๋ฉุนจือพูดคุยยังเผยสีหน้าประจบเอาใจออกมาด้วย อันที่ จริงด้วยวิธีการของจ้าวสู่หยางและอวี๋ฉุนจือแล้ว คิดจะร่วมมือกันล้อม ฆ่าโอสถทองคนหนึ่งก็ใช่ว่าจะเป็ นไปไม่ได้ คราวก่อนผู้ฝึกตนสกุล จางเขตเทียนเฉาบุกมาอย่างดุร ้าย โจมตีภูเขาเหอฮวาน อันที่จริงทั้ง สองฝ่ ายตีกันอย่างรุนแรงมากแล้ว หากไม่เป็ นเพราะมีตาเฒ่าผู้ฝึก ยุทธเต็มตัวขอบเขตร่างทองผู้นั้นคอยขัดขวาง พวกเขาสองสามี ภรรยาก็คงรั้งตัวเซียนดินโอสถทองคนหนึ่งไว้เป็ นแขกที่ภูเขาเหอฮ วานได้แล้ว
อวี๋ฉุนจือเป็ นคนรู ้จักเก่ากับเถียนหูจวิน จ้าวฝูหยางก็เป็ นสหาย กับฉินแจว๋ ตอนนั้นจ้าวฝูหยางออกจากพรรคจินแชวมาด้วยความ เคียดแค้น ก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าจะไปลงหลักปักฐานที่ทะเลสาบซู เจี่ยน เพียงแต่ว่าวิชาลับที่เขาฝึกตนไม่สอดคล้องกับของทะเลสาบชู เจี่ยน ที่สาคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือน้าของทะเลสาบซูเจี่ยนลึกเกินไป จริงๆ ไม่พูดถึงหลิวเหล่าเฉิงเจ้าเกาะกงหลิ่วที่ตอนนั้นเป็ นห้าขอบเขต บนแล้ว พูดถึงแค่หลิวจื้อเม่าแห่งเกาะชิงเสียและยังมีจ้งซู่แห่งเกาะหวง หลี มีใครบ้างที่รับมือได้ง่าย? ปีนั้นจ้าวฝูหยางเป็ นแค่ขอบเขตประตู มังกร แน่นอนว่าไม่กล้าไปยึดครองเกาะเปิดจวนฝึกตน เมื่อวันเวลา ผันผ่าน เวลาร ้อยปี แค่ดีดนิ้วก็ผ่านเลยไป จ้าวฝูหยางมิอาจ จินตนาการได้เลยจริงๆ ว่าคนดุร ้ายที่เป็ นผู้ฝึกตนอิสระในสายเลือด อย่างฉินแจว๋ผู้นี้จะกลายเป็ นผู้ฝึกตนอิสระบนทาเนียบของสานักแห่ง หนึ่งได้
คุณหนูสี่กับเทพภูเขาหลี่ถิ่งปรากฏตัวที่นอกประตูห้องโถง รับรองแขกด้วยกัน
นางปลดหมวกคลุมหน้าออก เผยให้เห็นดวงหน้ารูปไข่ห่านที่ คล้ายคลึงกับอวี๋ฉุนจือ
อวี๋ฉุนจือแนะน าให้ฉินแจว๋รู ้จักกับนางด้วยสีหน้ารักใคร่ “พี่น้อง ฉิน นี่คือเจ้าสี่ลูกคนเล็กของบ้านเรา ชื่อเล่นคือจ้าวจือ นับแต่เด็กมา ก็ถูกฝูหยางเอาใจจนไร ้ชื่อไร ้แป ฝูหยางตัดใจให้นางออกเรือนไม่ได้ ข้าเองก็ไม่กล้าปล่อยให้นางไปอยู่ข้างนอก พานางมาไว้อยู่ข้างกาย ข้ายังพอจะควบคุมได้บ้าง หากนางแต่งให้คนอื่นกลัวก็แต่ว่าผ่านไป แค่ไม่กี่วันคงถูกบ้านสามีไล่ออกมา ร ้องไห้จะขอกลับบ้าน แบบนั้น ย่อมไม่เข้าท่า”
สตรีรีบยอบกายคารวะ “จ้าวจือคารวะท่านอาฉิน”
ฉินแจว๋พูดด้วยสีหน้าเมตตา “ได้ยินมานานแล้วว่าคุณสมบัติ ด้านการฝึ กตนของคุณหนูสี่ดีมาก อายุยี่สิบนิดๆ ก็เลื่อนเป็ น ขอบเขตถ้าสถิตแล้ว คือผู้มีพรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยาก หากจะถาม ข้านะ วันหน้าภูเขาเหอฮวานก็แต่งเขยเข้าบ้านเถอะ อย่าได้ออกเรือน ไปอยู่ไกลเลย น้าดีไม่ควรให้ไหลเข้านาคนนอก”
หลี่ถิ่งรีบกุมหมัดคารวะ “เทพน้อยคารวะฉินเซียนซือ”
ผู้ฝึ กตนท าเนียบย่อมมีรากฐานในการหยัดยืน มีวิธีในการอยู่ ร่วมสังคมเป็ นของตัวเองผู้ฝึกตนอิสระเองก็มีวิถีแห่งการด ารงอยู่ของ ผู้ฝึกตนอิสระ
แจกันสมบัติทวีปมีตาราเล็กๆ เล่มหนึ่งที่หาไม่เจอแล้วว่าใครเป็ น คนแต่ง ในนั้นบันทึกเกี่ยวกับบุคคลของจวนเขียนและชนชั้นสูงใน ราชวงศ์ของทวีปที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วย รายชื่อฉบับหนึ่งมีคนอยู่ร ้อย กว่าคน
ยกตัวอย่างเช่นฉินแจว๋แห่งเกาะชิงเสียและเฉาเจ๋อผู้เป็ นศิษย์น้อง ต่างก็อยู่ในต าราเล่มนี้ ทว่าลาดับรายชื่อค่อนไปทางท้าย
ทะเลสาบซูเจี้ยนแห่งเดียวก็ยึดครองพื้นที่หนึ่งในสิบของรายชื่อ ไปแล้ว ซึ่งยังมีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์อย่างหลวี่ไฉ่ซางแห่งเกาะหวงหลีและ หยวนหยวนแห่งเกาะกู่หมิงรวมอยู่ด้วย
แน่นอนว่าเซียนดินโอสถทองอย่างเถียนหูจวิน เจ้าเกาะซู่หลิน ไม่จาเป็ นต้องมีรายชื่อติดกระดานแล้ว
จ้าวฝูหยางกล่าว “หลี่ถิ่ง ที่นี่ไม่มีคนนอก เจ้าพูดมาตามตรงได้ เลย”
หลี่ถิ่งเอ่ย “เรียนฝู่ จวินทั้งสองท่าน ท่าทีของจางอวี่เจี่ยวและ จินหลวี่ค่อนข้างเจ้าเล่ห์ทั้งไม่ได้ตอบตกลงแล้วก็ไม่ได้บอกว่าจะบุก ขึ้นมาบนภูเขา ตอนนี้พวกเขามาที่เมืองเล็กตีนเขาแล้ว”
จ้าวฝูหยางจึงแนะนาภูมิหลังสถานะของผู้ฝึกตนสองคนนี้ให้ฉิน แจว๋ได้รู ้
อวี๋ฉุนจือยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “เด็กสองคนนี้ไม่เสียแรงที่เป็ นผู้ฝึกตน ท าเนียบ ต่างก็ชอบเที่ยวเล่นไปตามขุนเขาสายน้า พลอดรักจู๋จี๋กัน จนมาถึงอาณาเขตของภูเขาเหอฮวานแล้ว”
จ้าวฝูหยางกล่าว “จางอวี๋เจี่ยวผู้นั้นคือผู้ฝึ กกระบี่ห้าขอบเขต กลาง มิอาจดูแคลนได้หากว่าเกิดเรื่องกับเขาที่นี่ก็เท่ากับว่าสกุลจาง เขตเทียนเฉาเฉือนเนื้อหัวใจของตัวเองออกไปก้อนหนึ่ง ไม่มีทางที่จะ เลิกราง่ายๆ หลี่ถิ่ง เจ้าออกคาสั่งไปว่าขอแค่อีกฝ่ ายไม่ขึ้นเขาละเมิด กฎตามข้อตกลง ทางฝั่งของเมืองเล็กก็ห้ามให้ใครไปหาเรื่องพวก เขา”
หลี่ถิ่งกุมหมัดรับคาสั่ง “ข้าน้อยน้อมรับคาสั่งของฝู่จวิน”
ไม่มีใครเข้าใจบุตรสาวได้ดีไปกว่ามารดา อวี๋ฉุนจือยิ้มถามว่า “จือเอ๋อร ์ รูปโฉมของเซียนกระบี่เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็ นอย่างไร?”
จ้าวจือนั่งลงบนเก้าอี้ พยักหน้ายิ้มกล่าว “น่ามองมากเลยเจ้าค่ะ”
หากฉินแจว๋ไม่อยู่ด้วย พวกนางไม่มีทางคุยกันแบบนี้แน่
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา จ้าวฝูหยางก็หันหน้าไปมอง นอกประตู เห็นเงาร่างของคนสองคนก็แค่นเสียงหยัน “เจ้ายังตัดใจ กลับมาได้อีกนะ”
ที่แท้อวี๋เจิ้นกับฝูชี่ก็มาถึงแล้ว
อวี๋ฉุนจือไม่สบอารมณ์ทันที ถลึงตากล่าว “นานๆ อวี๋เจิ้นจะได้ กลับมาบ้านทั้งที เจ้าทาสีหน้าอะไรของเจ้า ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของเจ้า เจ้าก็เลยทาไม่ดีกับเขาแบบนี้หรือ?”
จ้าวฝูหยางกล่าว “หากอวี๋เจิ้นเป็ นลูกชายแท้ๆ ของข้าแล้วกล้า ไม่กลับบ้านตลอดทั้งปีดีแต่จะเที่ยวเล่นหาความส าราญอยู่ข้างนอก ไม่ยอมรับหน้าที่ในจวนไปจัดการบ้างเลยเช่นนี้ ป่านนี้คงถูกข้าจับมัด แล้วฟาดแรงๆ ไปหลายทีแล้ว”
อวี๋เจิ้นมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ในความเป็ นจริงแล้วพ่อเลี้ยงอย่าง จ้าวคู่หยางดีต่อเขาไม่น้อย เป็ นทั้งบิดาเป็ นทั้งอาจารย์ ตั้งใจถ่ายทอด วิชาคาถาให้ เรียกได้ว่าทุ่มเทความรู้หมดหน้าตัก แล้วยังมอบสมบัติ หนักอีกชิ้นหนึ่งที่มากพอจะเป็ นสมบัติพิทักษ์ภูเขาได้มาให้เขาสนิท สนมกับเขามากกว่าบิดาแท้ๆ เสียอีก
อวี๋ฉุนจือยิ้มถาม “พี่ชายน้อยท่านนี้คือ?”
อวี๋เจิ้นแนะนาด้วยรอยยิ้ม “คือสหายของข้า แซ่แยนนามเซ่อ คือ ผู้ฝึกตนอิสระของร ชวงศ์อวิ๋นเซียว เคยไปเยือนศาลชิวเฟิงประหลาด แห่งนั้นมาด้วยกัน เป็ นสหายที่ตายแทนกันได้”
จ้าวฝูหยางยิ้มกล่าว “น้องชายมีชื่อที่ดี มีสุขร่วมกัน หวังว่า ความสุขนี้จะคงอยู่ตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง หากเป็ นเช่นนี้จริงก็เป็ น เทพเซียนน้อยได้อย่างสุขสบายแล้ว”
ฝูชี่รีบกุมหมัด “ผู้เยาว์คารวะจ้าวฝู่จวิน อวี๋ฝู่จวิน”