กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1032.1 เสี่ยงดวงแพ้ไปครึ่งหนึ่ง
หญ้าฤดูใบไม้ผลิเขียวขจี แสงจันทร ์สาดส่องนานเนิ่น น้าในลา ธารไหลรินคลอเสียงคนยุให้ดื่มสุรา
เฉินผิงอันให้จ้าวซู่เซี่ยยกเก้าอี้ไม้ไผ่มารับรองแขก แล้วไปเตรียม อาหารมื้อดึกมามื้อหนึ่ง ไม่ต้องพิถีพิถันมากนัก แค่ดูให้เหมาะสมก็ พอ
ลู่เฉินรีบส่งเสียงบอกกล่าว “ซู่เซี่ยอ่า เจ้าแค่ไปท าอาหารใน ห้องครัวก็พอ เดี๋ยวผินเต้ายกเก้าอี้มาเอง นอกเหนือจากอาหารมื้อ ดึกแล้ว ที่ผินเต้ามีกับแกล้มแกล้มสุราแล้ว”
หาไม่แล้วเจ้าลัทธิลู่ก็กังวลจริงๆ ว่าตัวเองจะไม่มีที่นั่ง ได้แต่นั่ง ยองดื่มเหล้าเท่านั้น
ลู่เฉินไปหิ้วโต๊ะเล็กหนึ่งตัวและเก้าอี้สองตัวมาจากในห้องของ เฉินผิงอันอย่างคล่องแคล่ว หลังจากเขากับเด็กหนุ่มนั่งลงแล้ว นักพรตลู่ของพวกเราก็ไม่ลืมใช ้ชายแขนเสื้อเช็ดหน้าโต๊ะ
เฉินผิงอันยิ้มถาม “หนิงจี๋ คิดดีแล้วหรือ ไม่เสียใจทีหลังแน่นะ?”
สายตาของเด็กหนุ่มเด็ดเดี่ยว พยักหน้ากล่าว “อาจารย์เฉิน ข้า คิดดีแล้ว ต้องการเป็ นลูกศิษย์ของท่าน พระคุณของเจ้าลัทธิลู่ หนิงจี๋
ก็จะจดจาให้ขึ้นใจเช่นเดียวกัน วันหน้าหากมีโอกาสจะต้องตอบแทน แน่นอน”
เฉินผิงอันเหลือบตามองลู่เฉิน ใช ้กันคิดก็ยังรู ้ได้ว่าไอ้หมอนี่ต้อง พาเด็กหนุ่มเดินผ่านม้วนภาพของแม่น้าแห่งกาลเวลามาแล้ว
ลู่เฉินเริ่มแปะทองลงบนใบหน้าตัวเอง (เปรียบเปรยถึงการยกยอ ตัวเอง) โบกมือเอ่ย “แค่ฝีมือเล็กน้อย ไม่ล าบาก ไม่ล าบากเลยสัก นิด”
แม่น้าแห่งกาลเวลาไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเดินลุยน้าได้ง่ายๆ ต่อให้เป็ นผู้ฝึกตนใหญ่ก็ยังไม่กล้าเที่ยวชมกาลเวลา ต่อให้บินทะยาน ทั่วไปส่วนใหญ่ต้องพาตัวไปอยู่ในนั้นก็มักจะเป็ นการกระทาที่จาเป็ น เพราะเนื้อหนังมังสาเริ่มเสื่อมถอย ใกล้ถูกบีบให้สละร่างเต็มที จึง จาเป็ นต้องอาศัยแม่น้ายาวแห่งกาลเวลามาช่วย “เปลี่ยนแปลงรูปโฉม ใหม่” หรือไม่ก็ลองไปเสี่ยงดวง ดูว่าจะสามารถพบเจอถ้าสวรรค์พื้นที่ มงคลที่หายไปท่ามกลางประวัติศาสตร ์ของแม่น้ายาวได้หรือไม่ กลัว ก็แต่ว่าจะเจอกับการไหลทวนกระแสที่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น มากมาย โดยเฉพาะน้าวนที่ลักษณะเหมือนกรวยที่ทาให้ผู้ฝึ ก ลมปราณจมลึกเข้าไปด้านในได้ง่าย แล้วก็หายตัวไปอย่างไร ้ร่องรอย ในประวัติศาสตร ์ก็มีผู้ฝึ กตนใหญ่ไม่น้อยที่บอกกับภายนอกว่าปิ ด ด่านล้มเหลว แต่แท้ที่จริงกลับเป็ นเหมือนวัวปั้นดินที่จมลงสู่ทะเลอยู่ ในแม่น้าแห่งกาลเวลา ช่วยตัดเย็บชุดแต่งงานให้ผู้อื่น การที่ผู้ฝึกตน ใหญ่ในโลกยุคหลังงมเจอเศษซากร่างทองจากแม่น้าแห่งกาลเวลาก็
เพราะสาเหตุนี้ และยังมีที่เลวร ้ายกว่านั้น ยังมีภาพเหตุการณ์ ประหลาดมากมายที่เกิดจากน้าวนกลายเป็ นทะเลสาบหรือไม่ก็น้าใน แม่น้าไหลย้อนกลับกระตุ้นให้เกิดน้าวน ก่อนหน้านี้ “เฉินผิงอัน” และ ผู้ครองกระบี่ได้เชื้อเชิญให้ป๋ ายจิ่ง นั่งร่วมโต๊ะอยู่ในร ้านของตรอกฉี หลง ก็คือหนึ่งในการจาแลงบนมหามรรคาของเหตุการณ์ที่ว่านี้
อยู่บนภูเขา ขอแค่เป็ นผู้ฝึ กตนบนยอดเขาที่มีชื่อเสียงอย่าง แท้จริง ในมือถือครองสมบัติหนัก ถึงจะสามารถช่วยถ่ายทอดวิชาและ ปกป้ องมรรคาให้กับลูกศิษย์ได้ด้วยวิธีนี้การกระทาเช่นนี้มีประโยชน์ อย่างสูงต่อการหล่อหลอมเรือนกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถบ ารุง สามจิตเจ็ดวิญญาณของผู้ฝึกลมปราณ เพียงแต่ว่าความเสี่ยงมีมาก เกินไป หากไม่ทันระวังให้ดี ตัวอ่อนผู้ฝึกตนมากมายที่เดิมทีผลสาเร็จ จะสูงมากก็อาจจะกลายเป็ นคนปัญญาอ่อนไปได้โดยตรง เพียงแค่ เพราะความทรงจ าและจิตส านึกของพวกเขาเหมือนคนจมน้า ล่องลอยไปตามกระแสน้า สูญเสียสติปัญญา ภายหลังก็มิอาจเรียก คืนวิญญาณกลับมาได้
ตัวเฉินผิงอันเองเคยเดินลุยแม่น้าแห่งกาลเวลาอยู่หลายครั้ง ครั้ง แรกคือติดตามอาจารย์ฉี ครั้งที่สองคือในอารามกวานเต๋าของพื้นที่ มงคลดอกบัว อยู่ข้างกายเจ้าอารามผู้เฒ่าจึงได้ท าความเข้าใจกับ ภาพแห่งกาลเวลาเป็ นเวลาร ้อยสองร ้อยปี
ลู่เฉินเหลือบมองเด็กหนุ่มที่นั่งตัวตรงอย่างสารวมอยู่ข้างกาย เอ่ยชื่มชมว่า “หนิงจี๋แสดงออกได้ดีมาก ไม่ต้องให้ผินเต้าช่วยแม้แต่
น้อย ตัวเขาเองสามารถปรับตัวเข้ากับการเดินท่องม้วนภาพแห่ง กาลเวลาได้อย่างรวดเร็ว”
เฉินผิงอันพยักหน้า “เก่งมาก จาได้ว่าครั้งแรกที่ข้าเดินลุยน้าก็ เวียนหัวตาลาย เกือบจะอาเจียนด้วย”
ลู่เฉินยิ้มบางๆ “นี่ก็คือความต่างของคนที่มีคุณสมบัติของวัตถุ แห่งดินอย่างครึ่งๆ กลางๆ กับวัตถุที่สวรรค์สรรสร ้างซึ่งโดดเด่นอย่าง แท้จริงแล้ว”
เด็กหนุ่มรองเท้าสานที่เครื่องกระเบื้องแห่งชะตาชีวิตแตกมี คุณสมบัติของเซียนดินครึ่งๆ กลางๆ อย่างแท้จริง คาวิจารณ์นี้ของลู่ เฉินถือว่าเป็ นกลางมากแล้ว
เฉินผิงอันไม่ถือสา ได้ยินแล้วกลับยังรู ้สึกดีใจ ใครเล่าจะรังเกียจ ว่าลูกศิษย์ของตัวเองมีฐานกระดูกยอดเยี่ยม มีคุณสมบัติในการเรียน แย่เกินไป?
หนิงจี๋เขินอายอย่างยิ่ง สองมือกาเป็ นหมัดแน่น วางไว้บนหัวเข่า เห็นได้ชัดว่าท าตัวไม่ถูก
ตอนนี้เด็กหนุ่มยังไม่รู ้ว่าคาชมของเจ้าลัทธิลู่และอาจารย์เฉิน ไม่ใช่แค่คาพูดที่ฟังไพเราะเท่านั้น ยิ่งไม่เข้าใจถึงระดับความอันตราย ในการเดินลุยน้า เข้าใจผิดคิดว่าเป็ นค าพูดดีๆ ที่ผู้อาวุโสสองคนมี ต่อ “เด็กของบ้านอื่น” มีแต่น้ามากกว่าเนื้อ
“การรับลูกศิษย์ก็มีข้อดีของการรับลูกศิษย์ แน่นอนว่าต้องดีมาก ส่วนราคาที่ต้องจ่ายนั้น…เชื่อว่าเจ้าน่าจะรู ้ชัดเจนดียิ่งกว่าข้า”
ลู่เฉินหุบยิ้ม ถามว่า “เฉินผิงอัน เจ้าเองก็คิดดีแล้วเหมือนกัน หรือ?”
บอกตามตรง สามารถหาตัวหนิงจี๋เจอได้เร็วขนาดนี้ก็อยู่เหนือ การคาดการณ์ของลู่เฉินจริงๆ
นี่เรียกว่าแม้แต่เทพเขียนก็ยากจะตกปลาตอนเที่ยงวันได้
เดิมทีลู่เฉินเตรียมใจพร ้อมไว้แล้วว่าจะต้องเตร็ดเตร่อยู่ในใต้หล้า ไพศาล สั้นหน่อยก็สามปี ห้าปี นานหน่อยก็เจ็ดแปดปี พอดีกับที่ สามารถอาศัยโอกาสนี้มาเช็ดกัน จัดการกับปัญหาที่ถูกทิ้งไว้ใน ประวัติศาสตร ์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับผลกรรมของตน ยกตัวอย่าง เช่น ตะพาบเฒ่าที่อยู่ในศาลราชามังกรของทะเลสาบร ้อยบุปผาก่อน หน้านี้ และเมล็ดพันธ ์เต๋าน้อยนิดที่อยู่บนร่างของสือโหรวแห่งตรอกฉี หลง รวมไปถึงจูลู่ที่เดิมทีควรกลายเป็ นหนึ่งในคนที่ปกป้ องมรรคา ให้กับศิษย์พี่ใหญ่ แน่นอนว่ายังมีกู้ชิงซงฉายาเชียนฉาที่ต้องจัดการ ให้ได้เช่นกัน สรุปแล้วจะให้คนพายเรือถอดใจเรื่องที่จะถูกรับเข้า ทาเนียบของนครหนันหัว หรือควรจะพาคนพายเรือเฒ่าไปที่ป๋ ายอวี้ จิงด้วยกัน ตอนนี้ลู่เฉินก็ยังคิดพิจารณาอยู่ บวกกับมังกรตัวสุดท้าย ของเมื่อสามปีก่อน หนี้น้าใจที่ลู่เฉินติดค้างเฟิงอี๋กับเรื่อง “หญ้าอ้าย ฉ่าวนาบหน้าผาก” เรื่องน้อยใหญ่มากมายรวมกันเป็ นกระบุงพวกนี้ ล้วนท าให้ลู่เฉินรู ้สึกเหนื่อยใจอย่างยิ่ง
เฉินผิงอันพยักหน้า “ขอแค่หนิงจี๋คิดดีแล้ว ทางฝั่งของข้าก็ไม่มี ปัญหาอะไร”
ลู่เฉินกล่าว “เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้า”
มีใจปลูกดอกไม้ ดอกไม้ไม่เบ่งบาน ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับ งอกงาม
ขอแค่ลู่เฉินหาตัวหนิงจี๋เจอ ไม่ต้องสนว่ามีสาเหตุมากจากอะไร ไม่ว่าขั้นตอนนั้นจะยากหรือง่าย ทางฝั่งของศาลปุ่ นก็ดูแค่ที่ผลลัพธ ์ อย่างเดียวเท่านั้น ล้วนต้องจดบันทึกคุณความชอบครั้งใหญ่ของเจ้า ลัทธิลู่ไว้ในบัญชีอย่างชัดเจน ยิ่งเป็ นคนที่มีสถานะสูงศักดิ์อย่างลู่เฉิน ยิ่งรู ้เรื่องวงในและความจริงมากเท่าไรก็จะยิ่งเข้าใจถึงความล้าค่าจาก การที่ถูกจดคุณความชอบลงในสมุดบันทึกความดีของศาลบุ๋นมาก เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในช่วงเวลาสาคัญที่บรรพจารย์ของ สามลัทธิกาลังจะสลายมรรคาเช่นนี้ ยกตัวอย่างง่ายๆ ตระกูลเศรษฐี และตระกูลขุนนางล่างภูเขา ทิ้งทรัพย์สินเงินทองหรือแม้กระทั่งตารา ไว้ให้กับลูกหลาน ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะใช ้ประโยชน์ได้จริง แต่บุญ กุศลที่มองดูเหมือนเป็ นมายาล่องลอยทั้งหลายกลับไม่เคยหล่นลงบน ความว่างเปล่า
เฉินผิงอันกล่าว “ไม่นับเป็ นอะไรได้ อีกอย่างเจ้าลัทธิลู่ก็เดิน ทางผ่านภูเขาสายน้ามาเป็ นเพื่อนหนิงจี๋ครั้งนี้ก็ถือเป็ นของขวัญ ขอบคุณได้ดีพอแล้ว”
ลู่เฉินเงียบไปพักหนึ่ง คล้ายจะยังคิดหาของขวัญขอบคุณที่ เหมาะสมไม่ออกจึงวางกาเหล้าใบหนึ่งลงบนโต๊ะ “คืนนี้แค่จิบเหล้า เล็กๆ น้อยๆ ก็พอ ไม่ดื่มเยอะ หลีกเลี่ยงไม่ให้เมาแล้วเสียกิริยาเป็ นที่ ขบขันของพวกเด็กๆ”
เฉินผิงอันมองเหล้าขุนคุ้นของยอดเขาเกิงอวิ๋นแล้วจีปากกล่าว “เจ้าลัทธิลู่สนิทกับเจ้าขุนเขาหวงขนาดนี้เชียวหรือ?”
ลู่เฉินพูดจาวางโตอย่างไม่ละอาย “สนิทมาก ท าไมจะไม่สนิทล่ะ แค่เจอหน้าก็เหมือนคนรู ้จักกันมานาน”
หวงจงโหวแห่งยอดเขาเกิงอวิ๋น ทุกวันนี้เป็ นเจ้าขุนเขาคนใหม่ ของภูเขาเมฆาเรื่องแล้วทางฝั่งของแจกันสมบัติทวีปมีการคาดเดากัน ไม่น้อย เซียนดินโอสถทองคนหนึ่งที่ประสบการณ์ตื้นเขินอย่างมาก มารับหน้าที่ดูแลภูเขาเมฆาเรื่องที่เป็ นตัวสารองระดับท้ายสุดของ สานักอักษรจง พูดถึงแค่ไช่จินเจี่ยนแห่งยอดเขาหลวี่กุ้ยก็มีอายุการ ฝึกตนเท่าเทียมกับหวงจงโหว แต่นางเป็ นขอบเขตก่อก าเนิดแล้ว แต่ ในการ “ผลัดเปลี่ยนรัชสมัย” ครั้งนี้นางกลับยังไม่ถูกเลือก โลก ภายนอกจึงมีความคิดบางอย่างอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็ นเพราะสายของ ภูเขาบรรพบุรุษจงใจจะการาบยอดเขาหลวี่กุ้ยที่ลุกผงาดอย่างว่องไว หรือไม่?
สานักและจวนเซียนหลายแห่งที่มีประวัติศาสตร ์ยาวนานล้วน จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันนี้ ใกล้หน่อยก็อย่างการ สูญเสียอานาจในการควบคุมไปอยู่ในมือของคนอื่นของยอดเขา
ชิงจิ้งอารามจินเซียน และการที่แขกเปลี่ยนมาเป็ นเจ้าบ้านอย่างยอด เขาฉุยชิง
ห่างไปหน่อยก็คือพรรคกิ่งไผ่ที่เป็ นหนึ่งในกองกาลังใต้อาณัติ ของภูเขาตะวันเที่ยงสายของภูเขาไฉอวี้ที่เฉินจิ้วจือเค่อฝ่ายนอกอยู่ก็ มีสถานการณ์คล้ายคลึงกันนี้ กวอฮุ่ยเฟิงเจ้าประมุขคนปัจจุบัน อันที่ จริงนางไม่ได้มาจากสายของบรรพจารย์บุกเบิกภูเขา ดังนั้นผู้ฝึกตน ของภูเขาจีจู๋อย่างเหลียงอวี้ผิงถึงได้มีความคิดบางอย่างอยู่ในใจไม่ มากก็น้อย
นี่ก็เหมือนภูเขาถั่วทั่วในอนาคตที่บางทีเจ้าแห่งยอดเขาบางแห่ง อาจไม่ใช่พวกลูกศิษย์ผู้สืบทอดหรือลูกศิษย์ของลูกศิษย์ผู้สืบทอด อย่างพวกเผยเฉียน กวอจู๋จิ่ว บางทีอาจจะมาจากสายของภูเขาใต้ อาณัติลูกอื่นก็ได้ หรือบางทีอาจเป็ นศิษย์ลูกศิษย์หลานบางคนของผู้ คุมกฏฉางมิ่ง และก็อาจเป็ นลูกศิษย์ควันธูปสายของพวกเหวยเหวินห ลง เฉินหลิงจวิน สรุปก็คือบนทาเนียบหยกทองของภูเขาลั่วพั่วจะถือ เป็ น “ทางแยก” เป็ นการแตกกิ่งก้านออกไป การนับบรรพบุรุษกลับ เข้าตระกูลของลูกศิษย์ภูเขาลั่วพั่วในรุ่นหลัง แน่นอนว่าบรรพบุรุษ ยังคงเป็ นเฉินผิงอันอย่างที่ร ้อยปีก็ไม่แปรเปลี่ยน แต่ป้ ายวิญญาณ ของเจ้าส านักกลับไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็ นเขาแล้ว
ลู่เฉินพลันหัวเราะร่าถามว่า “เฉินผิงอัน หากในอนาคตภูเขาลั่ว พั่วก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้เหมือนกัน เจ้าที่เป็ นเจ้ายอดเขาคนแรก ในใจ จะรู ้สึกแปลกๆ หรือไม่?”
เฉินผิงอันเพียงยิ้มรับ
ลู่เฉินหันไปตะโกนเรียกทางห้องครัว “ซูเซี่ย บะหมี่ชามของผิน เต้าใส่ผักชีเยอะๆ นะหากไม่มีก็ไม่เป็ นไร แต่กระเทียมกับพริกสับห้าม ขาดเด็ดขาด ใส่มาเยอะก็ไม่ว่ากัน”
หนิงจี๋ลุกขึ้นยืน ไปช่วยยกบะหมี่ที่ควันร ้อนลอยซุยออกมา เครื่องเคียงก็มีไม่น้อย ส่วนใหญ่จะเป็ นหน่อไม้แห้งและเต้าหู้ที่ทาง โรงเรียนทาขึ้นเอง
จ้าวซู่เซี่ยถูกชะตากับศิษย์น้องชายคนใหม่ที่คล้ายหล่นลงมา จากฟ้ าผู้นี้อย่างมาก
เด็กหนุ่มมีจิตใจละเอียดอ่อน สัมผัสได้ถึงความเป็ นมิตรและ ความสนิทสนมที่จ้าวซูเซี่ยมีต่อตนได้อย่างรวดเร็ว หนิงจี๋จึงรู ้สึก สบายใจได้หลายส่วน
ลู่เฉินหยิบตะเกียบขึ้นมาเตรียมจะกิน
ผลคือหางตาของเจ้าลัทธิลู่เหลือบไปเห็นว่าหนิงจี๋กับจ้าวซู่เซี่ย ต่างก็รอให้เฉินผิงอันหยิบตะเกียบขึ้นมากินคาแรกก่อน พวกเขาถึง จะก้มหน้ากินบะหมี่เงียบๆ
เจ้าลัทธิลู่ที่ถือตะเกียบค้างไว้กลางอากาศอยู่พักใหญ่กลายเป็ น คนที่กินบะหมี่คนสุดท้าย กินอาหารมื้อดึกร่วมโต๊ะกันคงมีแต่ผินเต้า ที่เป็ นคนนอกสินะ?
เจ้าลัทธิลู่โมโหอยู่ในใจ หากว่าตัดสินใจเด็ดขาดแต่เนิ่นๆ กัด ฟันรับหนิงจี๋เป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอด เวลานี้อาจารย์และศิษย์เจอกับ อาจารย์และศิษย์ สองต่อสอง จ านวนคนก็ไม่เป็ นรองแล้ว?
เฉินผิงอันคล้ายจะเดาได้ถึงความอัดอั้นของลู่เฉิน จึงเอ่ยหยอก ล้อว่า “หากเจ้าลัทธิลู่รู ้สึกเสียใจภายหลังตอนนี้ยังทันนะ เอาไม้ตีหัว หนิงจี๋ให้สลบครอบด้วยกระสอบป่านแล้วพาหนีไปก็ได้แล้ว”
ลู่เฉินร ้องเฮ้อเลียนแบบน้าเสียงที่เป็ นเอกลักษณ์ของซิ่วไฉเฒ่า “พูดจาร ้ายกาจที่ท าร ้ายจิตใจกันให้น้อยๆ หน่อยเถอะ ผินเต้าท าอะไร เปิดเผยตรงไปตรงมา เรื่องแบบนี้ทาไม่ลงหรอก”
หากจะบอกว่ารับหนิงจี๋เป็ นลูกศิษย์เข้าห้อง เฉินผิงอันรับผิดชอบ ถ่ายทอดมรรคาให้กับเด็กหนุ่มที่ชะตาชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรคผู้นี้ มองภายนอกมีข้อดีมากมาย แต่อันที่จริงสืบเสาราวเรื่องกันแล้วกลับ มีแค่อย่างเดียว ภูเขาลั่วพั่วมีผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกตนที่คล้ายคลึง กับไฉอู๋ ถึงขั้นที่ว่าผลสาเร็จบนมหามรรคาอาจสูงยิ่งกว่าเพิ่มมาคน หนึ่ง ต่อให้ประเมินอย่างต่าไว้ก่อน ก็ยังมีความมั่นใจอย่างมากว่าวัน หน้าหนิงจี๋จะกลายเป็ นขอบเขตบินทะยานได้ อีกทั้งเกินครึ่งหนิงจี๋ก็ น่าจะเป็ นขอบเขตบินทะยานที่อายุน้อยมากซึ่งอยู่ดีๆ ก็โผล่มาบน โลก สร ้างความตะลึงพรึงเพริดให้กับผู้คน
แต่ปัญหาก็มีไม่น้อย รากฐานมหามรรคาของหนิงจี๋ได้เป็ นตัว ตัดสินแล้วว่าบนเส้นทางการฝึกตนในอนาคตของเขาจะต้องไม่ท าให้ เฉินผิงอันและภูเขาลั่วพั่วสบายใจได้แน่นอน นี่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับ
การที่ซิ่วไฉเฒ่ารับหลิวสือลิ่วเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอด แต่ตอนที่ศิษย์พี่จ วินเชี่ยนคนนี้ของเฉินผิงอันกราบซิ่วไฉเฒ่าเป็ นอาจารย์ นอกจาก ตบะและขอบเขตล้วนสูงมากพอแล้ว ประเด็นส าคัญคือเขายัง ตระหนักรู ้ตัวตนของตนเองอย่างชัดเจนแล้วบวกกับที่ตอนนั้นซิ่วไฉ เฒ่าเป็ นดั่งตะวันกลางนภา ดังนั้นนอกจากคาซุบซิบนินทาบางอย่าง บนภูเขาแล้วก็ไม่ได้สร ้างความเสียหายที่เป็ นรูปธรรมอะไรต่อสายเห วินเซิ่ง
แต่สิ่งที่ชีวิตของหนิงจี๋จะต้องประสบพบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิสัยใจคอของเขากลับเต็มไปด้วยความไม่รู ้นับไม่ถ้วน
อิ่นกวานหนุ่มที่เพิ่งจะมีเวลาว่างให้ได้ผ่อนคลาย เกรงว่าคงต้อง ยุ่งไปอีกหลายสิบปีแล้ว