กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1018.1 แล้วถามข่าวคราวของดอกเหมยจากใคร
่้
บทที่ 1018.1 แล้วถามข่าวคราวของดอกเหมยจากใคร
หวนกลับคืนมายังสถานที่เดิม วัตถุยังคงเดิมแต่คนกลับ เปลี่ยนไปแล้ว เรื่องราวในอดีตผ่านเลย ประดุจอยู่ในความฝัน
เกาะซู่หลินทะเลสาบซูเจี่ยน
เถียนหูจวินเจ้าเกาะที่เดิมที่กาลังปิดด่านออกจากด่านมาอย่าง เงียบเชียบ จัดงานเลี้ยงอยู่ในหอสุราแห่งหนึ่งบนยอดเขา นั่งลงตรง ข้ามกับผู้ฝึกตนหนุ่มที่สวมชุดลัทธิขงจื๊อสวมหมวกกวนจิน (ผ้าโพก ทาจากไหม ส่วนที่แพร่หลายที่สุดคือหมวกลักษณะโค้งมน มีลาย ม้วนคล้ายก้นหอย)
สีหน้าของเถียนหูจวินซีดขาวเล็กน้อย ถึงขั้นที่ไม่กล้าพูดจา ทักทายถามไถ่ คล้ายกับนักเรียนในโรงเรียนประถมที่ดีแต่เล่นสนุก เกเรที่กาลังรับฟังคาสั่งสอนของอาจารย์
คนหนุ่มเก็บความคิดทั้งหลายกลับคืน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ศิษย์พี่ ฉินยังยุ่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
ในเมื่ออีกฝ่ ายถามด้วยน้าเสียงสงสัย เถียนหูจวินก็รีบคิดหา ถ้อยค าอยู่ในใจตัวเอง
อย่างรวดเร็ว เอ่ยเสียงสั่นว่า “ฉินแจว๋กับจ้าวฝูหยางแห่งภูเขาจุ้ย ยวนเป็ นคนรู ้จักเก่ากัน ข้ากับอวี๋ฉุนจือแห่งจวนเฝิ่นหวานภูเขาเหอฮ
่้
วานก็ไม่ถือว่าเป็ นคนแปลกหน้าต่อกัน เมื่อร ้อยปีก่อนอวี๋ฉุนจือเคย มาเยือนเกาะชิงเสีย อาจารย์ให้ข้าเป็ นคนรับรองแขก เมื่อหลายปีก่อ นอวี๋เจ้นบุตรชายของอวี๋ฉุนจือก็เคยมาเที่ยวเยือนทะเลสาบซูเจี่ยนอ ย่างลับๆ แล้วก็เคยแวะมาที่เกาะซู่หลินของข้า ดังนั้นการที่ภูเขาเหอฮ วานรับสมัครบุตรเขยครั้งนี้ ฉินแจว๋ที่ไม่อาจปฏิเสธจึงไปร่วมงานเลี้ยง เพียงลาพัง ข้าต้องปิ ดด่าน แล้วก็ไม่อยากจะมีความเกี่ยวข้องกับ ภูเขาเหอฮวานสักเท่าไร จึงปฏิเสธคาเชิญไป งานเลี้ยงของภูเขา เหอฮวานก็จัดขึ้นในคืนนี้”
อะไรที่ควรตอบล้วนตอบไปตามตรง เพียงแต่ว่าเถียนหูจวินไม่คิด จะพูดอะไรที่เกินความจ าเป็ น กลัวเป็ นการวาดงูเติมขา สร ้างปัญหา แทรกซ ้อนโดยไม่จ าเป็ น
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่ทุกวันนี้ภูเขาเหอฮวานเรียกตัวเองว่า ทะเลสาบซูเจี้ยนน้อย เถียนหูจวินหรือจะกล้าพูดมากแม้แต่ครึ่งคา
ในใจนางพลันรู ้สึกเคียดแค้นอวี๋ฉุนจืออย่างถึงที่สุด ช่างสมควร ตายจริงๆ ท าไมนางถึงไปรู ้จักสตรีเช่นนี้ได้นะ
คนหนุ่มดื่มเหล้าหนึ่งอีก ก่อนจะขึ้นมาบนเกาะเขาได้ตั้งใจไปซื้อ เหล้าอีกาครวญที่นครฉือสุ่ยมาโดยเฉพาะ เอ่ยสัพยอกว่า “เมื่อร ้อย กว่าปี ก่อน? เมื่อหลายปี ก่อน? ดูเหมือนว่าศิษย์พี่หญิงเถียนจะยัง พูดจาคลุมเครืออยู่เหมือนเดิม”
่้
สีหน้าของเถียนหูจวินซีดขาวทันใด รีบบอกตัวเลขสองตัวที่แน่ ชัดไปทันที
ชายหนุ่มยกฝ่ ามือขึ้น ใช ้ฝ่ ามือเช็ดจมูก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ศิษย์พี่หญิงไม่ต้องตื่นเต้นเช่นนี้ ก็แค่เรียกตัวเองว่าทะเลสาบซูเจี่ยน น้อยเท่านั้น ไม่ใช่ทะเลสาบซูเจี่ยนจริงๆ เสียหน่อย แล้วนับประสา อะไรกับที่ต่อให้เป็ นทะเลสาบซูเจี่ยนจริงๆ แล้วจะอย่างไร ทุกวันนี้มัน ก็อยู่ใต้กันของศิษย์พี่หญิงกับข้าไม่ใช่หรือ”
เจ้าขี้มูกยึดแห่งตรอกหนีผิงในอดีต กู้ช่านแห่งนครจักรพรรดิ ขาวในทุกวันนี้
เมื่อหลายปีก่อนได้ออกไปจากทะเลสาบซูเจี่ยน ตอนนี้เพิ่งกลับ จากใต้หล้าเปลี่ยวร ้างมายังแจกันสมบัติทวีปได้ไม่นาน
อยู่ดีๆ กู้ช่านก็ถามว่า “อาจารย์ไม่ได้ตอบตกลงกับหลิวเหล่าเฉิง ว่าจะเป็ นเจ้าส านักรุ่นที่สี่ของสานักเจินจิ้ง เป็ นเพราะมีความ ทะเยอทะยานที่จะเปิดสานักตั้งพรรคเองหรือเพราะกลัวอะไรอยู่ หลบ อะไรอยู่?”
เถียนหูจวินเหมือนถูกทุบลงบนหัวใจหนักๆ จนนางแทบจะหายใจ ไม่ออก ต้องโทษที่คราวก่อนอาจารย์พานางไปเยี่ยมเยือนจางเย่ ด้วยกัน ทาให้นางได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน
หาไม่แล้วนางก็คงแสร ้งทาเป็ นไม่รู ้ต่อคาถามนี้ของกู้ช่านได้แล้ว
่้
“ศิษย์พี่หญิงไม่ได้ทาเรื่องที่ผิดต่อมโนธรรมเสียหน่อย ไยต้องตึง เครียดขนาดนี้ด้วยยิ่งปกปิดกลับจะยิ่งมีพิรุธ หากข้าไม่รู ้ว่าศิษย์พี่ หญิงเป็ นคนอย่างไรคงรู ้สึกสงสัยในตัวศิษย์พี่หญิงแล้ว”
กู้ช่านวางจอกเหล้าลง ลุกขึ้นยืนพิงราวรั่ว “จอกเทพีบุปผาคู่ หนึ่งบนโต๊ะก็ถือเสียว่าเป็ นของขวัญร่วมแสดงความยินดีล่วงหน้าที่ ศิษย์พี่หญิงปิดด่านสาเร็จ ในอนาคตเลื่อนเป็ นก่อก าเนิด ไม่ใช่ของ เลียนแบบ”
เถียนหูจวินลุกขึ้นตาม
กู้ช่านกล่าว “เจิงเย่ก็พอๆ กับหลวี่ไฉซางแห่งเกาะหวงหลี บางที อาจไม่ถือเป็ นสหายอะไร แต่ในใจของข้า พวกเขาเทียบกับศิษย์พี่ หญิงเถียนและพวกศิษย์พี่ฉินแล้วกลับไม่ค่อยเหมือนกัน วันหน้าทาง ฝั่งของพรรคห้าเกาะ ศิษย์พี่หญิงเถียนช่วยดูแลให้มากหน่อย หลังจากกลายเป็ นเซียนดินก่อก าเนิด ในอนาคตร ้อยปีหลายร ้อยปี บนเส้นทางของการฝึ กตนช่วยเจิงเย่ทาเรื่องที่เป็ นการส่งถ่าน ท่ามกลางหิมะสักเรื่องสองเรื่อง ส่วนเรื่องอย่างการปักบุปผาลงบนผ้า แพรนั้นก็ช่างเถอะ ข้าไม่อยากติดค้างน้าใจศิษย์พี่หญิงเพราะเรื่อง ทานองนี้ถึงเวลานั้นข้างกายของเจิงเย่ย่อมมีคนที่จะช่วยเตือนให้ศิษย์ พี่หญิงลงมือช่วยเหลือ ช่วยให้พรรคห้าเกาะผ่านด่านยากไปได้ส าเร็จ ดังนั้นศิษย์พี่หญิงไม่จาเป็ นต้องทุ่มเทความคิดพิจารณาว่าจะลงมือ ตอนไหน ลงมืออย่างไร”
่้
หูเถียนจวินไม่เพียงแต่ไม่มีอารมณ์หนักอึ้ง กลับกันยังโล่งอก เอ่ยเสียงเบาว่า “เป็ นภาระหน้าที่ของข้า ข้าจะต้องทุ่มเทกาลังอย่าง สุดความสามารถแน่นอน”
กู้ช่านยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ศิษย์พี่หญิงเถียนยังเป็ นเหมือนเดิมเลย นะ พูดจาหนักแน่นเหมือนก้อนเหล็ก แต่ท าจริงกลับบางเบาเหมือน
ขนห่าน” เถียนหูจวินรู ้สึกชาไปทั้งหนังศีรษะ |
กู้ช่านกล่าว “แต่ก็ดีกว่าข้า”
ครั้งนี้หลุดพ้นมาจากใต้หล้าเปลี่ยวร ้างได้ เขาไปเยือนที่ท่าเรือ แห่งหนึ่งมา ได้เจอกับซ่งปันไฉที่ทุกวันนี้สถานะสูงศักดิ์เป็ นถึงอ๋องเจ้า เมืองของต้าหลีแล้ว เพียงแต่ว่าเป็ นเพื่อนบ้านในตรอกเดียวกันมา นานหลายปี ทุกวันนี้พบหน้ากันอีกครั้ง กลับคล้ายว่าจะไม่มีอะไรน่า สนุกแล้ว ยังสู้ตอนเด็กที่ตะโกนด่ากันข้ามประตูบ้านไม่ได้ด้วยซ้า
กู้ช่านพลันยื่นหลังมือออกมาดันไว้ที่หัวใจเบาๆ ใบหน้าหล่อ เหลาบิดเบี้ยว อยู่ดีๆ ก็พึมพ าด่าว่าอาจารย์เฉาสือระย า
เพราะต่อสู้กับเฉาสือที่อยู่ในชั้นเทพมาเยือนไปรอบหนึ่ง ผลกลับ ต้องพ่ายแพ้อย่างอนาถ
กู้ช่านมองไกลๆ ไปยังเกาะซึ่งเป็ นที่ตั้งของพื้นที่ประกอบ พิธีกรรมหลิวเหล่าเฉิงในอดีต
่้
ทุกวันนี้เกาะกงหลิ่วเป็ นที่ตั้งศาลบรรพจารย์ของสานักเจินจิ้ง แล้ว
หลิวเหล่าเฉิงเจ้าสานักคนปัจจุบันขอบเขตเซียนเหริน อีกทั้งเขา ยังเป็ นผู้ฝึ กตนอิสระห้าขอบเขตบนคนแรกตลอดเวลาสองพันปี ที่ ผ่านมาของแจกันสมบัติทวีปด้วย คนทั้งทวีปต่างเห็นพ้องต้องกันว่ามี โชควาสนายิ่งใหญ่อยู่บนร่างของเขา
หลิวจื้อเม่าผู้ถวายงานอันดับหนึ่งฉายาว่า “สกัดคงคาเจินจวิน” ขอบเขตหยกดิบ หลี่ฝูฉวีบรรพจารย์ผู้คุมกฏ ในบรรดาเก้าอี้ไม่กี่ตัว ที่อยู่ช่วงหน้าๆ ของสานักเจินจิ้งในทุกวันนี้ก็มีแค่ผู้ฝึ กตนหญิง ขอบเขตก่อกาเนิดคนนี้เท่านั้นที่เคยมีชาติกาเนิดมาจากผู้ฝึ กตน ท าเนียบของส านักกุยหยก
ทะเลสาบซูเจี่ยนที่อาณาเขตน่านน้ากว้างขวาง ทุกวันนี้แทบจะ เป็ นอาณาเขตส่วนตัวของสานักเบื้องล่างสานักกุยหยกแห่งนี้ทั้ง หมดแล้ว
การที่ใช ้คาว่า “แทบจะ” เพราะมีเกาะห้าเกาะที่ก่อตั้งพรรคเป็ น ของตัวเอง ไม่อยู่ในอาณาเขตการดูแลของสานักเจินจิ้ง ดังนั้นจึง สะดุดตามากเป็ นพิเศษ
กู้ช่านมองไปยังจุดอื่น ตอนนี้เจิงเย่กับหม่าสู่อี๋ต่างก็ฝึกตนกันอยู่ ที่นั่น
่้
ในช่วงเวลาที่เจียงซ่างเจินรับหน้าที่เป็ นเจ้าสานักของ ส านักเจินจิ้ง เคยทาการค้าที่บอกใครไม่ได้กับราชส านักต้าหลีเป็ น การส่วนตัวโดยไม่ผ่านมติการประชุมของศาลบรรพจารย์ ยิ่งไม่ได้ แจ้งให้สานักเบื้องบนทราบ ได้ทาการ “ขาย” เกาะห้าเกาะของ ทะเลสาบซูเจี่ยนซึ่งมีเกาะป๋ ายเหมาเป็ นหนึ่งในนั้นให้กับภูเขาลั่วพั่ว ในราคาที่ต่ามาก ทางฝั่งกรมพิธีการบันทึกลงเอกสารไว้อย่างลับๆ ทาการส่งมอบโฉนด หากคิดจะสืบเสาะกันขึ้นมาจริงๆ จะพบช่องโหว่ เยอะมาก เพราะโฉนดฉบับนี้ทั้งไม่มีการลงนามของเฉินผิงอันผู้เป็ น เจ้าขุนเขา และสานักเจินจิ้งกับสานักกุยหยกต่างก็ถูกปิดหูปิดตา แต่ ข้าวสารกลับกลายเป็ นข้าวสุกไปแล้ว
เพราะเจียงซ่างเจินทางหนึ่ งก็ใช ้สถานะเจ้าสานักของ สานักเจินจิ้ง ด้านหนึ่งก็ใช ้สถานะของโจวเฝยผู้ถวายงานอันดับหนึ่ง ของภูเขาลั่วพั่ว ก็เหมือนกับว่าได้ใช ้มือซ ้ายขายเกาะห้าแห่งไปให้กับ มือขวา
ปีนั้นทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่ว จูเหลี่ยนรู ้เรื่องนี้ก็อดไม่ไหวเอ่ยชื่น ชมไปประโยคหนึ่งว่าวิธีการเปี่ยมเสน่ห์นี้ของโจวอันดับหนึ่งช่างน่า ทึ่งยิ่งนัก ต้องชมเชยกันเสียหน่อย
แน่นอนว่าเงินเทพเซียนก้อนนี้เป็ นเจียงซ่างเจินที่ควักกระเป๋ าเงิน ของตัวเอง ถึงอย่างไรก็แค่เงินฝนธัญพืชหนึ่งร ้อยเหรียญเท่านั้น
่้
ตอนนั้นสานักเจินจิ้งไม่ได้ป่าวประกาศเรื่องนี้กับราชสานักต้าหลี ภายหลังเกาะห้าแห่งนี้ก็อยู่ในนามของเจิงเย่ผู้ฝึกตนผีของทะเลสาบซู เจี่ยนมาโดยตลอด
ภายหลังทางฝั่งสานักกุยหยกสัมผัสได้ถึงความผิดปกติคิดจะทา เรื่องเล็กให้เป็ นเรื่องใหญ่ ลากตัวเจ้าชาติสุนัขที่เอาผลประโยชน์ใส่ กระเป๋ าตัวเองอย่างเจียงซ่างเจินกลับมาที่ศาลบรรพจารย์ยอดเขา เสินจ้วนแล้วถ่มน้าลายใส่หน้าเขา
ผลคือการประชุมครั้งแรกหลังจากเจียงซ่างเจินกลับมาถึงส านัก ไม่ทันที่ใครจะได้ชักไช ้เอาผิดเขา สวินยวนก็ลาออกจากต าแหน่งเจ้า ส านัก เจียงซ่างเจินมารับช่วงต่อ ไม่ใช่เหวยอิ๋งเจ้าแห่งยอดเขาจิ่วอี้ เรื่องนี้จึงจบลงอย่างค้างคา ภายหลังศึกใหญ่บังเกิดขึ้น เผ่าปีศาจแห่ง เปลี่ยวร ้างล้อมโจมตีสานักกุยหยกก็ยิ่งไม่มีเวลามาสนใจเรื่อง เล็กน้อยเท่าเมล็ดงานี้อีกแล้ว
เพียงแต่ว่าผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว ภูเขาลั่วพั่วกลับไม่ เคยเก็บ “แดนบิน” แห่งนี้ไปเสียที คล้ายจะจงใจให้เจิงเย่ได้ยึดครองที่ แห่งนี้แล้วตั้งพรรคขึ้นมาเป็ นของตัวเอง
อันที่จริงนี่จะต้องมีภัยแฝงซ่อนอยู่แน่นอน หากสานักกุยหยกและ เหวยอิ๋งซักไซ ้เอาความ ลากสามฝ่ายของราชส านักต้าหลีมาฟ้ องร ้อง กัน ก็มีความเป็ นไปได้มากว่าส านักเจินจิ้งจะเก็บห้าเกาะนี้กลับไป
่้
เพราะถึงอย่างไรทุกวันนี้นอกจากสถานะเจ้าประมุขตระกูลเจียง แล้ว เจียงซ่างเจินก็คล้ายจะเป็ นชาวบ้านธรรมดาๆ ส าหรับสองส านัก เบื้องล่างไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
อันที่จริงเก้าอี้สี่สิบกว่าตัวในศาลบรรพจารย์ของสานักเจินจิ้ง ผู้ ฝึ กตนท าเนียบที่มีชาติกาเนิดมาจากสานักเบื้องบนอย่างแท้จริง จานวนคนมีน้อยมาก ไม่ถึงสองส่วนด้วยซ้า
ต่อให้เป็ นเช่นนี้ สานักเจินจิ้งก็ไม่เคยกวาดล้างภัยแฝงไม่ได้ เพราะถึงอย่างเจ้าส านักสามคนก่อนหลังอย่างเจียงซ่างเจิน เหวยอิ๋ง หลิวเหล่าเฉิง ไม่ว่าใครก็ล้วนสามารถสยบกลุ่มผู้กล้าได้เพียงล าพัง
ทุกวันนี้พรรคห้าเกาะมีผู้ฝึกตนทาเนียบเกือบสองร ้อยคนที่ถูก บันทึกลงท าเนียบ แทบจะเป็ นผู้ฝึกตนผีและจิตหยินแทบทั้งหมด แต่ หากว่ามีคนร่ายวิชามองลมปราณจากจุดอื่นก็จะสังเกตเห็นว่าเกาะ แห่งนี้ไม่มีกลิ่นอายสกปรกชั่วร ้ายเข้มข้น กลับกันลมปราณยังสะอาด บริสุทธิ์อย่างมาก
ในศาลบรรพจารย์มีภาพเหมือนเพียงภาพเดียวถูกแขวนไว้ แต่ กลับไม่ใช่ภาพเหมือนของเจิงเย่บรรพบุรุษบุกเบิกภูเขา แต่เป็ น บัณฑิตชุดเขียวใบหน้าผอมตอบ ปักปิ่นหยกบนมวยผม สองมือไพล่ หลัง สีหน้าอ่อนโยนคนหนึ่ง
่้
อยู่ในพรรคห้าเกาะแห่งนี้ จางเย่มีสถานะเป็ นเค่อชิงที่ได้รับการ บันทึกชื่อ พรรคหลางหวนของเขาถือว่าได้เป็ นพันธมิตรกับพรรคห้า เกาะแล้ว
ส่วนชื่อพรรคห้าเกาะที่ตั้งได้บ้านนอกบ้านนานี้ก็ถูกคนวิจารณ์ อย่างสาดเสียเทเสียมาโดยตลอด หม่าตู่อี๋ยังบ่นกับเจิงเย่อยู่ไม่น้อย เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนชื่อพรรคเป็ นเรื่องใหญ่มาก จ าเป็ นต้องบอก กล่าวให้ราชส านักต้าหลีรับรู ้ ต้องไปรายงาน ตรวจสอบ พิจารณา ตัดสินชี้ขาดที่กรมพิธีการของเมืองหลวงต้าหลี ขั้นตอนซับซ ้อน ยุ่งยาก หม่าตู๋อี๋คือคนที่เก่งแต่ในโปงผ้าห่ม อีกทั้งนางยังเป็ นผี ไหน เลยจะกล้าไปโผล่ที่เมืองหลวงต้าหลี คราวก่อนไปเยี่ยมอาจารย์เฉินที่ ภูเขาลั่วพั่วซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตของหลงโจวเก่าก็เป็ นขีดจากัดของ หม่าตู่อี๋แล้ว นั่นยังเป็ นเพราะตอนนั้นข้างกายของนางกับเจิงเย่มี กู้ช่านติดตามมาด้วย
ผีสาวหม่าตู่อี๋ที่เป็ นคนสาคัญอันดับสองของพรรคห้าเกาะ หลาย ปีมานี้นางอาศัยอยู่ในยันต์หนังจิ้งจอกมาโดยตลอด ไม่ยินดีย้ายไป ไหน เรื่องของการฝึกตนฝ่ าทะลุขอบเขตนางไม่มีความทะเยอทะยาน ไร ้ซึ่งปณิธาน กลับกลายเป็ นว่าให้ความสนใจเรื่องของการจ่ายเงิน เล็กน้อยได้กาไรก้อนใหญ่มาจากร ้านผ้าห่อบุญมากที่สุด
นางยังเป็ นเจ้าของเกาะอวิ๋นจิว ชื่อของเกาะมาจากเรื่องเล่า “นกเขาน าพาสายฝนบินผ่านพื้นที่สูง”
่้
อยู่ดีๆ กู้ช่านก็ถามขึ้นมาว่า “งานเลี้ยงรับสมัครลูกเขยจัดขึ้นคืน นี้หรือ?”
เถียนหูจวินพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว คืนนี้แหละ”
กู้ช่านเอ่ยสัพยอก “เป็ นจ้าวจือที่อายุน้อยที่สุดหรือคุณหนู สามอวี๋โหยวอี๋? หากข้าจ าไม่ผิด นางกับเหนียงเนียงเทพภูเขาศาล ภูเขาจุ้ยยวนเหมือนจะเป็ นชู้กัน?”
เถียนหูจวินส่ายหน้าอย่างมึนงง “คืออวี๋โหยวอี๋ที่จะออกเรือน เพียงแต่ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องลับของภูเขาเหอฮวานเรื่องนี้ ฉินแจว๋ก็ บอกแค่ว่าอันที่จริงมีการเลือกลูกเขยเป็ นการภายในไว้ก่อนแล้ว คือ ลูกชายคนเล็กของฝู่ จวินจวนวารีท่านหนึ่งของทะเลสาบร ้อยบุปผาใน อาณาเขตของแคว้นมี่อวิ๋นทางทิศใต้ของแจกันสมบัติทวีป”
พูดมาถึงตรงนี้เถียนหูจวินถึงนึกเรื่องจอกเทพีบุปผาสองใบบน โต๊ะได้กะทันหัน
แล้วก็จริงดังคาด ไม่ว่าเรื่องอะไรกู้ช่านก็รู ้อยู่ก่อนแล้ว
แคว้นมื่อวิ๋นคือบ้านเกิดแห่งสายน้า ในอาณาเขตมีทะเลสาบ ขนาดใหญ่ยักษ์ชื่อว่าทะเลสาบร ้อยบุปผา ชื่อของทะเลสาบแห่งนี้ฟัง ดูอ่อนโยน แต่กลับเป็ นน่านน้ากว้างขวางที่ธาตุน้ารุนแรงแปลก ประหลาดอย่างมาก อีกชื่อเรียกหนึ่งคือทะเลสาบน้าเต้า เพราะตั้งอยู่ ตรงจุดที่ทะเลสาบน้อยใหญ่สองแห่งเชื่อมโยงถึงกันเหมือนเอวที่ รัดเข็มขัด จึงมีรูปร่างเหมือนน้าเต้าใบหนึ่งพอดี พื้นที่ใจกลางของ
่้
เส้นทางน้าที่เป็ น “เอวบาง” สายนี้ได้สร ้างศาลราชามังกรที่กินควัน ธูปมานานหลายพันปีไว้แห่งหนึ่ง ตาหนักหน้าตั้งบูชาแม่ทัพหยวนใช ้ สยบคลื่นน้า ปกป้ องให้ลมและฝนของในพื้นที่ตกต้องตามฤดูกาล เพราะทะเลสาบมีหมอกแผ่อบอวล ฝนตกอย่างน้อยนานถึงครึ่งปี เดิน ทางผ่านน่านน้าของศาลราชามังกรแห่งนี้ เส้นทางน้าจึงเลือนราง มักจะมืดมิดจนมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้าของตัวเอง ยามที่ลมพัดแรงเกิด คลื่นลูกใหญ่ ในอดีตคนเฝ้ าศาลของศาลราชามังกรก็มักจะรีบจุดไฟ ให้ความสว่างไสว เคาะระฆังเสียงดัง เรือแค่ไล่ตามแสงสว่างและเสียง ไปจอดเทียบท่า รอกระทั่งคลื่นลมนิ่งสงบค่อยออกเดินทางต่ออีกครั้ง เพราะมีคุณความชอบด้านการปกป้ องผู้คน สยบธาตุน้า ฮ่องเต้แต่ละ ยุคสมัยในประวัติศาสตร ์ของแคว้นมี่อวิ๋นจึงมักจะแต่งตั้งตาแหน่งอวย ยศย้อนหลังให้กับแม่ทัพสององค์ที่วางบูชาไว้ในศาลราชามังกรครั้ง แล้วครั้งเล่า สุดท้ายคนหนึ่งก็ได้แต่งตั้งเป็ นอ๋อง คนหนึ่งได้แต่งตั้งเป็ น ป๋ อ
เพียงแต่ว่าเมื่อหลายปีก่อนไม่รู ้ว่าทาไมเทวรูปราชามังกรที่ตั้ง บูชาอยู่ในศาลถึงพังถล่มอย่างไร ้สาเหตุ “แม่ทัพ” สองท่านที่ตั้งบูชา ไว้ในต าหนักหน้าและในต าหนักหลักหายไปอย่างไม่รู ้ร่องรอยจากนั้น ก็ถูกภูตน้าตนหนึ่งที่รอดชีวิตมาจากสงครามใหญ่ยึดครองศาลไป เวลาสั้นๆ แค่สิบกว่าปี ไม่รู ้ว่ามีเรือใหญ่ของขุนนางและพ่อค้ากี่มาก น้อยที่ต้องพลิกคว่าจมน้าอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ขอแค่เดินทางผ่านเส้นทาง น้าปากน้าเต้าแห่งนั้น คนเรือในท้องถิ่นและพ่อค้า นักท่องเที่ยวที่เดิน
่้
ทางผ่านมาล้วนต้องจุดธูปเผากระดาษหันไปทางศาลราชามังกรเก่า เซ่นไหว้ด้วยวัวแพะและแกะ แล้วยังต้องจุดประทัดเพื่อวิงวอนขอให้ เรือเดินทางผ่านไปได้อย่างราบรื่น
กู้ช่านยิ้มกล่าว “ลมและน้าหมุนเวียนแปรเปลี่ยน ทะเลสาบร ้อย บุปผาดีๆ แห่งหนึ่งกลับกลายเป็ นสู้ทะเลสาบซูเจี่ยนของพวกเราไม่ได้
แล้ว” เถียนหูจวินก้มหน้านิ่ง ไม่พูดไม่จา |
กู้ช่านเอ่ย “ยังคงอิจฉาคนอย่างเจิงเย่ อยู่ดีๆ ก็กลายมาเป็ น เสนาบดี เป็ นขุนนางอย่างมึนๆ งงๆ นี่คงจะเป็ นดั่งคากล่าวที่ว่าคนโง่ก็ มีโชคของคนโง่กระมัง?”
เถียนหูจวินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยประโยคที่มาจากใจจริงว่า “ทาให้คนอิจฉาจริงๆ นั่นแหละ”
กู้ช่านกล่าว “หากเจ้าอยากหลุดพ้นไปจากท าเนียบของ สานักเจินจิ้งและเกาะชิงเสียข้าสามารถช่วยได้”