กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1018.7 แล้วถามข่าวคราวของดอกเหมยจากใคร
บทที่ 1018.7 แล้วถามข่าวคราวของดอกเหมยจากใคร
เจ้าอ้วนทาคอย่น พูดเสียงเบาว่า “พี่จง พวกเราคงไม่บังเอิญมา เจอผีร ้ายโดยบังเอิญหรอกกระมัง? เจ้าก็รู ้ว่าข้าขี้ขลาด กลัวเรื่องนี้ มากที่สุด”
จงขุยยิ้มเอ่ย “เจ้ากลัวว่าจะเจอผีหน้าตางดงาม หรือกลัวว่าจะไม่ เจอผีหน้าตางดงามกันแน่?”
เจ้าอ้วนตอบไม่ตรงคาถาม “จิตใจที่สงบไร ้ความปรารถนา ฝึก บ าเพ็ญตนจนได้ขอบเขตที่หลุดพ้นจากความตาย ข้ายังขาด ความหมายอีกเล็กน้อย”
อยู่กับเจ้าอ้วนมานานเข้า จงขุยย่อมต้องฟังความนัยในค าพูด ของเขาออก หากเจอผีสาวงามมาขวางทางก็ให้พุ่งเข้ามาหานาย ท่านใหญ่กูซูอย่างข้าได้เลย เชิญร่ายฝีมือให้เต็มที่มาลองทดสอบจิต แห่งมรรคาและตบะอันหนักแน่นของข้า
จงขุยขมวดคิ้วน้อยๆ เอ่ยเสียงต่าว่า “ทั้งๆ ที่ไม่ใช่สถานที่สกปรก ทาไมกลิ่นอายดุร ้ายถึงเข้มข้นขนาดนี้ เทียบเท่าได้กับสนามรบ โบราณที่กองทัพหยินหลายหมื่นตนมารวมตัวกันเลย”
หากมีแค่เขากับเจ้าอ้วนที่มาเตร็ดเตร่ที่นี่ก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าตอนนี้ข้างกายยังมีเด็กรุ่นเยาว์อย่างพวกหลี่เป่าผิงติดตาม มาด้วย…ช่างเถอะ พอคิดว่ายังมีเผยเฉียนอยู่ด้วย จงขุยก็ได้แต่ใช ้
เสียงในใจเตือนให้พวกเขาระวังตัวกันหน่อย อย่าได้ทิ้งระยะห่างกัน เกินสามก้าว ตั้งใจกาชับเด็กสองคนที่ขอบเขตต่าที่สุดอย่างถานอิ๋ง โจวและเจิ้งโย่วเฉียนเป็ นพิเศษ ขณะเดียวกันก็บอกให้เจ้าอ้วนคอย ปกป้ องสองคนนี้ด้วย อย่าเอาแต่คิดถึงโชคความรักในป่าเขาอะไรอีก เลย
เจ้าอ้วนพยักหน้า ก่อนจะสูดจมูก “ประหนึ่งปลาได้น้า สาแก่ใจ นัก สาแก่ใจยิ่งนัก“
ในภูเขาพลันมีเสียงทุ้มหนักประหนึ่งเสียงฟ้ าคารามกระเทือนก้อง อยู่ข้างหูของทุกคน “รีบถอยออกไปซะ สถานที่แห่งนี้อันตราย ไม่ ควรอยู่นาน”
เจ้าอ้วนกวาดตามองรอบด้าน ร ้องเอ๊ะหนึ่งที “พี่จง ไอ้หมอนี่ พอจะมีตบะอยู่บ้างนะแม้แต่ข้าก็ยังสัมผัสไม่ได้ว่าเสียงมาจากไหน ตามความเห็นของพี่จง เป็ นผีหรือเป็ นคน เป็ นมิตรหรือเป็ นศัตรู?”
จงขุยลังเลเล็กน้อย แต่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนจึงหันไปพูดว่า “เป๋ าผิง เผยเฉียนพวกเจ้าติดตามอยู่ข้างกายอวี่จิน พาเจิ้งโย่วเฉียน กับถานอิ๋งโจวออกไปจากที่นี่ด้วยกัน”
เจ้าอ้วนกระทืบเท้า “ท าไมล่ะ!” จงขุยตบบ่าเจ้าอ้วน เจ้าอ้วนย่นคอ “ก็ได้”
บนกระดาษหน้าต่างของหอเรือนส่องสว่างด้วยแสงจันทร ์ เงาคน ผลุบโผล่ ในลานเรือนขนาดเล็กมีเส้นทางมืดดาคดเคี้ยว ข้างทางคือ พุ่มดอกไม้ พอจะมองเห็นหญิงสาวแต่งกายชุดชาววังก้าวเดินด้วย ฝีเท้าแผ่วเบาได้รางๆ
มีเสียงหวานหยาดเยิ้มของสตรีดังลอยมา “จะไปไหนล่ะ ในเมื่อ มาก็มาแล้ว ไยไม่อยู่ต่อด้วยกัน?”
เจ้าอ้วนได้ยินน้าเสียงนี้ก็รู ้สึกว่ากระดูกอ่อนยวบไปทั้งร่าง หัวเราะเสียงเย็นอยู่สองสามที ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักว่า “พี่จง เจ้าคุ้ม กันพวกเขาจากไปเองแล้วกัน วันนี้ข้าไม่ไปไหนแล้ว! ต่อให้เป็ นบ่อ มังกรถ้าพยัคฆ์ก็ยังต้องไปเยือนสักครั้ง ภูตผีที่ตบะสูงส่งลึกล้าเช่นนี้ หากว่าเป็ นพวกดุร ้ายที่หลบเร ้นอาพรางกายจากโลกภายนอกมา วางแผนอยู่ที่นี่ ในเมื่อเราเดินทางผ่านมาแล้วจะปล่อยผ่าน นิ่งดูดาย ไม่สนใจได้อย่างไร?!”
เผยเฉียนเพียงแค่หันไปมองจุดหนึ่ง มองดูเหมือนอยู่ใกล้กับตรง นี้มาก ห่างจากทางขวามือไปแค่ไม่กี่จั้งเท่านั้น จากนั้นเผยเฉียนก็ข ยับสายตาไปยังต าแหน่งตะวันตกเฉียงเหนือครั้งนี้มองใกล้กว่าเดิม เหมือนว่าอีกฝ่ ายอยู่ใกล้ในระยะประชิด รอกระทั่งเผยเฉียนมองเป็ น ครั้งที่สาม กลับมองไปยังจุดที่ห่างไปไกลมากแล้ว
เจ้าอ้วนตกตะลึงอย่างหนัก เผยเฉียนผู้นี้มีความเป็ นมาอย่างไร กันแน่ ทาไมตนถึงไม่เคยรู ้เลยว่าผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางคนหนึ่ง มีวิชาอภินิหารเฉพาะตัวที่ราวกับได้เบิกเนตรสวรรค์แบบนี้ด้วย?
จงขุยใช ้เสียงในใจถาม “ค้นพบร่องรอยของอีกฝ่ายแล้วหรือ?”
เผยเฉียนใช ้เสียงในใจตอบ “พบแล้ว แต่ครั้งที่สองกับครั้งที่สาม ข้าจงใจมองไปผิดทางแต่ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ นี้จะหลอกอีกฝ่ ายได้ หรือไม่ ข้ากลับไม่รู้แล้ว”
จงขุยยื่นมือมานวดคลึงหว่างคิ้ว
ไม่เสียแรงที่เป็ นถ่านดาน้อยที่ตอนเด็กหลอกพวกมือปราบเสีย จนหัวหมุน
จงขุยเพ่งสายตามองไป เวทอ าพรางตาทุกอย่างล้วนสลาย หายไปด้วยตัวเอง ไม่เห็นหอเรือนอีก มีเพียงเนินเขาเล็กๆ แห่งเดียวที่ มีป้ ายศิลาโบราณป้ ายหนึ่งตั้งอยู่ ด้านบนเขียนอักษรดิน ด้านล่าง เขียนอักษรฟ้ า
ตรงกลางของป้ ายศิลายังมีตัวอักษรโบราณแนวตั้งอีกแถวหนึ่ง “มิอาจฟื้นคืนได้อีกตลอดกาล’
ยอดบนสุดของป้ ายหินคือกระบี่เหรียญทองแดงเกรอะสนิมที่ มองดูคล้ายถูกวางไว้อย่างไม่ใส่ใจ
ปราณดุร ้ายในซากปรักแห่งนี้ล้วนมาจากเนินเขาแห่งนั้น แต่ กลับถูกป้ ายศิลาและกระบี่เหรียญทองแดงสยบเอาไว้
จากนั้นจงขุยก็ส่ายหน้า ถึงกับเป็ นผู้ฝึกตนอายุน้อยสองคนที่มา ยึดครองที่แห่งนี้ จงใจหลอกคนให้กลัว เด็กหนุ่มคนหนึ่งในนั้นคล้าย จะเป็ นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง?
เวลานี้พวกเขาหลบอยู่หลังป้ ายหิน ดูจากท่าทางแล้วค่อนข้างจะ ตื่นเต้น
หนึ่งชายหนึ่งหญิง ขอบเขตล้วนไม่สูง ยังไม่สร ้างโอสถ ทั้งยัง ไม่ใช่เผ่าปีศาจ เกินครึ่งพวกเขาน่าจะเป็ นผู้ฝึ กตนอิสระในท้องถิ่น ของใบถงทวีปที่พลัดหลงเข้ามายังที่แห่งนี้
เพียงแต่ว่ามีลางว่าถูกปราณชั่วร ้ายอาบย้อมแล้ว พูดให้ง่าย หน่อยก็คือหากอยู่ที่แห่งนี้นานเข้า พวกเขาจะถูกตัวประหลาดที่ป้ าย หินและเหรียญทองแดงสยบไว้ยืมศพคืนวิญญาณ
จงขุยพลันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
ได้แต่ยิ้มจืดเขื่อน กระบี่บินอะไรกัน วิชาอภินิหารถึงได้น่า เหลือเชื่อเช่นนี้?
แต่ภายใต้วาสนานาพาพวกเขาจับผลัดจับผลูมาที่นี่ก็ดี หรือเป็ น หุ่นเชิดที่ถูกชักใยแล้วก็ช่าง ดูเหมือนว่าจะควบคุมใจกลางค่ายกล ของซากปรักแห่งนี้ได้แล้ว
ที่แท้จงขุยรู ้สึกเหมือนได้กลับไปยังโรงเตี้ยมของเมืองหูเอ๋อร ์ เถ้า แก่เนี้ยะนั่งอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน คลี่ยิ้มดุจบุปผาผลิบาน ที่น่ากลัวที่สุด
คือข้างโต๊ะเหล้าตัวหนึ่ง อาจารย์ของส านักศึกษาก าลังกวักมือเรียก เขา บอกเป็ นนัยให้จงขุยนั่งลงดื่มเหล้า
ไม่ว่าจงขุยจะร่ายเวทคาถาอย่างไร ร่างทั้งร่างก็คล้ายถูกกักอยู่ ด้านหลัง…กระจกบานหนึ่ง
ขณะเดียวกันอวี่จิ่นก็เหงื่อแตกพลั่ก ตรงเนินเขาถึงกับมี… มหาสมุทรความรู ้โจวมี่ยืนอยู่!
อวี่จิ่นปลุกความกล้าร่ายวิชาโจมตีที่เป็ นวิชากันกรุของตนใส่ โจวมี่ที่ต้องเป็ นภาพลวงตาอย่างแน่นอนเต็มกาลัง โจวมี่ยิ้มบางๆ เพียงแค่ยื่นมือออกมาขยับแผ่วเบาทีเดียวก็ชัดให้ผีเซียนตนหนึ่งลง ไปนอนหมอบอยู่กับพื้น กระดุกกระดิกไม่ได้อีก เสียงที่ดังขึ้นเหนือหัว เหมือนเสียงฟ้ าคาราม “อวี่จิ่น ไร ้ความสามารถดีแต่ทาให้เสียเรื่อง เก็บเจ้าไว้จะมีประโยชน์อะไร?”
เผยเฉียนยืนอยู่ที่เดิม เหงื่อไหลโซมเต็มกาย นางเบิกตากว้าง ท่ามกลางม่านราตรีแผ่นหลังผอมแห้งของคนผู้หนึ่งที่กาลังกัดกิน หมั่นโถวค่อยๆ หันหน้ามาช ้าๆ มองมายังเด็กน้อยที่ใบหน้าเหลืองแห้ง ตอบ
เจิ้งโย่วเขียนมึนๆ งงๆ คล้ายกลายไปเป็ นเผ่าปีศาจ ข้างกายมีแต่ คนร่วมเผ่าพันธุ์ เขาเงยหน้าขึ้นเห็นกาแพงเมืองที่สูงใหญ่แห่งหนึ่ง กระบี่บินเหมือนฝนตกที่สาดกระทบมายังตน
ถานอิ๋งโจวก็ตกอยู่ในสภาพการณ์ที่ไม่ต่างกันสักเท่าไร ดวงตา สองข้างของแม่นางน้อยไร ้แวว จิตวิญญาณสั่นสะท้าน หวาดกลัว ผิดปกติ
มีเพียงหลี่เป่ าผิงที่แค่ยกหลังมือขึ้นเคาะหน้าผากเบาๆ เพียงไม่ นานสติของนางก็กลับคืนมาแจ่มชัดอีกครั้ง หลังจากสัมผัสได้ถึง ความผิดปกติ ในมือของนางก็มีดาบแคบเล่มหนึ่งเพิ่มมา
และเวลานี้เอง ริ้วคลื่นก็กระเพื่อมขึ้นมา “จงขุย” อีกคนหนึ่งเดิน โซเซออกมาจากประตูใหญ่ ปากของเขาสบถด่าดังขรม ที่แท้ลาพัง แค่เขาพยายามจะเดินเข้าไปในปรโลกแล้วค่อยกลับมายังโลกคนเป็ น กลับทาไม่ได้ จาเป็ นต้องไปเยือนด่านประตูผีเส้นทางน้าพุเหลืองมา รอบหนึ่ง ผ่านด่านหนาชั้น พุ่งตัวมาเร็วราวสายฟ้ าฟาด ไม่มีเวลามา สนใจมารยาทพิธีการอะไรอีกแล้ว กว่าจงขุยจะกลับมาถึงที่นี่ก็ไม่ใช่ เรื่องง่าย เอาเป็ นว่าครั้งนี้เขาต้องติดหนี้บานเบอะไว้ที่นครเฟิ งตู แน่นอน
เพียงแต่ว่าจงขุยคนนี้กาลังจะบอกหลี่เป่ าผิงว่าไม่ต้องเป็ นกังวล เขาก็ด่ามารดาไปค าหนึ่ง เพราะเขาถึงกับตกไปอยู่ในดินแดนมายา อีกครั้งแล้ว…
ทางฝั่งของเนินเขา ครั้งนี้จงขุยมองเห็นแค่แวบเดียว แต่กลับ ไม่ใช่ภาพมายาแล้ว แต่เป็ นเงาร่างของสตรีคนหนึ่งที่พร่าเลือน ดู เหมือนในมือของนางจะหิ้วตะกร ้าไม้ไผ่สาน นางมองจงขุยด้วย สายตาเหม่อลอยคล้ายกาลังตั้งใจคิดอะไรบางอย่าง แต่ดันคิดไม่ออก
นางถอนหายใจเบาๆ แล้วก็หมุนตัวจากไป มองไปทางป้ ายศิลา เขย่ง ปลายเท้า พยายามจะหยิบเอากระบี่เหรียญทองแดงไป ยามที่ปลาย นิ้วกับเหรียญทองแดงสัมผัสกันก็เหมือนมีเปลวเพลิงสวรรค์โหมไหม้ พริบตาเดียวก็ลามไปทั่วฟ้ าดินเล็ก แต่นางกลับไม่ได้หดมือกลับคืน สองนิ้วคีบกระบี่เหรียญทองแดงที่มองดูเหมือนเบาหวิวเล่มนั้นขึ้นมา ช ้าๆ
จงขุยเริ่มวิ่งไปตามเส้นทางของปรโลกอีกครั้ง หนี้เยอะไม่กลัวทับ ตัว เพียงแต่ว่าครั้งนี้ต้องขอยืมสมบัติหนักจากนครเฟิ งตูเอาไปใช ้ สยบจิตหยางของตน ให้เป็ นหินถ่วงท้องเรือถึงจะได้!
มารดามันเถอะ ตลอดทางมีแต่ค าหยอกล้อเอ่ยสัพยอก นายท่าน ใหญ่จงเดินเล่นอยู่หรือ? โอ้โห นี่ไม่ใช่น้องจงขุยหรอกหรือ ติดใจ ด่านประตูผีหรืออย่างไร?
รอกระทั่งจงขุยที่สวมชุดคลุมอาคมสีแดงสดเร่งเดินทางอย่าง ว่องไวราวสายฟ้ าแลบกึ่งยืมกึ่งแย่งสมบัติหนักชิ้นหนึ่งมาได้ก็ชูขึ้นสูง ในมือ ฝ่ าเส้นทางปรโลกเส้นนั้นออกมาได้ ในที่สุดก็ปรากฏตัวข้าง กายหลี่เป่าผิงอีกครั้ง
แต่กลับสังเกตเห็นว่าตรงยอดเขามีบุรุษสวมชุดลัทธิขงจื๊อคน หนึ่งโผล่มา ฝ่ ามือข้างหนึ่งยกขึ้น รวบรวมทะเลเพลิงที่ลามเต็มแผ่น ฟ้ าให้เป็ นลูกไฟบริสุทธิ์ลูกหนึ่ง จากนั้นยื่นมือไปกดกระบี่เหรียญ ทองแดงไว้เบาๆ ยิ้มบางๆ เอ่ยกับเงาร่างพร่าเลือนที่ถือตะกร ้าอยู่ในมือ
“อีกเดี๋ยวผู้อาวุโสก็สามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว สั้นหน่อยก็ครึ่งปี นาน หน่อยก็หนึ่งปี”
เขากระทืบเท้าเบาๆ พื้นดินก็กลายมาเป็ นพื้นที่ประกอบพิธีกรรม เบาะรองนั่งใบหนึ่งป้ ายหินที่เดิมทีง่อนแง่นจะล้มคว่าเหมือนได้รับอภัย โทษ พลันแน่นิ่งไม่ขยับทันที
หลี่เป่ าผิงสอดดาบกลับเข้าฝัก สะบัดดาบแคบ ยิ้มตะโกนเรียก “พี่ใหญ่!”
หลี่ซีเซิ่งพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
หลี่เป่าผิงเอ่ยอย่างรีบร ้อน “ช่วยหน่อย!”
หลี่ซีเซิ่งโบกชายแขนเสื้อ ทุกคนก็กลับคืนมาเป็ นปกติ
หลี่เป่าผิงใช ้เสียงในใจถาม “นางคือ?”
อันที่จริงในใจหลี่ซีเซิ่งมีการคาดเดาแล้ว แต่กลับโกหกหลี่เป่าผิง อย่างที่หาได้ยาก “พี่ใหญ่ก็ไม่รู ้เหมือนกัน”
จงขุยเพิ่งคิดว่าจะถามความเป็ นมาของสตรีจากลูกศิษย์ลัทธิ ขงจื๊อที่เรียกได้ว่ามีมรรคกถาเลิศล้า หลี่ซีเซิ่งก็ชิงยิ้มเอ่ยขึ้นมาก่อน “ข้าชื่อหลี่ซีเซิ่ง เป็ นพี่ชายใหญ่ของเป่ าผิง ได้ยินชื่อเสียงของ อาจารย์จงมานานแล้ว”
จงขุยเก็บชุดคลุมอาคมบนร่างมาแล้ว จากนั้นสอดสมบัติหนัก ชิ้นนั้นไว้ในชายแขนเสื้อได้ยินอีกฝ่ ายแนะน าตัวเองก็พลันรู ้สึก กระอักกระอ่วน “พู่กันเหล็กหมาดหิมะด้ามนั้น…”
หลี่ซีเซิ่งยิ้มกล่าว “ในอดีตข้าเป็ นคนมอบให้เจ้าขุนเขาเฉิน เพียงแต่อาจารย์เฉินให้อาจารย์จงยืมก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแล้ว”
จงชุยกับหลี่ซีเซิ่งมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ประสานมือคารวะแทบ จะเวลาเดียวกัน
หลี่ซีเซิ่งมองเผยเฉียนด้วยสีหน้าอ่อนโยน พูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ว่า “ก็แค่โชคชะตาเท่านั้น ไม่ต้องตาหนิตัวเอง ต่อให้ข้าไม่ลงมือ พวกเจ้าก็จะยังปลอดภัยไร ้อันตรายอยู่ดี หากไม่เชื่อ คราวหน้า สามารถถามอาจารย์พ่อของเจ้าดูว่าเขาจะพูดอย่างไร”
อวี่จิ่นก็ยิ่งรู ้สึกละอายอย่างที่หาได้ยาก ไม่กล้าหันไปมองจงขุย
จงขุยตบแขนของเขา ทั้งไม่กล่าวโทษแต่ก็ไม่ได้พูดปลอบใจ อะไร แค่เอ่ยสัพยอกว่า“เจ้าอ้วน รู ้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่ามีสุขร่วม เสพมีทุกข์ร่วมต้าน?”
เจ้าอ้วนเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้าง
ดวงดาวดวงหนึ่งนอกฟ้ า
บนยอดเขาประหลาด เรือนกายกายาของคนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิ สองหมัดวางไว้บนหัวเข่า หัวเราะหยันเอ่ยว่า “เนื้อหาของป้ ายศิลามี ความกล้าหาญไม่น้อยเลยนะ”
ด้านข้างคือผู้ฝึกตนหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ ก็คืออาจารย์ซานซานจิ่ว โหว เขาพูดด้วย สีหน้าเรียบเฉย “คุยโวไม่ได้ผิดกฎหมายสักหน่อย”
“บัญชีนี้จะคิดกันอย่างไร?”
“เจ้าว่าคิดอย่างไรก็คิดอย่างนั้น” ชายฉกรรจ์ร่างกายาหรี่ตาลง “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”
อาจารย์ซานซานจิ่วโหวยังคงเอ่ยประโยคเดิม “คุยโวไม่ได้ผิด กฎหมาย”
ทุกคนพากันออกไปจากซากปรักแห่งนี้ จงขุยพาเด็กหนุ่มเด็ก สาวคู่นั้นมาไว้ข้างกาย
จากนั้นหลี่ซีเซิ่งก็ท่องเที่ยวใบถงทวีปไปพร ้อมกับพวกเขา ตลอดทางเจ้าอ้วนไม่กล้าพูดจาหยาบโลนแม้แต่ครึ่งคา
ต่อมาเผยเฉียนก็พลันได้ยินเสียงในใจ รอกระทั่งอีกฝ่ ายบอก กล่าวตัวตนของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงจิต สังหารเข้มข้นบนร่างของนาง
หลี่ซีเซิ่งครุ่นคิด แต่ก็ยังไม่เอ่ยอะไร
หลังจากนั้นเผยเฉียนก็กุมหมัดบอกลาทุกคน เรือนกายของนาง สลายหายไปในเสี้ยววินาที ออกไปจากใบถงทวีปหวนกลับแจกัน สมบัติทวีป
ในตรอกเล็กของเมืองเพิ่งเล่อ เผยเฉียนเก็บปณิธานหมัดกลับมา ในทันใด เดินเข้าไปในบ้าน
เผยเฉียนทักทายอาจารย์พ่อแล้ว นางก็จ้องเขม็งไปที่นักพรตคน นั้น
แต่เพียงไม่นานเผยเฉียนก็กลับคืนมาเป็ นปกติ ทั้งร่างกาย ปณิธานหมัด ความคิดล้วนเหมือนน้านิ่ง ไม่มีริ้วคลื่นกระเพื่อมแม้แต่ น้อย
ลู่เฉินทอดถอนใจ จบเห่แล้ว บัญชีเก่าเลอะเลือนอีกเล่มหนึ่งแล้ว
หากเผยเฉียนปรากฏตัวครั้งนี้ด้วยท่าทางดุร ้าย เขาคงไม่กลัว ไม่พูดพร่าทาเพลงก็ถามหมัดย่อมดีที่สุด แต่นางกลับมีท่าทางและ สภาพจิตใจเช่นนี้ น่าขนลุกอย่างมาก
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน ยิ้มเอ่ย “ไม่ได้ออกท่องยุทธภพด้วยกันมา นานมากแล้ว”
โจวชิวอึ้งค้างอยู่ที่เดิม
เฉินผิงอันยิ้มพลางเอ่ยแนะนา “แม่นางโจว นางชื่อเผยเฉียน”
เผยเฉียนยิ้มกว้าง เอ่ยว่า “ข้าคือลูกศิษย์ใหญ่เปิ ดภูเขาของ อาจารย์พ่อ“