กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1041.6 บอกเล่าข่าวคราวของดอกเหมย
ลู่ไถร ้องอ้อ “สานักแห่งนี้ของพวกกเรา อย่างมากสุดก็จะมีคน
รวมทั้งสิ้นแค่สิบเอ็ดคนเท่านั้น จากนั้นทุกๆ หนึ่งร ้อยปีจะคัดออกหนึ่ง
คน แล้วเสริมเพิ่มมาหนึ่งคน”
“ใครที่เลื่อนติดอันดับสิบคนหรือตัวสารองสิบคนในใต้หล้าจะไม่
ถูกคัดออก คนที่กลายเป็ นผู้ฝึ กยุทธสิบอันดับแรกของใต้หล้าก็จะ
ได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน”
“ต้องมีสักวันหนึ่งที่สานักแห่งนี้ของพวกเราล้วนมีแต่ยอดฝีมือใน
บรรดากลุ่มของยอดฝีมือ อย่ามัวอึ้งกันอยู่สิ ปรบมือให้หน่อย”
จางเฟิงไห่เพียงแค่ยกกาเหล้าขึ้นสูง
หลวี่ปี้เสียยิ้มบางๆ แบบนี้เองหรือ เริ่มรอคอยจริงๆ แล้วนะ
ซือสิงหยวนเงยหน้ามองดวงจันทร ์สองดวงที่ขอบฟ้ า สีหน้ามี
ชีวิตชีวาสดใส ดูท่าตนคงต้องฝึกตนให้ดีๆ แล้ว
มีเพียงหยวนอิ๋งที่ปรบมืออย่างดัง
ผลคือลู่ไถกลับเอ่ยประโยคที่เป็ นการทาลายบรรยากาศว่า “พี่
หญิงชื่อ ในค่าคืนที่แสงจันทร ์กระจ่างเช่นนี้ แสงจันทร ์ยิ่งขับให้ผิว
ของเจ้าดาขึ้นกว่าเดิมอีกนะ”https://novel-lk.com/
ซือสิงหยวนหัวเราะอย่างฉุนๆ “เจ้าชอบพูดแขวะข้าอยู่เรื่อย ดีแต่
จะบีบมะพลับนิ่ม แน่จริงก็ว่าหลวี่ปี้เสียบ้างสิ!”
ลู่ไถกล่าวอย่างเหนียมอาย “คากล่าวนี้ออกจะละเมียดละไมไป
สักหน่อย ง่ายที่จะท าให้คนเข้าใจผิด”
ซือสิงหยวนหลุดหัวเราะพรืด “เจ้าคนปากหวาน”
หลวี่ปี้เสียพยักหน้า “แข็งนอกอ่อนใน คาดว่าได้แค่สองทีก็คง
เอ่ยว่า “ขอข้าพักสักเดี๋ยว” แล้ว”
ลู่ไถยกสองมือกุมเป็ นหมัด “กลัวพวกเจ้าแล้ว ยอมแพ้ ยอมแพ้”
จางเฟิงไห่หัวเราะลั่น
สีหน้าของซินขู่จึงเกร็ง แต่ในดวงตากลับมีรอยยิ้ม
ลู่ไถเงยหน้ากรอกเหล้าเข้าปากอีกใหญ่ เช็ดปากแล้วพูดว่า “นับ
แต่โบราณมาอริยะปราชญ์ก็คือตัวแทนของฟ้ าดิน วีรบุรุษผู้กล้าของ
ในปัจจุบันก็คือการจ าแลงของดวงดาว คืนนี้โชคดีได้ร่วมดื่มกับพวก
ท่าน ไม่พอๆ อยู่ไกลเกินกว่าจะพอมากนัก นัดหมายกันไว้เลยว่าพัน
ปีให้หลังจะมาดื่มด้วยกันที่นี่วันนี้เดือนนี้อีกครั้ง ข้าจะเมาก่อน!”
เสียงตึงดังขึ้นมา
ที่แท้ลู่ไถก็หงายหลังตึงนอนหลับไปแล้ว
หยวนอิ๋งเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “สามีของข้าคนนี้พฤติกรรม
ยามดื่มเหล้าดีมาก แต่คอไม่แข็งสักเท่าไร”https://novel-lk.com/
……
เหนือหัวกาแพงเมืองของเมืองหลวงต้าหลี สวินชวี่ที่ทั้งหัวเปียก
ไปด้วยไอหมอกเร่งรุดมาหยุดอยู่ข้างกายของผู้เฒ่าคนหนึ่งที่มาชม
จันทร ์อยู่ที่นี่ กุมมือคารวะเอ่ยว่า “ข้าน้อยสวินชวี่คารวะหงหลางจง”
ผู้เฒ่าที่มีรูปร่างผอมแห้งผงกศีรษะรับ ยิ้มเอ่ยว่า “วันนี้เรียกเจ้า
มาที่นี่กะทันหัน เป็ นเพราะมีคนผู้หนึ่งเพิ่งจะเข้าเมืองมา ให้เจ้าออก
หน้ามาต้อนรับจะค่อนข้างเหมาะสม”
ผู้เฒ่าไม่ได้สวมชุดขุนนาง ในความเป็ นจริงแล้วนอกจากการ
เข้าประชุมในท้องพระโรงแล้ว หลางจงขุนนางหลักกองชิงลี่ฝ่ าย
บวงสรวงกรมพิธีการที่เป็ นขุนนางขั้นห้าชั้นเอกผู้นี้ก็ไม่ได้ถูกจ ากัด
ในเรื่องนี้เท่าใดนัก
นี่ถือเป็ นกรณีพิเศษในวงการขุนนางต้าหลี ขุนนางของเมือง
หลวงมีมากมาย แต่มีแค่สามคนเท่านั้นที่สอดคล้องกับคาเรียกขาน
อันงดงามที่ทั้งสงบเงียบทั้งสูงส่งนี้มากที่สุด นอกจากกองประเมินผล
งานกรมขุนนางและกองคัดเลือกทหารบู๊กรมกลาโหมแล้ว ก็คือกอง
ชิงลี่ฝ่ ายบวงสรวงของกรมพิธีการแล้ว รองเจ้ากรมพิธีการสองท่าน
สามารถร่วมกันตัดสินผลการทดสอบประเมินผลงานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
แห่งภูเขาสายน้าในราชสานักต้าหลีด้วยกันได้ แต่คนที่ดูแลกิจธุระ
อย่างเป็ นรูปธรรมอย่างแท้จริง อันที่จริงยังคงเป็ นกองชิงลี่ฝ่ าย
บวงสรวง ดังนั้นฐานะที่โดดเด่นนี้ของผู้เฒ่าจึงทาให้ถูกเรียกขานว่า
“ขุนนางสวรรค์น้อยhttps://novel-lk.com/
สวินชวี่ใช ้เสียงในใจสอบถาม “อาจารย์ คนผู้นี้เกี่ยวข้องกับ
อาจารย์เฉินหรือ?”
ผู้เฒ่าพยักหน้า ยื่นนิ้วชี้ไปยังผู้ฝึกตนหนุ่มต่างถิ่นที่เดินอยู่บน
ถนน “เขาชื่อว่าเจิงเย่อันที่จริงไม่ถือเป็ นผู้ฝึกตนของภูเขาลั่วพั่ว แต่
ว่าปีนั้นตอนที่เฉินผิงอันอยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนได้พาเจิงเย่มาไว้ข้าง
กายอยู่ตลอดเวลา เป็ นเพื่อนบ้านใกล้เคียงบนเกาะชิงเสีย อาศัยโชค
และความขยันมานะของตัวเอง ทุกวันนี้เจิงเย่จึงได้เป็ นเจ้าประมุขของ
พรรคห้าเกาะแล้ว จะดีจะชั่วก็นั่งอยู่บนเก้าอี้อันดับหนึ่งของจวนเซียน
ดังนั้นเส้นทางการเข้าเมืองหลวงของเขาครั้งนี้ กรมอาญาจึงได้ส่ง
รายงานมาที่กองชิงลี่ฝ่ ายบวงสรวงของพวกเรานานแล้ว เพราะเขามี
ความสัมพันธ ์ในขั้นนี้กับเฉินผิงอันอยู่ ข้าจึงรู ้สึกว่าควรให้เจ้าออก
หน้า ทางฝั่งกรมพิธีการและกรมอาญาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ความเห็น
ต่างมีไม่มาก ครั้งสองครั้งก็ถือเป็ นข้อกาหนดที่ที่ว่าการแต่ละแห่งให้
การยอมรับไปโดยปริยายแล้ว ดีมากเลยล่ะ”
สวินชวี่ยิ้มเอ่ย “ความเห็นต่างมีไม่มาก แต่ก็ยังมีความเห็นต่าง
อยู่ดี”
ผู้เฒ่ากระตุกมุมปาก “ที่ว่าการแต่ละแห่งล้วนทาไปตามกฎ ไม่
ถือเป็ นอะไร มีใครบ้างเล่าที่ไม่มีใจเห็นแก่ตัวเลย”
อู๋ยวน ทุกวันนี้เป็ นผู้ว่าของฉู่โจวไปแล้ว เขาเป็ นทั้งลูกเขยของ
สกุลหยวนเสาค้ายันแคว้น แล้วยังเป็ นหนึ่งในลูกศิษย์จานวนไม่มาก
ของราชครูชุยฉานด้วยhttps://novel-lk.com/
เจี่ยนเฟิงที่มารับตาแหน่งขุนนางผู้ตรวจการงานเตาเผาคนใหม่
แทนที่เฉาเกิงซิน ขั้นสี่ชั้นเอก จิ่งควนที่อยู่กองชิงลี่กรมคลังเก่า ช่วง
ก่อนหน้านี้ก็ออกจากเมืองหลวงไปรับหน้าที่เป็ นเจ้าเมืองของเขตเป่า
ซี
ระหว่างราชสานักกับที่ว่าการต่างก็มีการทะเลาะโต้เถียงกันใน
เรื่องทานองนี้อยู่เสมอวงการขุนนางแห่งขุนเขาสายน้าก็ยิ่งไม่ใช่
ข้อยกเว้น
สวินชวี่ถาม “อาจารย์ ข้าจะไปพบเจ้าประมุขเจิงตอนนี้เลยนะ
ขอรับ?”
ผู้เฒ่ากล่าว “มุทะลุ! เจ้าไม่รู ้จักรอไปอีกหน่อยหรือ? เท้าหน้า
ของคนเขาเพิ่งจะก้าวเข้ามาในเมืองหลวง เท้าหลังของเจ้าก็ก้าวไป
ขวางแล้ว นี่ไม่ได้เป็ นการบอกกล่าวกับเจิงเย่อย่างชัดเจนว่าราช
ส านักจับตามองการเดินทางของเขาอยู่หรอกหรือ?”
สวินชวี่ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “จงใจพูดแบบนี้ ศิษย์ไม่ได้ยินคาสั่งสอน
ของอาจารย์แบบนี้มานานแล้ว”
ผู้เฒ่าหลุดขาอย่างอดไม่อยู่ ก่อนหน้านี้ไม่นาน ตอนที่สวินชวี่ยัง
เป็ นแค่ซวี่ปันขุนนางขั้นเก้าชั้นโทเล็กๆ ซึ่งมีหน้าที่ซ่อมแซมวัดวา
อารามของเมืองหลวงที่ศาลหงหลูทางตรอกหนันซวิน คือขุนนาง
เมล็ดงาที่ได้แต่นั่งเก้าอี้เย็นๆ อย่างแท้จริง
อยู่ในเมืองหลวงต้าหลี ตาแหน่งนี้ไม่เรียกว่าเป็ นขุนนางด้วยซ้าhttps://novel-lk.com/
ทุกวันนี้สวินชวี่ย้ายมารับหน้าที่ในกองคลังยุทโธปกรณ์ของกรม
กลาโหม ได้เลื่อนขั้นขุนนางแล้ว แต่การเลื่อนขั้นครั้งนี้ก็ไม่ถือว่าไม่
มีลางบอกเหตุอะไร เพราะตอนที่รับหน้าที่เป็ นซวี่ปันในศาลหงหลู
สวินชวี่ก็สามารถควบตาแหน่งดูแลกองกิจการงานของวัดในเมือง
หลวงแล้ว บวกกับที่ช่วงเวลาที่เจ้าขุนเขาเฉินแห่งภูเขาลั่วพั่วเข้า
เมืองหลวงมาก็เป็ นสวินชวี่ที่ติดตามอยู่ข้างกายตลอด ดังนั้นเดินขึ้น
บันไดไปหนึ่งขั้น กลายเป็ นขั้นเก้าชั้นเอกย่อมไม่มีคาติฉินท์นินทา
อะไร
ดังนั้นตอนที่ดื่มเหล้ากับลูกศิษย์ที่ลาคลองชางผู ผู้เฒ่าที่เป็ นผู้
ถ่ายทอดมรรคาให้กับสวินชวี่ถึงได้เอ่ยสัพยอกไปหนึ่งประโยคว่า เจ้า
ขุนเขาเฉินไม่มีน้าใจเสียเลย ไม่รู ้จักบอกกล่าวกับกรมขุนนางสักค า
ไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะได้เลื่อนขั้นสามขั้นติด หาไม่แล้วก็ช่างผิดต่อ
บารมีของใต้เท้าอิ่นกวานยิ่งนัก ล้อเล่นส่วนล้อเล่น สาหรับในสายตา
ของหลางจงผู้เฒ่าที่รับหน้าที่ในกองชิงลี่ฝ่ ายบวงสรวงกรมขุนนางมา
นานหลายปีผู้นี้แล้ว คนหนุ่มอย่างสวินชวี่ถูกลิขิตมาแล้วว่าจะต้อง
ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามที่ว่าการกองงานต่างๆ ของราชส านักไม่
หยุดโดยมีศาลหงหลูเป็ นจุดเริ่มต้น ในอนาคตเขาจะนั่งอยู่ในแต่ละ
ต าแหน่งได้ไม่นาน นานสุดก็สามปีห้าปี สั้นหน่อยก็หนึ่งถึงสองปี
แน่นอนว่ายิ่งนานตาแหน่งขุนนางก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆhttps://novel-lk.com/
นี่เกี่ยวพันไปถึงเรื่องวงในที่จนถึงทุกวันนี้สวินชวี่ก็ยังไม่รู ้ อันที่
จริงนี่เป็ น “ภาพการเลื่อนขั้นขุนนาง” ที่ราชครูชุยฉานเตรียมการมา
ไว้นานแล้ว
ลางสังหรณ์ของสวินชวี่ไม่ผิด ราชครูชุยที่ชอบเห็น “เรื่องเล็ก”
มากมายผ่านตาตัวเองไม่เพียงแต่รู ้จักเขา ยังคอยจับตามองเขามา
โดยตลอดด้วย
สวินชวี่เคยเอ่ยประโยคหนึ่งอย่างไร ้เจตนา บอกว่าตัวเองคือ “ผี
ยากจนที่มิอาจเก็บเงินได้อยู่” พูดเข้าเป้ าในค าเดียว
เพราะเขาคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กลับชาติมาเกิดใหม่
ดังนั้นราชสานักต้าหลีจึงมักจะต้องคอย “ส่งผียากจน” อยู่ตลอด
สวินชวี่ที่เป็ นจิ้นซื่อระดับสองถึงได้อยู่ในที่ว่าการที่ขึ้นชื่อว่าเป็ นที่ว่า
การน้าใสอย่างศาลหงหลูมานานขนาดนั้น
ผู้เฒ่าเคยถามราชครูชุยฉานกับตัวเองว่าจะมีประโยชน์จริงหรือ?
ชุยฉานยิ้มตอบมาประโยคหนึ่งว่า ต้องมีประโยชน์แน่นอน แม้จะมี
ประโยชน์ไม่มาก แต่เวลานานวันเข้าก็ยังมากน่าดูชมอยู่ดี
สวินชวี่กุมหมัดอาลา ผู้เฒ่าผงกศีรษะตอบรับ
บนถนนใหญ่ เจิงเย่สะพายห่อสัมภาระเอียงๆ เดินเล่นชื่นชม
ทัศนียภาพอันเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงต้าหลีอยู่เพียงล าพังhttps://novel-lk.com/
เจิงเย่ต้องพูดเกลี้ยกล่อมอยู่นาน หม่าตู่อี๋ถึงได้ไม่ตามตนเข้า
เมืองหลวงมาด้วย
หม่าตู่อี๋หาเหตุผลที่ไม่ถือว่าเป็ นเหตุผลต่างๆ นานา อะไรที่บอก
ว่าถึงอย่างไรเจ้าประมุขเย่ก็เป็ นผู้ฝึกตนผี อยู่บนภูเขาไม่ได้รับการ
ปฏิบัติที่ดี แล้วเจ้ายังไปเยือนสถานที่ที่ยอดเยี่ยมเป็ นอันดับหนึ่งของ
แคว้นอย่างราชส านักต้าหลีอีก ไม่มีนางคอยช่วยเป็ นหูเป็ นตาให้คน
ที่ไม่รู ้จักพูดอย่างเจ้า เจอเรื่องอะไรเข้าหน่อยก็คงอธิบายได้ไม่ชัดเจน
เรื่องเล็กน้อยที่หยุมหยิมยิบย่อยก็ง่ายที่จะกลายเป็ นเรื่องใหญ่…เจิงเย่
หัวเราะไม่ได้ร ้องไห้ไม่ออก หนึ่งเพราะพรรคห้าเกาะคือพรรคที่เป็ น
ทางการซึ่งได้รับการยอมรับจากราชสานักต้าหลีและถูกกรมพิธีการ
จดลงบันทึก นอกจากนี้เจิงเย่ยังมีป้ ายสงบสุขปลอดภัยอีกแผ่นหนึ่ง
แม้ว่าจะเป็ นระดับล่าง แต่ก็มีน้าหนักสูง อยู่ในแจกันสมบัติทวีปแห่งนี้
ก็สามารถสงบสุขปลอดภัยได้จริงๆ เป็ นประเภทที่ว่าต่อให้มีเรื่องก็
กลายเป็ นไม่มีเรื่องไปได้
หม่าตู่อี๋ก็รู ้เหมือนกันว่าตัวเองท าตัวไร ้เหตุผล เห็นว่าเจิงเย่ยืน
กรานผิดปกติ นางก็ได้แต่ยอมถอยให้หนึ่งก้าว ให้เจิงเย่แวะไปเดินที่
ถนนหลิวหลีของเมืองหลวงบ่อยๆ ช่วยนางหาซื้อตาราและของ
โบราณที่ซื้อมาแล้วเอาไปขายต่อจะได้ราคาสูงขึ้นเป็ นเท่าตัว
เจิงเย่ชะลอฝี เท้าเล็กน้อย เพียงไม่นานฝี เท้าก็กลับคืนมาเป็ น
ปกติhttps://novel-lk.com/
เห็นเพียงว่าบนเส้นทางเบื้องหน้ามีคนหนุ่มร่างสูงโปร่งดุจต้นไม้
หยกรับลมคนหนึ่งปรากฏตัว น่าจะเป็ นขุนนางของเมืองหลวง เป็ น
หรือไม่เป็ นขุนนาง เจิงเย่มองปราดเดียวก็รู ้แล้ว เพียงแต่ว่าบนร่าง
ของขุนนางหนุ่มผู้นี้มีกลิ่นอายตารามากกว่าหน่อย
สวินชวี่กุมมือคารวะ เอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าประมุขเจิง ข้าชื่อส
วินชวี่ รับหน้าที่อยู่ในกองคลังยุทโธปกรณ์ของกรมกลาโหม เพิ่งจะ
ได้รับข่าวจึงออกจากที่ว่าการมาพบท่าน”
เจิงเย่มึนงง แต่ก็ยังคารวะกลับคืน เพราะไม่รู ้ตาแหน่งที่แน่ชัด
ของอีกฝ่ายจึงไม่ได้เอ่ยค าพูดตามมารยาทไปมากนัก
คนเดินถนนเดินสวนกันด้วยฝีเท้าเร่งร ้อน สวินชวี่และเจิงเย่เบี่ยง
ตัวหลีกทางให้คนเหล่านั้นแทบจะเวลาเดียวกัน
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ ายเข้าใจผิดหรือคิดมาก สวินชวี่จึงบอก
เหตุผลให้เจิงเย่ฟังอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งยังใช ้เสียงในใจเพื่อแสดง
ถึงสถานะผู้ฝึ กลมปราณของตนด้วย “ก่อนหน้านี้ข้าทางานอยู่ใน
ศาลหงหลู เนื่องจากเป็ นเค่อจวี่ที่สอบปีเดียวกับเฉาฉิงหล่างลูกศิษย์
ของอาจารย์เฉิน และยิ่งเป็ นสหายกัน ดังนั้นคราวก่อนที่อาจารย์เฉิน
เข้าเมืองมา ศาลหงหลูจึงให้ข้าทาหน้าที่รับรอง อันที่จริงตั้งแต่ต้นจน
จบข้าก็ไม่ได้ออกแรงอะไร กลับกลายเป็ นว่าได้พึ่งใบบุญของอาจารย์
เฉิน ได้ต าราโบราณฉบับสมบูรณ์ราคาไม่ธรรมดามาจากตรอกหลิว
หลีหลายเล่ม ทางฝั่งของราชสานักรู ้ถึงความสัมพันธ ์ระหว่างพรรค
ห้าเกาะกับอาจารย์เฉินมานานแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ท่านปรากฏตัวในhttps://novel-lk.com/
เมืองหลวง หลังจากผ่านการพิจารณามาแล้วทางฝั่งของศาลหงหลู
ถึงได้ตัดสินใจให้ข้ามารับรอง ถือเป็ นการโยกตัวข้ามฝ่ ายมาใช ้ใน
วงการขุนนาง เป็ นการลงแรงโดยที่ไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนอะไร”
เพราะถึงอย่างไรก็เกี่ยวพันไปถึงเรื่องวงในในวงการขุนนาง
บางอย่างที่ไม่มีใครรู ้ สวินชวี่จึงไม่ได้บอกความจริงไปทั้งหมด ถึง
อย่างไรตัวเขาก็อยู่ในที่ว่าการ บางเรื่องก็มิอาจเป็ นตัวของตัวเอง
เจิงเย่กุมมือคารวะขอบคุณอีกครั้ง “รบกวนใต้เท้าสวินแล้ว”
หลังจากนั้นคนทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน เฉิงเย่ที่เป็ นเจ้าประมุข
พรรคเรียกอีกฝ่ ายว่าใต้เท้าสวินไม่ขาดปาก สวินชวี่จึงอดขาไม่ได้
“เจ้าประมุขเจิง ท่านไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้เรียกชื่อข้าก็ได้ หาก
ไม่ได้จริงๆ เรียกพี่สวินก็ได้”
เจิงเย่ยิ้มเอ่ย “ใต้เท้าสวินก็เรียกข้าว่าเจ้าประมุขเจิงอยู่ตลอด
เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
สวินชวี่พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เปลี่ยนคาเรียกขานกัน
ทั้งคู่ เรียกชื่อกันโดยตรงก็แล้วกัน”
เจิงเย่ยิ้มกว้าง “ตกลง”
สวินชวี่ถาม “มาถึงเมืองหลวง มีสถานที่ใดที่อยากไปหรือไม่?”
เจิงเย่พยักหน้ารับ “ก่อนจะมาได้เขียนรายการมาไว้ก่อนแล้ว มี
สถานที่ทั้งหมดยี่สิบกว่าแห่งที่ต้องไปเดินดูให้ดีๆ”https://novel-lk.com/
สวินชวี่เอ่ย “มีสถานที่ที่ญาติมิตรอยู่อาศัยหรือไม่? หากตอนนี้
ยังไม่มี ข้าสามารถจัดหาที่พักให้ได้ ที่พักขุนนางในศาลหงหลไม่
ถึงกับซอมซ่อเกินไป แต่หากจะบอกว่าดีอะไรนักหนา ก็ไม่ถึงขั้นนั้น
แน่ ข้อดีก็คือไม่ต้องเสียเงิน ในเมืองหลวงมีโรงเตี้ยมใหญ่ที่ค่อนข้างมี
ชื่อเสียง ข้าก็สามารถพาไปได้เหมือนกัน ใกล้ๆ นี้ก็มี แต่ด้วย
เงินเดือนน้อยนิดของข้าย่อมไม่กล้าพูดจาเกินตัวอย่างเช่นว่าจะเหมา
ที่พักและมีอาหารให้ครบครันอะไรแน่นอน”
เจิงเย่ยิ้มกล่าว “ไม่ต้องๆ อาจารย์เฉินช่วยแนะนาสถานที่แห่ง
หนึ่งให้แล้ว คือโรงเตี๊ยมตระกูลเซียนในเมืองหลวง ข้ารู ้ที่ตั้งแล้ว คิด
ว่าจะไปพักอยู่ที่นั่น”
ในจดหมายอาจารย์เฉินได้บอกไว้แล้วว่าเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยม
แห่งนั้นชื่อก่ายเยี่ยน ให้ไปพักที่นั่น ไม่ต้องจ่ายเงินเหมือนกัน
นอกจากนี้แล้วอาจารย์เฉินยังบอกให้เจิงเย่ไปที่ถนนเส้นหนึ่ง
ตรอกเล็กที่อยู่นอกหอเหรินอวิ๋นอื้อวิ๋น บอกชื่อแซ่ของตัวเองก็จะได้
เจอกับเทพเซียนผู้เฒ่าก่อกาเนิดที่ชื่อว่าหลิวเจียกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ที่มาจากสกุลจ้าวเทียนสุ่ย และยังสามารถให้ฝ่ ายหลังพาเจิงเย่ไป
เที่ยวเล่นในเมืองหลวงได้ อาจารย์เฉินท าอะไรรอบคอบมาโดยตลอด
จากโรงเตี้ยมแห่งนั้นจะเดินทางไปยังตรอกเล็กอย่างไรล้วนเขียนไว้
ในจดหมายอย่างชัดเจนแล้วhttps://novel-lk.com/
เจิงเย่ลังเลเล็กน้อย ต่อให้จะไม่รู ้ข้อพิถีพิถันในวงการขุนนาง
มากแค่ไหนก็รู ้ว่าคนเขาหวังดีถึงเพียงนี้ หากให้อีกฝ่ ายกลับไปทั้ง
อย่างนี้ก็ไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์เลย
คิดไม่ถึงว่าสวินชวี่จะพยักหน้าเอ่ย “ในเมื่ออาจารย์เฉินมีการ
จัดการไว้แล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ยุ่งวุ่นวายแล้ว เอาเป็ นว่าหากมีเรื่อง
อะไรก็ไปหาข้าที่ที่ว่าการกองคลังยุทโธปกรณ์ก็แล้วกัน
สวินชวี่หยิบกล่องกระบี่ใบจิ๋วที่แกะสลักอักษร “ฟ้ า” ออกมา ยื่น
ส่งให้เจิงเย่ ส่วนตัวสวินชวี่เองเก็บกล่องที่มีอักษร “ดิน” ไว้เอง ก็คือ
การใช ้กระบี่บินส่งข่าวระหว่างสองฝ่าย
ได้เอามาใช ้อีกครั้งแล้ว
สวินชวี่หยุดเดิน ยิ้มเอ่ยว่า “ข้าคงไม่ตามไปแล้ว ฉวยโอกาสนี้ได้
แอบอู้พอดี ข้าจะไปอ่านหนังสือที่ตรอกหลิวหลี เอาแต่มองไม่ซื้อมัก
ทาให้คนราคาญ ต้องเปลี่ยนร ้านหนังสือบ่อยๆ”
เจิงเย่ถามหยั่งเชิง “คราวหน้าข้าจะนัดเวลากับเจ้าไปที่ตรอกหลิว
หลีด้วยกันได้หรือไม่มีสหายไหว้วานให้ข้าช่วยซื้อหนังสือ ข้าหรือจะ
เข้าใจเรื่องพวกนี้ มีแต่จะถูกหลอกเอาเงินเท่านั้น”
สวินชวี่พยักหน้า “ล้วนเป็ นงานหลวงนี่นา”
เจิงเย่ยิ้มกว้าง ใต้เท้าสวินที่รับหน้าที่ในกรมกลาโหมผู้นี้ค่อนข้าง
คล้ายกับอาจารย์เฉินแน่นอนว่าแค่คล้ายในเรื่องรูปลักษณ์เท่านั้น ใต้
หล้านี้มีอาจารย์เฉินแค่คนเดียวhttps://novel-lk.com/
สวินชวี่ใช ้เสียงในใจเอ่ย “ค่าเดินทางจะคิดอย่างไร?”
เจิงเย่อึ้งตะลึง เพราะถึงอย่างไรก็ถูกกล่อมเกลาจากอาจารย์เฉิน
มานาน เขารีบตอบทันทีว่า “อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็ นตาราสามเล่มที่
ใต้เท้าสวินถูกใจแต่พากลับไปไม่ได้!”
สวินชวี่อมยิ้มกุมหมัดเอ่ยขอตัว
เจิงเย่กุมหมัดอ าลา