กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1018.2 แล้วถามข่าวคราวของดอกเหมยจากใคร
่้
บทที่ 1018.2 แล้วถามข่าวคราวของดอกเหมยจากใคร
ความคิดในหัวของเถียนหูจวินตีกันอยู่พักใหญ่ สุดท้ายนางก็ยัง ส่ายหน้า ไม่กล้ามีความเกี่ยวข้องกับกู้ช่านมากเกินไปจริงๆ ไม่สู้ เลื่อนสู่ขอบเขตก่อกาเนิดอย่างมั่นคงจะดีกว่า
กู้ชานยิ้มเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ หันเชี่ยวเซ่ออาจารย์อา หญิงของข้า เดิมทีอยากจะให้ข้าช่วยหาลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่งให้ นาง ข้ารู ้สึกว่าศิษย์พี่หญิงคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด”
เถียนหูจวินท าท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด สุดท้ายได้แต่เงียบงันไป
อากาศกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง แสงแดดฤดูใบไม้ผลิอ่อนโยน ฟัง เสียงสกุณาใต้แสงตะวันสาดส่อง ท าสาเร็จเรื่องหนึ่งทุกเรื่องก็ล้วน ราบรื่น
หม่าตู่อี๋กอดกล่องไม้ทรงยาวหลายใบไว้ในอ้อมอก ด้านหลัง สะพายห่อสัมภาระ นางมาที่ท่าเรือริมเกาะอวิ๋นจิว เตรียมจะนั่งเรือ เดินทางไปยังเกาะคูกู่ที่ตั้งภูเขาบรรพบุรุษและเกาะซินฉางที่อยู่ใต้ อาณัติ
ทุกวันนี้ทะเลสาบซูเจี่ยนมีกฎเกณฑ์มากมายดุจขนวัว เป็ นเหตุ ให้ผู้ฝึกตนท าเนียบต้องมีคู่มือกันคนละเล่ม ต้องคอยเปิดอ่านตลอด ถึงจะไม่ท าผิดไม่ละเมิดกฎ ยกตัวอย่างเช่นแม้แต่การทะยานลมของผู้ ฝึ กตนก็ยังมีกฎระเบียบหลายข้อ การจัดวางเส้นทาง ผู้ฝึ กตนที่
่้
สถานะต่างกันก็จะมีเส้นทางที่ต่างกัน สานักเจินจิ้งมีกฎที่ชัดเจน นี่ก็ คือความร ้ายกาจของส านักอักษรจงแล้ว
พรรคห้าเกาะคือเขตอิทธิพลของบ้านตัวเองจึงไม่มีขีดจ ากัดพวก นี้ แต่ว่าเมื่อเทียบกับการทะยานลมแล้ว หม่าตู่อี๋กลับชอบที่จะนั่ง โดยสารเรือล่องทะเลสาบอย่างเชื่องช ้าสบายอุรามากกว่า
เกาะอวิ๋นจิวมีแต่ผู้ฝึ กตนหญิงแทบทั้งหมด คนถ่อเรือคือหญิง ชราคนหนึ่ง มองดูเหมือนร่างผอมบางอ่อนแอ เรี่ยวแรงกลับไม่น้อย ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าเกาะ ได้ผลเก็บเกี่ยวอีกแล้วหรือ?”
หม่าตู่อี๋เอ่ยหยอกเย้า “จะได้กาไรหรือขาดทุนต้องดูที่โชค หาก เก็บตกของดีได้ ตอนกลับมาเจ้าก็จะได้รับเงินรางวัล หากขาดทุนก็ จะหักจากเงินเดือนทุกเดือนของเจ้า”
นางเพิ่งจะเก็บอักษรภาพหลายภาพและสมุดภาพบุปผาสกุณา มาได้หลายเล่ม คิดว่าจะให้ผู้เชี่ยวชาญสองคนช่วยดู วิเคราะห์ว่าเป็ น ของจริงหรือของปลอม
หญิงชรายิ้มเอ่ย “เจ้าเกาะช่างเข้าใจใช ้ชีวิตจริงๆ ขยันมัธยัสถ์ เพียงแต่ไม่รู ้ว่าบุรุษคนใดจะโชคดีได้แต่งเจ้าเกาะไปเป็ นภรรยา”
หม่าตู่อี๋หัวเราะเหมือนกิ่งบุปผาสายไหว “ไม่ว่าจะขาดทุนหรือได้ ก าไร ล้วนมีรางวัลให้!”
บนเกาะคุกู่ที่เป็ น “ภูเขาบรรพบุรุษ” ของพรรคห้าเกาะมีเค่อชิง คนหนึ่ง คือผีตนหนึ่งที่ในอดีตหม่าตู่อี๋ “จับมาได้” จากข้างทาง สวม
่้
เสื้อผ้าขาดวิ่น แต่มองดูแล้วมีสง่าราศี ต่อให้กลิ่นอายความยากจนจะ อบอวลเต็มร่างแต่ก็ยังกลบความสูงศักดิ์ไม่มิด มีชื่อว่าเติ้งหลินจ่งไม่ ชอบพูดคุย นิสัยขี้ขลาด แต่เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบของ ค าพูด ติดปากก็คือ ของสิ่งนี้ไม่ค่อยถูกต้อง
ส่วนไม่ถูกต้องอย่างไร เติ้งหลินจ่งก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ไม่ เหมือนหยวนแชว่ที่สามารถบอกกล่าวออกมาได้อย่างชัดเจน แต่ของ โบราณที่ผ่านตาของหลินจ่งมาแล้ว เขาบอกว่าไม่ถูกต้อง ความจริง ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็ นของปลอม เป็ นของเลียนแบบระดับสูงจริงๆ
เวลานานวันเข้า หยวนแชว่ที่เดิมทีเกลียดขี้หน้าเติ้งหลินจ่งก็ เปลี่ยนจากที่ปากยอมใจไม่ยอมมาเป็ นยอมรับนับถือทั้งกายและใจ
สายลมตอนกลางวันและแสงแดดอุ่นๆ สายลมตอนกลางคืนและ แสงจันทร ์ส่องฟ้ าสถานที่แห่งนี้คนและผีอยู่รวมกัน ความสัมพันธ ์ ปรองดอง ประดุจดินแดนสุขาวดี
ทุกวันนี้เจิงเย่ได้กลายเป็ นผู้ฝึกตนที่มีเลื่องเล่าลือน่าสนใจที่สุด ในอาณาเขตของทะเลสาบซูเจี่ยนไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าคุณสมบัติในการฝึกตนของเขาโดดเด่นสักเท่าไร เพราะ ถึงอย่างไรก็ยังไม่ได้สร ้างโอสถ แต่เป็ นเพราะเจิงเย่โชคดีมากจริงๆ
ปีนั้นเด็กหนุ่มที่เกิดมาก็มีร่างกายพิเศษถูกจางเย่หมายตาพา ออกจากเกาะเหมาเยว่เด็กหนุ่มที่เดิมที่ถูกกาหนดมาแล้วว่าจะต้อง ตายอยู่ในส านักได้ย้ายไปอยู่เกาะชิงเสีย แล้วถูกเฉินผิงอันผู้เป็ นนัก
่้
บัญชี อิ่นกวานหนุ่มในภายหลังเลือกตัวให้ไปเป็ นผู้ช่วย ทั้งสองฝ่ าย พักอยู่เรือนหลังติดกันที่หน้าประตูภูเขา ภายหลังเฉินผิงอันออกไป จากทะเลสาบซูเจี่ยนเจิงเย่ก็ติดตามอยู่ข้างกายกู้ช่าน รอกระทั่งกู้ช่า นออกจากบ้านเกิดเดินทางไกลไปยังทวีปอื่นสุดท้ายกลายเป็ นลูก ศิษย์ผู้สืบทอดของเจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาว อีกทั้งก่อนที่กู้ช่า นจะออกเดินทางก็ยังให้เจิงเย่ “ยืม” ป้ ายสงบสุขปลอดภัยแผ่นหนึ่งที่ กรมอาญาของต้าหลีแจกจ่ายให้
มาภายหลังแล้วที่เจิงเย่ถึงเพิ่งจะรู ้ว่ากู้ช่านมีฝี มือยอดเยี่ยม เพียงใด ถึงกับสามารถเปลี่ยนผู้ครองป้ ายสงบสุขปลอดภัยแผ่นนี้ให้ กลายเป็ นของเขาเจิงเย่ได้โดยตรง
จางเย่เองก็นับถือเขาในเรื่องนี้อย่างมาก หนึ่งเพราะป้ ายสงบสุข ปลอดภัยที่ต้าหลีมอบให้เป็ นที่ยอมรับว่ามีค่ามากกว่าสถานะบน ทาเนียบของสานักเสียอีก อย่างหลังนี้ได้แต่เป็ นยันต์คุ้มกันกาย อย่าง แรกกลับเป็ นป้ ายทองละเว้นโทษตาย นอกจากนี้กู้ช่านก็ถึงกับ สามารถเปลี่ยนมือให้ป้ ายสงบสุขปลอดภัยมาเป็ นของเจิงเย่ ระดับ ความยากในเรื่องนี้มีสูงมาก นี่ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายอย่างการซื้อขาย ที่ดินแลกเปลี่ยนโฉนดเท่านั้น
จากนั้นก็มีครั้งหนึ่งที่เจิงเย่เดินเล่นอยู่เพียงลาพังบนเกาะคูกู่แล้ว บังเอิญเก็บต าราลับเล่มหนึ่งได้จากบนพื้น ในหน้าของคานาเขียน ประโยคหนึ่งที่เป็ นดั่งคาทานายว่า “ห้าร ้อยปี ให้หลังคนแซ่เจิงที่มี วาสนาจะได้ไปครอง
่้
น่าเสียดายที่ตัวอักษรบรรทัดนี้ รอยหมึกยังไม่ทันจะแห้งดี หลอก ผีแล้วจริงๆ
แน่นอนว่าเป็ นฝีมือของเจียงซ่างเจิน
ตาราลับเล่มนี้มีประวัติความเป็ นมาไม่ธรรมดา ถือเป็ นตาราลับที่ เจียงซ่างเจินให้ความส าคัญอย่างมาก ตาราที่เจียงซ่างเจินรู ้สึกว่ามี ค่าได้ ระดับความล้าค่าของมันจะมีมากแค่ไหน แค่คิดก็พอจะรู ้ได้แล้ว
แรกเริ่มสุดเป็ นของตกทอดที่บรรพบุรุษสกุลเจียงได้มาจากพื้นที่ มงคลถ้าเมฆา เพราะมีแค่ผู้ฝึกตนผีเท่านั้นที่ถึงจะศึกษาตาราเล่มนี้ได้ ธรณีประตูสูง มีข้อเรียกร ้องที่สูงมากต่อฐานกระดูกและคุณสมบัติใน การฝึกตนของผู้ฝึกตนผี จึงค่อนข้างเหมือนซี่โครงไก่มาโดยตลอด หาไม่แล้วก็มิอาจได้รับคาเรียกขานที่งดงามว่า “สามารถเปิดประตูอีก บานให้กับวิถีแห่งผี” แต่ต่อให้ตาราลับเล่มนี้จะเป็ นซี่โครงไก่แค่ไหน ผู้ฝึกตนผีในใต้หล้าก็มีอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะผีเซียนผู้บรรลุมรรคาที่ ร่องรอยลึกลับแต่กลับร่ารวยกันเป็ นล่าเป็ นสัน หากเจียงซ่างเจิน อยากจะหาเงินจริงๆ ก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องการขายเลย
โชคดีที่พอออกมาจากเกาะเหมาเยว่ก็ได้เป็ นเด็กรับใช ้อยู่ข้าง กายนักบัญชีเฉินบนเกาะชิงเสีย กู้ช่านมอบป้ ายสงบสุขปลอดภัยมา ให้ ได้รับตาราลับวิถีผีที่ระดับขั้นสูงมากเล่มหนึ่งได้ครอบครองห้า เกาะและก่อตั้งพรรคนับแต่นี้
่้
เวลาสั้นๆ ไม่ถึงสามสิบปีก็มีเรื่องเกิดขึ้นติดต่อกันถึงห้าเรื่อง เป็ น เหตุให้เจิงเย่กลายเป็ นเจ้าประมุขและบรรพบุรุษบุกเบิกภูเขาของ พรรคแห่งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ไม่นานมีผีสาวตนหนึ่งเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในพรรคห้า เกาะ มีชื่อว่าฉวีถัง รูปร่างงดงาม ขอบเขตถ้าสถิต
พรรคห้าเกาะคือพรรคเล็ก ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตกลางมีอยู่น้อย นิด ดังนั้นหลังจากที่นางได้เข้าสู่ท าเนียบก็กลายเป็ นผู้ถวายงานของ ศาลบรรพจารย์ไปโดยปริยาย
หากผีบนโลกอยากจะเดินทางตอนกลางวัน เว้นเสียจากฝึกตน ประสบผลส าเร็จหรืออาศัยอาวุธวิเศษที่สามารถป้ องกันแดดร ้อนแรง หรือพายุลมกรดที่ไหลเวียนได้ด้วยตัวเองในฟ้ าดินมาช่วยป้ องกัน หา ไม่แล้วจุดจบก็จะอเนจอนาถอย่างยิ่ง เบาหน่อยก็ตบะถูกลดทอนหนัก หน่อยก็จิตวิญญาณแหลกสลาย เพียงแต่ว่าในบรรดานี้ก็มีผีที่ฝึกตน ประสบความสาเร็จได้เล็กน้อยซึ่งจาต้องขึ้นเขาลงห้วยท่ามกลาง แสงอาทิตย์ร ้อนแรงตอนกลางวัน การกระทาเช่นนี้คล้ายคลึงกับการ ‘ลงน้า” เผ่าน้าในป่าเขาเดินลงน้าก็เพื่อกลายร่างเป็ นเจียว ผีประเภท นี้กลับเพื่อหลบเลี่ยงหายนะจากคมอาวุธในความมืดมิดที่มองไม่เห็น พวกมันจ าเป็ นต้องออกจาก “เรือนหยิน” ซึ่งเป็ นที่พักเดิม หาไม่แล้ว จะชักนาหายนะที่ไม่คาดฝันมามากมายบางทีฟ้ าผ่าลงมาแค่ไม่กี่เส้น พวกมันก็ดับสูญได้แล้ว ฝึกตนอย่างยากล าบากมาหลายร ้อยปี ทุก อย่างที่ทามาล้วนสูญเปล่า นี่จาเป็ นต้องให้พวกมันหายันต์คุ้มกันกาย
่้
แผ่นหนึ่งเพื่อเป็ นเอกสารผ่านด่านในการเดินอยู่ในโลกมนุษย์ ตัวเลือกที่ดีที่สุดส่วนใหญ่มักจะเป็ นบัณฑิตที่บนร่างเปี่ ยมไปด้วย ปราณปุ่น หากได้เจอกับ “บุคคลในม่านโปร่งสีมรกต” ที่ชะตาชีวิตจะ เป็ นคนร่ารวยสูงศักดิ์อย่างที่กล่าวไว้ในตาราฮวงจุ้ยก็จะยิ่งโชคดีมาก กว่าเดิม
ส่วนพวกคนที่ชะตาบู๊โชติช่วงก็ช่างเถิด นั่นคือแมงเม่าที่บินเข้า กองไฟโดยแท้ ปณิธานหมัดของผู้ฝึกยุทธเข้มข้น ปราณหยางก็จะ มากไปด้วย พวกผีจะหลบเลี่ยงยังแทบไม่ทัน จะเป็ นฝ่ ายขยับเข้าใกล้ รนหาที่ตายได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้ฉวีถังออกจากเรือนผีในหมู่ชาวบ้านที่ถูกทิ้งร ้างมา นานหลายปี นางหลบอยู่ในร่ม คิดจะข้ามแม่น้าพร ้อมกับบัณฑิต พยายามจะหลบเลี่ยงหูตาของเทพลาคลองและเทพอภิบาลเมืองที่อยู่ ใกล้เคียง อาศัยโอกาสนี้หลบให้พ้นหายนะ ผลคือก่อนจะข้ามลา คลองก็ได้เจอกับเซียนซือชุดเขียวที่มองสถานะของนางออก มีเรื่อง น่าตกใจแต่ไร ้อันตรายเกิดขึ้น ดูเหมือนอีกฝ่ ายต้องการจะหยั่งเชิง นางจึงไม่ได้สร ้างความลาบากใจที่แท้จริงให้กับนาง กลับกันยังมอบ กระดาษยันต์สีเหลืองให้นางหนึ่งปึก ยังบอกนางด้วยว่าข้ามล าคลอง ไปแล้วก็สามารถไปหาผู้ฝึกตนชื่อเจิงเย่ที่ทะเลสาบซูเจี่ยนได้
เกาะซินฉางเป็ นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเกาะทั้งห้า ว่ากันว่าคือ สถานที่ที่ปีศาจใหญ่ผู้บรรลุมรรคาคนหนึ่งของทะเลสาบซูเจี่ยนทิ้ง
่้
คราบร่างเอาไว้ตอนสละร่างไปเกิดใหม่ มีถ้าอยู่มากมาย เส้นทางคด เคี้ยวซับซ ้อน ประหนึ่งเขาวงกตใต้ดิน
เพียงแต่ว่าแม้จะฟังแล้วน่าตกใจ แต่อันที่จริงกลับเป็ นสถานที่ที่ ภูเขาเขียวน้าใสงามตา
หยวนแชว่เจ้าเกาะซินฉางคนปัจจุบันคือหนึ่งในผู้ฝึกตนมากมาย ของทะเลสาบซูเจี่ยนในอดีตที่ตายไปด้วยน้ามือของกู้ช่าน เพียงแต่ ว่าหยวนแชว่มีนิสัยเฉยเมยมาตั้งแต่เกิด ตายไปแล้วก็ไม่ได้เกิดความ อาฆาตต่อกู้ช่านสักเท่าไร หลายปีมานี้คอยติดตามอยู่ข้างกายเจิงเย่ และหม่าตู่อี๋ตลอด ตอนนั้นเขาสนิทกับเฉินผิงอันและกู้ช่านอย่างมาก ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก หยวนแชว่ก็มักจะไปเป็ นร ้านผ้าห่อบุญเป็ น เพื่อนหม่าตู่อี๋ ซื้อหาของโบราณอักษรภาพมาในราคาต่า ช่วยกัน ตรวจสอบว่าเป็ นของจริงหรือของปลอมแล้วประเมินราคา เก็บตกของ ดีมาได้ไม่น้อย ในฐานะหนึ่งในผู้อาวุโสที่มีคุณูปการจานวนไม่มาก ของพรรคห้าเกาะทุกวันนี้รับหน้าที่เป็ นผู้ถวายงาน สถานะค่อนข้าง คล้ายคลึงกุนซือหัวสุนัข พื้นที่ประกอบพิธีกรรมอยู่ในถ้าแห่งหนึ่งที่ เขียนกรอบป้ ายเป็ นคาว่า “มีน้าใสใจจริงต่อกัน หม่าตู่อี๋กินเนื้อเขา ดื่มน้าแกง สะสมทรัพย์สมบัติจานวนไม่น้อยมาได้ รับเด็กหนุ่มเด็ก สาวที่เป็ นผีเร่ร่อนหลายตนมาเป็ นลูกศิษย์ในส านัก
หม่าตู่อี๋คิดไม่ถึงว่าหยวนแชว่จะอยู่กับเติ้งหลินจง กาลังเล่น หมากล้อมกันอยู่ คนที่เล่นหมากล้อมฝีมือห่วยแตกอย่างเจิงเย่ก็คอย ชมการประลองอยู่ด้านข้างด้วย
่้
ข้างกันยังมีฉวีถังกาลังต้มชา มวยผมทรงก้นหอยปักปิ่นหยก ทา ชาดบางๆ ก าลังบดก้อนชาเพิ่งถวน ช่างสมกับเป็ นสาวงามจริงๆ
หม่าตู่อี๋เปิดห่อสัมภาระ เอาสมบัติที่เพิ่งซื้อมาราคาต่าวางไว้บน โต๊ะ แล้วก็ไม่รีบร ้อนให้ยอดฝีมือทั้งสองคนช่วยดูของให้ นางไปยก เก้าอี้มาเอง พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ฉวีถังอ่าอาจารย์เฉินต้องถูกใจ เจ้าแน่ ข้าเห็นแล้วยังรู ้สึกเสียดายเลย อย่าว่าแต่บุรุษ ข้าเห็นเจ้าแล้ว ก็ชอบเหมือนกัน อาจารย์เฉินเป็ นคนรักหยกถนอมบุปผาที่สุดแล้ว”
เจิงเย่เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าพูดเหลวไหล! อาจารย์เฉิน หรือจะทาเช่นนี้ วันหน้าห้ามล้อเล่นแบบนี้อีก จะเป็ นการดูถูกแม่นาง ฉวีด้วย”
ฉวีถังยิ้มกล่าว “เจ้าประมุขเจิง ขอแค่อาจารย์เฉินได้ยินแล้วไม่ ถือสา ข้าก็ไม่คิดมากหรอก”
หม่าตู่อี๋ยกนิ้วโป้ งให้ถังฉวี แล้วค่อยหันไปมองเจิงเย่ จุ๊ปากเอ่ย “เจ้าประมุขเจิงหนอเจ้าประมุขเจิง ติดตามอาจารย์เฉินมาตั้งนาน หลายปี ความสามารถกะผายลมอะไรไม่เคยได้เรียนรู ้มา มีแต่กลิ่น อายคร่าครึเหม็นเปรี้ยวที่เรียนรู ้มาได้ตั้งเจ็ดแปดส่วน”
เจิงเย่ยิ้มเอ่ย “เรียนรู ้มาได้แค่เล็กน้อยก็ยังดี”
ถังฉวีถามอย่างประหลาดใจ “อาจารย์เฉินคือผู้บรรลุมรรคาที่มี ศาสตร ์คงความเยาว์หรือ? อายุขัยการฝึ กตนบนภูเขาหลายรอบ เจี่ยจื่อแล้ว?”
่้
นางมีนิสัยไม่ชอบแก่งแย่งกับใคร มาถึงที่นี่ก็เก็บตัวเงียบอยู่กับ บ้าน แล้วก็ไม่มีเพื่อนที่ไหน แล้วนับประสาอะไรกับที่ผีของพรรคห้า เกาะในทุกวันนี้ต่างก็ชอบฝึกตนของใครของมัน ไม่ชอบแวะเวียนไป มาหาสู่กัน
หยวนแชว่มองสบตากับเติ้งหลินจง ต่างก็รู ้สึกอิจฉาถังฉวีผู้นี้อยู่
บ้าง |
นางคือผู้ฝึกตนที่อิ่นกวานหนุ่มแนะน ามาด้วยตัวเองเชียวนะ |
เพียงแต่ว่าดูเหมือนจนถึงทุกวันนี้นางก็ยังถูกปิ ดหูปิ ดตา ไม่รู ้ สถานะที่แท้จริงของ “อาจารย์เฉิน” เจ้าประมุขเจิงกับเจ้าเกาะหม่า ต่างก็จงใจปิดบังเรื่องนี้ไว้อย่างรู ้ใจกันดียิ่ง
หยวนแชว่มีชาติกาเนิดมาจากตระกูลใหญ่ในท้องถิ่นของแคว้น เล็กทางทิศใต้ ได้รับการยอมรับว่าเป็ นเด็กอัจฉริยะ ตอนที่รับหน้าที่ เป็ นขุนนางผู้ตรวจสอบตาราของสานักกั่วลี่ก็เพิ่งจะอายุสิบหกปี เท่านั้น ภายหลังได้เลื่อนไปอยู่ในสานักบัณฑิตฮั่นหลิน เรียบเรียง ต าราประวัติศาสตร ์ของราชวงศ์ก่อน เป็ นขุนนางให้กับทางราชส านัก นานถึงสี่สิบกว่าปี การทาฎีกาและแกะสลักป้ ายศิลาให้กับขุนนางผู้มี คุณูปการของแคว้น ส่วนใหญ่ก็ล้วนมาจากมือของเขา
ตอนมีชีวิตอยู่หยวนแชว่ชอบพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู ้ ให้ ความส าคัญกับความรู ้ศีลธรรมและจรรยา ตอนที่เป็ นขุนนางอยู่ใน
่้
ท้องถิ่นก็รังเกียจงานที่ต้องลงมือปฏิบัติจริงอย่างพวกการลงโทษการ จับกุม เงินทองธัญพืช ทะเบียนราษฎร ์ส ามะโนครัว
ตระกูลสกุลหยวนมีต าราเก็บสะสมไว้มากมาย เคยถูกเรียกขาน ว่าเป็ นบุคคลอันดับหนึ่งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้น หยวน แชว่เองก็เคยรวบรวมต าราด้วยตัวเองถึงหมื่นเล่ม สร ้างหอตารา ขึ้นมาใหม่ชื่อว่า “เรือนชิงเหยียน” เคยเรียบเรียงรายชื่อให้กับตารา ฉบับสมบูรณ์แบบ ตาราฉบับหายากและเทียบอักษรล้าค่าได้ถึงสอง เล่ม จะใช่ผู้เชี่ยวชาญในการเก็บสะสมหรือไม่ก็มีหลักการที่ส าคัญ อย่างมาก นั่นคือหนังสือที่เก็บสะสมของทางตระกูลสามารถน า รายชื่อของตาราทั้งหลายมารวบรวมขึ้นเป็ นเล่มหนังสือได้หรือไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากที่หยวนแชว่ออกจากบ้านเกิดไปฝึ กตน อยู่ใน ทะเลสาบซูเจี่ยนก็ได้สูญเสียอิสระภาพ มิอาจส่งจดหมายไปมาหาสู่ กันได้ ไม่อาจดูแลทางตระกูลได้อีก ตระกูลที่เพิ่งจะมีคนแค่สองรุ่นจึง ตกอับ ตาราที่สะสมเอาไว้รักษาได้ไม่ดีพอ หากไม่ถูกพวกลูกหลาน ทรพีเอาไปขายแลกเงินก็ถูกพวกบ่าวเจ้าเล่ห์ขโมยไปหรือไม่ก็ขาย แลกเงิน ส่วนที่ถูกทาลายก็มีเกินครึ่ง เมื่อหลายปีก่อนหยวนแชว่ไป เยือนมาตุภูมิบ้านเกิดมารอบหนึ่ง เห็นของก็ให้รู ้สึกเสียใจแต่ก็แค่นี้ เท่านั้น
เพราะเจิงเย่มีความสัมพันธ ์กับเฉินผิงและกู้ช่าน มีคนช่วยหนุน หลังให้ ทั้งยังมีภูเขาลั่วพั่วเป็ นภูเขาที่พึ่ง เป็ นเหตุให้โดยภาพรวมแล้ว ผู้ฝึ กตนของพรรคห้าเกาะที่อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนซึ่งมีการ
่้
เปลี่ยนแปลงพลิกฟ้ าพลิกดิน ทุกวันนี้ก็ยังค่อนข้างจะผ่อนคลายกว่า ใคร เมื่อเทียบกับพวกลูกศิษย์นักการฝ่ ายนอกของสานักเจินจิ้งที่ ไม่ได้บันทึกเข้าท าเนียบ ไม่พูดว่าพรรคห้าเกาะสูงกว่าผู้อื่นระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่มีทางต่ากว่าใครแน่นอน
ส่วนเรื่องที่ว่าทาไมหม่าตู่อี๋ถึงไม่ยินดีกลับคืนสู่รูปโฉมดั้งเดิมที่ แท้จริง นางเองก็เปิ ดกว้างอย่างยิ่ง พูดเพียงแค่ว่าซูจื่อกล่าวว่า ร่างกายนี้เหมือนที่พักที่ถูกสืบทอด ในเมื่อหลักการเหตุผลเป็ นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นจะถือสาในเรื่องนี้ไปทาไม
เจิงเย่พลันเอ่ยว่า “หม่าตู่อี๋ ข้าคิดว่าจะไปเมืองหลวงต้าหลีสัก รอบ”
หม่าตู่อี๋ถาม “เจ้าคิดชื่อใหม่ได้เรียบร ้อยแล้วก็เลยจะไปแจ้งกรม พิธีการด้วยตัวเองหรือ? หรือว่าแอบส่งจดหมายให้อาจารย์เฉินลับ หลังข้า?”
เจิงเย่ส่ายหน้า “ไหนเลยจะกล้าเอาเรื่องเล็กแค่นี้ไปรบกวน อาจารย์เฉิน ก็แค่อยากออกจากบ้านไปผ่อนคลายอารมณ์เท่านั้น”