กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1020.4 ฟ้ าดินประหนึ่งภาพวาด
บทที่ 1020.4 ฟ้ าดินประหนึ่งภาพวาด
บรรพจารย์เปิดภูเขาของพรรคจินแชว ก่อนที่นางจะสละร่างจาก โลกนี้ไปเคยทิ้งโองการฉบับหนึ่งไว้ให้กับลูกศิษย์ผู้สืบทอดของยอด เขาทั้งหลาย หรือควรจะบอกว่าเป็ นคาสั่งเสียอย่างหนึ่งของนาง นาง หวังว่าสักวันหนึ่งลูกศิษย์พรรคจินแชวจะสามารถสะสมบุญกุศลคุณ ความดี ช่วยให้นางได้ฟื้นคืนสถานะทาเนียบ ได้บันทึกชื่อลงไปใน อารามหลิงเฟยของราชวงศ์ป๋ ายซวงอีกครั้ง เพียงแค่นี้เท่านั้น ขณะเดียวกันนางก็ได้ทิ้งคาสั่งตายเอาไว้ว่าต่อให้พรรคของตนจะตก อยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมตัดสินเป็ นตายก็ห้ามไปรบกวนการฝึก ตนอย่างสงบของอาจารย์ที่อยู่ในอารามหลิงเฟยเด็ดขาด ใครกล้า ละเมิดคาสั่งข้อนี้ก็คือคนทรยศ
ดังนั้นต่อให้จะเป็ นในสงครามครั้งนั้น ผู้ฝึ กตนของยอดเขา ทั้งหลายพรรคจินแชวจึงเคารพคาสั่งบรรพบุรุษมาโดยตลอด ไม่ได้ เป็ นฝ่ายไปติดตามกับอารามหลิงเฟย
ต่อให้เจ้าอารามผู้เฒ่าของอารามหลิงเฟยอย่างเซียนจวินเฉา หรงจะปรากฏตัว สร ้างคุณูปการเกริกก้องไว้ที่นครมังกรเฒ่า พรรค จินแชว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกตนผู้สืบทอดของสายอารามจินเซียน จะตื่นเต้นดีใจกันแค่ไหนก็ได้แต่เก็บความลับนี้ไว้ในส่วนลึกของหัวใจ เท่านั้น
นี่จึงเป็ นเหตุให้เมื่อทางฝั่งของอารามหลิงเฟยหรือต าหนักหลิง เฟยในทุกวันนี้เป็ นฝ่ ายส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้กับอารามจินเซียน บอกว่าเจ้าตาหนักจะมาเป็ นแขกที่นี่ ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของอารามจิน เซียนทุกคนถึงได้ดีใจกันอย่างบ้าคลั่ง
ท่ามกลางแสงจันทร ์ยามราตรี นักพรตหญิงคนหนึ่งหดย่อพื้น ที่มาปรากฏตัวที่ริมหน้าผาก่อน จากนั้นก็ตามมาด้วยผู้ฝึ กตนผม ขาวที่มีรูปโฉมเป็ นเด็กน้อย ในมือถือแส้ปัดฝุ่ นสะพายกระบี่ไม้ท้อยืน อยู่ข้างกายนักพรตหญิง
ลัทธิเต๋ามีเซียนเจินบางท่านที่สามารถเปลี่ยนจากคนแก่ไปเป็ น เด็ก ผมสีขาวโพลนก็เปลี่ยนเป็ นสีดาเหมือนขนกาน้า
หลังจากนั้นขอบฟ้ าก็มีเสียงฟ้ าร ้องดังครืนครั่นมาเป็ นระลอก ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สยายผมพุ่งทะยานมาถึงอย่างว่องไว ทะเลเมฆ ระหว่างทางเหมือนถูกกระบี่ฟันแหวก เขาพลิ้วกายลงข้างกายของ เด็กน้อยผมขาว
เขาคิดจะยื่นมือไปลูบหัวของ “เด็กน้อย” คนนั้น แต่จู่ๆ แสงกระบี่ ก็เปล่งวาบขึ้นมา ชายหนุ่มจึงได้แต่หดมือกลับคืน
หญิงชราแห่งอารามจินเซียนมิอาจควบคุมอารมณ์อันพลุ่งพล่าน ของตัวเองได้ ดวงตาของนางแดงก่า คารวะตามขนบลัทธิเต๋า เอ่ย เสียงสั่นว่า “ลูกศิษย์แห่งอารามจินเซียนยอดเขาชิงจิ้งคารวะบรรพ จารย์เซียงจวินแห่งต าหนักหลิงเฟย”
อันที่จริงใช่ว่าหญิงชราจะไม่รู ้ถึงสถานะของอีกสองคน แต่นาง จาเป็ นต้องเรียกชื่อของบรรพจารย์เซียงจวินแห่งสานักเบื้องบนที่มี ฉายาว่า “ต้งถิง” ผู้นี้ออกมาเดี่ยวๆ เพื่อแสดงถึงความเคารพ
เมื่อเป็ นเช่นนี้ก็เท่ากับว่านางได้เป็ นตัวแทนของพรรคจินแชว ภูเขาเบื้องล่างแสดงความเคารพต่อตาหนักหลิงเฟยสานักเบื้องบน แล้ว หรือควรจะพูดให้ถูกก็คือได้ก้มหัวคาระต่อต าหนักหลิงเฟยแทน บรรพบุรุษบุกเบิกภูเขาของตน
เซียงจวินกล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องมากพิธี สิงจื่อ นอกจากเจ้า ที่อยู่ต่อแล้ว คนอื่นๆ ให้ไปฝึกตนกันได้”
หญิงชราสะบัดชายแขนเสื้อ “พวกเจ้ากลับไปได้”
เซียงจวินเดินนาไปบนทางที่ปูด้วยหินเขียวริมหน้าผาก่อน หญิง ชราที่มีชื่อว่าสิงจื่อถึงได้รีบคารวะ “เด็กน้อย” และชายหนุ่ม “สิงจื่ อแห่งอารามจินเซียนคารวะเหวยเจินเหริน ปรมาจารย์เวิน”
เหวยเจินเหรินที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีฉายาผู้นี้คือนักพรตผู้คุมกฏ ของอารามหลิงเฟยในอดีต ทุกวันนี้ได้เลื่อนเป็ นเจ้าตาหนักของ อารามเต๋าแล้วจึงปลดประจ าการจากต าแหน่งผู้คากฎ
แต่ไม่มีใครรู ้สึกว่า “นักพรตน้อย” ถูกลดต าแหน่งลง เหตุผลก็ เรียบง่ายอย่างยิ่ง เขาคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเฉาหรงเจ้าอารามคน ก่อน
ไม่ว่าจะเป็ นจวนเซียนบนภูเขาหรือพรรคล่างภูเขาก็ดูเหมือนว่า จะมีแต่รับลูกศิษย์ใหญ่เปิดภูเขาผิดคน แต่ไม่เคยพลาดในการรับลูก ศิษย์ปิดส านัก
ส่วน “ปรมาจารย์เวิน” นั้นก็ชื่อว่าเวินจื่อซี่ ฉายาบนภูเขาคือ “เวินหลาง” อายุไม่ถึงสี่สิบปีก็เป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลคน หนึ่งแล้ว ประเด็นสาคัญคือเขายังเป็ นเซียนดินโอสถทองของลัทธิเต๋า คนหนึ่งด้วย
และยิ่งเป็ นคนเจ้าชู้เสเพล
หูจวินเพิ่งจะเดินทางจากพรรคเล็กแห่งหนึ่งมายังพรรคจินแชว เพิ่งแยกจากต่งสุ่ยจึงได้ไม่นานเท่าไร
เมื่อครู่นี้ศิษย์น้องเหวยยังอยู่ที่เมืองหลวงแคว้นชิงซิ่ง ส่วนศิษย์ หลานอย่างเวินจื่อซี่หากไม่ผิดไปจากที่คาดก็น่าจะปลีกตัวออกมา จากรังสาวงามสักรังแล้ว
ทางฝั่งของยอดเขาฉุยชิงพรรคจินแชวมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มี ชื่อเสียงอยู่แห่งหนึ่ง คือน้าตกที่ไหลย้อนกลับ
หูจวินหยุดเดิน มองไปยังน้าตกที่สะเก็ดน้าสาดกระเซ็นเหมือน หิมะ เสียงดังเหมือนเสียงฟ้ าคาราม เอ่ยว่า “ก่อนที่อาจารย์จงลงจาก ภูเขาเดินทางไกล เคยได้ออกโองการลับไว้ว่าอนุญาตให้นางได้ฟื้น คืนสถานะท าเนียบของอารามหลิงเฟย ยังบอกด้วยว่าสายอารามจิน เซียนของพวกเจ้าสามารถหลุดพ้นจากพรรคจินแชวและถูกรับกลับ
เข้าอารามหลิงเฟยได้แล้ว แน่นอนว่าไม่บังคับ ผู้ฝึกตนของยอดเขา ชิงจิ้งจะอยู่หรือไปก็ตามใจ ส่วนยอดเขาทั้งหลายของพรรคจินแชวน อกจากอารามจินเซียนนั้นก็ช่างเถอะ คาดว่าพวกเขาเองก็คงไม่ยอม เหมือนกัน พวกเราก็อย่าได้หลงตัวเองกันอีกเลย”
หญิงชราร่าไห้ไม่เป็ นเสียง หันหน้าไปทางทิศใต้แล้วทรุดตัวลง กราบแนบพื้น สามกราบเก้าค านับ โขกศีรษะขอบคุณเฉาเทียนจวิน ผู้เป็ นบรรพบุรุษ
หูจวินประคองนางให้ลุกขึ้น “หากเฉิงเฉียนขัดขวาง ข้าสามารถ ให้ศิษย์น้องเหวยและเวินจื่อซี่ให้อยู่ที่ยอดเขาชิงจิ้งได้”
หญิงชราลุกขึ้นแล้วก็ปิดหน้าร่าไห้
ชายหนุ่มยิ้มเอ่ย “พวกเจ้าได้ยินหรือยัง ต้นวสันต์ของปีนี้ใบถง ทวีปมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นหลายเรื่องเลยนะ”
เหวยเจินเหรินหลุดหัวเราะพรืด
นอกจากพวกตรูลแซ่ใหญ่ทั้งหลายของนครมังกรเฒ่าที่ทา การค้ากันจนเคยชินแล้วทางฝั่งของแจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้แทบ จะไม่มีใครที่ไม่ชอบสืบข่าวของใบถงทวีป
ลมและน้าหมุนเวียนผลัดเปลี่ยน ผู้ฝึกตนบนภูเขาของใบถงทวีป ในอดีตก็เคยมองแจกันสมบัติทวีปเพื่อนบ้านที่อยู่ทางเหนือแบบนี้ เช่นกัน
หูจวินพยักหน้า “เป็ นเรื่องใหญ่” เหวยเจินเหรินถึงได้เกิดความสนใจขึ้นมา “เรื่องอะไร?”
เวินจื่อซี่ยกสองมือขึ้นสะบัดข้อมือ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เรื่องใหญ่ เรื่องแรกก็คือทางทิศใต้สุดของราชวงศ์สกุลหยวนต้ายวนมีส านัก ใหม่เอี่ยมที่ชื่อว่าสานักกระบี่ชิงผิง ก่อนหน้านั้นไม่มีข่าวแพร่งพราย ออกมาแม้แต่น้อย สานักกระบี่ชิงผิงนี้คือสานักเบื้องล่างของภูเขาลั่ว พั่วแจกันสมบัติทวีป เจ้าสานักคนแรกมีชื่อว่าชุยตงซาน คือบุคคล แปลกหน้าที่เดิมทีไม่เคยมีชื่อเสียงมาก่อน เพียงครั้งเดียวที่คนผู้นี้เผย กายก็คือตอนที่อื่นกวานหนุ่มของพวกเราท่านนั้นกับสหายรักอย่าง หลิวเสี้ยนหยางไปถามกระบี่กับภูเขาตะวันเที่ยงด้วยกัน ระหว่างนั้น ชุยตงซานเคยปรากฏตัว อิงตามท าเนียบศาลบรรพจารย์ของภูเขา ลั่วพั่วถือเป็ นลูกศิษย์ของเฉินผิงอัน”
ส่วนขอบเขตสูงหรือต่า ยังคงเป็ นปริศนา
เซียงจวินยิ้มเอ่ย “เจ้าช่วยแสดงความเคารพต่ออาจารย์เฉินแห่ง ภูเขาลั่วพั่วและเจ้าสานักของสานักกระบี่ชิงผิงหน่อย”
ตามหลักแล้วคนที่รับหน้าที่เป็ นเจ้าสานักของสานักเบื้องล่างต้อง เป็ นขอบเขตหยกดิบส่วนผู้ที่จะมาสืบทอดต่อจากนั้นกลับกลายเป็ น ว่าไม่มีข้อเรียกร้องต่อขอบเขตมากนัก ขอแค่ในส านักมีผู้ฝึ กตน ทาเนียบขอบเขตหยกดิบนั่งบัญชาการณ์ภูเขาก็พอแล้ว
แล้วนับประสาอะไรกับที่สานักกระบี่ชิงผิงยังเป็ นสานักวิถีกระบี่ที่ หาได้ยากยิ่ง ถือเป็ นประวัติการณ์ของใบถงทวีป หากชุยตงซานเป็ น เซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบจริง ในแจกันสมบัติทวีปที่สงครามดาเนิน ไปอย่างดุเดือด มีหรือจะไม่เคยสร ้างคุณความชอบใดๆ เลย? ก็ เหมือนอย่างลูกศิษย์ใหญ่เปิ ดภูเขาของเฉินผิงอัน เผยเฉียนที่ใช ้ นามแฝงว่า “เจิ้งเฉียน” นางไม่เพียงแต่เปล่งประกายเจิดจ้าบนสนาม รบของลาน้าใหญ่ในภาคกลางเท่านั้น ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่บน สนามรบต่างๆ ตั้งแต่ภาคกลางไปจนถึงภาคเหนือของเกราะทองทวีป ก็มีชื่อเสียงเลื่องระบือแล้ว
ดังนั้นซุยตงซานผู้นี้ สรุปแล้วเป็ นขอบเขตหยกดิบหรือเซียน กระบี่ขอบเขตก่อกาเนิดผู้คนพากันพูดไปหลากหลาย เพราะถึง อย่างไรสถานะสายบุ๋นของเฉินผิงอันและคุณูปการทางการสู้รบที่เขา สะสมไว้ในคฤหาสน์หลบร ้อน ต่อให้ศาลบุ๋นยอมละเมิดกฎส าหรับ ส านักกระบี่ชิงผิง อนุญาตให้ผู้ฝึกตนที่ไม่ใช่ขอบเขตห้ามาเป็ นเจ้า สานักก็เป็ นเรื่องปกติ เพราะถึงอย่างไรในช่วงเวลาหลายปีมานี้ สานัก ใหม่หลายแห่งของไพศาลก็ล้วนเป็ นเช่นนี้ ไม่ถือว่ากรณียกเว้น
เวินจื่อซี่ยิ้มเอ่ย “น่าเสียดายที่ปีนั้นอาจารย์ปู่ไม่อนุญาตให้ข้าลง จากภูเขา ไม่ได้ไปที่เมืองหลงส ารองต้าหลี หาไม่แล้วก็คงจะได้ ประลองฝีมือกับเผยเฉียนผู้นั้นดูได้”
เหวยเจินเหรินหัวเราะหยัน “รู ้สึกว่าขอบเขตต่างจากเผยเฉียน แค่ขั้นเดียวก็จะสู้ได้แล้วหรือ? ถ้าอย่างนั้นทาไมเจ้าไม่ไปหาอาจารย์ ของนาง ไปหาเรื่องเฉินอิ่นกวานเสียเลยเล่า?”
ไม่ปฏิเสธว่าศิษย์หลานผู้นี้คือผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกยุทธ ทุก ครั้งที่ลงจากภูเขาไปเที่ยวเล่นก็ชอบกดขอบเขตถามหมัดกับผู้อื่น ชอบจงใจให้ตัวเองขอบเขตต่ากว่าคนอื่นหนึ่งขั้น แล้วค่อยถามหมัด คว้าชัยชนะ
เวินจื่อซี่หัวเราะร่า “เฉินผิงอันอายุมากกว่าข้าตั้งเกือบสิบปีเชียว นะ หากข้าเกิดใหม่ได้เร็วกว่านี้สักสิบปี ตอนนี้ไม่พูดว่าจะเป็ นผู้ฝึก ยุทธขอบเขตปลายทางแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะเป็ นคอขวดยอด เขาได้แล้ว”
หูจวินกล่าว “เผยเฉียนไม่ใช่ผู้ฝึ กยุทธที่มีแต่เปลือกว่างเปล่า อย่างที่เจ้าคิด ขอบเขตเจ็ดและขอบเขตแปดของนางในปีนั้นมีแต่จะ แข็งแรงแน่นหนากว่าเจ้า”
เวินจื่อซี่หรี่ตากล่าว “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น”
เรื่องที่สองมีความเกี่ยวข้องกับสานักกุยหยก เจ้าสานักเหวยอิ๋ง เดินทางไปยังเปลี่ยวร ้าง เจ้ายอดเขาคนใหม่ของยอดเขาจิ่วอี้คือ เด็กชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่าชิวจื๋อ อายุน้อยๆ ก็เป็ นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขต ประตูมังกรคนหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ก็คือทางฝั่งของภูเขาไท่ผิง นักพรตหญิงหวงถึงหวน คืนจากใต้หล้าห้าสีมายังใบถงทวีป เกิดปรากฏกฎหนึ่งคนหนึ่งสานัก ที่หาได้ยากยิ่งในประวัติศาสตร ์ของไพศาล
เนื่องจากเรื่องแรกที่นางทาหลังกลับมาถึงบ้านเกิดก็คือถามกระบี่ กับเสี่ยวหลงชิว เป็ นเหตุให้ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าหวงถิงคือเซียนกระบี่ ขอบเขตหยกดิบ
ไม่เสียแรงที่เป็ นหวงถึงซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็ นผู้มีวาสนาอันดับ หนึ่งของใบถงทวีป ราวกับว่าการฝ่ าทะลุขอบเขตนั้นง่ายดายเหมือน การผลัดเสื้อผ้าของสตรี
ยิ่งไม่เสียแรงที่เป็ นผู้ฝึกตนหญิงซึ่งในอดีตมีชื่อเสียงทัดเทียมกับ “เจ้าโจรเจียง”
และเสี่ยวหลงชิวแห่งนั้นก็เกิดเรื่องอึกทึกครึกโครมที่น่าตะลึงพรึง เพริด ผู้ฝึกตนขอบเขตก่อกาเนิดสองคนที่ไม่แม้ไม่มีคุณความชอบก็ มีคุณความเหนื่อยยาก ไม่รู้ว่าไปท าความผิดอะไรมาก ถึงได้ถูกหลง หรานเซียนจวินที่มาจากต้าหลงชิวของแผ่นดินกลางกักตัวกลับ สานักด้วยตัวเอง ผ่านไปไม่นานเท่าไร ซือถูเมิ่งจิงก็มารับหน้าที่เป็ น เจ้าขุนเขาของเสี่ยวหลงชิวภูเขาเบื้องล่างด้วยตัวเอง นี่ก็เหมือนการ โยนหินยักษ์ก้อนหนึ่งใส่ลงไปในสระน้าท าให้เกิดคลื่นยักษ์ถาโถม ไม่ รอให้ผู้ที่มองดูอยู่ด้านข้างสงบจิตใจก็มี “ยอดเขาเฟยไหล’ พุ่ง ตรง มากลบทับให้สระน้าขนาดเล็กราบเรียบอีกครั้ง
หลังจากนั้นเสี่ยวหลงชิวก็ประกาศต่อภายนอกว่าจะปิดภูเขาหนึ่ง เจี่ยจื่อ (หกสิบปี)
เรือนอวิ๋นฉ่าวผูซาน หวงอีอวิ๋นเหมือนจะเพิ่งเลื่อนเป็ นขอบเขต สิบชั้นคืนความจริงของผู้ฝึกยุทธ
ส านักศึกษาต้าฝู เจียวเฒ่าเฉิงหลงโจว รองเจ้าขุนเขาของส านัก ศึกษาหลินลู่ภูเขาพือวิ๋นราชวงศ์ต้าหลี ทว่าส านักศึกษาหลินลู่ไม่ใช่ หนึ่งในเจ็ดสิบสองสานักศึกษา นี่คือลูกศิษย์ “ ลัทธิขงจื๊อที่มีชาติ กาเนิดจากเผ่าปีศาจคนแรกในประวัติศาสตร ์ของศาลปุ่นที่รับหน้าที่ เป็ นรองเจ้าส านักศึกษา
โจวมี่เจ้าขุนเขาสานักศึกษาอวี๋ฝูของอุตรกุรุทวีปก็เป็ นเจ้า ขุนเขาคนแรกในประวัติศาสตร ์เช่นกันที่ทาผิดพลาดแต่กลับไม่ถูก ลงโทษให้ไปอยู่สวนกงเต๋อ สุดท้ายได้ไปรับหน้าที่เป็ นเจ้าขุนเขาของ สานักศึกษาอู่ซีที่ใบถงทวีป
นอกจากนี้แล้วก็คือวิญญูชนเวินอวี้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ได้ไป รับหน้าที่เป็ นรองเจ้าขุนเขาของส านักศึกษาเทียนมู่
ในสายตาของคนนอก สานักศึกษาสามแห่งของใบถงทวีปที่ทั้ง เจ้าขุนเขาและรองเจ้าขุนเขาล้วนเป็ นคนต่างถิ่น นี่ไม่ใช่คลื่นใต้น้า ธรรมดาเลย
แม้เวินจื่อซี่จะใคร่รู ้อย่างยิ่งว่าเย่อวิ๋นอวิ๋นจะมีรูปโฉมงามล่มบ้าน ล่มเมืองถึงเพียงใดแต่กลับไม่ถึงขั้นจะไปถามหมัดกับนางที่ใบถงทวีป อย่างไม่รู ้ฟ้ าสูงแผ่นดินต่า
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ผ่านไปสิบกว่าปี หรือยี่สิบปี เสียก่อน ไม่ เป็ นไร เขากับหวงอีอวิ๋นต่างก็เดินบนเส้นทางการฝึกตนเหมือนกัน วันเวลาในการฝึกตนยาวนาน ไม่จ าเป็ นต้องรีบร ้อนตอนนี้
เวินจื่อซี่พึมพาว่า “โจวไห่จิ้งผู้นี้ท าไมถึงได้หาตัวเจอยากนักนะ นางนึกจะหายไปในเมืองหลวงต้าหลีก็หายตัวไปเสียอย่างนั้น คง ไม่ได้ถูกใครรับเลี้ยงดูแล้วซ่อนตัวไว้หรอกนะ”
ถึงอย่างไรเผยเฉียนผู้นั้นก็อยู่ในอันดับสองของสี่ปรมาจารย์ ใหญ่ด้านวรยุทธของแจกันสมบัติทวีป เป็ นรองแค่ซ่งจ่างจิ้งที่ว่ากันว่า ก้าวเข้าไปในธรณีประตูของขอบเขตสิบเอ็ดแล้ว ถ้าอย่างนั้นโจว ไห่จิ้งที่อยู่อันดับรั้งท้าย เป็ นปรมาจารย์หญิงเหมือนกัน ก็คือ เป้ าหมายที่ดีที่สุดที่เวินจื่อชื่อยากถามหมัดด้วย ขอบเขตยอดเขา แล้วยังเป็ นสตรีหน้าตางดงาม ถือโคมส่องไฟหายังหาเจอได้ยากเลย ด้วยเหตุนี้เวินจื่อซี่ยังเคยไปที่เมืองหลวงต้าหลีมารอบหนึ่ง ผลคือทั้งๆ ที่โจวไห่จิ้งไม่ได้ออกไปจากเมืองหลวง แต่เวินจื่อซี่หานางนานเป็ น เดือนก็ยังไม่เจอแม้แต่เงา
อยู่ดีๆ จิตแห่งมรรคาของหูจวินก็สั่นสะเทือนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ยกมือขึ้นม้วนกระบี่บินส่งข่าวสีเขียวมรกตมาไว้ในชายแขนเสื้อ ใช ้
เวทลับเปิดตราผนึกของกระบี่บินออก ในทะเลสาบหัวใจก็มีเสียงของ อาจารย์ดังขึ้น
“อาจารย์มีคาสั่งให้ทิ้งเหวยฝูเสี่ยวเอาไว้ พาเวินจื่อซี่ไปที่ภูเขา เหอฮวานด้วยกัน”
ตอนแรกหูจวินไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก แค่รู้สึกมึนงงอยู่บ้าง แต่จากนั้นนางก็พลันกระจ่างแจ้ง อาจารย์ก าลังพูดถึง…อาจารย์ท่าน นั้นของเขาหรือ?!
และอาจารย์ของอาจารย์ที่เป็ นนักพรตหญิงห้าขอบเขตบนท่านนี้ เวลานี้กาลังดูลายมือให้กับสาวใช ้หลายคนในห้องข้างของจวนเฝิ่น หวานภูเขาเหอฮวาน