กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1018.6 แล้วถามข่าวคราวของดอกเหมยจากใคร
บทที่ 1018.6 แล้วถามข่าวคราวของดอกเหมยจากใคร
ถานอิ๋งโจวพูดด้วยน้าเสียงซับซ ้อนที่ทั้งเสียดายทั้งเลื่อมใสว่า “ได้ยินสหายบนภูเขาคนหนึ่งบอกว่า ใต้เท้าอิ่นกวานนอกจากจะฟัน คนแล้ว ด่าคนก็ร ้ายกาจมากเหมือนกัน ด่าจนคร ้านจะด่าเจ้าอีก จะ ชมก็ไม่ชมเจ้า เจ้ามีอาจารย์อาน้อยก็จริง ใต้เท้าอิ่นกวานมีศิษย์ หลานอย่างเจ้ากลับเป็ นของปลอม”
เจิ้งโย่วเฉียนลังเลอีกครั้ง เพิ่งจะมีบทเรียนไปก่อนหน้านี้ก็เลยไม่ กล้าพูดอะไรมาก
อย่าเห็นว่าอาจารย์อาน้อยมีความสามารถในการด่าคนเชียว เพราะเคยเป็ นอิ่นกวาน ที่กาแพงเมืองปราณกระบี่มาก่อน ภายหลัง ยังเข้าร่วมการประชุมศาลบุ๋นที่สองใต้หล้าคุมเชิงกัน ชื่อเสียงเลื่อง ระบือ คนแทบทั้งใต้หล้าต่างก็รู ้ว่าคาพูดของอาจารย์อาน้อยเหมือน กระบี่บิน แต่ศิษย์พี่ชุยเคยพูดคุยกับเจิ้งโย่วเฉียนเป็ นการส่วนตัวว่า อันที่จริงความสามารถในการด่าของอาจารย์อาน้อยของเจ้ายังไม่ติด สิบอันดับแรกของที่บ้านเกิดเลยด้วยซ้า
จงขุยให้เจ้าอ้วนไปท าความดีชดใช ้ความผิดด้วยการช่วย คลี่คลายสถานการณ์ให้เผยเฉียน กูซูบอกว่าตัวเองคือลุงใหญ่ที่เป็ น ญาติห่างๆ ของนางแล้วตวาดเสียงดังบอกให้เจ้าตะพาบน้อยกลุ่มของ ฉู่เการีบไสหัวไปให้ไกล
กลับมาหาจงขุย เจ้าอ้วนก็ยิ้มเอ่ยว่า “เป็ นอย่างไร?”
จงขุยมองเจ้าอ้วนด้วยสายตาเวทนา ได้จดคุณความชอบเล็กๆ ครั้งหนึ่งเป็ นเรื่องจริงแต่ถูกอาฆาตแค้นกลับจริงยิ่งกว่า หากเจ้าเป็ น ท่านลุงใหญ่ของเผยเฉียนจริงๆ ก็ไม่ใช่คนรุ่นเดียวกับอาจารย์พ่อ ของนางหรอกหรือ?
กลุ่มของเผยเฉียนมาที่ห้องของหลี่เป่าผิง บนโต๊ะยังวางเดือยไม้ และร่องรูบากเอาไว้มากมาย มีหลากหลายชนิดขนาดเท่าเล็บมือ ถึง ขั้นที่ว่ายังมีขนาดที่เล็กเท่าเมล็ดข้าวด้วยและยังมีหีบไม้ใบเล็กอีกใบ หนึ่งที่บรรจุกบไสไม้ ตะปู ค้อนที่ขนาดแตกต่างกันเอาไว้จนเต็มนี่ทา ให้หลี่เป่าผิงเหมือนกลายเป็ นช่างไม้และอาจารย์กลไก และบนโต๊ะก็ ยังมีแบบตัวอย่างที่ยังไม่ได้กาหนดรูปร่างที่แน่ชัด แต่ลักษณะคล้าย ว่าวอยู่ด้วย
นอกจากของพวกนี้ยังมีตาราเล่มหนาอีกเล่มหนึ่ง ด้านในคือ ‘ภาษาวิชาการ” ที่หลี่เป่าผิงศึกษาค้นคว้ามาด้วยตัว
ภาพเหตุการณ์เบื้องหน้านี้ เจิ้งโย่วเฉียนเคยเห็นมาหลายครั้ง แล้ว ดังนั้นคิดเป็ นร ้อยตลบก็ยังไม่เข้าใจว่าทุกวันศิษย์พี่หญิงเป่ าผิง ทาของกระจุกกระจิกพวกนี้อย่างลืมกินลืมนอนไปท าไม นางอยากจะ ท าออกมาเป็ นอะไรกันแน่ นางไม่ใช่วิญญูชนส านักศึกษาของลัทธิ ขงจื๊อหรอกหรือ?
เห็นพวกเขาประหลาดใจ หลี่เป่ าผิงก็ยิ้มเอ่ย “จู่ๆ ปราณ วิญญาณฟ้ าดินก็ปรากฏขึ้นมากะทันหัน โลกมนุษย์ถึงได้มีผู้ฝึ ก บาเพ็ญตน ถ้าอย่างนั้นสมมติว่าจู่ๆ วันใดไม่มีปราณวิญญาณฟ้ าดิน อีก ผู้ฝึ กลมปราณจะท าอย่างไร? ยังจะทะยานลม ยังจะลงน้ากัน อย่างไร?”
ถานอิ๋งโจวหลุดปากเอ่ยออกไปว่า “จะเป็ นไปได้อย่างไร!”
หลี่เป่าผิงคลี่ยิ้ม “ดังนั้นถึงได้บอกว่า ‘สมมติ’ อย่างไรล่ะ”
เผยเฉียนยิ้มเอ่ย “พี่หญิงเป่าผิงยังเคยมีการตั้งสมมติฐานด้วยว่า จู่ๆ ผู้ฝึ กลมปราณกลุ่มใหญ่ก็ถูกโยนไปไว้ใน “สถานที่ไร ้อาคม” สถานที่แห่งนี้มีอาณาเขตเท่ากับต้าหลีเก่าประชากรมีหลายร้อยล้าน คน แต่ทุกคนต่างก็ไม่เคยเห็น “เทพเซียน” มาก่อน และผู้ฝึกตนที่มา จากต่างถิ่นกลุ่มนี้ต่างก็ขอบเขตไม่สูง ไม่มีใครที่เป็ นห้าขอบเขต กลาง ดังนั้นทุกครั้งที่พวกเขาทะเลาะต่อยตีกันจึงต้องเผาผลาญ ปราณวิญญาณที่ตัวเองสะสมไว้ ปราณวิญญาณที่อาศัยวิชาลับและ สมบัติอาคมเก็บรวบรวมมาต้องไม่มีทางเทียบกับจ านวนรวมของ ปราณวิญญาณที่ไหลหายไปได้อย่างแน่นอน จะกลายเป็ นรายรับ น้อยกว่ารายจ่าย ดังนั้นทุกครั้งที่ลงมือ ไม่ว่าจะมีเป้ าหมายเป็ นอะไรก็ ล้วนต้องระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก”
“โดยทั่วไปแล้วเงินเทพเซียนสามชนิด เงินทองและเหรียญ ทองแดง ล้วนสามารถประมาณการณ์จานวนที่เก็บสารองไว้ได้คร่าวๆ ทางฝั่งศาลบุ๋นหรือไม่ก็บันทึกลับของสกุลหลิวธวัลทวีปบางทีอาจมี
จานวนตัวเลขสองตัวที่ความต่างไม่ห่างกันมากนัก มีเพียงปราณ วิญญาณฟ้ าดินเท่านั้นที่มิอาจประเมินเป็ นจานวนตัวเลขได้ โชคดีที่ ระหว่างฟ้ าดินมีถ้าสวรรค์พื้นที่มงคล ผู้ฝึกตนใหญ่สามารถสร ้างฟ้ า ดินขนาดเล็กขึ้นมาได้”
หลี่เป่ าผิงจัดเก็บเดือยและรูบากบนโต๊ะ พูดพึมพากับตัวเองว่า “รูปแบบโครงสร ้างประเภทนี้มีจุดที่เป็ นกุญแจสาคัญอยู่หลายจุด อันดับแรกลองสมมติฐานถึงจ านวนรวมของปราณวิญญาณผู้ฝึ ก ลมปราณห้าขอบเขตล่างทุกคนให้เท่ากับจ านวนรวมของปราณ วิญญาณเซียนดินโอสถทองคนหนึ่ง ข้อสอง เพราะไม่มีปราณ วิญญาณส่วนเกิน อีกทั้งฟ้ าดินแห่งนี้ยังถูกปิดตาย ดังนั้นอิงตามกฎ ของวิชาคานวณที่เข้มงวดที่บอกว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง เป็ นเหตุ ให้ “เรื่องประหลาด’ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากความว่างเปล่าอย่างการ หลอมลมปราณ วาดยันต์ หลอมโอสถ ฯลฯ ของผู้ฝึกลมปราณ ก็ เท่ากับว่าถูกละทิ้งไว้ข้างนอกทั้งหมด ข้อที่สามต้องมีวัตถุสาหรับ อ้างอิงที่มีแนวโน้มว่าจะไปสู่ “ความเป็ นนิรันดร ์” ในความหมายแคบๆ หลายๆ ชิ้น ทั้งตาแหน่ ง น้าหนัก ความยาว เป็ นต้น พวกมัน จ าเป็ นต้องมั่นคงอีกทั้งยังต้องคงที่ตลอดไป ข้อที่สี่ วิธีการโคจร ภายในของโลกทั้งใบ จาเป็ นต้องมีวิธีการคานวณพื้นฐานสองสาม ข้อเพื่อให้เป็ นพื้นฐานที่เล็กแต่กลับแก้ไขการขยับขยายหรือไม่ก็การ หดย่อของโลกทั้งใบได้ พูดให้ถูกต้องก็คือเป็ นการเชื่อมโยงและ ตอบสนองกลับไปมาระหว่างคนกับคน คนกับวัตถุและระหว่างฟ้ ากับ
ดิน ดังนั้นจะเป็ นกลไกของการชดเชยหรือการสุ่ม หรือทั้งสองอย่าง รวมกัน จ าเป็ นต้องใช ้ดุลยพินิจอย่างละเอียด เส้นสายไม่ชัดเจนมหา มรรคาก็ไม่แสดงออกอย่างเด่นชัด เป็ นวงกลมหรือเป็ นเส้นยาว สุดท้ายรวมกันเป็ น “ค่าเท่าเทียมกัน” หรือจะใช ้ความไร ้ระเบียบมา เป็ นระเบียบเพียงหนึ่งเดียว หรือการผลัดเปลี่ยนระหว่างแท้และเทียมมี ความเสียหายทางมูลค่าตัวเลขอยู่ วิธีการจานวนจาเป็ นต้องอยู่ในสิ่ง นี้หรือมากกว่านี้…”
หลี่เป่ าผิงเห็นเจิ้งโย่วเฉียนฟังด้วยอาการปากอ้าตาค้าง แม่นาง น้อยอ้าปากหาว รู ้สึกง่วงเล็กน้อย เฮ้อ ฟังยาก ไม่เข้าใจ เข้าใจยาก กว่าคาถาลับของศาลบรรพจารย์ที่อาจารย์ถ่ายทอดให้เสียอีก
มีแต่เผยเฉียนที่ตั้งใจฟังยิ่งกว่าใคร
หลี่เป่าผิงจึงหยุดพูดทันใด ยิ้มเอ่ย “ไม่พูดเรื่องพวกนี้ ถึงอย่างไร ก็เป็ นแค่จินตนาการที่ไม่ใช่ความจริง”
หากนางยังพูดต่อไปจะยิ่งซับซ ้อนมากกว่านี้ จะเกี่ยวพันไปถึง เชือกและปมเชือก ยกตัวอย่างเช่นเส้นสายระบบสืบทอดของผู้ฝึ ก ลมปราณบนภูเขา เจ้าส านักบางคนของสายบุ๋นลัทธิขงจื๊อได้ “ฝาก ฝังความสุภาพเรียบร ้อย” ให้กับใครบางคนที่เข้ามาทีหลัง คนทั้งสอง เป็ นสหายกัน แต่ละคนต่างก็มีสหาย การไปมาหาสู่กันระหว่างเงิน ทอง บทสนทนา คาพูดที่เคยพูดคุยกัน ความคิดของใครที่ใครนึกขึ้น ได้…พูดถึงแค่เส้นทางการเงินก็มีการแบ่งแท้เทียมการจ่ายเงินและส่ง มอบของในการทาการค้าคือแท้ จานวนเงินที่ต้องชาระในหน้าบัญชี
คือเทียม….นอกจากนี้หากรวมด้ายแดงที่สานบุพเพ ทาเนียบศาล บรรพจารย์ของบนภูเขาท าเนียบตระกูลของศาลบรรพชนล่างภูเขา… ก็เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งที่เติบโตอยู่เหนือทะเลสาบซึ่งราบเรียบเหมือน กระจก สองฝ่ ายบนล่างต่างสะท้อนเงาของกันและกัน บนผิวน้า สามารถเป็ นโลกที่แท้จริง ด้านล่างน้าคือโลกที่เป็ นภาพลวงตา แต่ก็ สามารถกลับกันได้ และ ลาต้น กิ่งก้าน ใบเขียว การออกดอก การ ออกผลของต้นไม้ต้นนี้ ทั้งสามารถเหมือนร่างกายของคน ใบร่วงได้ หายวับไปอย่างไร ้ร่องรอยได้ กลายเป็ นดินหรือจมลงน้า มีกิ่งก้านที่ ร่วงลงพื้นแล้วเน่าเปื่ อย สอดคล้องกับการกระทาคาพูดของคนที่ เหมือนใบไม้ฤดูใบไม้ร่วงเหมือนกิ่งแห้งเหี่ยวที่ค่อยๆ สลายหายไป ท่ามกลางฟ้ าดิน ไม่เหลือร่องรอย และยังมีเมล็ดพันธ ์บางส่วนที่หล่น ลงในพื้นดินบริเวณใกล้เคียงแล้วหยั่งราก แผ่ลามออกไป ไกลยิ่ง กว่าเดิม…กิ่งไม้ที่เปี่ ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต สามารถเป็ นได้ แต่มี ขีดจากัดอยู่ที่ว่าเส้นทางความคิดแต่ละเส้น หรือควรจะบอกว่าเส้น สายแต่ละเส้นที่ค่อยๆ กลายมาเป็ นความคิดที่และความรู ้ความเข้าใจ ความดีความเลวของคนบางคนก็สามารถเป็ นใบไม้ใบหนึ่ง ดอกไม้ ดอกหนึ่ง ร่างกายของคนมีเย็นมีอุ่น มีหอมมีเหม็น รสเปรี้ยวหวานขม เผ็ด สัมผัสได้ถึงความงามความอัปลักษณ์ของคน…ประสบการณ์ ชีวิตของทุกคนที่เติบโตเต็มที่ทั้งยังมั่นคงก็คือผลที่ไม่ร่วงลงสู่พื้น แขวนอยู่บนต้นไม้เนิ่นนาน คิดคานึงถึงคนบางคนมาเนิ่นนาน ก็ สามารถเป็ นได้เช่นกัน แต่ว่าทุกครั้งที่หลงลืมใครคนหนึ่งหรือแปลี่ยน หลักการเหตุผลบางอย่าง พวกมันก็จะหล่นลงพื้นอย่างเงียบเชียบ มิ
อาจพบเห็นได้อีก ส่วนหลักการเหตุผลในใจทั้งหลายที่สามารถเรียก ได้ว่าเป็ นรากฐานลาต้น หนึ่งปี สี่ฤดูกาล สิบสี่ช่วงเวลาการ เปลี่ยนแปลงของฟ้ าดิน เจ็ดสิบสองกาลเวลา ก็คือกิ่งก้านแต่ละก้าน สรุปก็คือหลี่เป่ าผิงยังแบ่งแยกประเภทออกไปอีก ตอนนี้ยังไม่ได้ ข้อสรุป เหมือนว่านางกาลังเรียบเรียง…ชุดตาราที่ไม่เคยมีปรากฏมา ก่อนในประวัติศาสตร ์และจะไม่มีอีกในอนาคตขึ้นมาเงียบๆ
ดังนั้นถานอิ๋งโจวจึงแอบทอดถอนใจกับเจิ้งโย่วเฉียนประโยค หนึ่งว่า พี่หญิงเป่าผิงคนนี้ ทุกวันนี้ในสมองของนางคิดอะไรอยู่นะ
เจิ้งโย่วเฉียนไม่ตอบนางก็หมดเรื่องแล้ว
มีเพียงเผยเฉียนที่ทุกครั้งที่พี่หญิงเป่ าผิงพูดเรื่องพวกนี้ด้วยคิ้ว ตาที่เบิกบาน นางจะตั้งใจฟังอย่างมาก
เพราะถึงอย่างไรครั้งแรกที่พ่ายแพ้ให้กับคนอื่นตอนเป็ นเด็กก็คือ ตอนที่เผยเฉียนได้เห็น “ภูเขาต ารา” ในหอพักนักเรียนของหลี่เป่าผิง กับตาตัวเองในส านักศึกษาซานหยาต้าสุย
ก่อนหน้านั้นเผยเฉียนรู ้สึกว่าเรื่องการคัดหนังสือของตัวเองถือ ว่าชานาญเข้าขั้นสุดยอดมากแล้ว ผลคือรอกระทั่งนางเข้าประตูมา เห็นสิ่งนี้ ถ่านดาน้อยก็ไม่มีความคิดที่จะเอาชนะอีกเลย
หลังจากที่ถานอิ๋งโจวและเจิ้งโย่วเฉียนออกไปจากห้อง เผยเฉียน ที่ยังอยู่ในห้องทาท่าลังเลแล้วลังเลอีก
หลี่เป่าผิงยิ้มเอ่ย “จะถามอะไรหรือ?”
เผยเฉียนเอ่ยอย่างเขินอาย “พี่หญิงเป่ าผิง ยังอยู่ห่างจากการ โต้วาทีของสามลัทธิอีกครึ่งปี ท่านยังต้องเปิดเตาเล็กอีกหรือไม่?”
จุดที่การโต้วาทีของสามลัทธิครั้งนี้ไม่เหมือนกับการโต้วาทีครั้ง ก่อนๆ นั่นก็คือครั้งนี้สามลัทธิอย่างขงจื๊อ พุทธ เต๋า ต่างก็ส่งคน ออกมาเก้าคน
อันที่จริงไม่มีเงื่อนไขเรื่องจานวนคน
ทางฝั่งของลัทธิขงจื๊อก็มีหยวนพางเจ้าขุนเขาของส านักศึกษา เหิงฉวีแผ่นดินกลาง หลี่เป่ าผิงแห่งส านักศึกษาชานหยาแจกันสมบัติ ทวีป ฯลฯ
ที่เข้าร่วมการโต้วาทีของสามลัทธิ!
เป็ นเรื่องที่เผยเฉียนคิดไม่ถึงเลยสักนิด
เผยเฉียนคิดว่าตัวเองต่อสู้เก่งใช ้ได้ ด่าคนก็ใช ้ได้ แต่เรื่องการ โต้วาทีนั้นก็ช่างเถิด
หลี่เป่าผิงยิ้มเอ่ย “ไม่จาเป็ นต้องเปิดเตาเล็ก แล้วก็ไม่อาจเปิดเตา เล็กได้”
เห็นว่าเผยเฉียนไม่เข้าใจ หลี่เป่าผิงจึงอธิบายอย่างมีน้าอดน้าทน ว่า “ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สามารถพลิกแพลงใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เสีย หน่อย ค่อนข้างจะพิถีพิถันในเรื่องของการแสดงศักยภาพไปตาม สถานการณ์ หาไม่แล้วไปที่นั่นก็ไม่ต่างจากการท่องตารา คนที่
โต้วาทีและคนที่ร่วมรับฟังล้วนเป็ นคนฉลาด สามารถเผยพิรุธได้ทันที ถึงเวลานั้นต้องขายหน้าอย่างมากแน่นอน”
เผยเฉียนสงสัยในเรื่องหนึ่งอย่างมาก จึงถามเสียงเบาว่า “พี่หญิง เป่าผิง ท่านไม่ตื่นเต้นหรือ?”
หลี่เป่าผิงอึ้งตะลึง “หา?”
ตื่นเต้นอะไร?
อาจารย์อาน้อยและอาจารย์ปู่ต่างก็ไม่ได้เรียกร ้องให้ตนต้องเถียง ชนะ
อีกอย่างตนก็ยังมีพี่ใหญ่ที่อ่านตาราเก่งมากอยู่อีกคนหนึ่งไม่ใช่ หรือ?
เห็นเผยเฉียนทาหน้าอึ้งตะลึง หลี่เป่าผิงก็บิดหมุนข้อมือ เหล้ากา หนึ่งก็โผล่มา นางหัวเราะร่าเอ่ยว่า “ตื่นเต้นสิ จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร ต้องดื่มเหล้าระงับความตกใจเสียหน่อย”
เผยเฉียนรู ้สึกอ่อนใจอยู่บ้าง
หลี่เป่าผิงยิ้มเอ่ยว่า “อันที่จริงคนแรกที่แถลงความคิดเห็นกับคน สุดท้ายที่พูด คนที่รบแนวหน้ากับคนที่ขึ้นเวทีแสดงงิ้วช่วงสุดท้าย มี ความเป็ นไปได้แค่สองอย่างเท่านั้นที่ถึงจะตื่นเต้น เพราะถึงอย่างไร ทุกคนที่ฟังอยู่ ไม่ว่าใครก็ล้วนมีสมาธิตั้งใจฟังเป็ นพิเศษ แน่นอนว่า วิธีที่ผ่อนคลายก็มีเหมือนกัน ก็คือพูดเรื่องของตัวเองไป ไม่ต้องสนใจ
ว่าคนอื่นจะพูดว่าอะไรร่างคาพูดมาไว้ให้ดี ท่องจาให้ขึ้นใจ ลุกขึ้นยืน พูดให้เสร็จ นั่งลง จบเรื่องแล้ว”
เผยเฉียนถาม “พี่หญิงเป่ าผิง ท่านคิดหากลยุทธคร่าวๆ ได้แล้ว หรือยัง?”
หลี่เป่าผิงยกสองแขนกอดอก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยิ้มกว้างพูด ด้วยสีหน้าสดใส “พลิกแพลงไปตามสถานการณ์ โดยภาพรวมแล้วก็ มีจุดประสงค์แค่อย่างเดียว หากเป็ นไปได้ล่ะก็ ถ้าพูดได้เยอะหน่อยข้า ก็จะพูดให้มาก พยายามทาให้ทุกคนที่มาฟังรู ้สึกง่วง ข้าพูดของข้า ไป พวกเจ้าควรดื่มก็ดื่มควรกินก็กิน! ปีนั้นฟังจากที่พวกอาจารย์ของ ส านักศึกษาซานหยาเล่าให้ฟัง เป็ นคาพูดเดิมๆ ที่พูดซ้าไปซ้ามา ครั้ง นี้ข้าต้องชดเชยส่วนที่ขาดหายไปให้ได้!”
เผยเฉียนมั่นใจอย่างยิ่งว่าพี่หญิงเป่ าผิงไม่ได้ล้อเล่น เป็ น ความคิดที่จริงจังอย่างมาก…
หากพวกผู้ร่วมฟังการโต้วาทีของสามลัทธิที่หากไม่ใช่ขอบเขต สิบสี่ก็เป็ นขอบเขตบินทะยานรู้เข้า คงต้องต าหนิพวกอาจารย์สอน หนังสือของส านักศึกษาซานหยาในแจกันสมบัติ ทวีปแน่…
หลี่เป่าผิงถาม “เผยเฉียน ช่วงนี้ทาไมไม่เห็นเจ้าดื่มเหล้าเลยล่ะ?”
เผยเฉียนกล่าวอย่างลาบากใจ “เดิมทีก็ไม่ได้ชอบดื่มเหล้า อาจารย์พ่อก็กลับมาแล้วด้วย”
หลี่เป่ าผิงกดเสียงพูดเบาๆ “ห่านขาวใหญ่ได้บอกแผนการอะไร กับเจ้าไหม?”
เผยเฉียนถามอย่างสงสัย “ศิษย์พี่เล็กพูดอะไรหรือ?”
หลี่เป่าผิงกล่าว “ทุกวันนี้ห่านขาวใหญ่รอคอยลูกศิษย์ปิดส านัก ของอาจารย์อาน้อยอย่างมาก บางทีอาจเป็ นศิษย์น้องหญิง แน่นอน ว่าทางที่ดีที่สุดควรเป็ นศิษย์น้องชาย ห่านขาวใหญ่บอกแล้วว่าหาก อาจารย์อาน้อยช่วยหาศิษย์น้องชายมาให้เขาก็จะครึกครื้นมากแล้ว”
เผยเฉียนจดจ าไว้เงียบๆ
สายเหวินเซิ่งให้ความเคารพคนแก่รักเด็ก เป็ นการสืบทอดที่ ดั้งเดิมอย่างมาก
นอกจากซิ่วไฉเฒ่าจะเข้าข้างคนกันเองแล้ว ก็เป็ นเหมือนอย่างที่ คนบางคนซึ่งเป็ นกุนซือหัวสุนัขของสายเหวินเซิ่งพูดจริงๆ นั่นคือไม่ ต่างจากแม่ไก่แก่ที่ปกป้ องลูกเจี๊ยบ
หรือยกตัวอย่างเช่นการเชื่อฟังคาพูดอาจารย์อย่างว่านอนสอน ง่ายของจั่วโย่ว และการเป็ นห่วงเป็ นใยที่เฉินผิงอันมีต่ออาจารย์ ล้วน ไม่มีอะไรให้พูดถึง
ไม่ว่าจะเป็ นจั่วโย่วที่ปฏิบัติต่อพวกศิษย์หลานอย่างเฉาฉิงหล่าง เผยเฉียน หรือเฉินผิงอันปฏิบัติต่อเจิ้งโย่วเฉียนก็ล้วนเป็ นการ เข้าข้างคนกันเองที่คนมีตาล้วนเห็นเหมือนกันหมด
แต่หากจะพูดถึงมิตรภาพร่วมสานักของคนที่อยู่รุ่นเดียวกัน หึหึ
ปีนั้นจั่วโย่วกับฉีจิ้งชุน ชุยฉานกับเฉินผิงอันในภายหลัง หลี่เป่า ผิงกับชุยตงชาน เผยเฉียนกับเฉาฉิงหล่าง…
ดังนั้นห่านขาวใหญ่จึงพูดจาเปี่ยมไปด้วยเหตุผล มีหลักมีฐาน น่าเชื่อถือกับหลี่เป่าผิงว่า อย่างพวกเรานี่เรียกว่าสืบทอดระบบดั้งเดิม ส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรือง
ไม่รังแกศิษย์น้องเล็ก อาจารย์ของพวกเรา อาจารย์อาน้อยของ เจ้าหลี่เป่ าผิงจะมีโอกาสได้แสดงออกถึงความรักและการปกป้ องที่มี ต่อลูกศิษย์ปิดส านักได้อย่างไร?
หลังจากนั้นคนทั้งกลุ่มก็ไปเจอกับพื้นที่ลับถ้าสถิตที่มีตราผนึก หนาชั้นแห่งหนึ่ง ยังคงเป็ นเผยเฉียนที่บังเอิญตาแหลมเหลือบไปเห็น ตอนอยู่บนเรือข้ามฟากก่อนหน้านี้
เจ้าอ้วนได้ยินก็รู ้สึกสนใจทันที ต้องไปดูให้ได้นะ! หากเจอกับ โชคด้านความรักล่ะ? ด้วยรูปโฉม ด้วยบุคลิก ด้วยสง่าราศีของพี่ ใหญ่กูซูนี้?
จงขุยรู ้สึกว่าไม่น่าจะมีปัญหามากนัก คิดเสียว่าไปท่องเที่ยว ภูเขาสายน้าเยี่ยมเยือนเซียนผจญภัยก็แล้วกัน
หลังจากที่เจ้าอ้วนอวี่จิ่นผีเซียนออกแรงท าลายตราผนึกแต่ละ ชั้นทิ้งไปก็พอจะมองเห็นได้อย่างเลือนรางว่า ท่ามกลางไอหมอก ขมุกขมัวมีศาลโบราณคล้ายพื้นที่ประกอบพิธีกรรมที่ถูกทิ้งร ้างตั้งอยู่