กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1023.3 ภูเขาและสายน้าได้กลับมาพบกันใหม่
“พวกเขาระดมกาลังใหญ่โตเช่นนี้ เป็ นเหตุให้ซานจวินห้ามหา บรรพตของแต่ละแคว้นและสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งสายน้าที่ได้รับการแต่งตั้ง อย่างถูกต้องจากราชสานักทั้งหมดต่างก็พากันยกพลออกมา จัด ขบวนทัพใหญ่โตเอิกเกริกเช่นนี้ ไม่พูดถึงการบาดเจ็บล้มตายและ ความเสียหายในการโจมตีภูเขาเหอฮวานในท้ายที่สุด ลาพังแค่ เสบียงทัพในการยกทัพครั้งนี้ก็คือเงินเทพเซียนก้อนใหญ่แล้ว แน่นอนว่าต้องการเอากลับคืนไปจากภูเขาเหอฮวานของข้าและจาก ร่างของทุกท่าน หากพวกเจ้ารู ้สึกว่าข้าก าลังพูดข่มขวัญให้กลัว จง ใจรั้งพวกเจ้าไว้ที่ภูเขาเหอฮวาน ตอนนี้ก็สามารถลงจากภูเขาไปได้ เลย เพียงแต่ว่าข้าต้องเอาเรื่องไม่น่าฟังมาพูดกันก่อน คืนนี้ลงจาก ภูเขาง่าย พรุ่งนี้คิดอยากจะขึ้นเขามาอีก อยากจะได้รับการปกป้ อง จากจวนอินอวินและจวนเฝิ่นหวานของพวกเราก็ยากแล้ว”
ห้องโถงจัดเลี้ยงทุกห้องที่เดิมที่ยังเสียงดังจอแจ บรรยากาศ เปลี่ยนเป็ นเงียบสงัดก่อนแม้กระทั่งเข็มตกก็ยังได้ยิน มีเพียงเสียงเรอ ของคนสองคนที่ดังขึ้นอย่างไม่ถูกเวลาเท่านั้น
ฝันร ้ายนี้ราวกับฟ้ าผ่าตอนกลางวันแสกๆ ครู่หนึ่งต่อมาเสียง เซ็งแซ่ก็ระเบิดขึ้น เหล่าผู้กล้าของแต่ละสถานที่ร ้องฮือฮา วิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุดปาก ทว่าเสียงด่ามารดากลับมีมากกว่า
อย่างเฮยหลงเซียนจวินและชายฉกรรจ์ร่างกายาที่เป็ นผู้ฝึ กยุทธ ขอบเขตหกถึงกับตบโต๊ะด่าเฉิงเฉียนว่าใจด าอ ามหิต ไม่ใช่คน ทั้งยัง อาฆาตสตรีอย่างจางไข่ฉินว่าหากตกมาอยู่ในมือของตัวเองแล้วจะ เป็ นอย่างไร แล้วก็มีคนที่อึ้งงันพูดไม่ออกเป็ นนานอย่างเจ้าจวนป๋ า ยแห่งสันเขาเซียจื่อเหมือนกัน ส่วนพวกจางเซี่ยงเต้าสามคนจากจวน สู่เยว่ แต่ละคนก็ยิ่งอึ้งงันเป็ นไก่ไม้ ออกจากบ้านไม่ได้เปิดดูปฏิทิน หรืออย่างไร? ทาไมคลื่นลูกหนึ่งเพิ่งสงบก็มีคลื่นลูกใหม่ผุดขึ้นมาอีก แล้วเล่า วังมังกรจวนวารีถูกตะพาบเฒ่าพลิกท าลายจนยับเยินไป หมดแล้ว ทาไมถึงยังซวยซ้าซวยซ ้อนมาเจอหายนะนี้อีก?
“จ้าวฝู่ จวิน อวี๋ฝู่ จวิน หรือว่าพวกเราควรจะอยู่นิ่งเฉยรอความ ตายอยู่ที่ภูเขาอูเถิงแห่งนี้แต่โดยดี? นี่จะต่างอะไรจากการดื่มเหล้าหัว ขาด ยื่นคอรอให้ตัดกันเล่า? พวกเจ้าคือเจ้าบ้าน แล้วก็เป็ นผู้ดูแล ภูเขาเหอฮวาน ก็น่าจะช่วยคิดหาทางออกให้ทุกคนบ้างกระมัง?”
“คนตายหงายหน้าขึ้นฟ้ า อย่างมากก็แค่สู้ตายกับไอ้พวกเซียน ซือ ไอ้พวกขุนนางผายลมสุนัขพวกนั้นก็แล้วกัน!”
“น่าประหลาดนัก ตาเฒ่าฮ่องเต้สกุลหลิ่วและยังมีสองคนนั้นที่ เพิ่งนั่งบัลลังก ์มังกรได้แค่ไม่กี่วัน กันยังไม่ทันจะร ้อน แต่ละคนน้าเข้า สมองกันหมดแล้วหรือไร ใครช่วยบอกหน่อยสิว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ กันแน่”
หากจะบอกว่าต้องการทรัพย์สินเงินทอง นับแต่โบราณมาการท า สงคราม กองทัพยังไม่ทันเคลื่อน เสบียงอาหารก็ต้องเคลื่อนก่อนแล้ว รอกระทั่งเสียงลั่นกลองรบดัง ก็คือเงินทองนับหมื่นตาลึง
หรือหากจะบอกว่าต้องการแย่งชิงพื้นที่ อาณาเขตภูเขาเหอฮ วานในรัศมีพันลี้รอบด้านนี้ขึ้นชื่อว่าภูเขาแห้งแล้งสายน้าแห้งขอด เป็ นสถานที่ที่ผีอยู่อาศัย คนที่คิดจะมาบุกเบิกถ้าสถิต ก่อตั้งค่าย ทหารลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ หากไม่ใช่ปีศาจก็ต้องเป็ นผี เป็ นเหตุให้ ระหว่างฟ้ าดินอัดแน่นไปด้วยลมปราณขุ่นมัวชั่วร ้ายเข้มข้น มีแต่ กลิ่นคาวไอสกปรก สาหรับผู้ฝึกตนอิสระแล้วยังไม่ค่อยเท่าไร พวก เขาย่อมต้องมีวิธีการในการดึงเอาปราณวิญญาณที่อยู่ข้างใน ออกมา แต่ส าหรับมนุษย์ธรรมดาของโลกสว่างแล้ว พูดถึงแค่คนมี ชีวิตในเมืองเฟิงเล่อตีนเขา มีสักกี่คนที่อายุยืน? รวมไปถึงพวกเซียน ซือทาเนียบที่นอนเสวยสุขกันมาจนชินต่อให้แย่งพื้นที่แห่งนี้ไปได้จะ เอาไปทาอะไร แต่และคนผิวเนื้อบอบบางดุจกิ่งทองใบหยก จะทนรับ ความยากลาบากนี้ได้ไหวหรือ? มันก็คือซี่โครงไก่โครงหนึ่งเท่านั้น ราชส านักแคว้นต่างๆ และพรรคจินแชวช่วยกันกับพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แห่งภูเขาสายน้าขับไล่ไอขุ่นมัวสกปรกออกไป จัดงานพิธีท าบุญ อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ ก่อตั้งปะราพิธีขึ้นมา แล้วจะคิดบัญชีกัน อย่างไร เพราะนี่ก็คือการค้าที่ทุกแคว้นต่างก็ต้องขาดทุน
แขกหลายคนเริ่มมีการคาดเดาว่าเป็ นไปได้ไหมที่พวกเขาแค่ เดือดร ้อนติดร่างแหไปด้วยเพราะจ้าวฝูหยางผู้นี้ คงไม่ใช่ว่าฝู่ จวินผู้นี้
แอบไปทาเรื่องที่ชวนให้สวรรค์ลงทัณฑ์คนเดือดดาลอะไรมาหรอกนะ ถึงได้ทาให้ราชวงศ์อย่างพวกสกุลหลิ่วแค้นเคืองในเวลาเดียวกัน? อีกอย่างคลังสมบัติของจวนอินอวินก็เก็บหยกลัญจกรสืบทอดแคว้น ไว้สามชิ้น ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมมอบกลับคืนให้กับสกุลหลิ่วแคว้น ชิงซิ่ง หากร่วมมือกันจัดการกับจ้าวฝูหยางและอวี๋ฉุนจือก็จะสามารถ ยุติเรื่องราวให้ผู้คนสบายใจได้หรือไม่? เพียงแต่ว่าคนที่มีความคิดนี้ พอคิดดูอีกทีก็ตัดความคิดนี้ทิ้งไป ไม่พูดถึงว่าทาอย่างไรถึงจะ สามารถจัดการกับเซียนดินโอสถทองสองคนได้ พูดถึงแค่ว่าต่อให้ โชคดีทาได้สาเร็จ หลังจากนั้นจะคบค้ากับเฉิงเฉียนแห่งพรรคจินแชว และสกุลจางเขตเทียนเฉาอย่างไร นี่ก็คือปัญหายากที่ใหญ่เทียมฟ้ า แล้ว แค่ลองคิดดูก็รู ้สึกปวดหัวเหมือนหัวจะแตก เพราะพวกเขาไม่ ถนัดกับเรื่องในวงการขุนนางจริงๆ เพราะต่อให้จะไม่เคยประสบพบ เจอกับตัวเองมาก่อนก็ยังเคยได้ยินมาบ้าง ศาลบรรพจารย์บนภูเขา กับวงการขุนนางในราชส านักล่างภูเขาล้วนชอบพูดจาวกไปวนมา ชอบเอ่ยคาพูดที่ชวนให้คนมึนงงสนเท่ห์ ไม่ชอบพูดจาภาษาคน แล้ว นับประสาอะไรกับที่อีกฝ่ ายจะข้ามแม่น้าแล้วรื้อสะพานหรือไม่ก็ยัง บอกได้ยาก รวมไปถึงสันดานชั่วที่ต่อหน้าชอบพูดอีกอย่างลับหลัง พูดอีกอย่างของพวกเซียนซือท าเนียบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขา ต้องท าได้แน่นอน จัดการกับผู้ฝึกตนอิสระปลายแถวอย่างพวกเขา ผู้ ฝึกตนท าเนียบมีหรือจะใจอ่อนมีเมตตา ฆ่าไปมากหน่อยจะนับเป็ น อะไรได้?
“เฮยหลงเซียนจวิน” ที่มีชาติกาเนิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาล เถื่อนในท้องถิ่นขมวดคิ้วแน่น ลูบหนวดครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะ ใช ้เสียงในใจสอบถามจ้าวฝูหยาง “จ้าวฝู่ จวิน นี่จะเป็ นการที่กอง ก าลังของแต่ละฝ่ ายแสร ้งสร ้างสถานการณ์ข่มขวัญหรือไม่ เป้ าหมาย ที่แท้จริงคือต้องการให้พวกเราก้มหัวยอมอ่อนข้อให้ เป็ นฝ่ ายขอ ประนีประนอม ตัดแบ่งดินแดนเสียค่าปรับโดยที่พวกเขาไม่ต้อง สูญเสียก าลังพลแม้แต่คนเดียว? นอกจากนี้ก็ยกตัวอย่างเช่นสกุลจาง เขตเทียนเฉา ก่อนหน้านั้นต้องพ่ายแพ้ถอยร่น เสียเปรียบครั้งใหญ่ ด้วยน้ามือของจ้าวฝู่ จวิน เลยคิดจะอาศัยสถานการณ์ครั้งนี้มากอบกู้ ศักดิ์ศรีกลับคืน?”
อันที่จริงความนัยของประโยคนี้ก็คือต้องการเดิมพันว่าพวกเฉิง เฉียนกับจางฉงจะหยุดแต่พอสมควรหรือไม่
หากเป็ นเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะพูดคุยกันไม่ได้ ตัดแบ่งดินแดน? ภูเขา สายน้ารอบนอกของภูเขาเหอฮวานเชิญเอาไปได้เลย ให้จ่ายเงิน? คนที่มาเยือนภูเขาเหอฮวานในคืนนี้ก็มีภูเขาจวนเซียนหลายแห่งที่ ฐานะดี ทรัพย์สินในคลังเต็มล้น
จาได้ว่าในอาณาเขตของแคว้นหวงถิงซึ่งอยู่ใต้อาณัติของต้าหลี มีเทพลาคลองที่ทาเนียบหยกทองไม่ถือว่าสูงมากนักคนหนึ่งที่เคย เอ่ยประโยคล้าค่าซึ่งเป็ นวลีติดปากผู้คน ก็คือค าว่า “สหายตายผิน เต้าไม่ตาย’
จ้าวฝูหยางใช ้เสียงในใจตอบกลับ “บอกตามตรง พวกเฉิงเฉียน จางฉงกระเพาะใหญ่มาก ยืนกรานว่าจะห่อพวกเราเป็ นเกี้ยวกินให้อิ่ม ไม่สนใจว่าจะร ้อนลวกปากหรือไม่”
หากจะบอกว่าผู้ฝึกตนอิสระกระท าการไร ้ความย าเกรง ไม่สนใจ หลักสัจธรรมอันเป็ นที่ยอมรับโดยทั่วไปแม้แต่น้อย แล้วการวางแผน ท าสงครามระหว่างแต่ละแคว้นจะมีคุณธรรมอะไรให้กล่าวถึงด้วย หรือ?
เส้นเอ็นสีเขียวปูดนูนบนหลังมือและแขนของถังคุนราชาปีศาจ แห่งเส้นทางหยวนเหนาประหนึ่งไส้เดือนที่เลื้อยส่ายไม่หยุด เขาแหงน หน้ากระดกดื่มเหล้าหมักตระกูลเซียนกาหนึ่งหมดแล้วก็เขวี่ยงกาล งบนพื้นอย่างแรงจนกาเหล้าแตกกระจุยกระจาย ครั้นจึงแผดเสียง หัวเราะเหี้ยม “พวกเราแค่ยืดภูเขาเหอฮวานไว้ให้มั่น ฟังคาสั่งจากฝู่ จวินทั้งสองท่าน ฆ่าพวกเทพและเซียนที่บอกว่าตัวเองว่าสืบทอดระบบ ถูกต้องชอบธรรมอย่างภาคภูมิใจให้หมดสาแก่ใจ สาแก่ใจยิ่งนัก!”
แม้ปากจะพูดจาห้าวเหิม สีหน้าก็ดุดันเหี้ยมเกรียม แต่ในใจของ เขากลับคิดว่าในอดีตตนเคยมีความสัมพันธ ์ที่ไม่ธรรมดากับเทพ ภูเขาองค์ใหม่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากสานักแห่งหนึ่งเมื่อ หลายปีก่อน มักจะดื่มสุราด้วยกันเป็ นประจา หากพรุ่งนี้เช ้าเกิดศึก อลหม่านที่เมืองเฟิงเล่อจริง ตนค่อยแว้งหอกหันกลับมาที่ฝ่ ายนี้ ไม่ กล้าคาดหวังว่าจะก าจัดเซียนดินอย่างจ้าวฝูหยางได้ แต่หาโอกาส สังหารคนอย่างหลี่ถิง จะสามารถอาศัยสิ่งนี้มาเป็ นคุณความชอบใน
การสู้รบแลกเปลี่ยนมาเป็ นความร่ารวยสูงศักดิ์ได้หรือไม่? เมื่อมี สหายรักช่วยแนะนา เป็ นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยกับราชสานักบาง แห่ง จะขอเป็ นผู้พิทักษ์เทพภูเขาใต้การปกครองของซานจวินแคว้น เล็กๆ สักองค์ได้หรือไม่?
จ้าวฝูหยางยืนอยู่ใจกลางของระเบียงที่ล้อมเป็ นวงกลม ขยับ ฝีเท้าเล็กน้อย สองมือกุมเป็ นหมัดไล่คารวะแขกที่มาร่วมพิธีจากแต่ ละฝ่ าย แล้วถึงได้พูดเสียงดังกังวานว่า “ทุกท่านอย่าเพิ่งร ้อนใจไป ขอให้ข้าผู้แซ่จ้าวช่วยอธิบายให้ทุกท่านฟังเสียก่อน ทุกท่านต่างก็ สงสัยกันอย่างมากว่าท าไมถึงต้องเลือกล้อมปราบภูเขาเหอฮวานของ พวกเราในเวลานี้ เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก ฮ่องเต้สกุลหลิ่วแคว้นชิง ซิ่งและเฉิงเฉียนเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นต้องการให้รัชทายาทท่านนั้น สามารถสืบทอดบัลลังก ์ได้อย่างราบรื่น พิธีสวมกวานของเขาในครั้ง นี้จึงได้เชิญแขกผู้สูงศักดิ์ที่มีน้าหนักมากพอท่านหนึ่งมา ส่วนอีก ฝ่ ายจะเป็ นใคร จากรายงานลับฉบับหนึ่งที่ข้าเพิ่งได้มา ตอนนี้มีคา ก ล่ า ว อ ยู่ ส อ ง อ ย่ า ง อ ย่ า ง แ ร ก คื อ เ ฉิ ง เ ฉี ย น ไ ด้ไ ป เ ยื อ น แคว้นหนันเจี้ยนมารอบหนึ่ง โน้มน้าวให้บรรพจารย์บางท่านของ ส านักโองการเทพลงจากภูเขามาเข้าร่วมงานพิธี และยังมีค ากล่าวอีก อย่างหนึ่งนั่นคือสกุลเจียงอวิ๋นหลินมียอดฝีมือที่ยินดีมาเข้าร่วมงาน พิธี ข้าเดาเอาว่าไม่ว่าจะเป็ นใคร บางทีอาจจะมีการยื่นข้อเสนอเป็ น การส่วนตัว ขอให้สกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่งหรือพรรคจินแชวต้องถอน รากถอนโคนภูเขาเหอฮวานให้ได้”
ลู่เฉินหลุดข าอย่างอดไม่ได้ ใช ้เสียงในใจเอ่ยสัพยอกว่า “นอกจากจะใจไม่กล้ามากพอแล้ว คากล่าวนี้ของจ้าวฝู่ จวินก็ไม่มี ปัญหาอะไรอีก สมเหตุสมผล มีหลักมีฐาน”
เฉินผิงอันเองก็หัวเราะอย่างอดไม่อยู่ “อีกทั้งยังไม่ถือว่าจ้าวฝู่ จวินพ่นอาจมเต็มปากด้วย ต่อให้ดังไปเข้าหูของส านักโองการเทพ และสกุลเจียงอวิ๋นหลิน เกรงว่าก็คงไม่รู ้สึกว่าเป็ นการใส่ร ้ายป้ ายสี อะไร กลับกันยังเป็ นคาพูดที่ดีด้วย”
หญิงชราใช ้เสียงในใจสอบถาม “บรรพจารย์เซียงจวิน สิ่งที่จ้าวฝู หยางพูดใช่ความจริงหรือไม่?”
เซียงจวินหยุดคิดไปครู่หนึ่ง “เกรงว่าคงจะไม่ใช่ข่าวโคมลอย อะไร หากจะบอกว่าเฉิงเฉียนหรือจางฉงเชิญตัวบรรพจารย์บางท่าน ของสานักโองการเทพมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
บนสนามรบของเมืองหลวงสารองต้าหลีในปีนั้น เฉิงเฉียนและ จางฉงต่างก็สร ้างคุณูปการทางการสู้รบเอาไว้
เวินจื่อซี่ยกขานั่งไขว่ห้าง เอนหลังพิงเก้าอี้ สองมือสอดรองไว้ใต้ ท้ายทอย ไม่ได้ใช ้เสียงในใจพูดคุย เพียงแค่กดเสียงให้เบาลง ใบหน้า ของเขาเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน เอ่ยอย่างเกียจคร ้านว่า “บุคคล ยิ่งใหญ่บางคนในศาลบรรพจารย์ของสานักโองการเทพ? ลูกหลาน สายตรงของสกุลเจียงอวิ๋นหลิน? ทาไมถึงไม่ยกเอาเซียนกระบี่อย่างจู๋ หวงแห่งภูเขาตะวันเที่ยงหรือหวงเหอแห่งสวนลมฟ้ ามาเลยเล่า”
หญิงชรายิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ทุกวันนี้เจ้าภูเขาจู๋หวงยังแทบเอาตัว ไม่รอด คิดดูแล้วก็ไม่น่าจะยินดีลงจากภูเขามากระมัง เพราะค าว่า ร่วมงานพิธี สาหรับพวกผู้ฝึกกระบี่แห่งภูเขาตะวันเที่ยงแล้วก็เป็ นคาที่ ระคายหูอย่างยิ่ง พวกหัวมังกุฎท้ายมังกรของภูเขาเหอฮวานก็ไม่ใช่ คนโง่ ย่อมไม่มีทางเชื่อ ส่วนเซียนกระบี่หวงเหอ ได้ยินมาว่าเหมือนจะ เดินทางไปเยือนสนามรบของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างแล้ว สมกับเป็ นวีรบุรุษ ที่ทาให้คนนับถือจริงๆ”
เป็ นเซียนกระบี่เหมือนกัน ต่อให้จู่หวงจะมีขอบเขตสูงกว่าหวงเห อแห่งสวนลมฟ้ าอยู่ขั้นหนึ่ง แต่ฟังจากน้าเสียงของหญิงชราก็ฟังออก ได้เลยว่า นางดูแคลนภูเขาตะวันเที่ยงอย่างยิ่ง แต่กลับเลื่อมใสหวงเห อจากใจจริง
เวินจื่อซี่เบ้ปาก “ในเมื่อจะเอามาขู่คนก็ไม่สู้ยกบรรพจารย์ของ ศาลลมหิมะมายังดีกว่าหากไม่ได้จริงๆ ก็ให้ตรงไปตรงมาหน่อย แจกันสมบัติทวีปของพวกเรายังมีใต้เท้าอิ่นกวานอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ? เมื่อเป็ นเช่นนี้จะไม่ยิ่งสนุกกว่าเดิมหรือไร?”
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู ้สึกว่าน่าสนใจ ผีกับภูตมีจานวนครึ่งต่อครึ่งเท่ากัน ล าพังแค่ได้ยินสองค าว่า “อิ่นกวาน” นี้ก็จะมีคนถึงครึ่งหนึ่งที่ตกใจ ขวัญกระเจิงเลยหรือไม่?
เวินจื่อซี่หันหน้ามา เพราะสัมผัสได้ว่าสตรีใบหน้าตกกระมวยผม ทรงกลมที่นั่งอยู่โต๊ะ ข้างๆ มองมาทางตน ทั้งท่าทางและสีหน้า คล้าย ยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
แม่นางน้อยหน้าตาธรรมดา แต่กลับหูดียิ่งนัก เวินจื่อซี่ผงกศีรษะ ส่งยิ้มให้นาง จากนั้นก็พูดพึมพ ากับตัวเองว่า “หากข้าเป็ นจ้าวฝูหยาง จะต้องยกเอาอิ่นกวานมาแน่นอน เมื่อเป็ นเช่นนี้ ภูเขาเหอฮวานแห่งนี้ ต่อให้ก่อนหน้านี้ใจคนจะไม่เป็ นหนึ่งเดียว แต่ละคนต่างมีเจตนาร ้าย แค่ไหนก็ยังต้องขมวดรวมเป็ นเชือกกองเดียวกันอยู่ดี ต่อให้ต้องเข่น ฆ่าเปิดเส้นทางเลือดสายหนึ่งอย่างบ้าคลั่งก็ต้องฝ่ าออกไปให้ได้? หา ไม่แล้วหากตกอยู่ในเงื้อมมือของอิ่นกวานหนุ่มแซ่เฉินจากภูเขาลั่ว พั่วคนนั้น ใช ้กันคิดก็ยังรู ้ได้เลยว่า นับตั้งแต่เซียนดินโอสถทองอย่าง จ้าวฝูหยางไปจนถึงลูกกระจ๊อกที่ลาดตระเวนภูเขาทั้งหลาย มีคนหนึ่ง ก็นับคนหนึ่ง ใครเล่าจะมีจุดจบที่ดีได้?”
อันที่จริงบรรพจารย์เซียงจวินคอยจับสังเกตสีหน้าของ ‘เจ้า จวนป๋ าย” ท่านนั้นอยู่ตลอดเวลา หางตาของนางเหลือบไปเห็นว่า ภิกษุหนุ่มคนนั้นยิ้มปากกว้างสดใส หันมายกนิ้วโป้ งให้กับเวินจื่อซี่
เวินจื่อซี่ยิ้มหน้าทะเล้น กุมหมัดคารวะกลับคืนไปให้หลวงจีน หัวโล้น “ชมเกินไปแล้วชมเกินไปแล้ว”
ผีผาฮูหยินที่ถ้าสถิตมีชื่อว่าถ้าเทียนไล่ นางได้รับคาบอกกล่าว ในใจจากสหายรักอย่างอวี๋ฉุนจือจึงเปิดปากถามคาถามที่อันที่จริง สาคัญมาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้แทบไม่มีใครนึกถึง “ขอถามจ้าวฝู่ จวิน สหายอวี๋ พวกเขายกทัพมาครั้งนี้มีวิญญูชนหรือนักปราชญ์แห่ง ส านักศึกษากวานหูคอยสังเกตการณ์การต่อสู้และบันทึกเหตุการณ์ อยู่ข้างๆ หรือไม่?”
คาถามนี้ถูกผีผาฮูหยินโยนออกมาต่อหน้าทุกคน ห้องโถง รับแขกแต่ละห้องพลันเงียบกริบไร ้สรรพสาเนียงไปอีกครั้ง ถึงกับไม่มี ใครกล้าหายใจเสียงดัง
จ้าวฝูหยางยิ้มเอ่ย “ความโชคดีอย่างใหญ่หลวงในความโชคร ้าย ก็คือ ข้าแน่ใจได้ว่าการล้อมปราบครั้งนี้ไม่ใช่การตัดสินใจของสานัก ศึกษา”
ผีผาฮูหยินใช ้เสียงในใจสอบถามอวี๋ฉุนจือ “ไม่มีส านักศึกษาเข้า มาข้องเกี่ยวด้วยจริงๆ หรือ?”
อวี๋ฉุนจือยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “วางใจเถอะ ไม่มี เจ้าลองคิดดูสิ หากมี วิญญูชนหรือนักปราชญ์แห่งสานักศึกษาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ข้ากับ สามี นอกจากจะอยู่เฉยๆ รอให้จับแล้วยังจะท าอย่างไรได้อีก”
ผีผาฮูหยินได้ยินก็โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก็จริงนะ ในอาณาเขตของภูเขาเหอฮวานแห่งนี้ ความขัดแย้งภายในนั้นต้องมี แน่อยู่แล้ว เอ่ยประโยคที่ไม่น่าฟังสักหน่อยก็หนีไม่พ้นผีกินผี หมากัด หมา หาไม่แล้วพวกราชสานักทั้งหลายที่อยู่รอบด้านมีหรือจะกล้า แอบรวบรวมพวกภูตผีหรือไม่ก็สิ่งศักดิ์สิทธิ์ศาลเถื่อนที่มีชาติกาเนิด จากวิญญาณวีรบุรุษในท้องถิ่นมาเป็ นพรรคพวกอย่างลับๆ ภายใต้ เปลือกตาของส านักศึกษากวานหู? ก็ไม่เพราะรู ้สึกว่าต่อให้ส านัก ศึกษารู ้เรื่องเล็กน้อยเรื่องนี้ก็ยังไม่มีทางซักไซ ้กล่าวโทษอย่างรุนแรง หรอกหรือ?
และหากเป็ นความต้องการของสานักศึกษาลัทธิขงจื๊อจริงๆ ก็ไม่ ต้องคิดอะไรให้มากแล้ว แค่รอความตายไปอย่างเดียวก็พอ
กฎของสานักศึกษาในทุกวันนี้ไม่ได้หละหลวมอย่างเมื่อก่อน ก็ เหมือนราชส านักสกุลซ่งต้าหลีที่ปีนั้นหนึ่งแคว้นก็คือหนึ่งทวีป เคยใช ้ วิธีการดุดันนองเลือดสั่งห้ามศาลเถื่อนของแต่ละสถานที่ในทวีปอย่าง เด็ดขาด หลายๆ ครั้งไม่จาเป็ นต้องให้ผู้ฝึกตนผู้ถวายงานของต้าหลี ออกหน้าด้วยตัวเอง ขุนนางบุ๋นของแคว้นใต้อาณัติแค่ถือคาสั่งที่กรม พิธีการจากแคว้นเหนือหัวออกให้มาฉบับเดียวก็สามารถทาให้สิ่ง ศักดิ์สิทธิ์จากศาลเถื่อนย้ายออกไปด้วยตัวเอง ถูกบีบให้ต้องไปอยู่ที่ อื่นได้แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยขาดกรณีตัวอย่างมาก่อน ขอแค่ เป็ นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าที่กล้าละเมิดกฎ ไม่ว่าตัวตนตอนที่มี ชีวิตอยู่จะเป็ นใครก็ล้วนจะต้องถูกทุบทาลายร่างทอง ยังไม่ใช่แค่นี้ เทพภูเขาบ้างก็จมน้า เทพวารีบ้างก็ถูกทับด้วยภูเขา หลงเหลือความ เป็ นเทพแค่ส่วนเดียว ตกอยู่ในสภาพการณ์น่าเวทนาที่ไม่อาจพลิก ตัวกลับมาได้อีก