กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1016.4 เว้นเสียจากถามนกที่บินอยู่นอกกรง
ชิงหนียื่นมืออ้อมไปด้านหลังคอ รู ้สึกเจ็บเล็กน้อยจึงพูดด้วย น้าเสียงไม่พอใจว่า “ไม่ต้องให้เจ้ามาสอน”
เขาเติบโตมาในเมืองเล็ก ควรจะคบค้ากับพวกผีอย่างไรเป็ นเรื่อง ที่เขาคุ้นเคยที่สุด
ผีสิบกว่าตัวเดินตีฆ้องตีกลองผ่านไป คนที่เป็ นหัวหน้าลักษณะ คล้ายแม่ทัพบู๊ที่สวมเสื้อเกราะเห็นรอยเท้าที่อยู่บนพื้น พอลองสูดดม กลิ่นก็พลันตวาดกร ้าว “ใคร?! ไสหัวออกมารับโทษตายเดี๋ยวนี้!”
หัวใจของชิงหนีบีบรัดตัว ไม่รู ้ว่าตัวเองเผยพิรุธตรงไหน ตาม หลักแล้วหากใช ้คาถาที่พี่หญิงโจวสอนตนย่อมไม่มีทางปล่อยปรานห ยางออกไปได้แน่
เด็กหนุ่มผิวด าหันหน้าไปมองแล้วก็พลันปากอ้าตาค้าง
เห็นเพียงว่าเจ้าคนที่สะพายกระบี่ที่แทบจะนอนหมอบแนบติดอยู่ กับพื้นเผ่นหนีออกไปไกลหลายจั้งแล้ว เร็วเสียจริง เวลาแค่ไม่กี่ชั่ว กะพริบตา หญ้าไหวสวบสาบไม่กี่ทีก็หายวับไปแล้ว
ไอ้หมอนี่คิดจะทิ้งเขาไว้ไม่สนใจหรือ?
รับเงินไปแล้วแต่กลับเผ่นหนีเอาแต่ตัวเองรอดเพื่อความ ปลอดภัยเช่นนี้?
ในตาราต่างพูดกันว่าคนที่รับหน้าที่คุ้มกันล้วนเป็ นลูกผู้ชายที่ไม่ รักตัวกลัวตายไม่ใช่หรือ?
ถอยไปพูดหนึ่งก้าว จะดีจะชั่วก็ควรมีคุณธรรมในยุทธภพและมี ความซื่อสัตย์บ้างกระมัง?
ชิงหนีไม่มีที่ให้หลบเลี่ยง จะหนีก็หนีไปไหนไม่ได้ จึงได้แต่ปลุก ความกล้าลุกขึ้นยืน
ตามคากล่าวของพี่หญิงโจว ชิงหนีไม่มีคุณสมบัติในการฝึกวร ยุทธ เพียงแค่เรียนวิชาต่างๆ มาอย่างผิวเผิน เอามาใช ้สร ้างความ แข็งแรงให้กับร่างกาย ประเด็นส าคัญคือมิอาจน ามาใช ้รับมือกับผีได้ เลย อีกทั้งท่านลุงหลิวก็เคยบอกว่าคนที่ฝึกวรยุทธหากไม่มีปณิธาน หมัดอยู่ติดกายก็ล้วนเป็ นเพียงความว่างเปล่า รับมือกับอันธพาลใน ตลาดยังพอได้ แต่คิดจะสังหารผีปีศาจก็อย่าได้หวังเลย
เด็กหนุ่มผิวดาหยิบแกนม้วนภาพขนาดจิ๋วหลายชิ้นออกมาจาก ชายแขนเสื้อ สะบัดดังพรึ่บก็กางภาพเหมือนสี่ภาพขนาดไม่ใหญ่ ออกมา จากนั้นเขาประกบสองนิ้ว ใบหน้าก็พลันแดงก่า ใช ้ปราณ วิญญาณแห่งฟ้ าดินที่เหลืออยู่น้อยนิดทาให้ภาพเหมือนเหล่านั้น ลอยตัวอยู่กลางอากาศ
วิชานี้ของชิงหนีสามารถสยบพวกผีที่ชักอาวุธออกมาเรียบร ้อย แล้วให้ตกใจกลัวได้จริงๆ
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่นั่งยองอยู่ในพงหญ้า ลูบคลาปลายคาง แม่ นางน้อยที่ใช ้นามแฝงว่าชิงหนีผู้นี้เป็ นผู้ฝึกลมปราณจริงๆ ด้วย แต่ เป็ นแค่ขอบเขตหนึ่งเท่านั้น ดูเหมือนว่าจงใจชะลอการฝ่ าทะลุ ขอบเขตเอาไว้
ก็ไม่ได้เดายากอะไร ไม่มีวิชาการฝึกตนวิถีผีที่เหมาะสม อยู่ใน เมืองเล็กที่ปราณหยินเข้มข้น ผีร ้ายออกอาละวาดไปทั่ว ผู้ฝึ ก ลมปราณที่เป็ นคนตัวเป็ นๆ แค่เปิดช่องโพรงลมปราณดูดซับปราณ วิญญาณฟ้ าดินมาก็ยากจะสาวดึงและกาจัดปราณขุ่นมัวที่ดุร ้ายพวก นั้นทิ้งไปได้ รากฐานไม่มั่นคงก็ง่ายที่จะถูกกระแสน้าขึ้นชัดเทเข้าไป ในช่องโพรงลมปราณแห่งชะตาชีวิตหลายแห่ง ผลลัพธ ์เบาหน่อยก็ คือท าร ้ายถึงรากฐานมหามรรคา หนักหน่อยก็นิสัยแปรเปลี่ยน กลายเป็ นคนที่ชื่นชอบการเข่นฆ่า
เพียงแต่ว่ารอกระทั่งเขาได้เห็นภาพเหมือนทั้งสี่ก็รู ้สึกหัวเราะ ไม่ได้ร ้องไห้ไม่ออก
มีภาพของฉีเจินเทียนจวินแห่งส านักโองการเทพ เทพเซียนผู้ เฒ่าลัทธิเต๋านี่นะ ในอดีตคือผู้นาเขียนชื่อของในหนึ่งทวีป
และยังมีภาพเหมือนหยวนเฉาสองคนอีกสองภาพที่เคยแปะเป็ น เทพทวารบาลลงสีหน้าประตูครัวเรือนของคนล่างภูเขาในทวีป
สามคนนี้ถูกชิงหนีเอาออกมาใช ้สยบการาบภูตผี…แม้จะไม่ได้มี ประโยชน์อะไร แต่ก็ถือว่าสมเหตุสมผลดี
เพียงแต่ภาพสุดท้ายนั่น คือภาพคนชุดเขียวถือกระบี่ คือคน หนุ่มคนหนึ่ง เฉินผิงอันพูดไม่ออกทันใด นวดคลึงหว่างคิ้วอย่างปวดหัว เห็นเพียงว่าภาพเหมือนทั้งสี่ที่ลอยอยู่กลางอากาศล้อมวนไปรอบ กายเด็กหนุ่มอย่างเชื่องช ้าเข้าท่าเข้าที ยังมีมาดของตระกูลเซียนอยู่ หลายส่วนด้วย
ส่วนผีที่ผ่านทางมากลุ่มนั้น ตอนแรกก็หวาดระแวงกังขา กังวล ว่าจะเจอผู้ฝึ กตนบนภูเขาเข้าจริงๆ แต่พอเด็กหนุ่มผิวดาเกรียมที่ เรือนกายโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่เริ่มหัวเราะเสียงหยันดังลั่น แม่ทัพผีที่ เป็ นหัวหน้าจึงชักดาบออกจากฝัก ฟันไปก่อนค่อยว่ากัน เจอระหว่าง ทางเช่นนี้ก็ถือว่าเป็ นอาหารมื้อดึกแล้วกัน
หากภาพแขวนพวกนี้ใช ้ได้ผลจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพกภาพเหมือน ของบรรพจารย์สามลัทธิติดตัวจะไม่เดินกร่างไปทั่วใต้หล้าได้เลย หรอกหรือ?
เพียงแต่ว่าครู่หนึ่งต่อมาผีที่เป็ นหัวหน้าก็รู ้สึกเหมือนถูกฟ้ าผ่า สะบัดหัว สองเข่าถึงกับอ่อนยวบลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น โบกสะบัด ดาบมั่วๆ กระหืดกระหอบ ควงดาบพลางวิ่งหนีไปด้วย แผล็บเดียวก็ หายวับไปไม่เหลือเงา ลูกกระจ๊อกคนอื่นๆ เห็นท่าไม่ดีก็พากันเผ่นหนี เหมือนนกที่แตกรัง
ชิงหนีทรุดนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง รีบเก็บภาพขนาด เล็กสี่ภาพใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ
ก่อนหน้านี้ยังเคยถูกพวกพี่หญิงโจวและท่านลุงหลิวหัวเราะเยาะ คิดไม่ถึงว่าจะใช ้ได้ผลจริงๆ?!
ชิงหนีหันหน้าไปมองเจ้าตะพาบสะพายกระบี่ที่เดินมาหาตนช ้าๆ เดินพลางปัดหญ้าบนหัวและดินที่อยู่บนตัวไปด้วย พยักหน้าเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็ นผู้ฝึกลมปราณ เท้าข้างหนึ่งเหยียบไปบนภูเขา แล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย วันหน้าพวกเราก็สามารถเรียกกันเป็ น สหายได้แล้ว ชิงหนี ชื่อดีฉายาดี ข้ารู ้จักคนผู้หนึ่งที่ฉายาต่างจาก เจ้าแค่ค าเดียวขอบเขตของเขาสูงมากเลยล่ะ”
อันที่จริงเฉินผิงอันก็รู ้สึกตลกมากเหมือนกัน นี่ถือว่าชิงหนีจับ ผลัดจับผลูท าส าเร็จไปแบบงงๆ
เพียงแค่เพราะภาพเหมือนนั้นกับตัวจริงอย่างเขาอยู่ห่างกันไม่กี่ ก้าวจึงเป็ นการเชื่อมโยงถึงกันอย่างที่มองไม่เห็น
ชิงหนีเช่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “จะเอาอย่างไร ยังจะกลับเมืองเล็กอีก ไหม?!”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เชื่อพี่หญิงโจวของเจ้าดีกว่า ควรอยู่ให้ห่าง จากสถานที่อันตรายเมื่อครู่นี้ข้าก็แค่ลองหยั่งเชิงความกล้าของเจ้า เท่านั้น”
เด็กหนุ่มผิวดามองเจ้าคนที่พึ่งพาไม่ได้ผู้นี้เงียบๆ ต่อให้พี่หญิงโจ วจะมองพลาดไปแต่อาศัยเขาแค่คนเดียวต้องไม่มีทางมีชีวิตเดิน ออกไปจากอาณาเขตของภูเขาเหอฮวานได้แน่นอน ตลอดทางมานี้ แทบจะทุกๆ เจ็ดสิบแปดสิบลี้ล้วนเป็ นพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของ ปีศาจดุร ้ายหรือไม่ก็ผีอ ามหิต อันตรายอย่างมาก ปลายฤดูหนาวของ ปีที่แล้วเคยมีครั้งหนึ่งที่เป็ นวันหิมะตกหนัก พี่หญิงโจวคุ้มกันตนมาส่ง ที่ชายแดนของภูเขาเหอฮวาน ผลคือพี่หญิงโจวสัมผัสได้ถึงปราณที่ หลบซ่อนขุมหนึ่งได้อย่างเฉียบไว เพียงแต่ว่าไม่อาจแน่ใจในต าแหน่ง ของอีกฝ่ าย พวกเขาจึงได้แต่ย้อนกลับไปทางเดิม ช่วยไม่ได้ พวกพี่ หญิงโจวที่อยู่ในอาณาเขตของภูเขาเหอฮวานมีศัตรูเยอะเกินไปจริงๆ อันที่จริงตนก็ไม่คิดมากเรื่องที่จะได้ออกไปจากภูเขาเหอฮวานหรือไม่ กลับกันยังยินดีที่จะอยู่ข้างกายพวกพี่หญิงโจวด้วยซ้า แต่พี่หญิงโจ วกลับชอบพูดว่าชะตาชีวิตของตนไม่เลว ควรออกเดินทางไกล
ห่างไปไกล ชายฉกรรจ์สวมเสื้อเกราะคนหนึ่งลูบหนวดเคราของ ตัวเอง “นี่ถือเป็ นยอดฝีมือในยุทธภพตรงไหนกัน?”
ใบหน้านางเต็มไปด้วยแววอ่อนใจ “บางทีวิชาท านายของข้าอาจ ไม่แม่นย าพอ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็รักษาม้าตายดั่งม้าเป็ นไปแล้ว กัน”
ชายฉกรรจ์พยักหน้า “เป็ นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ได้แต่ฟังลิขิตจาก สวรรค์ นังหนูนี่แค่มองก็รู้ว่าเป็ นคนมีบุญบารมี ข้ารู้สึกว่านางต้องมี ชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้แน่นอน”
คราวนี้เป็ นโจวชิวที่ต้องประหลาดใจบ้างแล้ว “วางใจจะมอบนาง ให้คนผู้นี้ดูแลจริงๆ หรือ?”
เขาพยักหน้า “ถือว่าเป็ นการเดิมพันครั้งหนึ่ง”
“ด้วยดวงในการเดิมพันของท่านน่ะหรือ จะไม่แพ้อยู่เรื่อยไปหรือ ไร?”
“ก็เพราะพ่ายแพ้บนโต๊ะเดิมพันมาโดยตลอด เชื่อว่านอกโต๊ะเดิม พันก็น่าจะชนะได้สักครั้ง”
“ใช่แล้ว หลิวเปียวจ่าง เมื่อครู่นี้ทาไมผีพวกนั้นถึงถอยหนีกันไป เองเล่า? ท่านเป็ นคนลงมือหรือ?”
ชายฉกรรจ์ส่ายหน้า “เป็ นเรื่องประหลาดจริงๆ ข้ายังนึกว่าเป็ น ฝีมือของเจ้าเสียอีก”
“ไม่ตามไปอีกสักระยะหนึ่งหรือ?”
“ถึงอย่างไรก็ต้องจากลากันอยู่ดี แล้วนับประสาอะไรกับที่ข้าก็ เชื่อในผลการทานายของเจ้าด้วย”
“เด็กหนุ่ม” สองคนที่มาพบเจอกันโดยบังเอิญต่างก็ไม่พูดไม่จา คนหนึ่งเดินนาหน้าคนหนึ่งเดินตามหลังกันไปได้ประมาณเกือบครึ่ง ชั่วยาม
นักพรตหนุ่มคนหนึ่งที่สวมกวานดอกบัวบนศีรษะนั่งยองวักน้า ล้างหน้าอยู่ริมครัวรักแร ้เหน็บเสื้อผ้าไว้หลายตัว เขารีบโยนเสื้อผ้าลง บนพื้น ลุกขึ้นยืน วิ่งเหยาะๆ ไปหาหนุ่มสะพายกระบี่
เฉินผิงอันหยุดเดิน ขมวดคิ้ว
ลู่เฉินถอนหายใจ ส่ายหน้า
“เด็กหนุ่ม” สองคนที่มาพบเจอกันโดยบังเอิญต่างก็ไม่พูดไม่จา คนหนึ่งเดินนาหน้าคนหนึ่งเดินตามหลังกันไปได้ประมาณเกือบครึ่ง ชั่วยาม
นักพรตหนุ่มคนหนึ่งที่สวมกวานดอกบัวบนศีรษะนั่งยองวักน้า ล้างหน้าอยู่ริมคลอง ใต้รักแร ้เหน็บเสื้อผ้าไว้หลายตัว เขารีบโยน เสื้อผ้าลงบนพื้น ลุกขึ้นยืน วิ่งเหยาะๆ ไปทางเด็กหนุ่มสะพายกระบี่
เฉินผิงอันหยุดเดิน ขมวดคิ้ว
ลู่เฉินถอนหายใจ ส่ายหน้า
เห็นได้ชัดว่าบุคคลผู้นั้นที่เจ้าลัทธิลู่ต้องการตามหาไม่ใช่ “เด็ก หนุ่ม” ที่มีนามแฝงว่าชิงหนีผู้นี้
ในเมื่อบุคคลผู้นั้นอยู่ที่แจกันสมบัติทวีป ถ้าอย่างนั้นอิ่นกวาน หนุ่ม หม่าขู่เสวียนที่หวนกลับบ้านเกิด หรือไม่ก็กู้ช่าน ล้วนมีโอกาส ที่จะได้เจอเขาทั้งสิ้น
อีกทั้งความเป็ นไปได้ของพวกเขาจะมากกว่าผู้ฝึ กลมปราณ ทั่วไปเยอะมาก เยอะกว่ามากๆ ยิ่งผลกรรมระหว่างใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง และเผ่าปีศาจพัวพันกันลึกล้าเท่าไร ความเป็ นไปได้ก็จะมีมากเท่านั้น
ดังนั้นนี่ก็เป็ นเหตุผลหลักที่ทาไมลู่เฉินถึงเป็ นฝ่ ายมาตามหาเฉิน ผิงอัน แต่นี่เป็ นแค่ความเป็ นไปได้หนึ่งเท่านั้น วิถีแห่งสวรรค์ แปรปรวน เรื่องราวทางโลกยากจะคาดเดา
เฉินผิงอันเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรกับชิงหนี ถามว่า “ลมที่พัดโชย มาบนยอดเขาโพโม่ก่อนหน้านั้น เป็ นฝีมือเจ้าหรือ?”
ลู่เฉินเอ่ยอย่างน้อยใจ “จะเป็ นไปได้อย่างไร?!”
ถ้าอย่างนั้นก็ใช่แน่แล้ว
เฉินผิงอันเอ่ยเตือน “ลู่เฉิน ต่อจากนี้เจ้าตามหาก็ส่วนตามหา จา ไว้ว่าคราวหน้าอย่ามาเจอกับข้าอีก เรื่องเดิมไม่ทาซ้าสาม”
ก่อนหน้านี้ที่หาดโปรยดอกไม้ของภูเขาไฉอวี้ ยังมีที่ยอดเขาโพ โม่ในอาณาเขตของภูเขาเหอฮวาน รวมถึงที่แห่งนี้ด้วย
ลู่เฉินเปลี่ยนเรื่องคุย ยิ้มเอ่ย “มีคนวิจารณ์ลายมือของเจ้า ดู อักษรจากตราประทับด้อยกว่าที่คุณสมบัติไม่เพียงพอ เหนือกว่าใน เรื่องความพยายาม”
เฉินผิงอันพยักหน้า “เป็ นคาวิจารณ์ที่เป็ นกลางอย่างมาก”
ลู่เฉินหันหน้าไปมองเด็กหนุ่ม…เด็กสาวผิวดา ยิ้มเอ่ยว่า “ช่างมี วาสนาดีจริงๆ ที่สามารถท าให้ผินเต้าและเจ้าขุนเขาเฉินช่วยกัน ปกป้ องมรรคาให้เจ้า”
เวลานี้อารมณ์ของเด็กสาวซับซ ้อนอย่างถึงที่สุด นางเกือบจะ หลุดพูดว่าเจ้าคือหอมต้นไหนกัน เพียงแต่คิดแล้วก็ยังอดกลั้นเอาไว้
เฉินผิงอันใช ้เสียงในใจเอ่ยถาม “คือผู้อาวุโสบนภูเขาท่านใด ของใต้หล้ามืดสลัว?”
ลู่เฉินอมพะนา “ยอดฝีมือคนหนึ่ง ขอบเขตสูง นิสัยเจ้าอารมณ์ สายตาสูงส่ง”
เฉินผิงอันเหลือบมองห่อสัมภาระของเด็กสาว ด้านในบรรจุป้ าย ห้อยเอวของกองทัพม้าลาดตระเวนมากฝีมือของต้าหลี
“การที่กลายมาเป็ นวิญญาณวีรบุรุษของที่แห่งนี้ แต่กลับ ป้ วนเปี้ยนไม่ยอมไปไหนทาไมถึงไม่เป็ นนกบินกลับรังหลบเลี่ยงควัน ปรุงอาหาร คิดดูแล้วก็คงเพราะในใจมีความยืดมั่นถือมั่น มีแค่สองคา เท่านั้น สังหารปีศาจ”
สองมือของลู่เฉินสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ เอ่ยเนิบช ้าว่า “ผิน เต้าเดาไปส่งเดช แม่นางโจวบอกว่าลาบากใจที่จะพูด สาเหตุที่แท้จริง ต้องมีเรื่องที่ซับซ ้อนซ่อนอยู่อย่างแน่นอน”
เฉินผิงอันกล่าว “เจ้าลัทธิลู่ รบกวนเจ้าช่วยส่งชิงหนีออกไปจาก อาณาเขตภูเขาเหอฮวานที ข้าจะกลับไปที่เมืองเล็ก สามารถพานาง ไปพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมตระกูลเซียนของเมืองหลวงแคว้นชิงซิ่งก่อนก็ได้”
ลู่เฉินยิ้มกล่าว “ไยต้องยุ่งยากแบบนี้ด้วยเล่า พวเราสองคนไปที่ เมืองเล็กพร ้อมกันเลยสิ”
เฉินผิงอันเงียบไม่พูดไม่จา ลู่เฉินยิ้มกล่าว “ไม่สู้ฟังผินเต้าสักคา เรื่องของการทานายคิดดูแล้วแม่นางโจวน่าจะไม่เชี่ยวชาญเท่าผิน เต้าหรอก”
เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้ารับ
ลู่เฉินเปิดปากพูดกลั้วหัวเราะกับเด็กสาวผิวดา “สหายชิงหนี เจ้า ร่วมมือกับพวกเราสองคนก็สามารถสังหารขอบเขตสิบสี่ได้เลยนะ!”
ชิงหนีถามอย่างประหลาดใจ “นักพรตท่านนี้ ขอบเขตสิบสี่คือ ขอบเขตอะไร?”
ตามคากล่าวของพี่หญิงโจว ฟ้ าดินด้านนอกเต็มไปด้วยความลี้ ลับมหัศจรรย์ ทว่าขอบเขตที่สูงที่สุดของผู้ฝึกยุทธไม่ใช่ขอบเขตเก้า ยอดเขา ขอบเขตสูงสุดของผู้ฝึกลมปราณบนภูเขาก็ไม่ใช่เซียนดิน หรอกหรือ?
ลู่เฉินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอบเขตสิบสี่ก็ยังไม่รู ้จักหรือ? ก็คือ ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตหนึ่งสิบสี่คนอย่างไรเล่า!”
เด็กสาวมองนักพรตหนุ่มที่ท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย จากนั้นจึง มองเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่พอเกิดเรื่องก็เผ่นหนี รู ้สึกว่าพวกเขา กลายเป็ นสหายกันได้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลจริงๆ
ลู่เฉินยิ้มเอ่ย “บนยอดเขามีลมพัดผ่านมาระลอกเดียวก็กระตุก เส้นด้ายแดงเส้นด้ายแห่งผลกรรมได้มากขนาดนี้เชียวหรือ”
ความนัยนอกเหนือจากประโยคนี้แน่นอนว่าพูดถึงเรื่องที่เฉินผิง อันรับปากจะเข้าร่วมงานพิธีของแคว้นชิงซิ่ง
ที่ท่าเรือหนิวเจี่ยวแห่งนั้น เจ้าเฉินผิงอันก็แค่พยักหน้าโดยที่เป็ น การกระทาซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความดีความเลวเท่านั้นเอง
ห่างไปไกลพันลี้ ก็คือความสุขความทุกข์การพบการพรากของ แต่ละคนที่อยู่ในอาณาเขตของภูเขาเหอฮวาน บางทีอาจเป็ นการก่อ กรรมท าเข็ญเอง บางทีอาจเป็ นการภาวนาให้ตัวเองโชคดี หรือบางที ก็เป็ นชะตาที่กาหนดไว้
เฉินผิงอันหยิบน้าเต้าบรรจุเหล้าสีชาดลูกนั้นออกมา แค่ดื่มเหล้า เท่านั้น
ลู่เฉินหันหน้ามาถาม “สหายน้อยชิงหนี ภาพเทพเซียนสี่ภาพ ก่อนหน้านี้ เจ้าคิดว่าใครที่อายุน้อยหล่อเหลามากที่สุด?”
ไม่รอให้ชิงหนีตอบคาถามปัญญาอ่อนข้อนี้ ก็เห็นว่าเด็กหนุ่ม สะพายกระบี่ยกมือขึ้นกาเป็ นหมัดต่อยให้นักพรตหนุ่มกระเด็น ออกไปทันที พอร่วงลงพื้นก็นอนแน่นิ่งไม่ขยับ
ชิงหนีที่ตกใจสะดุ้งโหยงเอ่ยเสียงสั่น “หมัดนี้ของเจ้าต่อยโดนจุด ไท่หยางของท่านนักพรตหรือ? เขาจะไม่เป็ นไรจริงๆ ใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่เอ่ยเสียงขุ่น “มองผิดแล้ว ต่อยโดนกลาง กระหม่อมต่างหากต่อยจนนักพรตผู้นี้พิสูจน์มรรคาบินทะยานได้ โดยตรงเลย”
ถึงอย่างไรชิงหนีก็กังวลว่าคนผู้นั้นอาจจะได้รับบาดเจ็บ นางหัน หน้าไปมองอีกครั้งได้ยินเพียงนักพรตหนุ่มตวาดเบาๆ แล้วดีดตัว ขึ้นมาในท่านอนหงาย ผลคือไม่ได้ลุกขึ้น แต่ร่างทั้งร่างร่วงลงไปนอน กับพื้นอีกครั้ง นักพรตได้แต่ยื่นมือมายันพื้นโซเซลุกขึ้นยืน สะบัด ไหล่แรงๆ ฝุ่นบนร่างก็ร่วงกราวลงเต็มพื้น
ดูเหมือนว่านักพรตหนุ่มจะไม่ได้เป็ นอะไรมาก ไม่ถือสาหมัดนั้น ของเด็กหนุ่มสะพายกระบี่เลยแม้แต่น้อย ถามว่า “สหายน้อยชิงหนี เจ้าสนิทกับฉีเทียนจวินแห่งส านักโองการเทพมากหรือ? บังเอิญ ขนาดนี้เชียว ผินเต้าเองก็มีความเกี่ยวข้องกับเขาอยู่บ้าง”
เด็กสาวพอจะวางใจได้บ้างแล้ว นางตีหน้าเคร่งเอ่ยว่า “ข้าสนิท กับฉีเทียนจวินมากแต่ฉีเทียนจวินไม่สนิทกับข้า”
นักพรตที่สวมกวานดอกบัวบนศีรษะใช ้หมัดทุบฝ่ ามือ “บังเอิญ อีกแล้ว ฉีเทียนจวินสนิทกับผินเต้ามาก แต่ผินเต้าไม่สนิทกับฉี เทียนจวิน”
เด็กสาวขมวดคิ้ว “ท่านนักพรตพูดสลับกันหรือไม่?”
ลู่เฉินนวดคลึงปลายคาง แสร ้งท าเป็ นคิดหนัก
“สหายน้อยชิงหนี เจ้าคิดว่าพี่น้องเฉินของข้านิสัยใจคอเป็ น อย่างไร รูปโฉมเป็ นอย่างไร? คู่ควรกับคากล่าวที่ว่า “อายุน้อยแต่เป็ น นายพลบัญชาการณ์กองทัพนับหมื่น หรือไม่?”
“เหอะ”
ลู่เฉินอ้อมสองมือไปด้านหลังคอ ยึดเส้นบิดขี้เกียจ “หากจะมีใคร รู ้การไปมาของวสันตฤดูก็หนีไม่พ้นถามนกที่บินอยู่นอกกรง”