กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1022.1 แม้กระทั่งท่านก็ยังสงสัยในตัวเอง
่
บทที่ 1022.1 แม้กระทั่งท่านก็ยังสงสัยในตัวเอง
ไม่จ าเป็ นต้องให้เฉินผิงอันเปิดปากขอร ้อง ลู่เฉินก็รู ้ใจ ท าเหมือน ช่วยตรวจสอบม้วนภาพที่ถูกทิ้งอยู่ในชั้นวางหนังสือให้กับเฉินผิงอัน
ผู้ฝึกตนสองคนที่อยู่บนยอดเขาโพโม่จึงคล้ายกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สององค์ที่ก้มหน้าลงมองสรรพชีวิตบนพื้นดิน ในการมองเห็น กลุ่ม ภูเขาเล็กราวเมล็ดงา แม่น้าลาคลองเล็กบางราวเส้นด้าย เพียงแต่ว่า บุคคลและวัตถุในนั้นล้วนชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่มีพื้นที่ให้หลบหนี
เห็นเพียงว่าในม้วนภาพขุนเขาสายน้าภาพนี้ไม่มีเด็กหนุ่มสวม รองเท้าสานที่เดินทางมาถึงที่นี่ จึงไม่มีเผยเฉียนที่เดินทางจากใบถง ทวีปมายังอาณาเขตของภูเขาเหอฮวานด้วยทว่าคนอื่นๆ ที่เหลือล้วน ยังคงเดิม
พ่อค้าหาบเร่ขี้โรคกับชายฉกรรจ์ที่ต้มเครื่องในอยู่หม้อยังคงถูก ผู้ฝึกกระบี่เด็กหนุ่มที่มาจากสกุลจางเขตเทียนเฉาสังหารตายอยู่ที่นี่ เหลือแค่ปัญญาชนสวมชุดคลุมนกกระสาและผีสาวกางร่มไร ้หัว คน สองกลุ่มแยกย้ายกันเดินทางไปยังเมืองเฟิ่งเล่อ เด็กสาวผิวด าเกรียม ที่ใช ้นามแฝงว่าชิงหนีถูกโจวชิวไหว้วานให้ชีซ่งผู้ฝึกยุทธเฒ่าที่เครา เพิ่มพุงยื่นพาออกไปจากเมืองเล็ก มีลูกศิษย์อย่างหลวี่โม่ติดตามไป ด้วย บนก้อนหินริมหนาผาก้อนนั้นยังคงมองเห็นเฉิงเฉียนเจินเหรินผู้ พิทักษ์แคว้นและจางฉงที่กาลังจะทานายดวง ทว่าจางฉงกลับเก็บ
่
กระดองเต่าที่ใช ้สาหรับการทานายกลับมาเพียงเพราะเด็กสาวมีระดู ซึ่งถือเป็ นข้อห้ามในการทานาย เพียงแค่เพราะหลวี่โม่ยังไม่เคยได้ เจอลู่เฉิน ผู้ฝึ กยุทธหญิงที่ชาติก่อนเคยเป็ นคนสนิทที่อยู่ข้างกาย มังกรหญิง ชาตินี้จึงสูญเสียวาสนาใหญ่เทียมฟ้ าที่สามารถเปลี่ยนไป ฝึกตนได้ไป เนื่องจากลู่เฉินไม่ได้ไปเยือนวังราชามังกรทะเลสาบร ้อย บุปผา ตะพาบหินที่อยู่ตรงตีนเขาจึงยังคงเก็บกลั้นความแค้นเอาไว้ ในห้องบุปผา สามคนในครอบครัวของจางเซี่ยงเต้าที่มาจากจวนสู่ เยว่ จวนวารีที่เป็ นรังเดิมของพวกเขายังคงปลอดภัย อวี๋ฉุนจือสามแม่ ลูกลูกมารับรองแขกผู้สูงศักดิ์อยู่ที่นี่ เพียงแต่ว่าเปลี่ยนคาพูดใหม่ และยังมีเจ้าจวนป้ ายแห่งสันเขาเซียจื่อที่มีกลิ่นอายของบัณฑิตจึงไม่ ยินดีจะไปประจบสอพลอใคร ทาเพียงแค่นั่งดื่มเหล้าเพียงลาพัง แล้วก็ ไม่ได้เป็ น “คนหลอกง่าย” ในชายแขนเสื้อไม่มีตาราภาพวาดบุปผา สกุณาที่เดิมทีควรซื้อมาด้วยเงินหนึ่งเหรียญเกล็ดหิมะ…ดื่มสุราสาม รอบแล้วก็ผ่านไปอีกสามรอบคนในห้องโถงดื่มกันจนเมามาย ไม่รู ้ตัว สักนิดว่ากระโจมเสน่หาได้ถูกคลี่กางออก เหนียงเนียงเทพภูเขาแห่ง ศาลจุ้ยยวนที่เดิมควรแซ่ฉ่ยังคงมิอาจต้านทานฤทธิ์สุรา หลังจากที่อวี๋ โหยวอี๋เอาหัวนั้นไปโยนไว้ในลานบ้านแล้วกลับมาที่ภูเขาก็มานั่งอยู่ ข้างกายของนาง…เมื่อถึง เวลาฉินแจว๋แห่งเกาะชิงเสียและฝูชี่แห่ง นครมังกรเฒ่าต่างก็ออกไปจากภูเขาเหอฮวานกันอย่างเงียบเชียบ แล้ว อวี๋ฉุนจือที่กาลังเออออคล้อยตามจางเซี่ยงเต้าได้รับเสียงในใจ อย่างลับๆ นางจึงหาข้ออ้างพาลูกสาวสองคนออกไปจากห้องบุปผา บอกให้พวกนางไปรวมตัวกับอวี๋เจิ้น รีบถอยไปหลบภัยอยู่ในศาล
่
บรรพชนทันที อวี๋โหยวอี๋ที่อยู่ในห้องโถงรับรองแขกอีกห้องหนึ่งมีสี หน้าซับซ ้อน นางเป็ นฝ่ ายแลกเปลี่ยนจอกสุราดื่มกับเหนียงเนียงเทพ ภูเขา ทาให้พวกผู้ฝึ กตนอิสระ ภูตแห่งป่ าเขาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จาก ศาลเถื่อนทั้งหลายพากันหันมามองเหนียงเพียงเทพภูเขาสีหน้าซีด ขาว ในใจวูบโหวง คล้ายสัมผัสได้ว่าหายนะใหญ่ก าลังจะมาเยือน แต่ นางกลับทาได้แค่มองแผ่นหลังที่เดินจากไปของอวี๋โหยวอี๋อย่างเงียบ งัน ตรงหน้าประตูภูเขาซึ่งเป็ นจุดเชื่อมต่อระหว่างภูเขาเหอฮวานกับ เมืองเฟิงเล่อ แมลงประหลาดเหมือนกระแสน้าขึ้นที่ถาโถมเข้าหาต้น จามจุรี ต้นจามจุรีที่ไม่เคยออกดอกมานานหลายปี พลันออกดอก บานสะพรั่งเหมือนร่มสีแดงที่ถูกกางออก ในห้องโถงจัดเลี้ยงรับรอง แขกทุกห้องของจวนเฝิ่นหวาน กลิ่นอายเครื่องประทินโฉมคละคลุ้ง เหมือนหมอกหนา ปัญญาชนสวมชุดคลุมนกกระสาลงไปนอนกอง กับพื้นเหมือนผีขี้เหล้าที่เมามาย หลังจากนั้นภูเขาก็ปริแตกพื้นดิน แยกตัว สองภูเขาอย่างจุ้ยยวนและอูเถิงพลิกกลับ หายนะใหญ่เทียม ฟ้ าที่ไม่มีลางบอกกล่าวมาก่อนพลันบังเกิด ในจวนเฝิ่นหวาน ผนัง ก าแพงล้มครืน ผืนพรมถูกกระชากขาดเกิดเป็ นรอยฉีกนับไม่ถ้วน ผี ผาฮูหยินที่รู ้สึกตัวอย่างเชื่องช ้าตวาดดังลั่น ฝื นดึงสติโคจรปราณ วิญญาณในช่องโพรงปราณวิญญาณ นางคิดจะทะยานลมหนีไป จากพื้นที่อันตรายแห่งนี้แต่กลับถูกธงฝนที่คุ้นตาอย่างถึงที่สุดปั่นเอว ของนางขาด ภูตที่เปิดจวนอยู่บนเส้นทางหยวนเหนาและภูตที่เป็ น ชายฉกรรจ์ซึ่งพาสาวใช ้หน้าตางดงามสองคนมากินเปล่าดื่มเปล่าใน งานเลี้ยงต่างก็ถูกหอกเหล็กขนาดเล็กลักษณะเก่าแก่เรียบง่ายหลาย
่
เล่มพุ่งมาดั่งสายฟ้ าแทงทะลุร่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์จาก ศาลเถื่อนทั้งหลายที่เผยร่างทองพยายามจะร่วมมือกันต้านรับหายนะ ครั้งนี้ หลี่ถิงที่เป็ นเทพภูเขาก็ยิ่งเดือดดานปานฟ้ าผ่า ก่นด่าจ้าวฝู หยางกับอวี๋ฉุนจือว่าเป็ นคู่สุนัขตัวผู้ตัวเมียที่เสียสติไปแล้ว จางเซี่ยง เต้ากับคนหนุ่มที่มีฉายาว่า “หลงไซ” ถูกจิตหยินที่ออกจากร่างของ จ้าวฝูหยางชัดเสียจนหัวกะโหลกแหลกเละ จางเซี่ยงเต้าร่ายวิชา หลบหนีแต่กลับถูกจิตหยินกระชากกลับเข้าไปในจวนเฝิ่นหวาน ก่อน จะถูกบดขยี้ทาลายไปพร ้อมกับเนื้อหนังมังสา เลือดสดไหลนอง ขุน นางผู้ช่วยของจวนวารีสู่เยว่ทั้งหลายที่ติดตามมาด้วยก็ยิ่งไม่มีใครหนี รอด ภูเขาสองลูกที่อยู่บนและล่างเหมือนงูสองตัวรัดพันหางกันพลิก ตลบอยู่บนพื้นดินอย่างรุนแรง ฝุ่ นคลุ้งอบอวล ในพื้นที่รัศมีพันลี้เกิด เสียงสะเทือนเลือนลั่น เฉิงเฉียนกับจางฉงที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ รีบบอกให้ชีซ่งและจางอวี่เจี่ยวไปติดต่อกับกองกาลังต่างๆ ซึ่งมีฮ่องเต้ สกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่งเป็ นหนึ่งในนั้นทันที พวกเขาพาแค่จางไฉ่ฉินไป ด้วยกัน หมายจะขัดขวางการ “พิสูจน์มรรคาฝ่ าทะลุขอบเขต” ที่ไม่ เลือกวิธีการของจ้าวฝูหยาง น่าเสียดายที่สถานการณ์สาเร็จไปเป็ น ส่วนใหญ่แล้ว เป็ นดั่งที่จ้าวฝูหยางคาดการณ์ไว้จริงๆ เขาไม่เพียงแต่ สามารถ “ล้อมภูเขา” เลื่อนขั้นเป็ นเจียวภูเขาขอบเขตก่อกาเนิดได้ สาเร็จ แม้กระทั่งคนรักอย่างอวี๋ฉุนจือที่เพราะกินอิ่มไปหนึ่งมื้อก็กลาย มาเป็ นจิ้งจอกฟ้ าก่อกาเนิดได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าขอบเขตยังไม่ มั่นคง จ้าวฝูหยางเผยร่างจริงหลบเลี่ยงการโจมตีจากพวกเฉิง เฉียนมาได้ หากหลบไม่พ้นก็จะฝื นรับไว้ เพื่อให้จ้าวฝูหยางพา
่
บุตรชายหญิงอย่างพวกอวี่เจิ้นหนีไปจากวงล้อมได้สาเร็จ อวี๋ฉุนจือย อมทุ่มชีวิตอย่างไม่กลัวตาย ใช ้ทุกวิธีการที่มีถ่วงรั้งเฉิงเฉียนและจาง ฉงเอาไว้ สุดท้ายถูกเฉิงเฉียนใช ้อสนีนับไม่ถ้วนผ่าร่าง ร่างของอวี๋ ฉุนจือหล่นร่วงลงพื้น เป็ นตายมิอาจรู ้ได้ จ้าวฝูหยางพุ่งชนตะลุยไป ข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น พวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าและผู้ ฝึกตนของทวีปต่างๆ ที่อยู่ตามรายทางเห็นท่าไม่ดีก็รีบพากันหลีก ทางให้ เป็ นฝ่ ายหลบประกายเฉียบคมไปเอง เจียวภูเขาเองก็ไม่ได้ท า ร ้ายใคร มีเพียงเซียนกระบี่หญิงจางไฉ่ฉินที่ออกกระบี่อย่างเฉียบขาด ทันใดนั้นม่านราตรีพลันสว่างไสวราวกับเวลากลางวัน แสงกระบี่ถี่ หนาประหนึ่งลูกธนูที่สาดยิงลงมาดุจสายฝน ทาร ้ายไปถึงเรือนกาย และศีรษะอันใหญ่โตมโหฬารของเจียวภูเขาน่าเสียดายที่ยังมิอาจ ขัดขวางการหลบหนีของเจียวภูเขาได้ กลับกลายเป็ นว่านางถูกหาง ของเจียวฟาดใส่ จางไฉ่ฉินถูกเหวี่ยงร่างให้กระแทกหน้าผาของยอด เขาโพโม่ รอกระทั่งนางเก็บกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตกลับมาก็กระอัก เลือดค าใหญ่ ได้แต่มองจ้าวฝูหยางที่ทะยานไปว่องไวดุจสายฟ้ าหนี รอดไปได้คาตา สุดท้ายเขาก็ผลุบหายเข้าไปในค่ายกลของถ้าแห่ง หนึ่งที่จัดวางไว้อย่างลับๆ ไม่พบร่องรอยอีก…
ภาพเหตุการณ์ในม้วนภาพเปลี่ยนไป เห็นเพียงว่าในอารามเต๋า ขนาดเล็กแห่งหนึ่งของเมืองหลวงแคว้นชิงซิ่งที่มีควันธูปบางเบา ระหว่างผนังหินของภูเขาจ าลองมี “งูเล็ก’ ตัวหนึ่งที่ร่างโชกไปด้วย เลือดแทรกตัวออกมาอย่างไม่เป็ นที่จับสังเกต ลาตัวของมันยาวจื่อก
่
ว่า บนศีรษะมีเขางอก มีรูปโฉมของมังกรแล้ว เจียวภูเขาขดตัวเก็บ รวมกลิ่นคาวเลือดที่เดิมทีก็เจือจางอยู่แล้วกลับมา หลับตาลงแล้วเริ่ม รักษาอาการบาดเจ็บ ตรงหน้าท้องของเจียวภูเขามีถ้าสวรรค์อีกแห่ง หนึ่งซ่อนอยู่ พวกอวี๋เจิ้น จ้าวแยนที่นอกจากจะมีสีหน้าหม่นหมอง แล้ว ความแค้นอาฆาตก็ท่วมทะยานฟ้ าด้วย ในทะเลสาบหัวใจของ พวกเขามีเสียงที่สงบนิ่งมั่นคงของจ้าวฝูหยางดังขึ้นมา บอกว่าเฉิง เฉียนไม่กล้าฆ่ามารดาของพวกเจ้า
เพียงแต่ไม่รู ้ว่าเหตุใด ท่ามกลางหายนะครั้งนี้ เมืองเฟิ งเล่อที่ ตั้งอยู่ตรงตีนเขากลับเป็ นเหมือนก้อนเต้าหู้บนโต๊ะที่ถูกจ้าวฝูหยางใช ้ หางงูผลักออกไปจากสนามรบคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้เจตนา
พูดถึงแค่นักบัญชีที่เป็ นมนุษย์ธรรมดาคนนั้น ตอนนั้นทั้งเขาและ โต๊ะต่างก็หล่นกระแทกลงในเมืองเล็ก ร่างหมุนตลบจนมึนงงไปหมด รู ้ เพียงว่าคนมีชีวิตในโลกคนเป็ นของเมืองเล็กไม่มีใครตายสักคนเดียว
เฉิงเฉียนทะยานลมมาหยุดอยู่กลางอากาศเหนือเส้นชายแดน เจินเหรินผู้เฒ่าที่มีรูปโฉมเป็ นเด็กหนุ่มสีหน้าเขียวคล้า
บนพื้นดิน อวี๋ฉุนจือที่หมดสติไปพักใหญ่พลันลุกขึ้นนั่ง นางลูบ เส้นผมตรงจอนหูสีหน้าผ่อนคลายคล้ายจะมีรอยยิ้มเยาะติดอยู่บน ใบหน้า
ในกลุ่มคนของแคว้นชิงซิ่ง นับตั้งแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปจนถึงผู้ฝึ ก ตนบนภูเขา จนไปถึงกองทัพของราชวงศ์ที่สามารถพูดได้ว่าไม่ได้รับ
่
ความเสียหายแม้แต่น้อยพลันระเบิดเสียงดัง เซ็งแซ่ ผู้คน วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ทัพบู๊ที่นากองกาลังทหารของอีกสองแคว้น ที่มีความคิดเหมือนกัน นั่นคือการกรีฑาทัพครั้งนี้ สาหรับพวกเขา แล้ว ต่อให้ฟ้ าร ้องดังแต่ฝนตกเบาแล้วอย่างไรเป็ นอย่างนี้สิจึงจะดี ถึง อย่างไรพวกเขาก็ได้คุณูปการในการสู้รบบุกเบิกพื้นที่มาเปล่าๆ ส่วน ทางฝั่งของสกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่งจะถือว่าขโมยไก่ไม่ส าเร็จยังต้องเสีย ข้าวสารไปอีกก ามือหรือไม่? โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดเขาฉุยชิงพรรค จินแชวกับสกุลจางเขตเทียนเฉาที่ไม่เท่ากับว่าผูกปมแค้นไปกับจ้าวฝู หยางแล้วหรอกหรือ?
ในรถม้าคันหนึ่ง รัชทายาทแคว้นชิงซิ่งมองหยกลัญจกรสามชิ้น ที่เพิ่งถูกส่งมา ทั้งสามชิ้นล้วนไร ้ความเสียหายใดๆ เจตนาของจ้าวฝู หยางคืออะไร?
ฮ่องเต้เฒ่ามีสีหน้าซับซ ้อน วางรายงานที่เนื้อหาอธิบายอย่าง หยาบๆ ในมือลง นิ่งคิดไปพักใหญ่ ก่อนเอ่ยว่า “ออกคาสั่งไปทันทีว่า ให้จับตัวปีศาจจิ้งจอกอวี๋ฉุนจือมาขังไว้ ต้องคุมขังอย่างเข้มงวด ห้าม ให้มีข้อผิดพลาดเด็ดขาด
รัชทายาทหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ กาลังจะลุกขึ้นออกไปจากห้อง โดยสาร ฮ่องเต้เฒ่ากังวลว่าเขาจะไม่เข้าใจถึงจุดเชื่อมต่อของ เรื่องราว เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็ นเรื่องใหญ่ที่ส าคัญมาก จะปล่อยให้ เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด จึงอธิบายให้เขาฟังโดยละเอียดอย่าง
่
มีน้าอดน้าทน “อย่าให้เฉิงเจินเหรินสังหารจิ้งจอกเซียนแห่งภูเขา เหอฮวานด้วยความเดือดดาลเด็ดขาด สรุปก็คือจาไว้ว่าหากทางฝั่ง ของยอดเขาฉุยชิงมีความเห็นต่าง เจ้าก็บอกไปว่าทางราชส านัก ต้องการส่งตัวนางไปให้ส านักศึกษากวานหูจัดการ
อวี๋ฉุนจือกอดสมุดบัญชีเล่มหนึ่งไว้ในอ้อมอก ในนั้นเขียน หลักฐานความผิดของแขกทั้งหลายที่มาตายอยู่ในจวนเฝิ่นหวานคืน นี้ไว้อย่างชัดเจน จางเซี่ยงเต้าแห่งจวนสู่เยว่ ผีผาฮูหยิน ปีศาจใหญ่” กลุ่มนั้น รวมไปถึงหลี่ถึงเทพภูเขาศาลอูเถิงต่างก็อยู่ในรายชื่อนี้ด้วย บัญชีหนาหนักเล่มหนึ่ง วันใดเวลาใดล้วนมีหลักฐานอย่างชัดเจน ต่อมาหลังจากค าว่า “เป็ นต้น” ก็มีเหนียงเนียงเทพภูเขาศาลจุ้ยยวน ป๋ ายเหมาแห่งจวนชิงป๋ ายติดรายชื่อด้วย
ขณะเดียวกันตอนที่ร่างจริงเจียวภูเขาของจ้าวฝูหยางโดนกระบี่ ของจางไฉ่ฉิน เขาได้ใช ้เสียงในใจพูดคุกับนางหนึ่งประโยค บุญคุณ ความแค้นระหว่างภูเขาเหอฮวานกับสกุลจางเขตเทียนเฉาก็ถือว่า สิ้นสุดลงเท่านี้
นี่จึงเป็ นเหตุให้เซียนดินก่อกาเนิดใหม่เอี่ยมที่แสร ้งทาเป็ นว่า ขอบเขตไม่มั่นคงตั้งแต่ต้นจนจบผู้นี้ ตอนที่กวาดหางเจียวภูเขาได้กะ น้าหนักไว้อย่างเหมาะสม ไม่ได้ทาร ้ายไปถึงรากฐานมหามรรคาของ จางไฉ่ฉิน
ลู่เฉินเก็บม้วนภาพแห่งกาลเวลาที่พิเศษนี้กลับมา ยิ้มเอ่ยว่า “หากดูต่อไปอีกก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว”
่
เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนทาเนียบที่ได้ครอบครองความได้เปรียบไป จนหมดสิ้นพ่ายแพ้ให้กับผู้ฝึกตนอิสระแห่งป่ าเขาบริสุทธิ์เต็มตัวคน หนึ่ง
ลู่เฉินยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “หากมองอย่างนี้ก็ถือว่าเฉิงเฉียนติดค้าง น้าใจของใต้เท้าอิ่นกวานถึงสองครั้งแล้ว”
ฟ้ าดินก่อให้เกิดรูปร่างของสรรพสิ่ง วันและคืนผลัดเปลี่ยนไม่ เคยหยุดนิ่งดุจวสันตฤดู
โลกมนุษย์ท่ามกลางม่านราตรีคล้ายเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กาลัง พักผ่อน รอให้กลางวันมาถึงก็จะออกเดินทางไกลต่ออีกครั้ง
เฉินผิงอันไม่คิดจะวิพากษ์วิจารณ์ต่อการเข่นฆ่าครั้งนั้น กลับกัน ยังโพล่งถามว่า “แรงบันดาลใจในการผสานมรรคาของอู๋โจวมีความ เกี่ยวข้องกับบทเต๋อชงฝูของเจ้าหรือไม่?”
หากอู๋โจวอาศัยแค่เส้นทางของการหลอมวัตถุอย่างเดียว ต่อให้ นางมีวิชาอภินิหารของ “ผู้หล่อหลอม” หนึ่งในสิบสองเทพชั้นสูง กระนั้นก็ยังมิอาจเลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่ได้มหามรรคากระจัดกระจาย เกินไป ยากจะรวมให้เป็ นหนึ่งเดียว ของนอกกายกลับจะกลายเป็ น ภาระส าหรับมหามรรคา ต่อให้นางหลอมอาวุธเซียนได้มากกว่านี้ก็ยัง มิอาจพัฒนาไปอีกขั้นได้อยู่ดี อย่างมากสุดก็ได้แต่ช่วยให้นาง ครอบครองตาแหน่งบุคคลอันดับหนึ่งในกลุ่มของขอบเขตบินทะยาน ได้อย่างมั่นคง แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเวลาผันผ่านก็จะยังทิ้งระยะห่างจาก
่
พวกผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่ใหม่เอี่ยมอย่างพวกอู๋ซวงเจี้ยงแห่ง ต าหนักสู้ยฉู เจ้าอารามซุนแห่งอารามเสวียนตูไปเรื่อยๆ อยู่ดี
“พูดจาระวังปาก พูดจาระวังปาก!”
ลู่เฉินตกใจกับชื่อจริงที่เฉินผิงอันเรียกโพล่งออกมาอย่างไม่ยึด มารยาทในยุทธภพเลยแม้แต่น้อย รีบโบกชายแขนเสื้อของชุดคลุม เต๋า เรียกยันต์แผ่นหนึ่งที่หลอมด้วยวิชาลับออกมา หลีกเลี่ยงไม่ให้ สตรีดุร ้ายนิสัยเจ้าอารมณ์อย่างอู๋โจวได้ยินเข้าแล้วเข้าใจผิดคิดว่า เขากับเฉินผิงอันวางแผนลับอะไรกัน โชคดีที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในใต้ หล้ามืดสลัว ลู่เฉินจึงยังมีโอกาสได้ชดเชยความผิด หาไม่แล้วดิน เหลืองก็เปื้อนเต็มกางเกงจริงๆ แต่ไหนแต่ไรมาอู๋โจวก็มีนิสัยขี้ระแวง อีกทั้งนางยังมีน้าอดน้าทน ต้องตอแยเจ้าลัทธิลู่นานหลายร ้อยปี แน่นอน
“ผินเต้าหรือจะกล้ายืดคุณความชอบมาเป็ นของตัวเองคนเดียว ด้วยจิตแห่งมรรคาที่หนักแน่นและคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของนาง จะเดิน บนเส้นทางเติมเต็มสิ่งที่ “ขาดหาย” นี้หรือไม่ นางก็ต้องเลื่อนเป็ น ขอบเขตสิบสี่ได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะช ้าหรือเร็วเท่านั้น”
ลู่เฉินยกมือถูหน้า เอ่ยอย่างขมขื่นว่า “ก็แค่ว่า “คนพูดไร ้เจตนา คนฟังมีใจ” ก็เท่านั้น”
ดังนั้นลู่เฉินจึงไม่ได้มีความคิดว่าเป็ นการทาบุญทาทาน อู๋โจ วเองก็ยิ่งไม่มีทางเห็นในความดีนี้ของเขา
่
เฉินผิงอันถามต่ออีกว่า “หากข้ากับนางพบเจอกันบนทางแคบ นางจะอาศัยขอบเขตมาบังคับช่วงชิงไปหรือไม่?”
เพราะในบทนี้ของลู่เฉินได้ยกตัวอย่างเกี่ยวกับคนที่เรือนร่างไม่ สมบูรณ์ ร่างกายพิกลพิการ แต่กลับเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมจริยธรรม ทุกคนล้วนมีความบกพร่อง เหมือนคนตาบอด คนหูหนวก คนขาเป๋ คนหลังค่อม เป็ นต้น
ก่อหน้านี้หากอิงตามคากล่าวของอู๋ซวงเจี้ยง นักพรตหญิง ขอบเขตสิบสี่ที่มีฉายาว่า“ไท่อิน” ผู้นี้ ทุกวันนี้ได้หมายตา ‘ลงทัณฑ์’ และ ‘พิฆาต” ของเฉินผิงอันอยู่ อู๋ซวงเจี้ยงเคยเปิดเผยความลับว่า หากไม่เป็ นเพราะมีเหยาชิงช่วยปกป้ องมรรคาและมีข้อตกลงอย่าง ลับๆ บางอย่างกับอู๋โจว หาไม่แล้วปรมาจารย์หญิงแห่งราชวงศ์ชิงเสิน ป๋ ายโอ่วที่มีง้าวทะลวงภูเขาติดตัว เกรงว่าคงผ่านด่านของอู๋โจวไป ไม่ได้แน่นอน
อู๋โจวเป็ นคนอามหิตคนหนึ่งจริงๆ นางเอาจิตวิญญาณ โครง กระดูกและเส้นเอ็นเลือดเนื้อ หรือแม้กระทั่งเส้นผมของตัวเองมา หลอมเป็ นภาพมายาทั้งหมด พูดง่ายๆ ก็คือเท่ากับว่านางหลอมตัวเอง เป็ นวัตถุแห่งชะตาชีวิตชิ้นหนึ่ง เพื่อให้เป็ นการแยกร่างที่สมบูรณ์ ที่สุดทาลายก่อนแล้วค่อยหยัดยืนขึ้นใหม่ เมื่อเป็ นเช่นนี้นางก็จะ สามารถใช ้ดินแดนไท่ซวีที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่งมารองรับหมื่นสรรพสิ่ง นี่จึงเป็ นเหตุให้อู่โจวในทุกวันนี้มี “รูปร่างเป็ นคนแต่ภายในว่างเปล่า เหมือนท้องฟ้ า” อยู่กึ่งกลางระหว่างมนุษย์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
่
ลู่เฉินใช ้คาพูดที่ค่อนข้างนุ่มนวลว่า “หากเจ้าเป็ นผู้ฝึ กกระบี่ ขอบเขตบินทะยานขั้นสมบูรณ์แบบ หรือมีขอบเขตเท่าเทียมกับนาง คิดดูแล้วนางก็คงไม่ท าให้เจ้าล าบากใจ เจอกันระหว่างทาง ผงกศีรษะ ทักทายกันแล้วต่างคนก็ต่างเดินไปบนทางของตัวเอง”
ความนัยในคาพูดนี้ก็คือขอแค่ขอบเขตของเฉินผิงอันยังไม่มาก พอ ในอนาคตเจอกับอู๋โจวก็จะต้องไม่มีทางรักษาของตกทอดจากสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงยุคบรรพกาลสองชิ้นนั้นไว้ได้แน่นอน
ลางสังหรณ์บอกกับเฉินผิงอันว่าขอแค่ตนไปที่ใต้หล้ามืดสลัว ก่อนจะไปถึงป๋ ายอวี้จิงก็ต้องเจอกับอู๋โจวก่อน อีกทั้งถึงเวลานั้นทั้ง สองฝ่ายที่เจอกันบนทางแคบไม่มีทางปรองดองกันได้แน่
เจ้าลัทธิลู่แห่งป๋ ายอวี้จึงมีดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือขอแค่ใครขอ ความรู ้จากเขาอย่างถ่อมตัว ลู่เฉินก็มักจะตอบแทนด้วยคาพูดที่ จริงใจเสมอ
ลู่เฉินยื่นมือไปหยิบหินก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมา คาว่าจัดวางค่าย กลก็เป็ นแค่เวทอ าพรางตาของเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่เอาไว้ใช ้หลอก พวกคนที่ชอบเล่นหลอกผีหลอกเจ้าเท่านั้น แต่เขากลับจงใจใช ้ของ ปลอมสวมรอยของจริง เพื่อให้หลังจากที่อีกฝ่ าย “มองทะลุภาพ มายา”ไปได้แล้วเข้าใจผิดคิดว่าเด็กหนุ่มสะพายกระบี่แสร ้งข่มขวัญ ให้คนกลัว ก็คือเหตุผลเดียวกับฝักกระบี่ที่ว่างเปล่า ต่อให้เด็กหนุ่ม รองเท้าสานจะเป็ นแค่ร่างแยกร่างหนึ่งของเฉินผิงอัน แต่เขาจะไม่ เข้าใจเวทกระบี่เลยได้อย่างไร?
่
“แม้จะบอกว่าต่อให้เป็ นเทพเซียนก็ยากจะตกปลาตอนกลางวัน ได้”
ลู่เฉินชั่งน้าหนักก้อนหินในมือ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แต่ปลาที่หลุด ลอดตาข่ายซึ่งยากจะหาเจอตัวนั้นก็ยังถูกผินเต้าหาตัวเจออยู่ดี”
เฉินผิงอันประหลาดใจอยู่บ้าง ค้นพบร่องรอยเร็วขนาดนี้เชียว หรือ?
ลู่เฉินกล่าวอย่างหนักแน่นน่าเชื่อถือ “ผินเต้ามองคนแม่นยา อย่างยิ่ง ยืนยันตัวตนจนแน่ใจแล้ว เด็กคนนี้ต้องประสบผลสาเร็จ ใหญ่อย่างแน่นอน!”
เฉินผิงอันถาม “คิดจะรับเขาเป็ นลูกศิษย์พากลับไปป๋ ายอวี๋จิง ให้ ไปฝึกตนอยู่ที่นครหนันหัว หรือปล่อยไว้ในใต้หล้าไพศาล มอบให้ พวกลูกศิษย์อย่างเฉาหรงช่วยจับตามอง?”
ลู่เฉินโยนก้อนหินในมือออกไปนอกหน้าผา “ใจร้อนย่อมกิน เต้าหู้ร ้อนไม่ได้ ตอนนี้เขาเดินไปถึงทางแยกแล้ว ต่อจากนี้จะเดินไป ทางไหน ผินเต้าอยากจะรอดูอีกหน่อยแล้วค่อยตัดสินใจอีกที”