กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1016.3 เว้นเสียจากถามนกที่บินอยู่นอกกรง
อวี๋เจิ้นไม่เหมือนกับจ้าวจือผู้เป็ นน้องสาว เขาเคยไปเยือน ทะเลสาบซูเจี่ยน และยังคุ้นเคยกับผู้อาวุโสที่สนิทสนมกับคนใน ครอบครัวอย่างเถียนหูจวินและฉินแจว๋เป็ นอย่างดี ดังนั้นจึงพูดอย่าง ตรงไปตรงมาว่า “เมื่อครู่นี้อยู่ที่ยอดเขาโพโม่ พอเฉิงเฉียนกับจางไช่ ฉินโผล่หน้ามา เจินเหรินผู้เฒ่าก็บอกให้บิดาต้องมอบหยกลัญจกร ชิ้นหนึ่งไปให้ภายในคืนนี้ รอกระทั่งสิ้นสุดฤดูฝนของปีนี้ค่อยคืนตรา ที่เหลืออีกสองชิ้นให้กับสกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่งพร ้อมกันหากภูเขาเหอฮ วานไม่ตอบตกลงกับเรื่องนี้ ภายในครึ่งชั่วยามซึ่งเริ่มนับตั้งแต่ตอนที่ ข้าออกมาจากยอดเขาโพโม่ เฉิงเฉียนก็จะขึ้นเขามาด้วยตัวเอง”
ฉินแจว๋สีหน้าไร ้อารมณ์
จ้าวฝูหยางขมวดคิ้วน้อยๆ
อวี๋ฉุนจือถามอย่างกังขา “เฉิงเฉียนผู้นี้เลอะเลือนไปแล้วหรือไร? หรือว่าติดขัดที่ศักดิ์ศรีหน้าตา มิอาจรับไฟโทสะจากสกุลจางเขต เทียนเฉาได้ จ าเป็ นต้องมีค าอธิบายให้กับฝ่ ายหลัง เพียงแต่ว่าต่อให้ เป็ นเช่นนี้ก็คงยังไม่ถึงขั้นให้เขาพาร่างกายแก่ๆ ขึ้นเขามาเสี่ยงภัย ด้วยตัวเองหรอกกระมัง? อวี๋เจิ้น เจ้าเห็นร่องรอยของลูกศิษย์สกุลจาง เขตเทียนเฉาและผู้ฝึ กตนผู้ถวายงานแคว้นชิงซิ่งบ้างหรือไม่ ใกล้เคียงนี้มีจูปิงใต้บังคับบัญชาของเฉิงเฉียนมาแฝงตัวอยู่บ้างไหม?”
อวี๋เจิ้นส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าจะมีแค่เฉิงเฉียนกับจางไช่ฉิน”
อวี๋ฉุนจือหลุดหัวเราะพรีด คงไม่ใช่ว่าอาศัยพวกเขาสองคน บวก กับจางอวี่เจี่ยวและจินหลวี่ที่อยู่ในเมืองเล็กก็จะเปิดฉากต่อสู้กับภูเขา เหอฮวานได้แล้วหรอกนะ?
ตาเฒ่าเฉิงก็ช่างไม่รู ้จักเลือกวันดีๆ ที่จะไปเกิดใหม่บ้างเลย ดัน มาเลือกเอาวันนี้เนี่ยนะ?
หยกลัญจกรสามชิ้น เดิมทีก็เป็ นแค่การค้าขายที่ “จ่ายเงินฟาด เคราะห์” ครั้งหนึ่งของแคว้นชิงซิ่งเท่านั้น หากตกลงเรื่องราคาได้ อย่างเหมาะสมก็ไม่จ าเป็ นต้องรบราฆ่าฟันกันเลยในฐานะเจินเหรินผู้ พิทักษ์แคว้น ไยเฉิงเฉียนต้องท าอะไรโดยใช ้อารมณ์ ดึงดันจะต่อสู้ กับภูเขาเหอฮวานจนตายตกกันไปข้างเช่นนี้ด้วย? แคว้นชิงซิ่งไม่ กลัวว่าต้องสูญเสียพลังต้นก าเนิดอย่างใหญ่หลวงอยู่ที่นี่ และทางฝั่ง ชายแดนก็ต้องพ่ายแพ้ในสงครามหรือไร?
จ้าวฝูหยางหรี่ตาเอ่ย “เหตุการณ์ผิดปกติต้องมีบางอย่างแอบ แฝง เฉิงเฉียนเป็ นคนที่ท าอะไรอย่างเป็ นรูปธรรม ไม่มีทางอวดเก่ง ออกหน้าแทนสกุลจางเขตเทียนเฉาแน่นอน”
เฉิงเฉียนเป็ นแค่จิ้งจอกเฒ่าที่เจ้าเล่ห์มากด้วยกลอุบาย ตอนที่ยัง หนุ่มก็เชี่ยวชาญเรื่องการวางแผนอยู่แล้ว หาไม่แล้วปีนั้นอารามจิน เซียนยอดเขาชิงจิ้งเองก็มีเซียนดินโอสถทองเหมือนกัน เดิมทีก็เป็ น ตัวเลือกที่เหมาะสมในการสืบทอดตาแหน่งเจ้าสานักอยู่แล้ว เหตุใด
ถึงกลายเป็ นเฉิงเฉียนแห่งยอดเขาฉุยชิงที่เพิ่งจะสร ้างโอสถได้แค่ไม่กี่ ปีที่มาเป็ นเจ้าประมุขแทนล่ะ?
อวี๋ฉุนจือถาม “จางฉงจะหลบซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดตรงไหน หรือไม่?”
จางฉงคือบรรพบุรุษสกุลจางเขตเทียนเฉา หรือก็คือปู่ ทวดของ เซียนกระบี่จางไช่ฉิน เพราะเมื่อหลายปี ก่อนสร ้างคุณความชอบ ทางการสู้รบไว้ที่สนามรบของเมืองหลวงสารองได้รับป้ ายสงบสุข ปลอดภัยระดับสามที่ทางกรมอาญาของต้าหลีแจกจ่ายมาให้หนึ่ง แผ่น
หากว่าตาแก่ผู้นี้ไม่ต้องการรักษาหน้าตาอีกแล้วจริงๆ จางฉงก็ แค่ต้องแขวนป้ ายไว้ที่เอวเดินอาดๆ ขึ้นเขามาแล้วพลิกค้นตามตู้หีบ ชั้นวาง ค้นหาหยกลัญจกรไปทั่วทุกแห่งเท่านั้น จ้าวฝูหยางและอวี๋ ฉุนจือไม่แม้แต่จะกล้าขวางด้วยซ้า เพียงแต่ว่าคราวก่อนผู้ฝึกตนสกุล จางโจมตีภูเขาเหอฮวาน ไม่รู้ว่าเหตุใดจางฉงถึงได้ไม่ปรากฏตัว
อารมณ์ของจ้าวฝูหยางหนักอึ้งขึ้นมาทันใด ใคร่ครวญอย่าง ละเอียดอยู่พักหนึ่ง “หากไม่ได้จริงๆ ข้าจะไปเยือนภูเขาโพโม่ด้วย ตัวเองรอบหนึ่ง”
อวี๋เจิ้นขอตัวลาจากไป ต้องการไปจัดหาที่พักให้กับฝูชี่
จ้าวจือเดินตามออกมาจากห้องโถงรับรองแขก อวี๋เจิ้นถามเสียง เบาว่า “เจ้าสามล่ะ?”
จ้าวจือทาหน้าปั้นยาก ยิ้มอย่างมีเลศนัยว่า “พี่สามคงยุ่งอยู่กับ การแต่งตัวกระมัง”
อวี๋เจิ้นจึงไม่ถามมากอีก
ณ สถานที่แห่งหนึ่งบนภูเขา สถานที่ที่ลมปราณดินมีความ แปลกประหลาด รอบด้านคือหิมะสีขาวลอยอบอวล แต่กลับมีน้าพุ ร ้อนบ่อหนึ่งที่ไอร ้อนลอยระอุ
คุณหนูสามแห่งภูเขาเหอหวานกับเหนียงเนียงเทพภูเขาแห่งศาล ภูเขาจุ้ยยวนก าลังเล่นสาดน้าใส่กันอย่างสนุกสนานอยู่ที่นี่ ริมฝั่งมี เสื้อผ้ากองระเกะระกะ เครื่องประดับหลากสีสันกระจายอยู่เต็มพื้น
พวกนางต่างก็เป็ นคนงาม ผิวพรรณขาวนวลประหนึ่งหยก ประดุจไขมันที่จับตัวเป็ นก้อน ทั้งสองฝ่ ายไล่จับกันด้วยเสียงหัวเราะ เบิกบานอยู่พักหนึ่ง เรือนกายขาวนวลดุจหิมะสองร่างก็พัวพันเข้า ด้วยกัน แว่วเสียงดุจเสียงครางเสียงร่าไห้
สะเก็ดน้าในบ่อน้าพุสาดกระเซ็น ราวกับงูขาวสองตัวที่แหวกว่าย ร่ายระบาอยู่ในน้า
นักพรตหนุ่มคนหนึ่งนั่งยองอยู่ห่างไปไม่ไกล ยึดคอยาวเบิกตา กว้าง เงี่ยหูฟัง แต่ปากกลับพึมพาว่าอะไรที่ไม่ควรมองอย่าได้มอง อะไรที่ไม่ควรฟังอย่าได้ฟัง
หลังจากลากับป๋ ายเหมาที่เมืองเล็ก เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ก็เดิน ท่องไปในม่านราตรีเพียงลาพัง มาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้แห้งเหี่ยวต้นหนึ่ง มองไปยังภูเขาเหอหวานที่ลักษณะเหมือนภูเขาสองลูกแอบอิงกัน
น่าเสียดายที่ติดขัดที่ขอบเขตของยันต์ร่างแยกจึงมองเห็นภาพที่ แท้จริงได้ไม่ชัดเจนนัก วิชาอภินิหารของเซียนดินจ าพวกการหดย่อ พื้นที่และการชมขุนเขาสายน้าผ่านฝ่ ามือล้วนกลายเป็ นเพียงความ เพ้อฝัน
และนี่ก็เป็ นสาเหตุที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ตรงดิ่งไปที่เมืองเล็กตีน เขาโดยตรง หากเจอกับเรื่องไม่คาดฝันก็เท่ากับว่าค่ายกลใหญ่ทั้ง แห่งที่วางเอาไว้สูญเปล่า เขาจาเป็ นต้องพยายามหลีกเลี่ยงความ ขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ฝึกตนเซียนดิน
ภูตแห่งภูเขาสายน้า โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์ทายาทของเจียวหลง อันที่จริงมีวิธีในการผสานมรรคาอยู่สองชนิด ชนิดแรกคือการเดินลง น้าที่ธรรมดาสามัญมากที่สุด และยังมีอีกชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างหาได้ ยาก ก็คือการ “ล้อมภูเขา
เลือกเส้นชีพจรมังกรที่ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น ลักษณะชัยภูมิ มั่นคงแห่งหนึ่งแล้วยึดครองเป็ นของตัวเอง หล่อหลอมรากภูเขาอย่าง ช ้าๆ ดูดซับเอาปราณวิญญาณฟ้ าดินและโชคชะตาของลมน้าและดิน ของที่แห่งนั้นมา
เพียงแต่ว่าเส้นทางการฝึ กตนประเภทนี้มีธรณีประตูสูง ขอ เรียกร ้องต่อสายเลือดมีสูงกว่าภูตแห่งป่าเขาทั่วไปมากนัก
เขามองไปยังจุดหนึ่ง ยิ้มเอ่ย “แม่นางที่ไม่ได้แซ่หลิ่ว ไยต้องอา พรางเรือนกายด้วยเล่าล้วนเป็ นสหายกันทั้งนั้น”
ในการมองเห็นพลันมีร่มกระดาษน้ามันคันนั้นโผล่มาจากความ ว่างเปล่า ก่อนจะค่อยๆ ตามมาด้วยรองเท้าปักลายคู่หนึ่ง สุดท้ายก็คือ ร่างของผีสาวไร ้หัว เมื่อเทียบกับตอนที่อยู่บนยอดเขาโพโม่ บนร่าง ของนางตอนนี้มีห่อสัมภาระเพิ่มมาอีกห่อหนึ่ง
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ยิ้มเอ่ย “แม่นางสะกดรอยตามข้าจนมาถึง ที่นี่ มีธุระอะไรหรือ?”
นางยอบกายคารวะ ปลดห่อสัมภาระลงแล้วค่อยเปิดออก ด้านใน ถึงกับเป็ น…ศีรษะของสตรีที่หน้าตางดงามคนหนึ่ง นางเอาศีรษะนั้น มาวางไว้บนคอ แล้วถึงได้เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยแววขออภัย “ระหว่างที่เดินทางมาก่อนหน้านี้มีเซียนกระบี่เด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่ด้วย พอไปถึงเมืองเล็กก็มีหูตาผู้คนมากมาย ไม่มีโอกาสได้อยู่กับคุณชาย เฉินเพียงล าพัง จึงได้แต่ใช ้วิธีต่าช ้าเช่นนี้ ตอนที่คุณชายอยู่ข้างบ่อ น้าก่อนหน้านี้ เพียงแค่เพราะตรอกที่อยู่ใกล้กันก็คือที่พักของทหาร ม้าติดอาวุธเบากลุ่มนั้น ข้าจึงยังไม่กล้าปรากฏตัว ใช่แล้ว คุณชาย เฉิน ข้าแซ่โจวนามชิว ชิวที่ข้างตัวอักษรมู่คือตัวอักษรชิว คุณชาย เรียกชื่อข้าโดยตรงได้เลยนี่คือชื่อจริงของข้า”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าแม่นางโจวมาหา ข้าด้วยธุระอันใด?”
ตอนนี้พอผีสาวไร ้หัวมีหัวแล้ว มองไปกลับคล้ายว่าจะแปลกตา อยู่บ้าง
โจวชิวกะพริบดวงตาเรียวยาวคลอประกายน้าคู่นั้นปริบๆ “ก่อน หน้านี้คุณชายเฉินเคยบอกว่าหากข้าไปอยู่ที่พรรคห้าเกาะของ ทะเลสาบซูเจี่ยน ข้าจะมีโชควาสนาหรือ?”
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่เงียบไปพักหนึ่ง เอ่ยอย่างลาบากใจอยู่บ้าง “ข้าก็พูดเหลวไหลไปเรื่อย”
โจวชิวส่ายหน้า “ข้าเชื่อว่าคุณชายเฉินไม่ได้พูดเหลวไหล”
เด็กหนุ่มยิ้มเอ่ย “ทาไมล่ะ?”
นางคลี่ยิ้มหวาน “ลางสังหรณ์ของสตรีน่ะ”
เด็กหนุ่มคล้ายจะไม่รีบร ้อนซักไซ ้ให้ถึงที่สุดว่าทาไมอีกฝ่ ายถึง ได้สะกดรอยตามตนออกมาจากเมืองเล็กอย่างลับๆ ล่อๆ กลับกันยังชี้ ไปที่ภูเขาเหอฮวาน ถามอย่างใคร่รู ้ว่า “แม่นางโจวชิวรู้รากฐานมหา มรรคาของสองฝู่ จวินจ้าวอวี๋หรือไม่?”
โจวชิวพยักหน้า “หนึ่งคืองูหลามหนึ่งคือจิ้งจอก ล้วนมีชาติ ก าเนิดจากภูตแห่งป่ าเขามีชื่อเสียงอย่างมาก ผู้ฝึกตนทั่วไปไม่กล้า ไปมีเรื่องด้วย ทั้งสองใช ้แม่น้าใหญ่สายหนึ่งเป็ นเขตแดน เวลาร้อยปีก็
มีคากล่าวว่าฝั่งซ ้ายของแม่น้ามีงูหลามพิษ ฝั่งขวาของแม่น้ามีปีศาจ จิ้งจอก เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นมาพักใหญ่ถึงจะรู ้ว่าที่แท้ทั้งสองก็ผูก สมัครเป็ นคู่บ าเพ็ญเพียรกันนานแล้ว รอกระทั่งสงครามใหญ่ปิดฉาก ลง ฝู่ จวินสองท่านก็ยึดครองภูเขาตั้งตัวเป็ นราชา ซ่อมแซมภูเขาที่ แตกพัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่รู ้ว่าอวี๋ฝู่ จวินใช ้วิชาอภินิหารรูปแบบใด ถึงสามารถย้ายภูเขาอูเถิงมาที่นี่ได้ อิงแอบแนบชิดอยู่กับภูเขาจุ้ย ยวน บอกกับภายนอกว่าเป็ นสินเดิม แต่แท้จริงแล้ว…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ โจวชิวก็รู ้สึกลาบากใจที่จะพูดต่ออีก
เด็กหนุ่มกลับเป็ นคนเก่าแก่ในยุทธภพ เอ่ยด้วยน้าเสียงเฉยเมย ว่า “ภูเขาสองลูกเหมือน “ร่วมเพศ” กัน คือศาสตร ์ประกอบกามกิจใน ห้องหอที่เป็ นวิชาสูงส่งลึกล้าอย่างหนึ่ง”
โจวชิวรู ้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพียงแต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ บีบคั้น นางจึงไม่มีเวลามามัวกังขาอะไรอีกแล้ว นางเอ่ยด้วยสีหน้า หนักแน่น “แต่เล่าลือกันว่าอันที่จริงจ้าวฝู่ จวินมีชาติก าเนิดมาจาก จวนเซียนที่มีระบบการสืบทอดถูกต้อง ดัง นั้นจึงสามารถอาศัยมรรค กถามาสยบนิสัยแต่ก าเนิดและความดุร ้ายเอาไว้ได้ ในภูเขาจุ้ยยวน นับแต่โบราณมาก็มีถ้าที่ถูกอาพรางซึ่งมีตราผนึกหนาชั้นอยู่แห่งหนึ่ง ผนังหินในถ้ามีการแกะสลักซึ่งทิ้งเนื้อหาที่ลี้ลับคล้ายค าท านายเอาไว้ ประโยคหนึ่ง บอกว่า “หมอกพิษอวลนกบินร่วงลง (จุ้ยยวน) ลมคาวงู หลามขาวขดตัว วันหนึ่งกลายร่างเป็ นเจียวกลับคืนสู่มหาสมุทร ใน ภูเขาเหลือเพียงแค่พระชราที่มาธุดงค์ ต้นไม้โบราณที่อยู่หน้าประตู
ของเมืองเล็กก็คือเค้าโครงเขามังกรของจ้าวฝู่ จวิน คราบร่างงูที่นัก มองลมปราณทั่วไปมองเห็น อันที่จริงเป็ นเวทอาพรางตา คากล่าว อื่นๆ ทานองว่า “ปราณมังกรรัดพันต้นไม้โบราณ” และยังมีบ่อทิ้งร ้าง ที่มักจะมีแสงสายรุ ้งผุดขึ้นมาเป็ นประจาของบ่อน้าพุในภูเขาจุ้ยยวน แห่งนั้นก็เป็ นแค่ข่าวลือที่จ้าวฝู่ จวินจงใจให้คนช่วยกันโพนทะนา ออกไปเท่านั้น”
เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างกังขา “แม่นางโจวรู ้เรื่องมากขนาดนี้เลย หรือ?”
โจวชิวลังเลเล็กน้อย “ข้าเป็ นสายลับ”
พอนางเอ่ยประโยคนี้ออกมา ทั้งสองต่างก็พากันเงียบงันไป
อันที่จริงโจวชิวรอให้อีกฝ่ ายถามถึงจุดประสงค์ของตัวเองอยู่ ตลอด แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ ายจะไม่สนใจแม้แต่น้อย จะปล่อยให้ เสียเวลาแบบนี้ต่อไปไม่ได้ นางจึงได้แต่เป็ นฝ่ ายเอ่ยว่า “พวกเรามิ อาจออกไปจากอาณาเขตของภูเขาเหอฮวานได้ ก็เลยอยากจะขอให้ คุณชายเฉินช่วยนาพาผู้มีพระคุณคนหนึ่งของพวกเราออกไปจาก ที่นี่ หลังจากนั้นจะเดินทางขึ้นเหนือไปยังเมืองหลวงแคว้นชิงซิ่งหรือ จะเดินทางลงใต้ก็ได้ทั้งนั้น”
“พวกเรา?”
“บางอย่างก็ยากจะเอื้อนเอ่ย โปรดอภัยที่ข้ามิอาจบอกคุณชาย เฉินอย่างละเอียดได้”
เด็กหนุ่มสวมรองเท้าสานเอ่ยว่า “แม่นางโจว ข้าคือคนเก่าแก่ใน ยุทธภพแล้วนะ หากเปลี่ยนมาเป็ นเจ้า จะยินดีมามีเอี่ยวกับเรื่อง ทานองนี้ในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้หรือ?”
โจวชิวกล่าว “ขอคุณชายเฉินโปรดเชื่อข้าเถอะ พวกเราไม่มี เจตนาร้ายจริงๆ”
นางหยิบถุงเงินสองใบออกมาจากชายแขนเสื้อ “เงินร ้อนน้อย หนึ่งถุงเล็ก เงินเกล็ดหิมะหนึ่งถุง ถุงแรกคือค่าตอบแทน ถุงหลังคือ เงินค่าเดินทางของผู้มีพระคุณของพวกเราคุณชายเฉินแค่พาเขา ออกไปจากอาณาเขตของภูเขาเหอฮวาน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกัน ไปทางใครทางมัน ต่อจากนั้นคุณชายเฉินสามารถท่องยุทธภพของ ตัวเองต่อได้เลย ผู้มีพระคุณของพวกเราคนนี้จะเป็ นหรือตายก็ให้ ขึ้นอยู่กับชะตาฟ้ าลิขิต สรุปก็คือไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณชาย เฉิน”
เด็กหนุ่มยิ้มกล่าว “ต่อให้ข้าโง่เชื่อพวกเจ้า แต่พวกเจ้าจะเชื่อใจ ข้าได้หรือ?”
โจวชิวถอนหายใจเบาๆ “เพราะไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วจริงๆ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ากล่าว “ประโยคนี้ของแม่นางโจวจึงจะเป็ น ค าพูดจากใจจริง ข้าค่อนข้างชอบฟัง ก็ได้ มือหนึ่งมอบเงินมือหนึ่ง มอบคน ออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก มีสหายเพิ่มขึ้นมีเส้นทาง เพิ่มขึ้น การคุ้มกันครั้งนี้ ข้ารับไว้แล้ว!”
โจวชิวโยนเงินเทพเซียนสองถุงไปให้ นางหันหน้าไปมองจุดที่ ห่างไปไม่ไกล เอ่ยด้วยน้าเสียงอ่อนโยนว่า “ชิงหนี ออกมาเถอะ ใน เมื่อได้ยินแล้วเจ้าก็ติดตามคุณชายเฉินออกไปจากที่นี่ วันหน้า อย่าได้กลับมาอีก”
เป็ นคนที่กางร่มเหมือนกัน แต่ว่าเป็ นคนตัวเป็ นๆ ไม่ใช่ภูตผี เห็น ได้ชัดว่าร่มกระดาษน้ามันสองคันนี้ล้วนมีประสิทธิผลในการเป็ นเวท อ าพรางตา
โจวชิวโบกมือลาเขา ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ ายได้พูดรั้งตัวไว้ เรือน กายของนางก็เปล่งวาบหายไป
เด็กหนุ่มร่างผอมดาดวงตาแดงก่า กัดริมฝีปาก หุบร่มกระดาษ น้ามันเข้าด้วยกัน ถือไว้ในมือ
คนทั้งสองมองสบตากัน อายุพอๆ กัน ส่วนสูงก็พอๆ กัน เด็ก หนุ่มผอมด ายังสะพายห่อสัมภาระผ้าฝ้ ายไว้ห่อหนึ่งด้วย
เด็กหนุ่มร่างผอมดาเอ่ยด้วยน้าเสียงแหบพร่า เป็ นฝ่ ายเปิดปาก ถามว่า “ได้ยินพี่หญิงโจวบอกว่าเจ้าคือยอดฝีมือในยุทธภพคนหนึ่ง”
ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสี่คนหนึ่ง เขาพอจะมีความรู ้ความเข้าใจอยู่ บ้าง
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่พยักหน้ารับ “ขอแก้ไขสักหน่อย ข้าไม่ใช่ ยอดฝีมือทั่วไป แต่เป็ นปรมาจารย์ผู้ฝึ กยุทธตัวจริงเสียงจริง คนใน
ยุทธภพทั่วไปหากฝีมือไม่มากพอก็ไม่มีทางเดินมาถึงเมืองเล็กได้ ยิ่ง ไม่มีทางเดินออกมาจากเมืองเล็กได้”
เด็กหนุ่มจากเมืองเล็กเพิ่งจะคุยกับเจ้าคนที่ชื่อเฉินเหรินผู้นี้ได้ ประโยคเดียวก็เริ่มร าคาญอีกฝ่ายแล้ว
พี่หญิงโจวกับพวกเขาไม่ได้มองคนผิดจริงๆ หรือ?
เขาถอนหายใจ “ข้าชื่อชิงหนี ชิงที่แปลว่าสีเขียว หนีที่แปลว่าดิน เหนียว ไม่ใช่ “ชินหนี” ที่แปลว่าสนิทสนม…”
เด็กหนุ่มโบกมือ “ชื่อปลอมๆ แม้แต่แซ่ก็ยังเว้นไว้ เจ้าไม่ต้อง อธิบายเรื่องนี้กับข้า อีกทั้งข้าเป็ นคนสูงศักดิ์มักลืมเรื่องต่างๆ ได้ง่าย จ าไม่ได้หรอก”
ชิงหนีสะอึกอึ้งไปทันใด
เฉินเหรินถาม “ทาไมถึงหุบร่มกระดาษน้ามันเสียล่ะ ไม่กางออก เพื่อจะอาพรางเรือนกายหรอกหรือ?”
ชิงหนีลังเลเล็กน้อย ก่อนอธิบายว่า “ปราณวิญญาณของข้าไม่ มากพอ เดินจากเมืองเล็กมาถึงตรงนี้ก็เป็ นขีดจากัดแล้ว”
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่เริ่มขยับเท้าออกเดิน
ครู่หนึ่งต่อมาชิงหนีก็เอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “พวกเราไม่ได้จะไป จากภูเขาเหอฮวานหรอกหรือ? ทาไมถึงย้อนกลับมาที่เมืองเล็กอีก ล่ะ?”
เฉินเหรินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ามองไม่ออกหรือว่าพี่หญิง โจวของเจ้ามีใจพร ้อมตาย คิดจะกระโจนเข้าหาความตายอย่างห้าว หาญแล้ว?”
ชิงหนียืนอยู่ที่เดิม เฉินเหรินหันหน้าไปมอง ยิ้มเอ่ยว่า “กลัวตายขนาดนี้เชียวหรือ?
โจวชิวเลี้ยงหมาป่าตาขาวไว้หรือไร?” สุดท้ายชิงหนีก็ยังไม่ได้สบถด่าออกไป |
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่เดินตรงไปด้านหน้า ยกสองแขนกอดอก “ตามมา กลัวอะไรกลับเมืองเล็กก็แค่ภูเขาเหอฮวานลูกเดียว ภูตผีที่ ชั่วร ้ายไม่กี่ตนเท่านั้น ข้าแค่ขยับปากพูดไม่กี่คาก็แหลกสลาย กลายเป็ นผุยผงแล้ว…”
สีหน้าของชิงหนีซีดขาวไร ้สีเลือด
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่มีมาดแห่งวีรบุรุษเต็มเปี่ยมพลันมีสีหน้า ตระหนกลน ค้อมเอวกระโจนตัวไปข้างหน้า กระโดดข้ามกอหญ้าข้าง ทางไปแล้วโบกมือแรงๆ กดเสียงต่าเอ่ยว่า “ผิดปกติ มีผีผ่านทางมา! รีบมาหลบเร็วเข้า!”
เห็นว่าชิงหนียังยืนอยู่ที่เดิมก็ได้แต่ผรุสวาทแล้วกระโดดผลุง ขึ้นมา คว้าคอของเด็กหนุ่มผิวด าผลักไปด้านข้าง ร่างของเด็กหนุ่ม ปลิวคว้าง ขณะที่กาลังจะตกกระแทกพื้นหญ้าก็ถูกเฉินเหรินคว้าไหล่ แล้ววางตัวเขาลงเบาๆ สุดท้ายคนทั้งสองก็นอนคว่าอยู่ด้านหลังเนิน
ดินเล็กๆ แห่งหนึ่งด้วยกัน เฉินเหรินเอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “เจ้าเด็กโง่ หากว่ากางร่มกระดาษน้ามันได้ก็รีบกางเลยเร็วๆ หากทาไม่ได้ก็กลั้น ลมหายใจซะ อย่าเผยปราณหยางที่อยู่บนร่างคนเป็ นออกมา ผีดุร ้าย พวกนี้สัมผัสกับสิ่งนี้ได้เฉียบไวที่สุด อย่าให้ข้าต้องเดือดร ้อนไปด้วย …”