กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1021.1 เพียงแค่มองก็รู ้ว่ามรรคาอยู่ที่ใด
บทที่ 1021.1 เพียงแค่มองก็รู ้ว่ามรรคาอยู่ที่ใด
ลู่เฉินช่วยคนดูลายมือพลางใช ้เสียงในใจยิ้มถามไปด้วย “ก่อน หน้านี้อยู่ที่นอกฟ้ าได้เจอกับศิษย์พี่ เกี่ยวกับเรื่องที่ส่งต่อ “มหัศจรรย์ ที่แท้จริงตาราสีชาด” เล่มนั้น ได้คุยกับศิษย์พี่แล้วกระมัง? หากเจรจา กันได้ส าเร็จแล้ว ข้าจะได้ไม่ต้องช่วยน าความไปบอก”
เฉินผิงอันคืบเนื้อตุ๋นหน้อไม้ดองขึ้นมาคาใหญ่ พยักหน้าเอ่ย “เคยคุยแล้ว คราวหน้าที่ข้าไปใบถงทวีปจะน าไปมอบให้กับภูเขาไท่ ผิง”
“มหัศจรรย์ที่แท้จริงตาราสีชาด” เล่มนั้น นอกจากยันต์ทั้งหลาย ที่บันทึกเอาไว้จะเป็ นยันต์ต้นฉบับแล้ว ชุยตงซานยังเคยแพร่งพราย ความลับให้อาจารย์รู ้ว่า อันที่จริงหน้าหนังสือของตาราเล่มนั้นทามา จากกระดาษยันต์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
นอกจากนี้คาวิจารณ์และให้เชิงอรรถที่หลี่ซีเซิ่งเขียนไว้ในตารา ด้วยตัวเอง ตัวอักษรหนึ่งพันสองร ้อยกว่าตัว หากเอามา “หลอม ตัวอักษร” ก็มากพอจะประคับประคองให้ท างานพิธีใหญ่หลัวเทียน ที่ตั้งบูชาองค์เทพของลัทธิเต๋ามากถึงหนึ่งพันสองร ้อยองค์ได้เลย ไม่ ว่าจะเป็ นภูเขาลั่วพั่วที่เป็ นสานักเบื้องบน หรือสานักกระบี่ชิงผิงที่เอา มาท าเป็ นค่ายกลใหญ่พิทักษ์ภูเขาก็มากพอเหลือแหล่ ส าหรับใน สายตาของผู้ฝึกตนบนยอดเขาแล้ว ไม่กล้าพูดว่าน่าตะลึงพรึงเพริด
ถึงเพียงใด แต่อย่างน้อยก็คู่ควรกับสองค าว่า “ไม่ธรรมดา” ได้แล้ว แต่เฉินผิงอันย่อมมีแผนการของตัวเอง คราวหน้าที่ภูเขาไท่ผิงจัดงาน พิธีอย่างเป็ นทางการ เขาก็เตรียมจะเอาตาราเล่มนี้และค่ายกลใหญ่ พิทักษ์ภูเขาไปมอบเป็ นของขวัญร่วมแสดงความยินดี มอบให้กับ หวงถิง เรื่องดีมาเป็ นคู่ ก็ถือว่าได้ชดใช ้น้าใจคืนให้กับเทียนจวินผู้ เฒ่าที่ปีนั้นมอบภาพกระดาษค่ายกลภูเขาไท่ผิงมาให้
เพราะถึงอย่างไรระบบควันธูปของภูเขาไท่ผิงใบถงทวีปก็มาจาก สายของเจ้าลัทธิใหญ่โค่วหมิงแห่งป๋ ายอวี้จิง
ลู่เฉินหันหน้ามาถาม “แม่นางเผย ขอถามอะไรเจ้าหน่อย เด็ก สองคนนั้นตอนนี้ถือเป็ นลูกศิษย์และอาจารย์กับศิษย์พี่ใหญ่ของข้า อย่างชัดเจนหรือยัง?”
ก่อนหน้านี้เผยเฉียนแค่บอกว่าหลี่ซีเซิ่งจะพาพวกเขาไปฝึกตน อยู่ข้างกาย พวกเขาจะรักษาระบบสืบทอดเดิมหรือเปลี่ยนสายสืบ ทอดใหม่ก็มีเรื่องที่ต้องพิถีพิถันอย่างมากแล้ว
ภูเขาซู่หนีทางทิศใต้ของใบถงทวีป เหมียวเจี้ยและเหอโจวที่เป็ น ผู้ฝึกตนท าเนียบ คนหนึ่งเพิ่งจะเลื่อนเป็ นขอบเขตถ้าสถิต กลายเป็ น นักวาดขนคิ้ว อีกคนหนึ่งเพิ่งจะเป็ นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสี่ อาศัยแค่ วิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของกระบี่บินเล่มหนึ่งก็สามารถกักตัว พวกจงขุยสี่คนไว้ได้พักหนึ่ง เรื่องนี้หากแพร่ออกไปคงไม่มีใครกล้า เชื่อ จงขุยคือใคร? พูดถึงแค่เผยเฉียน นางคือผู้ฝึ กยุทธขอบเขต ปลายทางเชียวนะ! แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังมีอวี่จิ่นผีเซียนที่เพิ่ง
ขอบเขตถดถอยจากบินทะยานมาได้ไม่นาน แน่นอนว่าสู่เฉินมั่นใจ อย่างยิ่งว่า กักตัวพวกเขาได้ไม่ใช่เรื่องโกหก หากผู้ฝึกตนสองคนนั้น มีเจตนาร ้ายเกิดใจคิดสังหารจริงๆ การลงมือของพวกเขาหลังจากนั้น พูดถึงแค่ปณิธานหมัดขอบเขตปลายทางของเผยเฉียนที่เหมือนมี องค์เทพคอยปกป้ อง ด้วยเรือนกายที่อ่อนแอของผู้ฝึกตนสองคนนั้น แค่พกพาจิตสังหารขยับเข้าใกล้เผยเฉียนก็ต้องตายแน่นอน
ไม่ว่าจะอย่างไร สาหรับศิษย์น้องชายศิษย์พี่หญิงที่มาจากพรรค เล็กคู่นี้แล้วก็ถือเป็ นวาสนาที่ดี รอดพ้นจากหายนะใหญ่มาได้โดยที่ ไม่ตายย่อมต้องมีโชคดีรออยู่ สอดคล้องกับคาพูดเก่าแก่ที่บอกว่า ธรรมะหากมีวาสนาย่อมได้พานพบ ป่ วยไข้หากยังไม่ถึงคราวตาย ย่อมได้เจอหมอรักษา
ข้างกายหลี่ซีเซิ่งยังมีเด็กรับใช ้ “คนกระเบื้อง” ที่มีชื่อว่าชุยซื่อ ติดตามอยู่ด้วย ฝ่ ายหลังเป็ นเพราะรู ้ถึงความทุกข์ความกลัดกลุ้มแล้ว จึงไม่กลุ้มมากถึงเพียงนั้นอีกแล้ว
เผยเฉียนหยุดขยับตะเกียบ ส่ายหน้ากล่าว “ดูเหมือนว่าพวกเขา จะไม่ได้กราบอาจารย์หลี่เป็ นอาจารย์อย่างเป็ นทางการ อย่างน้อย ที่สุดตอนนี้ก็เป็ นเช่นนี้ ส่วนจะมีการวางแผนระยะยาวอะไรหรือไม่ ข้า ก็ไม่รู ้”
ลู่เฉินพยักหน้า “ขอบคุณแม่นางเผย”
เผยเฉียนกล่าว “เจ้าลัทธิลู่เกรงใจกันเกินไปแล้ว ผู้อาวุโสเป็ นคน สนิทคุ้นเคยกับอาจารย์พ่อของข้า มีค าถามอะไร หากผู้เยาว์รู ้ต้อง ตอบทุกอย่างไม่มีกักเก็บไว้แน่นอน”
ลู่เฉินยิ้มแหย ยิ่งเผยเฉียนรู ้มารยาทรู ้กฎระเบียบเช่นนี้ เจ้าลัทธิลู่ ก็ยิ่งใจฝ่อกลัดกลุ้ม
คนสนิทคุ้นเคย คากล่าวนี้ค่อนข้างลุ่มลึกแล้ว พวกหลิวเสี้ยนห ยาง ต่งสุ่ยจิ่งคือคนสนิทคุ้นเคยกับอาจารย์พ่อของเจ้า แล้วคนอย่าง หม่าขู่เสวียนแห่งตรอกซิ่งฮวาล่ะ ใช่คนสนิทคุ้นเคยของเฉินผิงอัน ด้วยหรือไม่?
เพียงแต่ว่าตอนนี้ในมือของลู่เฉินมีรายชื่ออยู่ฉบับหนึ่ง ชื่อ ด้านบนนั้นล้วนเป็ นของผู้ฝึกตนที่ในอนาคตอาจจะติดตามเฉินผิงอัน ไปเป็ นแขกที่ป๋ ายอวี้จิง
ล าพังแค่ภูเขาลั่วพั่วก็มีชุยตงซาน อาจารย์เสี่ยวโม่ที่ชื่อจริงของ เผ่าปี ศาจคือ “จือจู” ป๋ ายจิ่งที่ค่อนข้างมีหวังจะผสานมรรคากับ ขอบเขตสิบสี่ได้ เทวบุตรมารนอกโลกที่มาจากตาหนักสู้ยฉู เคยเป็ น คนรักของอู๋ซวงเจี้ยง หมื่อวี้ผู้ฝึกกระบี่ที่เลื่อนเป็ นขอบเขตเซียนเหริน แล้ว….ในบรรดาสหายก็ยังมีหลิวเสี้ยนหยางแห่งสานักกระบี่หลง เฉวียน หลิวจิ่งหลงแห่งสานักกระบี่ไท่ฮุย ฯลฯ…..หากยังรวมเผย เฉียนไปด้วยล่ะก็ เรื่องราวในใต้หล้าเมื่อมี “บทนา” แล้วก็ต้องมี เนื้อหาหลักตามมา มีเผยเฉียนแล้วก็หมายความว่าในส่วนของผู้ฝึก ยุทธเต็มตัวนี้ จานวนก็จะเพิ่มตามมาด้วย และผู้ฝึ กยุทธทุกคนที่มี
คุณสมบัติจะติดตามเฉินผิงอันไปถามมรรคากับป๋ ายอวี้จิง แค่ ขอบเขตเก้าก็ยังไม่มากพอด้วยซ้า ไม่ใช่ว่าต้องเริ่มที่ขอบเขต ปลายทางหรอกหรือ?
ในความเห็นของลู่เฉิน ไม่พูดถึงผลสาเร็จในท้ายที่สุดบนวิถีวร ยุทธว่าสูงหรือต่า พูดถึงแค่คุณสมบัติในการฝึกวรยุทธว่าดีหรือไม่ดี หลินเจียงเซียนแห่งภูเขาอูซานของใต้หล้ามืดสลัว ซินขู่แห่งยอดเขา รุ่นเยว่ และยังมีเฉาสือ เผยเฉียนคนที่อยู่ในเส้นแนวหน้ามีเกินหนึ่งมือ นับเข้าไปแล้ว
นอกจากนี้แล้วกลุ่มของปรมาจารย์อย่างพวกเฉินผิงอัน ป๋ ายโอ่ว ราชครูหญิงแห่งราชวงศ์ชิงซาน อันที่จริงยังด้อยกว่าพวกเขาอยู่ เล็กน้อย
เฉินผิงอันทาเป็ นว่าสัมผัสไม่ได้ถึงคลื่นใต้น้าระหว่างเผยเฉียน กับลู่เฉิน เขาเอ่ยถามว่า “ทางฝั่งของใต้หล้ามืดสลัว สถานที่ที่ คล้ายคลึงกับภูเขาเหอฮวานมีเยอะหรือไม่?”
ลู่เฉินพยักหน้า “มากมายดารดาษ เยอะกว่าไพศาลมากนัก สาย แห่งการล้อมภูเขาของงูและเจียว คือวิถีทางแห่งการฝึกตนที่พบเห็น ได้ค่อนข้างบ่อยในใต้หล้ามืดสลัว กลับเป็ นการเดินลงน้าที่มีน้อย”
หากจะพูดถึง “ภูเขาคู่รัก’ อย่างภูเขาจุ้ยยวนและภูเขาอูเถิงนี้ ครั้งแรกที่เฉินผิงอันได้เห็นคือตอนที่เดินทางท่องเที่ยวอยู่ในอุตรกุรุ ทวีป อยู่บนเรือข้ามฟากเคยผ่านยอดเขาจินกวงและภูเขาเยว่หัว ฝ่ าย
แรกมีห่านหลังทองที่หาได้ยากอย่างถึงที่สุดซึ่งพวกผู้ฝึ กลมปราณ ชอบมาจับเอาไปพักพิงอยู่ ฝ่ ายหลังมีคางคกยักษ์ยึดครอง ว่ากันว่า “บรรพบุรุษ” สองท่านของห่านหลังทองกับคางคกตีกลองมีโชค วาสนาลึกล้า หลายปีมานี้ก็ฝึกตนอยู่ข้างกายหลี่ชีเซิ่งมาโดยตลอด
เฉินผิงอันลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนเอ่ยว่า “ในสิบสองแผนภูมิดิน ของต้าหลีมีผีสาวตนหนึ่งนามว่าก่ายเยี่ยน นางก็คือเถ้าแก่ที่อยู่ เบื้องหลังของโรงเตี๊ยมตระกูลเซียนในเมืองหลวงแห่งนั้น นางเองก็ถูก ขนานนามว่าเป็ นนักวาดขนคิ้วซึ่งเป็ นจิตรกรบนภูเขาเช่นกัน ถือเป็ น ผู้อาวุโสบนภูเขาของเหมียวเจี้ยได้”
ลู่เฉินเข้าใจความหมายแฝงของประโยคนี้ได้ทันที “คราวหน้า ผินเต้าจะกลับไปบอกศิษย์พี่สักคาว่าหากมีโอกาสก็ให้ลูกศิษย์ที่ ไม่ได้รับการบันทึกชื่ออย่างเหมียวเจี้ยไปเยือนเมืองหลวงต้าหลีสัก รอบ”
ถึงอย่างไรหลี่ซีเซิ่งลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อในทุกวันนี้ก็ยังไม่ใช่เจ้า ลัทธิใหญ่แห่งป๋ ายอวี้จิงในอดีต แม้ว่าตอนนี้จะสามารถถ่ายทอด มรรคกถาอันยอดเยี่ยมให้กับเหมียวเจี้ยได้ก็จริงเพียงแต่ว่าวิถีแห่ง การวาดขนคิ้ว คิดดูแล้วหลี่ซีเซิ่งน่าจะไม่ชานาญนัก แต่ผีสาวก่าย เยี่ยนที่ต่อให้ตอนนี้ขอบเขตจะไม่สูง แต่กลับเป็ น “จิตกร” ที่ปีนั้นซิ่วหู่ รวบรวมกาลังของทั้งแคว้นอบรมบ่มเพาะขึ้นมา แน่นอนว่าแววตาใน การมองคนของเขาย่อมไม่ต่า อีกทั้งในมือของนางก็ยังมีคัมภีร ์ชั้นสูง อยู่อีกหลายเล่ม
ตอนนี้เรื่องที่ลู่เฉินคาดหวังและรอคอยที่จะได้เห็นมากที่สุดก็คือ ในอนาคตเมื่อศิษย์พี่เจ้าลัทธิหวนคืนสู่ป๋ ายอวี้จิง ข้างกายจะมีลูกศิษย์ ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่ออย่างพวกจินเพิ่งเหอลู่ เหมียวเจี้ยเหอโจว เพิ่มมาอีกกี่คน?
ทางฝั่งของจวนเฝิ่นหวานนี้แค่เล่นตุกติกกับสุราเท่านั้น อาหาร ไม่ได้มีปัญหา อีกอย่างก็คือในการมองเห็นของเผยเฉียน ห้องโถงจัด เลี้ยงแต่ละแห่งจะต้องมีเส้นใยสีชมพูล่องลอยมีนกกลุ่มหนึ่งที่เล็กจ้อย เหมือนแมลงหวี่ ไม่รู ้ว่าเป็ นตัวประหลาดแบบใดกันแน่ เรือนกายของ พวกมันเป็ นภาพมายา ลอดทะลุไปตามทวารทั้งเจ็ดบนใบหน้าของ แขกที่นั่งอยู่ในห้องโถงอย่างก าเริบเสิบสานด้วยความเร็วสูงสุด แล้ว ลากเอาเส้นใยเล็กถี่ออกมาเส้นแล้วเส้นเล่า เหมือนก าลังทอผ้า พูด ถึงแค่ป๋ ายเหมาที่อยู่ข้างกายเผยเฉียน หัวทั้งหัวของเขา เวลานี้ก็ เหมือนถูกห่อไว้ให้เป็ นบ๊ะจ่างลูกหนึ่งไปแล้ว
เผยเฉียนจึงถามอาจารย์พ่อว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร ไม่พูดถึงผีอย่าง ป๋ ายเหมา ผู้ฝึกลมปราณที่มีชาติกาเนิดจากภูตอย่างผีผาฮูหยิน หรือ แม้กระทั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งศาลเถื่อนบางส่วนก็ยังถูกหลอกไปด้วย เฉินผิงอันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็ นอะไร ยังคงเป็ นเจ้าลัทธิลู่ผู้มี ความรู ้กว้างขวางลึกซึ้งที่ช่วยไขข้อข้องใจให้ เรื่องราวถึงได้กระจ่าง
ที่แท้นี่ก็เป็ นฝีมืออย่างหนึ่งที่ทุกวันนี้พบเห็นได้ยากมากแล้ว ถือ เป็ นศาสตร ์มืดที่ไม่ได้รู ้จักกันอย่างกว้างขวาง ใช ้วิธีมักดองของ ตระกูลเซียนก่อน จากนั้นแปะอักษร “โหย่ว ไว้ด้านนอกไห ไม่อาจ
เป็ นกระดาษขาวตัวอักษรแดงที่ใช ้สาหรับงานมงคล ต้องเป็ นกระดาษ ดาอักษรขาวเท่านั้น เมื่อผ่านกระบวนการกรรมวิธีลับที่ต้องใช ้เวลา หลายวัน พอเปิดไหออกก็จะมีแมลงดองที่มีชื่อว่า “ซีจี” เอาของดอง ประเภทนี้ไปทากับข้าวก็จะสามารถทาให้คนที่กินเป็ นเวลานาน “พลิกไหหมัก” แต่นี่ยังเป็ นแค่กระบวนการขั้นแรกเท่านั้น หลังจาก นั้นต้องเอาแมลงที่ลักษณะเหมือนแมลงหวี่นี้ไปแช่ในน้าหมึก จากนั้น หยิบเอา “ใยรัก” ที่แมงมุมฝันวสันต์พ่นออกมาหนึ่งตาลึง หลอมเป็ น ก้อนหมึกในวันที่ห้าเดือนห้า แกะสลักสองคาว่า ชุนโหยว (การออก ท่องเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ) จากนั้นไปหาคู่ชายที่ลุ่มหลงในรักหญิง ที่อาฆาตพยาบาทจากในตลาดมาคู่หนึ่ง พวกเขาจะต้องเขียน จดหมาย “สัญญารักมั่นไม่เสื่อมคลาย” กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาลแห่ง หนึ่ง ก่อนจะลบตัวอักษรทิ้ง เอามาแค่กระดาษอย่างเดียว ฝนหมึก “ชุนโหยว” เขียนอักษรค าว่า ‘อิง” (นกขมิ้น) ลงบนกระดาษให้เต็ม แล้วเผากระดาษให้กลายเป็ นเถ้าถ่าน ใส่ขี้เถ้าลงในน้าถ้วยหนึ่ง แล้ว ค่อยให้สตรีบางคนที่ตกอยู่ในห้วงรักดื่มน้านี้ เมื่อดื่มไปแล้วก็จะมีคืน หนึ่งที่สตรีเกิดฝันวสันต์ นางจะอ้าปากกว้างพ่นนกขุนอิง (นกขมิ้น สื่อรัก) ที่เป็ นภาพมายาหลายตัวซึ่งจิกความฝันกินเป็ นอาหารออกมา โดยไม่รู ้ตัว ซึ่งนกนี้มีอีกชื่อว่า ‘สาวทอผ้า”
สุดท้ายก็การาบนกขมิ้นนี้เอาไว้ใช ้งาน พวกมันสามารถถักตา ข่ายความรักให้กับเจ้านายได้ หากมีเหล้าเป็ นสื่อกลางก็จะมี ประสิทธิผลที่ยอดเยี่ยมอีกอย่างหนึ่ง นกขมิ้นบินรวดเร็วประหนึ่ง
กระสวยในเครื่องทอผ้า ไปมาว่องไว ทอผ้าไม่หยุด สุดท้ายก็จะสร ้าง กระโจมสีชมพูที่อาพรางกลิ่นอายชั่วร ้าย ด้านในเต็มไปด้วย บรรยากาศแห่งห้วงรักละมุนละไม ดังนั้นพวกภูตจิ้งจอกที่ตบะสูงสัก หน่อย แต่ไหนแต่ไรมาก็มักจะชอบเล่นงิ้วฉากนี้เสมอ ส่วนจะจับตัว เอามาช่วยหาความบันเทิงในค่าคืนวสันต์ หรือทาร ้ายคนด้วยการ เอาหยางมาเสริมหยิน ก็ต้องดูที่ความตั้งใจของเซียนจิ้งจอกแล้ว
ผู้ฝึกลมปราณบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกตนอิสระ วิ่ง วุ่นเหนื่อยยากอยู่ระหว่างภูเขาสายน้าและหมู่ชาวบ้านร ้านตลาด ตลอดทั้งปี แต่ละคนต่างก็มีเหตุผลที่ต้องทางานยุ่ง ลาพังแค่เรื่อง รวบรวมทรัพยากรสารพัดชนิด ทบทวนวิชานอกรีตแต่ละประเภทที่ เรียนรู ้มาซ้าแล้วซ้าเล่าก็มากพอจะให้ผู้ฝึกตนอิสระที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ ต้องลงมือท าด้วยตัวเองอดทอดถอนใจด้วยประโยคที่ว่า “การเรียนรู ้ ไร ้ที่สิ้นสุด’ ไม่ได้แล้ว
หากคิดจะทาลายค่ายกลลวงวิญญาณเช่นนี้ ยันต์ทาลายสิ่งกีด ขวางทั่วไปไม่ได้มีประโยชน์มากนัก จะบอกว่าง่ายก็ง่าย เพราะผู้ฝึก ตนที่ตกอยู่ในค่ายกลแค่ต้องเผาหญ้าอ้ายข่าวและกิ่งสนก็ได้แล้ว
แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าผู้ฝึ กตนทั่วไปที่กินอิ่มใครจะว่างงานถึง ขนาดพกหญ้าอ้ายฉ่าวพกกิ่งสนติดตัวกันเล่า
เฉินผิงอันกล่าว “อวี๋ฉุนจือผู้นี้คิดจะสร ้างกระโจมเสน่หาขึ้นมา หรือ? หรือนางจะยังเป็ นศพสาวงามที่ฝึกวิชาไฉ่เลี่ยนด้วย?”
ศพสาวงามกับคนเย็บผ้าที่เชี่ยวชาญด้านการสังหารคนถลก หนังมาหลอมเป็ นยันต์และยังมีอาจารย์ข้ามฟาก เทพโรคระบาด เซียนพิษ ฯลฯ ล้วนเป็ นหนึ่งในสิบวิชามารชั่วร ้ายที่ใต้หล้าไพศาล ประเมินออกมา หากค้นพบร่องรอยของผู้ฝึกตนเหล่านี้ จุดจบของ พวกเขาล้วนไม่มีทางดีไปได้ สานักศึกษาลัทธิขงจื๊อของแต่ละทวีป จะต้องส่งวิญญูชนนักปราชญ์ให้เข้าร่วมการค้นหา ครั้งที่เกินจริง ที่สุดในประวัติศาสตร ์ก็คือราชวงศ์ล่างภูเขาแห่งหนึ่งของหลิวเสีย ทวีปมีเซียนพิษคนหนึ่งที่ปิดบังสถานะมารับหน้าที่เป็ นราชครู ร่วมมือ กับกั้วเค่อแอบอบรมบ่มเพาะเทพแห่งโรคระบาดขึ้นมาสองคน แยกกันไปแพร่โรคระบาดให้กับนกย้ายถิ่นและปลาที่แหวกว่ายอยู่ใน น้า ในเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งเดือนหกแคว้นรอบด้านก็กลายเป็ นดินแดน ที่ไร ้คนมีชีวิต ผู้คนอดอยากหิวโหยมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ผีออก อาละวาด รวบรวมกองทัพหยินเกือบล้านตนสร ้างเรื่องก่อราวอย่างกา แหง เจ้าขุนเขาของสานักศึกษาคนหนึ่งก็ถูกเซียนพิษลอบฆ่าอย่าง ลับๆ สุดท้ายทางฝั่งของศาลบุ๋นร่วมมือกับถ้าสวรรค์เทียนอวี๋และ เซียนกระบี่ผู้เฒ่าโจวเสินจือ ถึงได้สังหารเซียนพิษผู้นี้ได้ แต่กระนั้นก็ มีข่าวลือเล็กๆ บอกว่าเซียนชั่วร ้ายที่เกือบจะอาศัยเหตุการณ์ครั้งนี้ เลื่อนเป็ นขอบเขตบินทะยานได้สาเร็จยังไม่ได้ตายอย่างสิ้นซาก แต่ อยู่ในรูปลักษณ์ของเซียนผีนาพาจิตวิญญาณส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่ หลบหนีไประหว่างทางสู่น้าพุเหลือง แล้วตั้งตัวขึ้นมาใหม่ หวังว่าวัน ใดจะบุกกลับไปฆ่าโลกมนุษย์ ได้เห็นแสงตะวันอีกครั้ง
ลู่เฉินแกว่งตะเกียบ “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก จิ้งจอกเซียนดินตนนี้ก็ แค่เรียนรู ้ศาสตร ์ไฉ่เลี่ยนมาอย่างผิวเผิน คาดว่าบนเส้นทางของการ ฝึกตนคงบังเอิญเก็บต ารานอกรีตมาจากข้างทางได้ แต่เพราะไม่มี อาจารย์คอยช่วยชี้แนะนางจึงฝึกฝนจนกลายเป็ นวิชาชั่วร ้ายไป หา กอวี๋ฉุนจือเป็ นผีสาวงามที่แท้จริง ตาเฒ่าที่พุงป่องเหมือนคางคกก่อน หน้านี้ เป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองไม่ใช่หรือ กล้ามาเตร็ดเตร่ที่ เมืองเล็ก ป่านนี้คงถูกอวี๋ฉุนจือลักพาตัวมาที่นี่ทุกวันที่ลงจากเตียงก็ ต้องไปนั่งยองตากแดดอยู่ริมกาแพง หากร่างกายย่าแย่สักหน่อยก็จะ กลายเป็ นซากคน ไม่มีทางได้มาเจอกับพวกเจ้าแล้ว”
ถึงอย่างไรในห้องโถงรับรองแขกแห่งนี้ก็มีคนนั่งอยู่แค่ไม่กี่คน แม้แต่ผู้ดูแลอวี๋ก็ยังวิ่งไปดื่มสุราคารวะที่อื่นแล้ว จึงมีสาวใช ้สองคนที่ ว่างงานถูกนักพรตหนุ่มเกี้ยวพาให้มานั่งอยู่ด้วยกัน
ลู่เฉินช่วยดูดวงจากใบหน้าให้กับสาวงามสองคนที่ยกเก้าอี้มานั่ง ข้างกาย พูดเรื่องราววงในบนภูเขาทานองว่าคนที่สันจมูกเหมือน ปล้องไผ่ไม่ไม่เหมาะจะฝึกวิชาสายฟ้ าอย่างไรท าเอาพวกนางตกตะลึง กันอย่างมาก แล้วก็เริ่มหันไปดูลายมือแทน คงเป็ นเพราะพวกนางคือ สาวใช ้ที่อวี๋ฉุนจือแห่งจวนเฝิ่นหวานค่อนข้างให้ความส าคัญ จึงมอบ แซ่อวี๋ให้พวกนางใช ้คนหนึ่งเรือนกายอวบอิ่ม เสื้อตัวบางที่ปักลาย หงส์สีทองเผยให้เห็นเอวกิ่วคอดจนน่าเหลือเชื่อ อีกคนรูปร่าง อ้อนแอ้น สวมชุดกระโปรงสีเขียว
เวลานี้มือหนึ่งของลู่เฉินจับมือที่เรียวดุจหยกของสาวงามร่างอิ่ม เอิบ ช่วยนางนับจานวนเสี้ยวจันทร ์สีขาวบนนิ้วมือ แล้วบอกให้นาง หงายฝ่ ามือขึ้น งอนิ้วทั้งห้า นักพรตหนุ่มมองหลังมือที่โก่งโค้งของ สตรีแล้วพยักหน้า ไม่พูดไม่จา แค่บอกให้นางก ามือ ก้มหน้ามอง ลายมือของนางที่รวมกันเป็ นอักษรคาว่า “ถู่” นักพรตเงยหน้าขึ้น เอ่ย แสดงความยินดีบอกว่าพี่สาวคนนี้สามารถฝึกวิชาสายของการกราบ ไหว้ดวงจันทร ์จากนั้นก็พูดถึงข้อพิถีพิถันว่าควรจะรับวิญญาณดวง จันทร ์มาในวันเวลาและสถานที่ใดจึงจะเหมาะสม…นักพรตพูดน้าลาย แตกฟอง สาวงามที่มือเรียวยาวข้างหนึ่งถูกนักพรตหนุ่มจับไว้ ตลอดเวลามองดูเหมือนฟังอย่างตั้งใจกระตือรือร ้น แต่อันที่จริงกลับ ฟังไปผ่านๆ คิดแค่ว่าฟังคนเล่านิทานแก้เบื่อเท่านั้น
เผยเฉียนหันหน้าไปมองอาจารย์พ่อ
เฉินผิงอันกินอิ่มแล้วจึงหยิบลาไยอบแห้งลูกหนึ่งขึ้นมาจากใน ถาด เอ่ยกับนางอย่างลับๆ ว่า “ฟังเหมือนไม่น่าเชื่อถือ แต่อันที่จริง ทุกค าล้วนเป็ นความจริง”
ก็เหมือนเจี่ยงชวี่ หากไม่เป็ นเพราะเฉินผิงอันเป็ นวิชาสายยันต์ ถ้าอย่างนั้นต่อให้เจี่ยงชวี่ได้ฝึกตนอยู่บนภูเขาลั่วพั่ว สภาพการณ์ก็ จะกลายเป็ นว่าไม่ต่างจากกวอฉุนซีที่อยู่บนเกาะกงหลิ่วที่มองดู เหมือนว่าคุณสมบัติย่าแย่อย่างถึงที่สุด