กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1023.1 ภูเขาและสายน้าได้กลับมาพบกันใหม่
บทที่ 1023.1 ภูเขาและสายน้าได้กลับมาพบกันใหม่
เผยเฉียนพูดอย่างลับๆ “อาจารย์พ่อ หนึ่งหยกดิบสองโอสถทอง”
เพราะ “อาจารย์พ่อ” ที่อยู่ข้างกายผู้นี้เป็ นแค่หนึ่งในเก้าร่างแยก เท่านั้น มีขีดจากัดอยู่ที่ระดับขั้นของกระดาษยันต์ ขอบเขตวิถีวรยุทธ ไม่สูงมากพอ เผยเฉียนจึงทาหน้าที่เป็ นหูเป็ นตาให้กับอาจารย์พ่อ
เฉินผิงอันตามองตรงไปข้างหน้าไม่ล่อกแล่ก ส่งเสียงเรอหนึ่งที เอนหลังพิงพนักเก้าอี้เขาเองก็ใช ้วิธีรวมเสียงให้เป็ นเส้นเอ่ยสัพยอก กลับไปว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ถือว่าเป็ นมังกรข้ามแม่น้าที่แท้จริง แล้ว”
เผยเฉียนถามอย่างสงสัย “คือผู้ฝึ กตนที่พเนจรผ่านมาทางนี้ หรือ?”
เฉินผิงอันกล่าว “แปดส่วนน่าจะเป็ นฝีมือของเจ้าลัทธิลู่”
เผยเฉียนพยักหน้ารับ ก็ไม้กวนอาจมนี่นะ
อันที่จริงนางสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของพวกบรรพจารย์ เซียงจวินสามคนนานแล้ว ตอนแรกที่พวกเขาเข้ามาในจวนเฝิ่ น หวาน เผยเฉียนก็เริ่มสังเกตฝีเท้าหนักเบา ลมหายใจสั้นยาวของพวก เขาแล้ว รอกระทั่งผู้ฝึ กตนทั้งสามมาปรากฏตัวตรงหัวเลี้ยวของ ระเบียงห้องจัดเลี้ยงที่เป็ นวงกลม ต่อให้จะใช ้เวทอาพรางตาที่
เปลี่ยนแปลงรูปโฉมและเครื่องแต่งกาย เมื่ออยู่ในสายตาของเผย เฉียนก็ไม่ต่างอะไรจากภาพมายา
เผยเฉียนแค่กวาดตามองพวกเขาไม่กี่ทีเท่านั้นก็เห็นภาพ เหตุการณ์ในหัวใจของนักพรตหญิงห้าขอบเขตบน น่าอัศจรรย์อย่าง ยิ่ง นางเห็นเพียงศาลบรรพจารย์ที่กว้างใหญ่ไพศาลไร ้ขอบเขต สิ้นสุดแห่งหนึ่ง มีเด็กสาวบอบบางที่เรือนกายเล็กราวเมล็ดงาก าลัง มองไปยังแผ่นหลังของนักพรตที่สูงตระหง่านดุจขุนเขาซึ่งอยู่เบื้อง หน้า และแผ่นหลังนี้กาลังใช ้สองมือถือธูป ควันธูปลอยกรุ่นประหนึ่ง ส่งตรงไปถึงสรวงสวรรค์ นักพรตก าลังคารวะภาพเหมือนของบรรพ จารย์เพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในศาล คนที่อยู่ในภาพนั้นก็คือนักพรต หนุ่มคนหนึ่ง ภาพแขวนนี้เรียกได้ว่า “ใหญ่มหึมา” นักพรตที่อยู่ใน ภาพเหมือนมีพลานุภาพค้าฟ้ ายันดิน จึงยิ่งขับดันให้นักพรตที่เดิมที เรือนกายก็ใหญ่โตดุจมหาบรรพตยิ่งเล็กจ้อย
กวานเต๋าบนศีรษะของคนทั้งสามล้วนเป็ นรูปกวานดอกบัว
นี่แสดงให้เห็นว่าในใจของนักพรตหญิงที่ฝึ กตนพอจะประสบ ความสาเร็จแล้วผู้นี้ยังคงรู ้สึกว่าตัวนางเองเล็กกว่าพรรค ผู้ที่ถือธูป คารวะภาพแขวนเบื้องหน้าสูงกว่าพรรค ส่วนบรรพจารย์ที่อยู่ใน ภาพเหมือนนั้นกลับ…ใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้ า
ส่วนใจกลางทะเลสาบหัวใจของหญิงชรามีเกาะอยู่แห่งหนึ่งที่มี เซียนเหรินร่างทองอานุภาพน่าเกรงขามผู้หนึ่งยืนอยู่ ตรงแขนข้าง
หนึ่งรัดพันไปด้วยมังกรเพลิงสีแดงฉาน แขนอีกข้างพันด้วยงูน้าสี เขียวมรกต กลางอากาศคือสายฟ้ าที่แลบแปลบปลาบ
นี่น่าจะเป็ นภาพลักษณ์อย่างเป็ นรูปธรรมของคาว่า ‘จินเซียน” (เซียนสีทอง) ในใจของหญิงชรากระมัง?
สภาพจิตใจของบุรุษมีหุ่นไม้แกะสลักอยู่ร่างหนึ่งที่กระโดดโลด เต้นไปตามภูเขาสายน้า เหมือนเจินเหรินยุคบรรพกาลที่ข้ามบรรพต ข้ามมหาสมุทร และยังมีหุ่นดินเผาที่นั่งขัดสมาธิเข้าฌานอยู่อีกคน หนึ่ง สองคนนี้หนึ่งขยับหนึ่งนิ่ง คล้ายคนแต่ไม่ใช่คน คล้ายเทพแต่ก็ ไม่ใช่เทพ
เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย ก่อนยิ้มถามว่า “มองสภาพจิตใจของ พวกเขาแล้วหรือ? มีภาพเหตุการณ์อะไรผิดปกติคู่ควรให้เจ้าชื่นชม ไหม?”
เผยเฉียนยิ้มอย่างเขินอาย บอกให้อาจารย์พ่อรอสักครู่ แล้วก็ เริ่มพลิกค้นความทรงจาทาเหมือนการโยนคันเบ็ดตกปลา แต่สิ่งที่ เห็นตอนยกคันเบ็ดขึ้นกลับเป็ นเหยื่อ ยกตัวอย่างเช่นเหยื่อที่เผยเฉีย นเตรียมไว้ให้กับนักพรตหญิงคนนั้นคือคาว่า “ใหญ่โตมโหฬาร “เต้า กวาน” ของหญิงชราคือ “เซียนสีทอง” ส่วนบุรุษคือ “หุ่นไม้คันดิน”
ดังนั้นหากว่าอาจารย์พ่อไม่ได้ถามเรื่องนี้ เผยเฉียนที่มองไปแล้ว ก็คงลืมไป แค่เหลือภาพจาที่เลือนรางเอาไว้เท่านั้น ยืนยันให้แน่ใจถึง ตบะตื้นลึกของอีกฝ่ าย ดูว่าเป็ นมิตรหรือศัตรู หากเกิดความขัดแย้ง
ขึ้นมาต้องใช ้วรยุทธขอบเขตที่เท่าไรมาต้านรับ พูดง่ายๆ ก็คือไม่ได้ สนใจสถานะของพวกเขา เผยเฉียนแค่ต้องการยืนยันในเรื่องหนึ่ง ให้ ตัวเองได้รู ้ว่าควรจะใช ้ขอบเขตอะไรปล่อยหมัดออกไปกี่หมัด
เวลานี้มีเบาะแสเหล่านี้แล้ว ความทรงจาทั้งหมดในทะเลสาบ หัวใจของเผยเฉียนที่ถูกนางปิ ดผนึกเอาไว้ก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ครบถ้วนอีกครั้ง ก็เหมือนมีม้วนภาพเก่าสามภาพถูกเจ้าของคลี่กาง ใหม่อีกครั้ง แค่กวาดตาก็เห็นได้ถ้วนทั่ว อาศัยเบาะแสที่ชัดเจนของ กวานเต๋าชิ้นนั้น เผยเฉียนจึงแน่ใจในสถานะของพวกเขา “อีกครั้ง” จึงเอ่ยว่า “อาจารย์พ่อ นางคือบรรพจารย์เซียงจวินแห่งต าหนักหลิง เฟย ฉายาว่า “ต้งถิง” คือลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจของเทียนจวินเฉา หรง นอกจากวิธีการบางอย่างของนางที่คนทั้งใต้หล้าล้วนรับรู ้แล้ว ปี นั้นตอนที่ข้าอยู่ในลั่วจิงเมืองหลวงส ารองยังบังเอิญได้ยินผู้ฝึ ก ลมปราณพูดถึงข่าวลือเล็กๆ ข่าวหนึ่งบอกว่าอันที่จริงสิ่งที่นาง เชี่ยวชาญที่สุดคือการอัญเชิญเทพลงมา เรียกตัวเองว่าเป็ นอันดับ หนึ่งด้านการทรงเจ้าของแจกันสมบัติทวีป มีคนพูดจาน่าเชื่อถือบอก ว่านางเลื่อนจากขอบเขตก่อก าเนิดเป็ นหยกดิบไม่ต้องเจอกับหายนะ จากจิตมาร ก็เพียงแค่เพราะตอนที่ปิดด่านเจินจวินหญิงของลัทธิเต๋า ผู้นี้มีจิตศรัทธามุ่งมั่นจึงเกิดเป็ นความศักดิ์สิทธิ์ ได้เลื่อนขั้นอยู่ใน ขอบเขตที่คนและฟ้ ารับสัมผัสถึงกันและกันซึ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง นาง ยังเคยอัญเชิญเว่ยฮูหยินของนครหนันหัวป๋ ายอวี้จึงให้มาเยือน เว่ยฮู หยินข้ามใต้หล้าเยื้องกรายลงมา ช่วยเซียงจวินขจัดจิตมาร ช่วยให้
นางผ่านด่านยากล าบากไปได้ เล่าลือกันว่าเว่ยฮูหยินยังรับตัวเซียง จวินให้ไปเยือนป๋ ายอวี้จิง ท่องห้านครสิบสองหอเรือนในความฝัน เพียงแต่ว่าเรื่องลับระดับนี้ไม่มีหลักฐานให้สืบเสาะ ตามหลักแล้วไม่มี ทางที่คนอื่นจะรู ้ได้ เกินครึ่งน่าจะเป็ นพวกผู้ฝึกตนบนภูเขาที่พูดกัน ไปเองส่งเดชเท่านั้น”
ก็เหมือนตอนที่เผยเฉียนอยู่บนภูเขาลั่วพั่วเมื่อยังเล็ก ทุกครั้งที่ พ่อครัวเฒ่าได้ยินเฉินหลิงจวินฝอยจนน้าลายแตกฟอง เล่าเรื่องลับ บนภูเขาที่บ้างก็น่าตกใจบ้างก็น่าอัศจรรย์ใจเขาก็มักจะพูดขัดคอ ประโยคหนึ่งเสมอว่า เจ้าอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรือ?
เฉินผิงอันฟังมาถึงตรงนี้ก็เอ่ยว่า “การเข้าทรงของผู้อาวุโสบน ภูเขาท่านนี้ยอดเยี่ยมยิ่งสามารถอัญเชิญเว่ยฮูหยินจากนครหนันหัว มาได้ เกินครึ่งน่าจะเป็ นเรื่องจริงแล้ว ในดวงจิตของนาง ศาลบรรพ จารย์กว้างใหญ่แต่ไร ้สิ่งที่เกินความจาเป็ น คือเรื่องที่ดี นี่หมายความ ว่าจิตแห่งมรรคาของนางบริสุทธิ์ บนเส้นทางของการฝึ กตนไม่ จาเป็ นต้องพึ่งพาของนอกกายจิตใจไร ้ความคิดวุ่นวายเจือปน เพียงแต่ว่าฐานะของอาจารย์และบรรพจารย์ในใจนางสูงส่งเกินไป ขณะเดียวกันก็ดูแคลนตัวเองเกินไป สองสิ่งทับซ ้อนกัน นี่ก็ หมายความว่าจิตแห่งมรรคาของนางยังคงไม่แข็งแกร่งมากพอ เกรง ว่านี่ก็คือดินที่บ่มเพาะให้เกิดปีศาจฟ้ า เว่ยฮูหยินถึงได้มาเข้าทรง”
เผยเฉียนที่เดิมทีไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้มากนักครุ่นคิดอยู่ครู่ หนึ่งก็พยักหน้า ยังคงเป็ นอาจารย์พ่อที่มีประสบการณ์โชกโชน
เจินจวินลัทธิเต๋าที่เลื่อนเป็ นห้าขอบเขตบนอย่างบรรพจารย์เซียง จวินนี้ หากนางดูแคลนตัวเองมากเกินไป ตามหลักแล้วก็ง่ายมากที่ ตอนปิดด่านขอบเขตก่อก าเนิดจะเกิดจิตมาร ยกตัวอย่างเช่นจิตมาร กลายร่างเป็ นเทียนจวินเฉาหรง หรือไม่ก็บรรพจารย์อย่างลู่เฉิน เซียง จวินไม่มีโอกาสชนะจิตมารนั้นได้เลยแม้แต่น้อย ผู้ฝึกตนเดินไปบน เส้นทางขึ้นเขาผ่านทัณฑ์สวรรค์หลายต่อหลายชั้น สามารถอาศัย เวทคาถาได้ แต่มีเพียงด่านใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุมเชิงกับจิต มารที่ได้แต่อาศัยจิตแห่งมรรคาที่บริสุทธิ์เท่านั้น
“อีกสองคนหากเดาไม่ผิด คนหนึ่งคือเวินจื่อซี่แห่งตาหนักหลิง เฟย อายุไม่มากก็เป็ นขอบเขตโอสถทองแล้ว นอกจากหลอม ลมปราณแล้ว เขายังเป็ นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวด้วย”
“หญิงชราอีกคนหนึ่งคือสิงจื่อแห่งยอดเขาชิงจิ้งพรรคจินแชว มา จากสายของอารามจินเซียน ปีนั้นช่วงชิงตาแหน่งเจ้าประมุขกันก็ พ่ายแพ้ให้กับเฉิงเฉียนที่อายุน้อยกว่า”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “เวินจื่อซี่? ผู้ฝึกยุทธมีพรสวรรค์ที่มีฉายาว่า “เวินหลาง” หรือ?”
เฉินจิ้วหนึ่งในร่างแยกที่เป็ นเค่อชิงอยู่ในพรรคกิ่งไผ่ของภูเขา ไฉอวี้ เคยได้ยินชื่อเสียงของเวินจื่อซี่มานานแล้วว่าเป็ นคนมากรักที่ ติดหนี้ความรักไว้นับไม่ถ้วน บนภูเขาล่างภูเขามีสตรีคนรู้ใจอยู่ มากมาย เล่าลือกันว่าคนผู้นี้ท่องอยู่ในยุทธภพชอบกดขอบเขตถาม หมัดกับผู้อื่น ยังไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน
เผยเฉียนรู ้สึกอัดอั้นอยู่บ้าง “เป็ นผู้ฝึ กยุทธจริง แต่จะใช่ผู้มี พรสวรรค์หรือไม่กลับบอกได้ยาก”
เผยเฉียนรู ้สึกอึดอัดอยู่บ้างจริงๆ หากจะพูดถึงอายุ เวินจื่อซี่ผู้นี้ก็ อายุไม่น้อยแล้ว ครึ่งร ้อย? สี่สิบ? ก็ยังเป็ นแค่ผู้ฝึ กยุทธขอบเขต ปลายทางไม่ใช่หรือ
หากว่าเขาคือผู้มีพรสวรรค์ แล้วข้าล่ะถือเป็ นอะไร? คงไม่ใช่ว่า เป็ นผู้มีพรสวรรค์ในกลุ่มของผู้มีพรสวรรค์หรอกนะ? แล้วอย่าง อาจารย์พ่อกับเฉาสือล่ะจะถือว่าเป็ นอะไร?
ในขณะที่อาจารย์และศิษย์คู่นี้คุยเล่นกันอยู่นั้นเอง บรรพจารย์ เซียงจวินที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ก็เหม่อมองผีโครงกระดูกที่อยู่ในรูปโฉม ของปัญญาชนสวมชุดคลุมขนนก
ความคิดของนางล่องลอยไปไกลอย่างห้ามไม่ได้ จาได้ว่าตอนที่ อายุยังน้อย พอจะเรียนรู ้วิชาคาถาประสบความส าเร็จบ้างแล้ว และยัง สร ้างโอสถได้แต่เนิ่นๆ อาจารย์เคยถ่ายทอดคาถาประโยคหนึ่งที่ สามารถอธิบายได้หลายรูปแบบให้แก่นาง
หลอมลมปราณเพื่อความเป็ นอมตะ หากไม่ต้องการให้คนไม่ ตาย ก็ต้องให้คนตายก่อน ตายไปแล้วค่อยกลับคืนมามีชีวิตอีกครั้ง ก็จะได้ครอบครองค าว่าจริง
คงไม่ใช่ว่าบรรพจารย์เจ้าลัทธิมาเยือนภูเขาเหอฮวานในครั้งนี้ก็ เพราะถูกอาจารย์ขอร ้องเป็ นการส่วนตัว อาจารย์ปู่ถึงได้ตั้งใจมาที่นี่
มาช่วยไขข้อข้องใจให้กับตนโดยอยู่ในรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับเจิน เหรินกระดูกขาว เพื่อจะถ่ายทอดวิชาอมตะไม่ตายให้ตน?
คราวก่อนเว่ยฮูหยินแห่งนครหนันหัวประทับเข้าทรง ไม่ได้บอก ว่ามีเพียงตอนที่ตนเลื่อนเป็ นเซียนเหรินเท่านั้น นางถึงจะลงมาเยือน อีกครั้ง ถึงจะมีโอกาสได้ไปพบเจ้าลัทธิลู่ที่นครหนันหัวหรอกหรือ?
เจ้าลัทธิ เจ้าลัทธิ อะไรคือเจ้าลัทธิ แน่นอนว่าต้องเป็ นนักพรตที่ ควบคุมดูแลกิจการของลัทธิเต๋าทั่วทั้งใต้หล้าจึงจะเรียกขานว่าเจ้า ลัทธิได้
ปีนั้นเว่ยฮูหยินพาเซียงจวินขี่นกหลวนท่องไปในป๋ ายอวี้จิงใน ความฝัน นางไม่ได้เจอกับบรรพจารย์ลู่ เพียงแค่ว่านอกเหนือจาก ภาพต าหนักและนคร นิมิตหมายมงคลแห่งตระกูลเซียนมากมายแล้ว เซียงจวินเคยเหลือบมองไปเห็นนักพรตวัยกลางคนที่สวมชุดขนนก คนหนึ่งอยู่ไกลๆ แวบเดียว เพียงแค่สบตากับอีกฝ่าย เซียงจวินก็สะดุ้ง ตื่นจากฝันเทันทีหลังตื่นขึ้นมา นางพลันค้นพบด้วยความตกตะลึงว่า ตัวเองเป็ นขอบเขตหยกดิบแล้ว
แน่นอนว่าเวลาเซียงจวินย่อมไม่กล้าละลาบละล้วงสอบถามและ พิสูจน์ตัวตนของอีกฝ่ าย คิดไปคิดมา ในชั่วประกายไฟแลบนางก็นึก ถึงการเริ่มต้นสนทนาได้สิบกว่ารูปแบบ แต่ในเมื่อบรรพจารย์ลู่ไม่ ยินดีจะใช ้รูปโฉมจริงมาพบปะผู้คน นางก็ได้แต่แกล้งโง่ตามไปด้วย พยายามสร ้างความสงบให้กับทะเลสาบหัวใจสุดก าลัง พูดด้วย
น้าเสียงที่สั่นเล็กน้อย “คากล่าวนี้ของสหายช่างลึกลับสูงส่ง น่า เหลือเชื่อยิ่งนัก”
เจ้าจวนป๋ ายไม่เสียทีที่เคยอยู่ในวงการขุนนางมาก่อน ความสามารถในการฝึ กตนไม่สูง แต่ความสามารถในการสังเกต คาพูดการกระทาและสีหน้าของผู้อื่นกลับไม่ต่า เห็นว่าบนใบหน้าของ ผู้ฝึ กตนหญิงเผยความเคารพเคร่งขรึมอย่างที่ยากจะปกปิ ด เจ้า จวนป๋ ายก็เริ่มลาพองใจ แค่เอ่ยไปไม่กี่ประโยคก็สยบผู้ฝึกตนหญิงรูป โฉมงดงามบุคลิกไม่ธรรมดาคนหนึ่งได้แล้ว
ในห้องรับรองด้านข้างมีแขกมาอีกสามคน เนื่องจากผู้ดูแลอวี่ไม่ อยู่เพราะมัวไปสานสัมพันธ ์ตีสนิทกับคนอื่นอยู่ที่อื่น อานาจในการ ดูแลรับผิดชอบทั้งหมดจึงตกอยู่กับอวี๋อี๋โหยวและอวี๋หรงอวี่ที่รับรอง แขกอยู่ในห้องข้าง พวกนางจึงยกเหล้าเซียนที่หมักด้วยกรรมวิธีลับ มาให้พวกเขาสามกาตามกฎ
เซียงจวินเป็ นห้าขอบเขตบนย่อมไม่กลัวลูกไม้ตุกติกที่ภูต จิ้งจอกอวี๋ฉุนจือใส่ไว้ในสุราเพียงแต่รังเกียจว่าสุราสกปรกเกินทน ไม่ แม้แต่จะแตะต้องกาเหล้าด้วยซ้า เวินจื่อซี่ยกขึ้นดื่มหนึ่งอีกก็สัมผัสได้ ถึงความผิดปกติ แต่กลับยังคงดื่มเหล้าของตัวเองไปไม่หยุด ในเมื่อ เป็ นเซียนดินโอสถทองของลัทธิเต๋า ทั้งยังมีเรือนกายของขอบเขต ร่างทองของผู้ฝึกยุทธ เวินจื่อซี่จึงไม่ต้องกังวลกับลูกไม้ชั้นต่าพวกนี้ เหล้าที่ลงท้องไปพลันถูกลมปราณแท้จริงบริสุทธิ์ที่ซัดโหมเหมือน แม่น้าเชี่ยวกรากอยู่ในร่างกาย “เผาไหม้” ให้กลายเป็ นไอหมอกได้
ในเสี้ยววินาทีจากนั้นถูกชักดึงไปอยู่ในช่องโพรงลมปราณที่ห่างไกล แห่งหนึ่ง กักกลิ่นอายสกปรกสีชมพูขุมนั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา ลมปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ก็เหมือนแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งที่นาทัพมาเฝ้ า อยู่ที่นี่โดยเฉพาะ สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ
ถึงอย่างไรอยู่ว่างก็ไม่มีอะไรทาอยู่แล้ว เพียงไม่นานเวินจื่อซี่ก็เอา ความสนใจไปไว้ที่สาวใช ้จวนเฝิ่นหวานสองคนที่มีความงามแตกต่าง กันไป หลังจากชวนคุยไปพักหนึ่งถึงได้รู ้ว่าพวกนางได้ใช ้แซ่อวี๋ ชื่ออี๋ โหยวกับหรงอวี่ เพียงแต่ไม่รู ้ว่าเหตุใดเวินหลางที่แต่ไหนแต่ไรมา มักจะบุกตะลุยไปบนเส้นทางของความรักชายหญิงได้อย่างราบรื่น คืนนี้ถึงมาชนกาแพงเข้าอย่างจัง ราวกับว่าในสายตาของพวกนาง เขาคือคนที่ใครเห็นก็รังเกียจชิงชัง พอเปิดปากพูดก็ยิ่งชวนให้คน ขมวดคิ้ว? ต้องรู ้ว่าเวินจื่อซี่ไม่เคยปฏิบัติกับตัวเองแย่ๆ เวทอา พรางตาที่ร่ายในคืนนี้ทาให้เขากลายมาเป็ น “บุรุษหล่อเหลา” ที่หาก อยู่ในแคว้นล่างภูเขาบางแห่งก็สามารถเรียกได้ว่างดงามดุจต้นไม้ หยกรับลมแล้ว
แต่ในความเป็ นจริงแล้วการที่เป็ นเช่นนี้ไม่ใช่ว่าพวกนางจงใจ วางตัวเย่อหยิ่ง หรือไม่ชอบ “ความงาม” แต่เป็ นเพราะในสายตาของ พวกนาง รูปโฉมของแขกคนนี้ยากจะทนมองได้จริงๆ เห็นแล้วชวน ให้คนคลื่นไส้พะอืดพะอม
แน่นอนว่าเป็ นฝี มือของนักพรตลู่ที่เปลี่ยนรูปโฉมและน้าเสียง ของเวินจื่อซี่ในสายตาของพี่หญิงอี๋โหยวและน้องหรงอวี่ให้ “คนหนุ่ม
กลายเป็ นแก่” ที่เส้นผมบางหรือมแหร็ม ฟันเหลืองเต็มปาก น้าเสียง แหบพร่าเหมือนเสียงหินขูดกับกรวดทราย
สถานะของสิงจื่อสูงศักดิ์ แม้จะไม่ใช่เจ้าประมุขพรรคจินแชวคน ปัจจุบัน แต่ขอบเขตและล าดับอาวุโสของหญิงชราก็เท่าเทียมกับเจิน เหรินผู้พิทักษ์แคว้นที่ชื่อยศตาแหน่งยาวเหยียดถึงยี่สิบกว่าตัวอักษร
หากพูดถึง “บรรพบุรุษ” ของสายสืบทอดแต่ละคน ยอดเขาฉุย ชิงของเฉิงเฉียนก็ยิ่งมิอาจทัดเทียมกับยอดเขาชิงจิ้งภูเขาบรรพบุรุษ และอารามจินเซียนซึ่งเป็ นที่ตั้งของ “ศาลดั้งเดิม” ได้
หญิงชราคือคนที่เก็บตัวเงียบอยู่ในภูเขาตั้งใจฝึกตน เคยชินกับ ความเงียบสงบมานานแล้ว ไม่ชอบบรรยากาศจอแจเอะอะแบบนี้มาก ที่สุด
หากไม่เป็ นเพราะครั้งนี้ติดตามบรรพจารย์เซียงจวินขึ้นมาบน ภูเขา ตัวนางเองต้องไม่มีทางเหยียบเข้ามาในสถานที่แบบนี้แน่นอน เกรงว่าต่อให้ขึ้นมาบนภูเขา นางก็คงมาแค่เพื่อกาจัดความชั่วร ้าย ผดุงคุณธรรมเท่านั้น
างตาของเซียงจวินเหลือบไปมองประเมินเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ ขั้นหนึ่งหลอมลมปราณกับผู้ฝึ กยุทธหญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ กัน ประเด็นสาคัญคือยังมีภิกษุหนุ่มที่เป็ นห้าขอบเขตล่างอยู่อีกคน
อาจารย์ปู่คบหาสหายกว้างขวางจริงๆ ไม่สนใจว่าสถานะของอีก ฝ่ายจะสูงศักดิ์หรือต่าต้อย ตบะจะตื้นหรือลึก
ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันได้อธิบายเรื่องวงในและความเป็ นมาของ ภูเขาเหอฮวานให้เผยเฉียนฟังคร่าวๆ แล้ว แน่นอนว่าเขาจงใจเก็บง า ความจริงส่วนหนึ่งเอาไว้ เพราะคิดจะทดสอบลูกศิษย์ใหญ่เปิดภูเขาผู้ นี้เสียหน่อย จึงถามว่า “เจ้าคิดว่าปมปัญหาของเรื่องที่ว่าภูเขาเหอฮ วานควรจะอยู่หรือไป อยู่ตรงไหน”
เผยเฉียนไม่จ าเป็ นต้องหยุดคิดก็โพล่งออกมาทันทีว่า “อยู่ที่จ้าว ฝูหยางแห่งจวนอินอวินกับเฉิงเฉียนแห่งพรรคจินแชว คนอื่นๆ ที่ เหลืออย่างมากก็เป็ นแค่การเติมบุปผาลงบนผ้าแพร ไม่ได้ส่งผล กระทบมากสักเท่าไร”
เฉินผิงอันยิ้มถาม “หมายความว่าอย่างไร? เจ้าประมุขผู้เฒ่าของ สกุลจางเขตเทียนเฉาก็เป็ นโอสถทองเหมือนกัน ในตระกูลยังมีผู้ฝึก กระบี่อย่างจางไฉ่ฉินและจางอวี่เจี่ยว หรือว่าแม้กระทั่งพวกเขา จะมี หรือไม่มีก็ไม่ได้ส าคัญอะไร?”