กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1020.1 ฟ้ าดินประหนึ่งภาพวาด
้
บทที่ 1020.1 ฟ้ าดินประหนึ่งภาพวาด
ลู่เฉินทอดถอนใจ พูดอย่างปลงอนิจจัง “ความกลัดกลุ้มกังวลท า ให้สุราท าให้เวลาไหลหายไปโดยไม่ทันรู ้ตัว ตะวันจันทราดุจกระสวย ดุจก้อนกลมกลิ้งหมุนเร็วรี่”
สถานที่ที่ในอดีตจักรพรรดิหญิงแห่งสรวงสวรรค์ร่ายราทาเพลง ภายหลังไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาน้าหยดจากในตาหนักอีก รอกระทั่งอวี๋ ฝู่ จวินรับช่วงภูเขาอูเถิงมาดูแลต่อก็ได้ซ่อมแซม ขยับขยายสร ้างจวน ส่วนตัวของเชื้อพระวงศ์หญิงที่ถูกแต่งตั้งเป็ นท่านหญิงซึ่งถูกทิ้งร ้าง มานานหลายปีแห่งนี้ให้กลับคืนมาโอ่อ่างดงามดั่งวันวานอีกครั้ง คน ทั้งสามแค่ขยับเข้าใกล้จวนเฝิ่นหวาน ยังไม่ทันได้เดินผ่านประตูก็ได้ กลิ่นหอมของสุราเข้มข้นและกลิ่นเครื่องประทินโฉมอบอวลลอยมา ตามสายลมราตรีแล้ว
ลู่เฉินพูดชวนคุยว่า “เฉินผิงอัน เจ้ารู ้ความเป็ นมาของชื่อภูเขา จุ้ยยวนและจวนเฝิ่นหวานหรือไม่”
เฉินผิงอันกล่าว “โจวชิวแค่เล่าให้ฟังว่าภูเขาจุ้ยยวนมีถ้าและ หน้าผาแกะสลัก ชื่อของภูเขาเกี่ยวข้องกับคาทานาย ถูกจ้าวฝู หยางมองเป็ นรากฐานในการบรรลุมรรคา ส่วนจวนเฝิ่นหวาน ข้าไม่รู ้ แล้ว”
้
ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันอยู่ที่ยอดเขาโพโม่ มองไกลๆ มายังภูเขา เหอฮวานแห่งนี้ก็เคยเห็นแสงไฟสองดวง นอกจากภูเขาสองลูกอย่าง จุ้ยยวนและอูเถิงจะเหมือนหางงูสองหางที่รัดพันกันแล้ว ตาแหน่งที่ตั้ง ของจวนอินอวินและจวนเฝิ่นหวานก็มีการนาปราณหยินมาเชื่อมโยง กับปราณหยางได้อย่างแยบยล แต่เฉินผิงอันได้แค่เห็นภาพรวม คร่าวๆ เท่านั้น เพราะถึงอย่างไรขอบเขตก็เหมือนกับภูเขา ต้องยืนอยู่ สูงถึงจะมองเห็นได้อย่างลึกล้าและยาวไกล ดวงจิตที่สิงอยู่ในร่างแยก ซึ่งเป็ นยันต์หุ่นเชิดนี้สร ้างขีดจากัดให้กับความสามารถในการ มองเห็นของเฉินผิงอันอย่างยิ่ง
ลู่เฉินยิ้มเอ่ย “หากมองดวงจันทร ์จากนอกฟ้ าก็จะเหมือนลูกกลม ลูกหนึ่งที่อยู่บนพื้น มีคนใช ้สีชมพูทาทับไปครึ่งหนึ่ง และหากมองจาก ด้านข้างตรงส่วนที่เป็ นสีชมพูจะมองดูเหมือนตะขอ ใช่ไหม?”
เฉินผิงอันคิดถึงภาพยิ่งใหญ่อลังการที่ได้หลุบตาลงต่ามองความ กว้างใหญ่ไพศาลเดินทางผ่านดาวอิ๋งฮว่อโบราณก่อนหน้านี้ขึ้นมา ได้ก็พยักหน้า “เจ้าลัทธิลู่ยกตัวอย่างได้ดี”
ลู่เฉินถูมือ “เดิมพันเล็กๆ น้อยๆ ให้พอสนุกดีไหม?”
เฉินผิงอันไม่ได้ถามว่าเดิมพันอะไร โพล่งออกไปสองค าโดยตรง “ตกลง”
ลู่เฉินกล่าวว่า “หากผินเต้าชนะก็ต้องมอบจ้าวฝูหยางให้ข้า จัดการ หากแพ้ เรื่องเละเทะทั้งอาจมอุจจาระผายลมทั้งหลายใน
้
อาณาเขตของภูเขาเหอฮวาน คืนนี้ผินเต้าจะท าตัวเป็ นคนเก็บอาจม สักครั้ง นอกจากนี้แล้ว พวกเราก็เพิ่มของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ กัน หน่อย เงินเหรียญทองแดงแก่นทองหนึ่งร ้อยเหรียญเป็ นอย่างไร?”
เฉินผิงอันถึงได้ถามว่า “คิดจะเดิมพันกับเรื่องอะไร?”
ลู่เฉินผายฝ่ ามือออกมาแล้วส่ายเบาๆ
เฉินผิงอันกล่าว “อย่าไม่มีหัวไม่มีหางแบบนี้สิ น่าจะมีคาใบ้ให้กัน บ้าง”
ลู่เฉินตบหัวตัวเอง ลืมไปว่าอิ่นกวานหนุ่มที่อยู่ข้างกายผู้นี้ ตอนนี้เพิ่งจะเป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตสี่ที่เชี่ยวชาญเวทกระบี่ วิชาการ มองลมปราณซึ่งเป็ นวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของเทพภูเขาและหูจ วิน รวมไปถึงวิชายันต์หลายๆ อย่าง เกรงว่าคงมอบให้นักพรตอู๋ตีที่ อยู่ในเมืองหลวงแคว้นอวี้เซวียนไปหมดแล้ว คิดดูแล้วการประชุมใน ศาลบรรพชนของภูเขาจุ้ยยวน เฉินผิงอันก็น่าจะไม่รู ้เนื้อหาจริงๆ ลู่ เฉินจึงชี้ไปยังจวนที่อยู่เบื้องหน้าแล้วให้เบาะแสข้อหนึ่ง “ในเมื่อเดิน ไปบนเส้นทางของการหลอมภูเขาควบกับการประกอบกามกิจในห้อง หอจ้าวฝูหยางไม่ยินดีช้าเป็ นเต่าคลาน จึงได้แต่อาศัยการดึงดูด ปราณมังกรจากหยกลัญจกรมาหลอมสองภูเขาอย่างจุ้ยยวน อูเถิง ใช้ฝ่ าคอขวดโอสถทอง เขาไม่เพียงแต่จะเลื่อนเป็ นก่อก าเนิด ยัง ต้องการดึงอวี๋ฉุนจือที่เป็ นคนรักให้ฝ่ าทะลุขอบเขตด้วยกันทั้งคู่ในคืน นี้ด้วย เพื่อจะได้ข่มขวัญสกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่งและสกุลจางเขตเทียน
้
เฉา ดังนั้นพวกเรามาเดิมพันกันว่าตอนที่ภูเขาจุ้ยยวนพลิกตัวจะ พลิกไปทางซ ้ายหรือพลิกไปทางขวา?”
เฉินผิงอันได้ฟังแค่นิดเดียวก็กระจ่างแจ้งทันที “เจ้าลัทธิลู่คิดจะ ยื่นส่งเงินมาให้ข้าหรือ?”
การก่อตั้งจวนเฝิ่ นหวานเป็ นฝี มือของจ้าวฝูหยาง และหากอิง ตามข้อมูลที่ลู่เฉินแพร่งพรายให้ฟัง จ้าวฝูหยางก็มีความเกี่ยวข้องกับ พรรคจินแชวและอารามหลิงเฟยอยู่ไม่น้อย วิถีแห่งการฝึกตนถือเป็ น ระบบการสืบทอดของลัทธิเต๋าที่บริสุทธิ์ดั้งเดิมอย่างถึงที่สุดบวกกับที่ ลัทธิขงจื๊อยืนหยัดในความคิดที่ว่าดาวชีเหย้าบนฟ้ าหมุนไปทางซ ้าย แต่ส านักห้าธาตุหยินหยางและสานักลี่เจียกลับเป็ นในทางตรงกันข้าม พอดี เมื่อเป็ นเช่นนี้ จ้าวฝูหยางที่หลอมภูเขาจุ้ยยวนเป็ นหนึ่งเดียวกัน กับร่างกายมานานแล้ว ยามที่พลิกตัวจะต้องหมุนทางขวาแน่นอน
เผยเฉียนสัมผัสได้ถึงแรงสะเทือนแผ่วเบาจากรากแผ่นดินราก ภูเขาใต้ฝ่ าเท้าได้อย่างเฉียบไว นางเงยหน้ามองฟ้ าอย่างรวดเร็ว ปรากฏการณ์ดวงดาวยังคงปกติ ในเมื่อไม่ใช่หายนะจากฟ้ า ถ้าอย่าง นั้นก็เป็ นภัยพิบัติจากคนที่ผู้ฝึกตนจงใจสร ้างไว้แล้ว ถึงได้ไปชักนา ภูเขา สอดคล้องกับค ากล่าวของคัมภีร ์อินฝูที่ว่าแผ่นดินส่งจิตสังหาร มังกรและงูลุกผงาด
บางทีสาหรับเหล่าผู้กล้าของแต่ละฝ่ ายที่กาลังดื่มเหล้ากินเนื้อคา โตอยู่ในจวนเฝิ่นหวานแล้ว คนส่วนใหญ่น่าจะกินจนเมามายเละเทะ แล้ว ไม่แน่เสมอไปว่าจะตระหนักได้ถึงลางแห่งความผิดปกติส่วนนี้
้
นี่คือคิดจะจัดการพร ้อมกันทีเดียวเลยหรือ? จ้าวฝูหยางผู้นี้ก็ช่าง อามหิตยิ่งนัก แขกทุกคนที่อยู่ในจวนเฝิ่นหวานดื่มเหล้ากินเนื้อ แต่ เขากลับจะกินทั้งคนทั้งเนื้อและเหล้าเข้าท้องไปพร ้อมกันจนสะอาด เอี่ยมอ่อง? ช่างดีดลูกคิดไว้ได้ดีจริงๆ น้าดีไม่ไหลเข้านาคนนอกโดย แท้
เฉินผิงอันกล่าว “ข้าเดิมพันว่าแผ่นดินไม่ไหวภูเขาไม่คลอน แคลน”
กิ่งไม้ที่อยู่ในมือของลู่เฉินก่อนหน้านี้ เกินครึ่งน่าจะเป็ นการตาม หาจุดที่เป็ นทาเลสาคัญแล้ว ลู่เฉินใช ้วิธีการที่คล้ายกับเด็กเล่นสนุก สยบการาบภูเขาเหอฮวานทั้งลูกไว้ได้อย่างง่ายๆ
ลู่เฉินเดินหันข้าง ยกสองมือขึ้น ทั้งสองมือต่างก็ชูนิ้วโป้ ง “เก่งกาจฉลาดล้า”
ปลายทางของถนนหลักเมืองเฟิงเล่อ ตรงหน้าประตูภูเขามีต้นไม้ ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง นักบัญชีที่นั่งอยู่หลังโต๊ะกาลังอ้าปากหาว ถูกเสียง สวบสาบระลอกหนึ่งทาให้ตกใจจึงสะดุ้งโหยง ที่แท้ก็มีกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง หล่นลงบนพื้น อาศัยแสงเทียนในโคมไฟใหญ่ของซุ้มป้ ายและของ เหลาสุราที่อยู่ใกล้เคียง คนหนุ่มยืดคอมองไป รู ้สึกได้ถึงเพียงความ แปลกประหลาด ไม่ใช่กิ่งเหี่ยวบนต้นไม้ ทาไมถึงได้ดูคุ้นตายิ่งนัก? คนที่เป็ นนักบัญชีได้ล้วนมีความจาไม่แย่ ใช ้ความคิดเพียงเล็กน้อยก็ นึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนในมือของนักพรตสวมชุดผ้าฝ้ ายที่ควักซองแดง
้
ออกมาสามซองจะมี “ไม้เท้าเดินป่ า” กิ่งนี้อยู่ในมือ ทาไมถึงหล่นลง มาจากภูเขาได้ล่ะ?
สาวใช ้สองคนของจวนเฝิ่นหวานที่มารับหน้าที่เป็ นคนเฝ้ าประตู ชั่วคราว ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าดึกขนาดนี้แล้วจะยังมีแขกมาร่วม แสดงความยินดี เด็กสาวอายุน้อยคนหนึ่งที่เรือนกายอรชรอ้อนแอ้น รีบซ่อนขนมชิ้นหนึ่งที่อยู่ในมือใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ ก่อนจะหันหน้า ไปเช็ดมุมปากอีกทาง
เด็กหนุ่มรองเท้าสานสะพายกระบี่ นักพรตสวมชุดคลุมสีเขียวรัด ผ้าไว้ตรงน่องเล็กหญิงสาวที่หน้าตาธรรมดา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ เหมือนพวกคนที่ร่ารวยสูงศักดิ์ ดังนั้นพวกนางจึงพาคนทั้งสามเดิน ลอดระเบียงไปยังห้องข้างห้องหนึ่งอย่างสมเหตุสมผล เดิมทีมีคนนั่ง กันเต็มโต๊ะเจ็ดแปดตัว ทว่าเวลานี้แขกบางตา คนนั่งไม่เต็มแล้ว อย่าง น้อยที่สุดก็มีที่ว่างถึงครึ่งหนึ่ง ผู้ดูแลอวี๋ที่คอยเติมเหล้าอยู่ที่นี่ก็จนใจ มากเหมือนกัน เจ้าพวกตะพาบพวกนี้ต่างก็ใช ้มือหนึ่งถือเหล้าหนึ่ง กา อีกมือหนึ่งถือจอกเหล้า วิ่งไปดื่มสุราคารวะที่ห้องโถงจัดเลี้ยงสอง ด้านที่อยู่ติดกัน บางคนก็ถือโอกาสนั่งอยู่ที่นั่นเหมือนกันมีรากงอก ไปเลย และก็มีบางคนที่สถานะไม่มากพอ ยินดียืนดื่มเหล้า แต่ไม่ยอม กลับมานั่งกินอาหารจืดชืดอยู่ในห้องข้าง
ผีผาฮูหยินจากถ้าสวรรค์เทียนไล่กับผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ข้างกันซึ่งตั้ง ฉายาให้ตัวเองว่าเฮยหลงเซียนจวินพูดคุยกันอย่างถูกคอยิ่ง สตรีวัย กลางคนที่เรือนกายอวบอิ่ม คลี่ยิ้มแต่ละครั้งก็เหมือนกิ่งบุปผาที่สั่น
้
ไหว โน้มไปข้างหน้าเอนไปด้านหลัง ข้างกายคนทั้งสองมีคนกลุ่ม หนึ่งยืนถือจอกเหล้าด้วยสองมือคอยรับฟัง ทั้งอยากจะหาจังหวะ แทรกดื่มสุราคารวะ แล้วก็มีบางคนที่ตั้งใจมาช่วยยกยอสนับสนุน บุคคลยิ่งใหญ่ทั้งสองอยู่ที่นี่ แล้วนับประสาอะไรกับที่ไม่ว่าใครก็ไม่ กลัวว่าจะต้องเหนื่อยเปล่า เพราะทุกครั้งที่ผีผาฮูหยินขยับเคลื่อน ตัวอย่างเกินจริง แต่ละคนก็พากันเคลื่อนสายตาตาม ลูกกระเดือก ขยับน้อยๆ
ปีศาจใหญ่ที่บุกเบิกถ้าสถิตอยู่บนเส้นทางหยวนเหนากับผู้ฝึ ก ยุทธขอบเขตหกที่กล้ามาเยือนมือเปล่ากาลังยุกันและกันให้ดื่มเหล้า พูดคุยถึงข้อคิดความเข้าใจในการฝึ กวิชาเหิงเลี่ยนให้กับร่างกาย แล้วก็ไม่ต้องใช ้จอก แต่ยกกาเหล้าขึ้นดื่มโดยตรง แกะผนึกดินออกก็ ดื่มได้เลย เหล้าหมักตระกูลเซียนที่จวนเฝิ่นหวานหมักเองพวกนี้มี ปราณวิญญาณซุกซ่อนอยู่มากกว่าเหล้าเซียนทั่วไป หากเอาไปขาย ที่ท่าเรือสักแห่ง ไม่มีเงินสามห้าเหรียญเกล็ดหิมะก็อย่าหวังว่าจะหา ซื้อได้ อีกทั้งสุราในคืนนี้ยังมีรสชาติที่กลมกล่อมเป็ นพิเศษ ระดับ ความเปี่ยมล้นของปราณวิญญาณอยู่เหนือเกินกว่างานเลี้ยงสุรา หลายๆ ครั้งที่ภูเขาเหอฮวานเคยจัดขึ้นก่อนหน้านี้ ฝู่ จวินทั้งสองท่าน ก็ช่างมือเติบใจกว้างเสียจริง งานมงคลที่จัดขึ้นครั้งนี้จะไม่เท่ากับว่า กินสมบัติของจวนชิงป๋ ายสันเขาเซียจื่อไปหลายลูกเลยหรือไร?
สาวใช ้จวนเฝิ่นหวานหลายคนที่รับหน้าที่ยกอาหารวางสุราพา กันเดินเป็ นขบวนเหมือนร ้อยเส้นด้าย แล้วก็มีบางคนที่ถูกยุให้ดื่ม
้
เหล้ามากเข้า กลิ่นสุราหอมเสื้อผ้าบางเบาเสื้อผ้าบางเบากลิ่นเหงื่อ หอมก็รวยริน
ห้องโถงจัดเลี้ยงที่อยู่ติดกัน เหนียงเนียงเทพภูเขาแห่งภูเขาจุ้ย ยวนเองก็ดื่มไปไม่น้อยมีท่าทางเมามายคล้ายกับต้านทานสุราฤทธิ์ แรงไม่ไหว ดวงตาหรี่ปรือ
ลู่เฉินหัวเราะคิก “จัดงานเลี้ยงใหญ่หน้าด่านประตูผี ดื่มสุราหัว ขาดในกระโจมสีชมพู”
ปัญญาชนสวมชุดคลุมขนนกกระสามองเห็นเงาร่างของเด็ก หนุ่มสะพายกระบี่ก็หยิบตะเกียบขึ้นมาชี้ไปที่อีกฝ่ าย เอ่ยอย่างอ่อนใจ ว่า “ดื้อขนาดนี้เชียวหรือ ไม่ว่าเรื่องครึกครื้นอะไรก็กล้ามาร่วมวง ด้วย”
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ยิ้มเอ่ย “ข้าชอบความครึกครื้นมาตั้งแต่ เด็กแล้ว ส่วนที่ติดค้างไว้เมื่อก่อน ก็ชดเชยมันเสียตอนนี้”
ป๋ ายเหมากวักมือ กดเสียงต่าเอ่ยว่า “มาก็มาแล้ว มานั่งลงแล้ว ค่อยๆ คุยกันเถอะ กินดื่มให้เต็มที่ พยายามเอาเงินใส่ซองกลับคืนมา ให้ได้”
ก่อนหน้านี้ป๋ ายเหมาเสียดายซองแดงของตัวเองอยู่ตลอด เงินตั้ง ห้าสิบเหรียญเกล็ดหิมะเชียวนะ เวลานี้มีเฉินเหรินเพิ่มเข้ามา ประเด็น สาคัญคือเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ยังพาเพื่อนมากินด้วยอีกสองคน คราวนี้จึงรู ้สึกสบายใจขึ้นเยอะมาก ราวกับว่าไม่ได้เสียเปรียบมากนัก
้
ป๋ ายเหมาเห็นว่าผู้ดูแลอวี๋กาลังยุให้คนบนโต๊ะอื่นดื่มสุราอยู่ก็เอ่ย เตือนอีกว่า “เฉินเหริน จาไว้ว่าคืนนี้หากดื่มได้มากเท่าไรก็ดื่มไป เท่านั้น สุราดีหากไม่ดื่มก็เสียเปล่า นี่คือเหล้าหมักตระกูลเซียนของ แท้เชียวนะ ในห้องนี้ของพวกเรา ผู้ดูแลอวี๋บอกว่าอิงตามกฎของจวน หนึ่งคนได้หนึ่งกา แต่ขอแค่เจ้ายอมเปิดปากขอ กาที่สองก็จะตามมา แต่จะมีกาที่สามหรือไม่ก็ต้องดูว่าฝีปากเจ้าดีพอหรือไม่ ผู้ดูแลอวี๋จะ ยอมไว้หน้าหรือไม่ เห็นโต๊ะข้างๆ นั่นไหม คนที่โบกพัดน่ะ ผิวนุ่ม เนื้ออ่อน ก็คือพวกคนชั่วที่ดูมีความรู ้ เอ่ยสัพยอกสาวใช ้ของที่นี่แค่ ไม่กี่คา นางก็แอบมอบเหล้าเซียนกาที่สามให้เขาแล้ว”
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่นั่งลงแล้วก็เอ่ยว่า “ข้าเป็ นคนหน้าบาง ไม่ กล้าขอเหล้ามาดื่มเยอะหรอก”
ป๋ ายเหมาสะอึกอึ้งทันใด
เด็กหนุ่มกล่าวว่า “ไม่เป็ นไร ข้างกายข้ามีคนหน้าหนาอยู่ด้วย อีกเดี๋ยวจะให้เขาเป็ นคนพูด ดูลายมือ ท านายดวงความรักอะไรให้กับ พวกสาวใช ้ จะสองหรือสามกาก็ได้หมด”
นักพรตหนุ่มทรุดตัวนั่งลง เอนกายพิงเก้าอี้ มือขวาทุบไหล่ซ ้าย เห็นว่าปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสามองมา นักพรตก็คลี่ยิ้มกว้าง สดใส กุมหมัดเอ่ย “ผินเต้าเชี่ยวชาญการดูลายมือ ดูให้สตรีมักจะ แม่นย าเสมอ”
้
เฉินผิงอันมองเหนียงเนียงเทพภูเขาของศาลภูเขาจุ้ยยวนแล้ว ครุ่นคิด เขานึกออกแล้วมิน่าเล่าถึงได้รู ้สึกคุ้นหน้านัก
ผ่านมานานหลายปี รูปโฉมโดยรวมของนางไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ พอกลายมาเป็ นเทพภูเขา บุคลิกก็เปลี่ยนไปไม่น้อย อีกทั้งมองดู เหมือนจะอ่อนเยาว์ลงเป็ นสิบปี นี่ก็คือข้อดีของการฝึกตนแล้ว
ผู้ฝึ กตนหญิงหลายคนที่มีพรสวรรค์ในการฝึ กตนดี บางทีชั่ว ชีวิตนี้พวกนางอาจไม่เคยรู ้เลยว่ารอยตีนกาคืออะไร นับแต่โบราณ มาขอบเขตของการฝึกตนก็คือเครื่องประทินโฉมที่ดีที่สุดของสตรี
เผยเฉียนรวมเสียงให้เป็ นเส้นสอบถามอย่างลับๆ “อาจารย์พ่อ เจอคนคุ้นเคยหรือ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ถือว่าคุ้นเคย เมื่อก่อนตอนที่เดินทาง ท่องเที่ยวแคว้นซูสุ่ย พอจะถือว่าเคยเจอหน้ากันมาก่อน แต่ไม่เคยคุย กัน หากจาไม่ผิด ชื่อเดิมของนางน่าจะแซ่เซียวเพียงแต่ไม่รู้ว่าท าไม นางถึงกลายมาเป็ นเหนียงเนียงเทพภูเขาของภูเขาจุ้ยยวนได้”
แคว้นซูสุ่ยห่างจากอาณาเขตของภูเขาเหอฮวานแห่งนี้ค่อนข้าง ไกลเลยทีเดียว
จาได้ว่าปีนั้นพอออกมาจากหมู่บ้านวารีกระบี่ก็เดินทางไกลเพียง ล าพัง มีกลุ่มคนในยุทธภพกลุ่มใหญ่กรูกันออกมาจากในป่ า เฮโล กันเข้าหาขบวนรถของคนในครอบครัว ตระกูลสูงศักดิ์แคว้นซูสุ่ยที่ ก าลังเดินทางอยู่บนทางหลวง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ ายได้รับรายงานผิด
้
ตอนนั้นพวกเขายังไม่รู ้ว่าตัวเองเตะโดนแผ่นเหล็กเข้าแล้ว ในขบวน รถนั้นนอกจากจะมีภรรยาของแม่ทัพใหญ่ฉู่หาวแล้ว ยังมีสตรีที่ สถานะไม่ธรรมดาอีกสองคน นอกจากองค์รักษ์ฝีมือดี อันที่จริงลาพัง แค่ผู้ฝึกตนติดตามกองทัพก็มีผู้ฝึกตนสายยันต์ขอบเขตประตูมังกร และผู้ฝึ กกระบี่ขอบเขตชมมหาสมุทรซ่อนตัวอยู่ ไม่ว่าจะดึงใคร ออกมาก็สามารถสังหาร “นักฆ่า” ในยุทธภพกลุ่มนั้นได้อย่างหมดจด ผลคือมีผู้อาวุโสในยุทธภพคนหนึ่งที่อายุไม่น้อยแล้วแต่กลับท าอะไร ไร ้คุณธรรม จงใจบอกชื่อของหมู่บ้านวารีกระบี่และซ่งอวี่เซาออกไป พยายามจะกวนน้าในยุทธภพในขุ่น ส่วนหมู่บ้านและผู้อาวุโสซ่งจะ เป็ นหรือจะตาย จะถูกราชส านักแคว้นซูสุ่ยกวาดล้างหรือไม่ เขาไม่ สนใจแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่คนเก่าแก่ในยุทธภพผู้นี้ เดินสวนไหล่กับเฉินผิงอันไป ยังใช ้อุบายเล่นงานเขา มอบชื่อและ สถานะ “ฉู่เยว่อี้” แห่งหมู่บ้านวารีกระบี่ให้กับเฉินผิงอันโดยตรง…