กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1023.4 ภูเขาและสายน้าได้กลับมาพบกันใหม่
พูดถึงแค่ทุกวันนี้ แคว้นต่างๆ มากมายทางทิศใต้ของแจกัน สมบัติทวีป สิ่งศักดิ์สิทธิ์เก่ากี่มากน้อยที่จมอยู่ใต้น้า ถูกฝังอยู่ใน ภูเขาหลงเหลือความเป็ นเทพแค่เสี้ยวเดียว แต่กระนั้นก็ยังมิอาจพลิก ตัวกลับคืน มิอาจได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง
ไป “ร ้องทุกข์” กับกรมพิธีการ ศาลหงหลูของสกุลซ่งต้าหลี ที่ว่า การสองแห่งนี้ยังคร ้านที่จะสนใจด้วยซ้า ไม่เคยได้หวนคืนกลับมา
ต่อให้ฮ่องเต้ผู้ครองแคว้นบางแห่งเขียนจดหมาย “ฟ้ อง’ ส านัก ศึกษากวานหูด้วยตัวเอง รองเจ้าขุนเขาของสานักศึกษาที่ทุกวันนี้ รับผิดชอบดูแลกิจธุระของบนภูเขาและล่างภูเขาโดยเฉพาะ อย่าง มากก็จะตอบกลับมาว่า “ไว้ค่อยว่ากันอีกที” หรือไม่ก็ “เรื่องนี้รอไป ก่อน
เมื่อหลายปี ก่อนทาไมหลายแคว้นทางทิศใต้ยอมที่จะถูกราช สานักต้าหลีอาฆาตแค้น แต่ก็ต้องการโค่นล้มศิลาที่อยู่บนยอดเขาใน อาณาเขตแคว้นของตัวเองลงให้ได้
เพราะมีทั้งฮ่องเต้ที่ใช ้อารมณ์ต้องการกอบกู้แคว้นอย่างเดียว แล้วก็มีทั้งฮ่องเต้ที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้นที่อยากจะฟื้นคืน ร่างทองของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลเถื่อนบางแห่งช่วยรวบรวมและสร ้าง ความมั่นคงให้กับโชคชะตาขุนเขาสายน้าของแคว้น
ในห้องบุปผา หูจวินจางเซี่ยเต้าพลันเปิดปากถาม “ในบรรดา พวกเรา มีใครเป็ นหนอนบ่อนไส้หรือไม่?”
เมื่อคาพูดนี้หลุดออกมา แขกหลายคนที่เดิมทีคิดว่าต่อให้ต้อง ท าหน้าหนาก็ต้องลงจากภูเขาไปให้ได้พลันอึ้งค้างไปทันที ในใจ เคียดแค้นอย่างหนัก แค้นเจ้าสุ่ยจวินแห่งทะเลสาบร ้อยบุปผาที่ ปากมากผู้นี้
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยสัพยอก “สาหรับผี จิตหยิน ภูตแห่งภูเขาสายน้าและ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งศาลเถื่อนพวกนี้ ทางตันที่พวกเขาเจอในคราวนี้ ค่อนข้างคล้ายกับภูเขาทัวเยว่ครั้งก่อนหรือไม่?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ลู่เฉินไม่พูดเขาคงไม่รู้สึกอะไร แต่พอพูด แล้วก็รู้สึกว่าเหมือนมากจริงๆ อยู่ดีๆ ก็เจอหายนะที่มาเยือนอย่างไม่ คาดฝัน ไร ้ลางบอกเหตุ มิมีที่ให้หลบเลี่ยง
ลู่เฉินหันหน้าไปถาม “พี่ใหญ่ป๋ าย เจ้ารู ้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะได้ สู้กันจริงๆ ไหม?”
ป๋ ายเหมาพยักหน้ารับด้วยสีหน้าซับซ้อน
ลู่เฉินถามอย่างสงสัย “เพราะอะไร มีหลักฐานหรือไม่? ไม่ใช่ว่า แค่ฟ้ าร้องดังฝนตกเบาแค่ตกใจกันไปเองหรอกหรือ?”
ป๋ ายเหมาเอ่ยอย่างขมขื่น “เจ้าไม่รู ้อะไร แจกันสมบัติทวีปในทุก วันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถบทางทิศใต้ของลาน้าใหญ่ที่อยู่ภาคกลาง คลังอาวุธของแต่ละแคว้นมีการเก็บสะสมยุทโธปกรณ์จ านวนไม่
เท่ากันเอาไว้ ความเป็ นมาไม่ธรรมดา คืออาวุธและเสื้อเกราะที่ปีนั้น สกุลซ่งต้าหลีได้ระดมผู้ฝึกตน อาจารย์หล่อหลอมบนภูเขานับพันนับ หมื่นคน รวมไปถึงผู้ฝึ กลมปราณสายยันต์ที่ต่ากว่าเซียนดินแทบ ทั้งหมดให้มาร่วมแรงกันสร ้างขึ้นทั้งวันทั้งคืนเพื่อที่จะเอาชนะเผ่า ปีศาจแห่งเปลี่ยวร ้างให้ได้ ทุกชิ้นล้วนใช ้วิธีการหล่อหลอมหรือไม่ก็ วิธีการสร ้างยันต์ของบนภูเขา ถูกเอาไปใช ้บนสนามรบทางทิศใต้และ ลาน้าใหญ่ที่อยู่ภาคกลางทั้งหมด แต่ก็ยังมีอีกบางส่วนที่ราชสานัก แคว้นใต้อาณัติเก็บเอาไว้ วัตถุบนภูเขาประเภทนี้ย่อมล้าค่าอย่างยิ่ง”
“แต่ก็มีปัญหาอยู่ข้อหนึ่ง พวกมันมีระยะเวลาจากัด เพราะถึง อย่างไรสายของยันต์หากเรียกออกมาใช ้ก็เท่ากับเป็ นการเปิ ดประตู คิดจะปิดประตูอีกครั้งก็ยากแล้ว หอก ทวน กระบี่ ง้าวมากมายขนาด นั้นกองกันเป็ นภูเขาอยู่ในคลังอาวุธของกรมกลาโหม สักวันหนึ่ง จะต้องกลายไปเป็ นวัตถุธรรมดาทั่วไป หลังจากที่สงครามครั้งนั้น สิ้นสุดลง แคว้นใต้อาณัติแต่ละแห่งก็คิดหาสารพัดวิธีเพื่อเก็บพวกมัน เอาไว้เอง หลังจบศึกการตรวจสอบของขุนนางราชส านักต้าหลีย่อม ต้องตกหล่นไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคว้นใต้อาณัติ ทางทิศใต้เริ่มทยอยกันกอบกู้แคว้นจึงไม่สะดวกจะซักไซ ้ตรวจสอบ เรื่องนี้อีกแล้ว ราชสานักบางแห่งทางทิศใต้จึงอาศัยช่องทางบนภูเขา ของตัวเองนาไปขายต่อให้กับราชสานักที่กอบกู้แคว้นซึ่งอยู่ทิศใต้ยิ่ง กว่าในราคาสูง เป็ นพ่อค้าคนกลางที่ฉวยกาไรส่วนต่าง ได้เงินไปเป็ น กอบเป็ นก า ว่ากันว่าราชสานักของแต่ละแคว้นที่อยู่ทางทิศใต้บ้างก็
เอาไปใช ้บนสนามรบโดยตรง แต่ที่มากกว่านั้นคืออาศัยเรือข้ามทวีป หลายล าขายต่อให้กับใบถงทวีปด้วยราคาสูงเทียมฟ้ า ราคาไม่ได้แค่ เพิ่มขึ้นเป็ นเท่าตัวเท่านั้น กาไรที่ได้รับจะมหาศาลแค่ไหน แค่คิดก็ พอจะรู ้ได้แล้ว”
“เพียงแต่ไม่นานส านักศึกษาทางทิศใต้สุดของแจกันสมบัติทวีป ก็เริ่มเข้ามาแทรกกลางเริ่มตรวจสอบเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสานัก ศึกษาแห่งหนึ่งที่อยู่ทางเหนือของใบถงทวีปมีรองเจ้าขุนเขาคนหนึ่งที่ ดูเหมือนว่าจะแซ่เวิน เขาด ารงต าแหน่งได้ไม่นานเท่าไรเส้นทางท า เงินระหว่างสองทวีปเส้นนี้ก็ถูกสะบั้นขาดอย่างสิ้นเชิง ควันใต้อาณัติ ในอดีตที่อยู่ใกล้กับลาน้าใหญ่ที่สุดอย่างแคว้นซูสุ่ย แคว้นไฉ่อี ฯลฯ เนื่องจากอยู่ใกล้เมืองลั่วจิงเมืองหลวงส ารองต้าหลีมาก คิดจะหาเงิน ทองด้วยวิธีนี้จึงไม่กล้าทาอย่างโจ่งแจ้ง คิดดูแล้วสถานการณ์ของ แคว้นชิงซิ่งก็ไม่น่าจะดีไปกว่ากันยังไง ฮ่องเต้สกุลหลิ่วยังเป็ นคนหน้า บาง ดูท่าเสื้อเกราะยันต์และอาวุธที่เก็บไว้ในคลังก็น่าจะมีเยอะมาก”
“เมื่อเป็ นเช่นนี้หลายแคว้นรอบภูเขาเหอฮวานจะขายก็ไม่กล้า ขาย หรือจะให้เก็บไว้กินฝุ่ นอยู่ในคลังของกรมกลาโหม? ในเมื่อ กาลังกลุ้มว่าไม่มีพื้นที่ให้ใช ้ ก็สามารถเอาพวกเรามาใช ้ฝึ กปรือ กองทัพได้พอดี”
ลู่เฉินท าสีหน้ากระจ่างแจ้งในฉับพลัน
เหมือนอย่างปีนั้นตอนที่เฉินผิงอันได้ยันต์ร่างจริงเทพท่องทิวา ราตรีมาจากมือของหลี่เป่ าเงินแล้วเอาไปใช ้ที่ทะเลสาบซูเจี่ยนหนึ่ง
ครั้ง ปราณวิญญาณในแก่นยันต์ก็เริ่มไหลเอ่อออกไป ด้วย ความสามารถของเฉินผิงอันในเวลานั้นมิอาจขัดขวางสถานการณ์ เช่นนี้ได้เลยภายหลังยังเป็ นเพราะไปเยือนส านักศึกษาซานหยาต้าสุย ขอให้เหมาเสี่ยวตงช่วยเหลือถึงสามารถ “ปิดประตู” ได้ หาไม่แล้ว ปราณวิญญาณในยันต์ใหญ่ที่ระดับขั้นสูงมากแผ่นนั้นก็จะค่อยๆ สลายหายไป สุดท้ายกลายเป็ นยันต์ที่ไร ้ประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิง
หญิงชราได้ยินแล้วก็รู้สึกว่าต้องมองปัญญาชนสวมชุดคลุมนก กระสาที่แค่มองก็รู ้ว่าเป็ นผีผู้นี้เสียใหม่ ผีตนนี้ขอบเขตต่าต้อย แต่ กลับมีความรู้กว้างขวาง
จ้าวฝูหยางเอ่ยต่ออีกว่า “เพื่อรักษาหน้าตา แคว้นชิงซิ่งจะต้อง ทาตามคาสัญญาที่ให้ไว้กับบุคคลสูงส่งของส านักโองการเทพหรือไม่ ก็สกุลเจียงอวิ๋นหลินให้ได้ นอกจากนี้ฮ่องเต้สกุลหลิ่วที่ไม่คิดจะ เลิกราง่ายๆ ก็ถึงกับรับปากฮ่องเต้ของอีกสองแคว้นว่า อนุญาตให้ พวกเขาสองฝ่ ายแบ่งอาณาเขตของภูเขาเหอฮวานกัน สกุลหลิ่ว แคว้นชิงซิ่งจะยกพื้นที่ให้ทั้งหมดเพียงแต่ทั้งสามฝ่ ายยังมีสัญญา ภูเขาลับๆ กันอีกเรื่องหนึ่ง บอกว่าผลประโยชน์ทั้งหมดที่ได้มาจาก ก า ร ก ว า ด ค้น ถ้า ส ถิต แ ล ะ พื้น ที่ป ร ะ ก อ บ พิธีก ร ร ม ทุ ก แ ห่ ง นอกเหนือจากภูเขาเหอฮวานต้องตกเป็ นของสกุลหลิ่วพวกเขา รอ ให้โจมตีภูเขาเหอฮวานแล้วจึงจะปล่อยให้อีกสองแคว้นแบ่งสมบัติกัน สกุลหลิ่วจะไม่สนใจและจะไม่แตะต้องคลังสมบัติทั้งหมดของภูเขาจุ้ย ยวนและภูเขาอูเถิงเด็ดขาด นี่จึงเป็ นเหตุให้ทั่วทั้งอาณาเขตของภูเขา
เหอฮวาน แม้กระทั่งตัวข้าจ้าวฝูหยางเองก็ล้วนเป็ นเนื้อบนเขียงที่รอ ให้คนเขาโขกสับเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น”
ลู่เฉินจุ๊ปากเอ่ยอย่างประหลาดใจ “วิธีคิดบัญชีเช่นนี้ของจ้าวฝู หยาง ดูเหมือนว่าจะสามารถชักน าและรวบรวมใจคนได้ดีกว่าเฉิง เฉียนนะ”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ไยเจ้าลัทธิลู่ต้องทาให้ศิษย์ลูกศิษย์หลานของ ตัวเองลาบากใจเช่นนี้ด้วยเล่า”
เห็นได้ชัดว่าลู่เฉินต้องการสร ้างปัญหาใหญ่เทียมฟ้ าให้กับจ้าวฝู หยางติดๆ กันถึงสองข้อ
อันดับแรกก็ใช ้กิ่งไม้มาสยบภูเขาเหอฮวานทั้งแห่งเอาไว้ บีบให้ จ้าวฝูหยางมิอาจล้อมภูเขาฝ่ าทะลุขอบเขตเลื่อนเป็ นก่อกาเนิดได้ นี่ เป็ นเหตุให้จ้าวฝูหยางที่เดิมทีสามารถได้กาไรเป็ นกอบเป็ นก า จากนั้นค่อยทาให้เฉิงเฉียนพ่ายแพ้หมดรูปต้องเหนื่อยเปล่า
นี่ก็คือทางตันคือสถานการณ์ตายแล้ว
แล้วยังไม่ยอมหยุด ลู่เฉินยังเรียกเซียงจวินแห่งต าหนักหลิงเฟย ให้มานั่งบัญชาการณ์อยู่ที่นี่ เป็ นเหตุให้จ้าวฝูหยางได้แต่นิ่งเฉยรอ ความตาย ไม่สะดวกจะใช ้วิธีการต่าช ้าที่ดุเดือดรุนแรงเกินไปนัก
ลู่เฉินมีสีหน้ากระอักกระอ่วน “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก จะคิดแบบนั้น ไม่ได้”
เวินจื่อซี่ย่อมไม่ได้ยินคาพูดของลู่เฉิน ปรมาจารย์เวินท่านนี้ เพียงแค่เอาขาวางพาดโต๊ะ ยิ้มเอ่ยด้วยท่วงท่าเกียจคร ้านว่า “ช่าง ลาบากจ้าวโอสถทองให้สิ้นเปลืองความคิดจิตใจจริงๆ”
บรรพจารย์เซียงจวินพลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย พอนางหันไป มองป๋ ายเหมาอีกครั้งสายตาก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
จ้าวฝูหยางพูดด้วยสีหน้าเฉยเมยว่า “สวรรค์ไม่ไร ้ทางให้คนเดิน วิธีคลี่คลายสถานการณ์ที่เป็ นดั่งทางตันนี้ใช่ว่าจะไม่มี แค่ต้องดูว่า ทุกท่านสนใจจะฟังกันหรือไม่”
เผยเฉียนฟังมาถึงตรงนี้ นางที่เป็ นคนนอกก็รู ้สึกใคร่รู ้อยู่หลาย ส่วนจริงๆ
เฉินผิงอันกล่าว “เดาไม่ยาก แอบส่งจดหมายไปให้อีกสองแคว้น อย่างลับๆ เพื่อชะลอฝีเท้าในการเดินทาง ให้กองก าลังของราชส านัก แคว้นชิงซิ่งมาถึงอาณาเขตของภูเขาเหอฮวานก่อนใครเพียงล าพัง จ้าวฝูหยางบัญชาการณ์ภูเขาเหอฮวาน สั่งให้ทุกคนบนภูเขาต่อสู้ นองเลือดกับเฉิงเฉียนและสกุลจางเขตเทียนเฉา แน่นอนว่าเงื่อนไขก็ คือเฉิงเฉียนกับฮ่องเต้สกุลหลิ่วต้องเจรจากันไม่สาเร็จเสียก่อน ขณะเดียวกันจ้าวฝูหยางก็ค่อยแอบตกลงกับสองแคว้นว่าจะมอบ อาณาเขตและทรัพย์สินทั้งหมดไปให้ สุดท้ายเหลือแค่ภูเขาเหอฮวาน อย่างโดดเดี่ยวเพียงลาพัง ยินดีที่จะงัดข้อกับสกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่ง พรรคจินแชว ยอดเขาฉุยชิงและสกุลจางเขตเทียนเฉาต่ออีกครั้ง หลังจากสงครามครั้งนี้ผ่านไป แขกทุกคนในจวนของภูเขาเหอฮวาน
คืนนี้สามารถมอบให้สองกรมอย่างพิธีการและอาญาของทั้งสอง แคว้นจัดการได้ทั้งหมด หลังจากที่จ้าวฝูหยางมีโอกาสได้หายใจต่อ เขาย่อมต้องหาโอกาสเสียสละบางอย่างเพื่อเอาชีวิตรอด ฝืนหยุดการ ล้อมภูเขาเอาไว้ก่อนแล้วพาพวกอวี๋ฉุนจือแบกภูเขาหนีไป แค่ต้องหา ถ้าสถิตชายแดนที่จัดวางค่ายกลไว้แห่งนั้นให้เจอ แล้วไปอาพรางตัว อยู่ในเมืองหลวงแคว้นชิงซิ่ง จ้าวฝูหยางจะไม่รีบร ้อนแก้แค้น ความ เป็ นไปได้ที่มากที่สุดก็คือจะหลบหนีไปตลอดทางจนกว่าจะถึงใบถง ทวีป รอคอยให้วันใดเลื่อนเป็ นขอบเขตก่อกาเนิดแล้วค่อยหวน กลับมายังสถานที่เดิมอีกครั้ง มาหาเรื่องเฉิงเฉียนแห่งยอดเขาฉุยชิง และสกุลจางเขตเทียนเฉา”
ยอดเขาโพโม่
เทียนจวินเฉาหรงใช ้ยันต์สามภูเขาเป็ นครั้งแรก หลังจากมาถึง ที่นี่แล้ว นอกจากอาจารย์ก็ยังมีบุคคลอีกคนหนึ่งที่เขาคาดไม่ถึง
เฉาหรงเป็ นฝ่ายคารวะก่อน “เฉาหรงคารวะท่านอาจารย์”
ลู่เฉินพยักหน้ารับ
เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มเอ่ย “คารวะเฉาเทียนจวิน”
บนสนามรบของนครมังกรเฒ่า นักพรตที่เร ้นกายจากโลก ภายนอกของราชวงศ์ป๋ ายซวงผู้นี้เปล่งประกายเจิดจรัส คุณูปการ ด้านการสู้รบเกริกก้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาอภินิหาก้นกรุของเฉาหรงที่ยิ่งสามารถ พิทักษ์ปกป้ องจวนอ๋องทั้งจวนของนครมังกรเฒ่าเอาไว้ได้
เฉาหรงเคยเรียกสมุดภาพภูเขาสายน้าบุปผาสกุณาเล่มหนึ่ง ออกมา ภาพภูเขาสายน้าสี่ภาพในนั้นแบ่งแยกกันประทับตราประทับ ส่วนตัวของเจ้าลัทธิทั้งสามท่านแห่งป๋ ายอวี้จิงเป็ นค าว่า “เต๋าคัมภีร ์คุรุ (แก้วสามประการของลัทธิเต๋า) ของเจ้าลัทธิใหญ่โค่วหมิง “บุ๋นมี อันดับหนึ่ง บู๊ไร ้อันดับสอง” ของอวี๋โต้วผู้ไร ้เทียมทานที่แท้จริง “นับ แต่โบราณจวบจนทุกวันนี้” ของลู่เฉินผู้เป็ นอาจารย์ ส าคัญไปกว่า นั้นคือยังมีตราประทับอีกชิ้นหนึ่งของซุนไหวจงซึ่งผู้คนรับรู ้ทั่วกันว่า ไม่ถูกกับป๋ ายอวี้จิงที่สุด เป็ นคาว่า “ดอกท้อเบ่งบานอีกครั้ง
นอกจากนี้สมุดภาพบุปผาสกุณาอีกสี่เล่มเป็ นภาพที่เฉาหรง อาศัยความสัมพันธ์ควันธูปบนภูเขาของตัวเองไปขอมา
มีคาว่า “เสียงนกร ้องครั้งเดียวทาให้คนตะลึง ของฝูลู่อวี๋เสวียน ตราประทับอาคม “ลูกหงส์” ของจ้าวเทียนไล่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์
นอกจากนี้ยังมีของฮว่อหลงเจินเหริน ซิ่วหูชุยฉาน คนหนึ่ง แกะสลักค าว่า “ร ้องเจื้อยแจ้วไม่หยุด” อีกคนหนึ่งประทับคาว่า “ตา ขาว”
ปีนั้นเฉาหรงได้ฉีกสี่หน้าแรกลงมา ประหนึ่งดั่งสวมชุดคลุมอาคม สี่ชิ้น จัดวางค่ายกลตราผนึกแห่งฟ้ าดินสี่ชั้นให้กับนครมังกรเฒ่าซึ่ง เป็ นที่ตั้งของจวนอ๋องต้าหลีทั้งแห่ง
เฉาหรงคารวะตามขนบลัทธิเต๋า ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เป็ นเกียรติที่ ได้พบเจ้าขุนเขาเฉิน”
ในฐานะผู้บรรลุมรรคาที่แท้จริงคนหนึ่ง ย่อมต้องมีมาดในการ ก้าวเดินอยู่ระหว่างฟ้ าดินเพียงล าพัง
ปีนั้นสงครามที่แจกันสมบัติทวีปสิ้นสุดลง เรื่องราวยุติดุจก้อน เมฆที่ลอยผ่านไป ภายหลังท่องเที่ยวไปตามขุนเขาสายน้าของหลาย ทวีป เฉาหรงเพิ่งจะกลับมาจากหลิวเสียทวีป ที่นั่นมีพื้นที่ลับจวน โบราณแห่งหนึ่งที่ปรากฏตัวบนโลกในช่วงเวลาพอๆ กับศาลชิวเฟิง ของแจกันสมบัติทวีปและเรือราตรีบนมหาสมุทร ในนั้นมีเส้นชีพจร มังกรเส้นหนึ่งที่เกิดจากกลุ่มเทือกเขาทอดตัวเรียงยาวติดต่อกัน ประหนึ่งแม่น้าสายหนึ่งที่ห้อยอยู่กลางอากาศ เจ้าถ้าสู่แห่งถ้าสวรรค์ เทียนอวี๋จับมือกับคนรักเข้าไปหาสมบัติด้านใน เพราะถึงอย่างไรก็ เป็ นดินแดนลี้ลับมหัศจรรย์ที่ถูกขนานนามว่า “บ้านเกิดแห่งความ อมตะ” ต่อให้เป็ นเซียนเหรินก็ยังตาร ้อนอยากครอบครองอย่างห้าม ไม่ได้ จากนั้นเฉาหรงก็ไปเจอกับพวกเขา สองฝ่ ายเกิดข้อพิพาทกัน เล็กน้อย สุดท้ายต่างคนต่างถอยออกมาจากพื้นที่ลับ
ใบหน้าลู่เฉินเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ดูจากท่าทางแล้วลูกศิษย์ ของตนยังมีหน้ามีตากว่าตนเสียอีก
ลู่เฉินกล่าว “เฉาหรง เจ้าออกคาสั่งลับๆ ไปให้เซียงจวิน บอกว่า ข้าออกไปจากอาณาเขตของภูเขาเหอฮวานนานแล้ว ต่อจากนี้นาง อยากจะท าอย่างไรก็ให้นางท าไปอย่างนัน”
เฉาหรงคารวะอีกครั้ง “น้อมรับคาสั่งท่านอาจารย์”
เพราะถึงอย่างไรนอกจากสถานะอาจารย์แล้ว ลู่เฉินยังเป็ นหนึ่ง ในเจ้าลัทธิของป๋ ายอวี้จิงด้วย
“ความกังวลใจดุจผมขาวที่งอกขึ้นมาบนกลุ่มเส้นผม”
ลู่เฉินตบไหล่ลูกศิษย์ เอ่ยอย่างสะท้อนใจว่า “เฉาหรง เจ้าเองก็ แก่แล้วนะ”
เฉาหรงก้มหน้าเอ่ย “ศิษย์โง่เขลา ตามหามรรคาอย่าง ยากล าบากมาสามพันปี แต่ก็ยังไม่อาจพิสูจน์มรรคาบินทะยานขึ้น ฟ้ า ผิดต่อคาสั่งสอนของอาจารย์จริงๆ”
ลู่เฉินเอ่ยปลอบใจ “ไม่เป็ นไรๆ ถึงอย่างไรเจ้าและข้าที่เป็ น อาจารย์และศิษย์ก็นิสัยเหมือนกัน ต่างก็อาศัยหน้าตาของอาจารย์ ตัวเองท่องไปในใต้หล้าเหมือนกัน”
ต่อให้จิตแห่งมรรคาของเฉาหรงจะแข็งแกร่งแค่ไหน แล้วยังมีคน นอกอยู่ด้วย พอได้ยินประโยคนี้หน้าแก่ๆ ของเขาก็แดงก่าได้ เหมือนกัน
“ในเมื่อเต๋สร ้างภาพลักษณ์ สวรรค์สร ้างรูปร่าง แน่นอนว่าการ คัดลอกภูเขาสายน้าก็ต้องคว้าจับภูเขาสายน้าที่อยู่นอกภาพวาดให้ ได้เสียก่อน”
https://novel-lk.com