กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1042.3 ชื่อนี้ไม่เลว
ฉู่เหลียงแม่ทัพบู๊มึนงง ขุนนางบุ๋นเผยทงกลับเข้าใจได้ทันที เขา ใช ้ความคิดแค่เล็กน้อยก็เดาตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว
คนที่สามารถทาให้ฮ่องเต้ต้องระดมกาลังใหญ่โตเช่นนี้ นอกจาก คนผู้นั้นแล้วก็ไม่มีความเป็ นไปได้อย่างอื่นอีก
หรือเป็ นเพราะเรื่องที่ซากปรักวังมังกรลาคลองซี่เหมยจะตกเป็ น ของใครท าให้ภูเขาลั่วพั่วเกิดข้อขัดแย้งกับทางราชสานักขึ้นมา? จน ฮ่องเต้ต้องออกหน้ามาไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง?
ภายหลังฮ่องเต้ซ่งเหอบอกว่าจะเดินเล่นสักระยะทางหนึ่ง ให้พวก เขานั่งรถม้าไปรอข้างหน้าห่างออกไปสักสี่ห้าลี้
เดินออกจากศาลา ข้างกายพาไปแค่รองเจ้ากรมจ้าวเหยาและหลี่ เป่ าเจินขุนนางทอผ้า ซ่งเหอหยิบสมุดขนาดเท่าฝ่ ามือเล่มหนึ่ง ออกมาจากชายแขนเสื้อ ด้านบนคือเนื้อหาฎีกาลับที่สานักทอผ้าอวี๋ โจวเป็ นผู้เขียน
แม่ทัพเฉาเม่าแห่งอวี๋โจวไปที่ภูเขาพีอวิ๋นขุนเขาเหนือ จากนั้น ซานจวินเว่ยป้ อก็ไปแจ้งเฉินผิงอันของภูเขาลั่วพั่ว สุดท้ายสองฝ่ าย ไปดื่มชากันที่กองระเบียบพิธีการในจวนซานจวินนี่เป็ นแค่เนื้อหาของ ฎีกาลับฉบับหลักเท่านั้น เนื้อหาที่เขียนอยู่ในฉบับเสริมกลับละเอียด ยิ่งกว่า ถือเป็ นการอธิบายเสริมให้กับจุดที่สาคัญในฉบับหลัก นี่ก็คือ
ระเบียบทั่วไปในการเขียนฎีกาลับของที่ว่าการงานเตาเผา สานักทอ ผ้าและศูนย์ตัดต้นไม้ซึ่งอยู่กันคนละจังหวัดของต้าหลี จนถึงทุกวันนี้ ก็มีเพียงศูนย์ตัดต้นไม้ของหงโจวเท่านั้นที่ไม่เคยส่งฎีกาลับมาให้ โอรสสวรรค์สักฉบับเดียว
ก่อนหน้านี้ไปพบหลินเจิ้งเฉิงขุนนางหลักของศูนย์ตัดต้นไม้ ฮ่องเต้ก็แค่คุยเรื่องประเพณีบางอย่างในเมืองเล็กกับหุนเจ่อคน สุดท้ายของถ้าสวรรค์หลีจูผู้นี้เท่านั้น ทั้งสอง ฝ่ ายไม่ได้คุยเรื่องใน วงการขุนนางใดๆ ต่อกัน
เฉินผิงอันใช ้นามแฝงว่าเฉินจี้มาเปิดโรงเรียนสอนเด็กประถมใน หมู่บ้านชนบทที่ตั้งของลาธารอู๋ซีต้นกาเนิดของลาคลองซี่เหมย แฝง กายอยู่ในหมู่บ้านชนบท กลายเป็ นอาจารย์สอนหนังสือคนหนึ่ง จาก รายงานฉบับใหม่ล่าสุดทาให้รู ้ว่าเกาเนี่ยงเทพวารีลาคลองซี่เหมย และอวี๋ฮุยถิงผู้ฝึกตนหญิงแห่งศาลลมหิมะรู ้เรื่องลับนี้กันมานานแล้ว แต่พวกเขาต่างก็ไม่ได้รายงานให้ทางกรมพิธีการและกรมอาญา ของต้าหลีทราบ แต่เลือกที่จะจงใจปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ และการที่ราช สานักต้าหลีรู ้เรื่องนี้ได้ก็ต้องยกคุณความชอบให้กับผู้ฝึกตนขอบเขต หยกดิบจากภูเขาชิงกงหลิวเสียทวีปคนนั้นที่ทาให้กรมอาญาสืบสาว ร่องรอยจนมาเจอ หลังจากนั้นบุคคลอันดับหนึ่งบนภูเขาของหลิวเสีย ทวีป จิงเฮาผู้ฝึกตนเฒ่าขอบเขตบินทะยานก็เดินทางไปที่อวิ้นโจว ด้วยตัวเอง จิงเฮาย่อมบอกกล่าวแก่ป๋ ายอวี่จิงจาลองที่อยู่กลาง อากาศเหนือเมืองลั่วจิงเมืองหลวงสารองก่อนแล้ว เหตุผลของผู้ฝึก
ตนเฒ่าก็คือมาพบสหายบนภูเขาคนหนึ่งที่อยู่ในอาณาเขตของฉู่โจว แจกันสมบัติทวีป
โดยภาพรวมแล้วก็ถือว่าทางฝั่งของราชสานักเพิ่งจะมารู ้เอาตอน หลัง
ฮ่องเต้ที่รู ้รายงานลับเรื่องนี้ระหว่างทางแค่ไปพบหลินเจิ้งเฉิงที่ ศูนย์ตัดต้นไม้ในเขตอวี้จางหงโจว ภายหลังเกิดรู ้ความจริงกะทันหัน จึงตรงไปที่อวิ้นโจวและเหยียนโจว ส่วนไทเฮานั้นอยู่ที่บ้านเกิดซึ่งเป็ น ภูมิลาเนาเดิม การเดินทางมา “เยี่ยมญาติ” ของหนันจานในครั้งนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้ป่าวประกาศให้ใครรู ้เป็ นเหตุให้จนถึงทุกวันนี้ วงการขุนนางของหงโจวก็ยังไม่มีใครรู ้ว่าไทเฮาอยู่ในตระกูลหนันเข ตอวี้จาง ส่วนฮ่องเต้ก็มาเยือนแล้วก็กลับไป
ซ่งเหอยิ้มเอ่ย “กฎหมายควรค านึงถึงสภาพความเป็ นจริงของ สังคมและความรู ้สึกของผู้คน รองเจ้ากรมจ้าว ในเรื่องนี้กรมอาญา ของพวกเจ้าก็ไม่ต้องไปตาหนิเกาเนี่ยงและอวี๋ฮุ่ยถิงแล้ว ลองเอาตัว เข้าไปแทนที่พวกเขา ข้าก็คงไม่มีทางแพร่งพรายความลับให้ทางราช ส านักรู ้ อืม เป็ นเพราะไม่กล้ามากกว่า”
เกี่ยวกับเกาเนี่ยงเทพลาคลองคนแรกของลาคลองซี่เหมย จวน ซานจวินภูเขาพีอวิ๋นที่ดูแลสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าตลอดทั้ง อาณาเขตขุนเขาเหนือ รวมไปถึงกองชิงลี่ฝ่ ายบวงสรวงกรมพิธี การต้าหลี ต่างก็มีการประเมินไว้ก่อนนานแล้ว เนื้อหาเหมือนกัน อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
นี่แสดงให้เห็นว่าเกาเนี่ยงคือตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ในวงการขุนนางที่ ขับเรือตามกระแสลมเก่งอย่างมาก
ส่วนอวี๋ฮุ่ยถิง หลังจากที่นางลงมาจากภูเขาก็มารับหน้าที่เป็ นผู้ ฝึกตนติดตามกองทัพต้าหลีเกือบยี่สิบปีแล้ว สร ้างคุณความชอบด้าน การสู้รบมาไม่น้อย ครั้งนี้ก็เป็ นนางกับก่อกาเนิดเฒ่าในท้องถิ่น ของด้าหลีที่มีนิสัยสุขุมหนักแน่นคนหนึ่งที่รับผิดชอบเรื่องการคลาย ตราผนึกและขุดค้นซากปรักวังมังกรด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าทางฝั่งของ ราชวงศ์ต้าหลีจงใจให้นางมีประวัติที่โดดเด่นเพิ่มมาครั้งหนึ่ง ไม่ว่าวัน หน้านางจะอยากเป็ นขุนนางของราชส านักต้าหลีหรือกลับไปตั้งใจ ฝึกตนที่ศาลลมหิมะ ในสองสถานที่อย่างกรมขุนนางและศาลบรรพ จารย์บนภูเขาก็ล้วนสามารถเลือกได้ บวกกับที่คราวก่อนสามารถ เปิดตราผนึกวังมังกรได้ล่วงหน้า ทาให้พวกตี้ซือของกองโหราศาสตร ์ เมืองหลวงประหยัดวัตถุดิบแห่งฟ้ าดินที่ต้องใช ้ในการเปิดภูเขาไปได้ ไม่น้อย นี่ก็ต้องยกความชอบให้การที่นางเป็ นฝ่ ายมอบ “ดวงตา มังกร” สองข้างนั้นมาให้ด้วยตัวเอง ถือเป็ นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝัน ภายหลังทางกรมอาญาต้าหลีย่อมต้องมีการชดเชยให้ นั่นคือจะเลือก เอาสมบัติที่มีระดับขั้นเท่าเทียมกันจากในคลังลับอักษรอี่มามอบ ให้กับอวี๋ฮุยถิง ทุกวันนี้กรมอาญาได้ปรึกษากันเรื่องหนึ่งแล้วว่า ป้ าย สงบสุขปลอดภัยที่จะมอบให้อวี๋ฮุยถิงในอนาคตแผ่นนั้นควรจะเป็ น ระดับสามหรือให้ระดับสองไปโดยตรงเลย
ซ่งเหอกล่าว “ข้าได้อ่านประวัติบนสนามรบของอวี่ฮุ่ยถิงมาแล้ว ให้กรมอาญามอบป้ ายสงบสุขปลอดภัยระดับสองให้นางก็แล้วกัน นางสมควรได้รับ มีสตรีที่ห้าวหาญเช่นนี้ คือความโชคดีของต้าหลี พวกเรา”
จ้าวเหยายิ้มเอ่ย “ฝ่ าบาท ปีนั้นกรมอาญาอยากจะมอบป้ ายสงบ สุขปลอดภัยระดับล่างสุดให้ นางไม่ได้รับไว้ บอกว่าคุณความชอบ นางถูกตัวเองแบ่งใช ้ไปนานแล้ว ไม่มีความ ชอบก็มิอาจรับ ค่าตอบแทน”
ซ่งเหอเองก็รู ้เรื่องนี้เช่นกัน เขาอดไม่ไหวยิ้มเอ่ยว่า “ไม่เสียแรงที่ เป็ นผู้ฝึ กตนส านักการทหารที่มาจากศาลลมหิมะ กรมอาญาของ พวกเจ้ามอบของขวัญให้ยังยากกว่ารับของขวัญมาเสียอีกนะ”
จ้าวเหยาเสนอแนะ “อันที่จริงให้นางรับของขวัญไว้ก็ไม่ยาก แต่ บางทีอาจต้องให้ฝ่ าบาทและใต้เท้าเจ้ากรมเป็ นคนเปิดปากอนุญาต ให้อวี๋ฮุยถิงนาป้ ายสงบสุขปลอดภัยนี้ไปมอบต่อให้คนอื่นได้ นางต้อง ยอมรับไว้แน่นอน”
ซ่งเหอกล่าว “เรื่องแบบนี้มีให้เห็นได้ไม่บ่อยนักกระมัง? ข้าจ าได้ ว่าต้าหลีเคยแหกกฎให้กับเจิงเย่แห่งพรรคห้าเกาะแค่ครั้งเดียว เท่านั้น?”
กู้ช่านแห่งทะเลสาบซูเจี่ยนเคยมอบป้ ายสงบสุขปลอดภัยของ ตัวเองต่อไปให้กับเจิงเย่
จ้าวเหยาพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็เพิ่มเงื่อนไขไปอีกข้อแล้วกัน สามารถมอบต่อให้คนอื่นได้ แต่ป้ ายสงบสุขปลอดภัยระดับสองจะถูก ลดขั้นกลายเป็ นระดับสาม ด้วยนิสัยของอวี๋ฮุยถิง นางน่าจะยินดีที่ เป็ นเช่นนี้”
ซ่งเหอหันหน้าไปมองหลี่เป่าเจินที่อยู่ด้านข้าง ยิ้มถามว่า “หลี่จือ
จ้าว เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
หลี่เป่ าเจินยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ฝ่ าบาททรงพระปรีชา ในใจมีการ ตัดสินใจมานานแล้ว แต่ก าลังทดสอบรองเจ้ากรมจ้าวกับกระหม่อม อยู่มากกว่า”
ซ่งเหอตบไหล่หลี่เป่าเจิน เอ่ยสัพยอกว่า “โลกภายนอกต่างก็พูด กันว่าคนที่เดินออกมาจากถ้าสวรรค์หลีจูอย่างพวกเจ้า พูดชมคนอื่น ได้คล่องปาก ด่าคนอื่นยิ่งดุร ้าย ไม่ต้องร่างคาพูดด้วยซ้า”
จ้าวเหยากล่าว “ในเรื่องนี้ถนนฝูลู่และตรอกเถาเย่ของพวกเรา อยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบกับสถานที่อื่นๆ ในเมืองเล็กได้ติด อีกทั้งทาง ฝั่งบ้านเกิดของพวกเราก็ดูเหมือนว่าบุรุษจะสู้สตรีไม่ได้มาโดยตลอด ยายหม่าแห่งตรอกซิ่งฮวา หญิงหม้ายตระกูลกู้แห่งตรอกหนีผิงมารดา ของหลี่ไหวที่บ้านอยู่ทางทิศตะวันตกสุดของเมืองเล็ก และยังมีหวง เอ้อเหนียงที่ขายเหล้า พวกนางทั้งหลายถึงจะเป็ นยอดฝี มืออันดับ หนึ่งที่ผู้คนให้การยอมรับ ทักษะสูงส่งลึกล้า ยามที่ทะเลาะกับคนอื่น ขึ้นมา แต่ละคนล้วนไร ้เทียมทาน”
หลี่เป่าเจินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
ซ่งเหอถามอย่างใคร่รู ้ “ถ้าพวกนางประมือกันเอง ผลแพ้ชนะจะ เป็ นเช่นไร?”
จ้าวเหยากล่าว “ระหว่างยอดฝี มือชั้นเลิศด้วยกัน มักจะไม่ ประลองฝีมือกันง่ายๆ”
หลี่เป่าเจินเอ่ยคล้อยตาม “แต่ละคนอยู่ในถิ่นของตัวเอง เจอหน้า กันก็มักจะเหล่ตามองกัน นี่น่าจะเรียกว่าเป็ นการประมือกันแล้ว คือ ความรู ้ที่คนทั่วไปมิอาจทาความเข้าใจได้”
เงียบไปพักหนึ่ง คนทั้งสามก็หลุดปากเอ่ยคาหนึ่งออกมาพร ้อม กันโดยไม่ได้นัดหมายมิน่าเล่า
มิน่าเล่าเจ้าคนของตรอกหนีผิงผู้นั้นถึงได้โดดเด่น ชื่อเสียงเลื่อง ระบืออยู่ในต่างแดนเช่นนี้
ขนบธรรมเนียมที่เรียบง่ายของเมืองเล็ก ทุกวันนี้มีชื่อเสียงเลื่อง ลือไปทั่วใต้หล้าพอๆ กับงานเลี้ยงท่องราตรีของเว่ยซานจวินแห่ง ขุนเขาเหนือแล้ว
ในรถม้า ฉวยโอกาสที่ฮ่องเต้ไม่อยู่ อวี๋อวี๋แอบหยิบเหล้าเซียน ของต าหนักฉางชุนกาหนึ่งออกมาดื่ม
ฮองเฮาอวี๋เหมี่ยนก็ไม่ขัดขวางนาง อวี๋อวี๋เช็ดมุมปาก “ฮองเฮา อีกเดี๋ยวจะได้พบใต้เท้าอิ่นกวานแล้ว ข้าตื่นเต้นมากเลย ต้องรีบดื่ม เหล้าระงับความตกใจสักสองค า”
ตามล าดับอาวุโสในตระกูลบนทาเนียบ อันที่จริงเด็กสาวเป็ นผู้ อาวุโสของฮองเฮาอวี๋เหมี่ยน อวี๋เหมี่ยนต้องเรียกอวี๋อวี๋ว่าท่านอาน้อย
อวี๋เหมี่ยนยิ้มถามเสียงอ่อนว่า “เจ้ากลัวอาจารย์เฉินขนาดนี้เชียว หรือ?”
คราวก่อนไปร่วมงานเลี้ยงแต่งงานที่เมืองหลวงกับฮ่องเต้ อวี๋เห มี่ยนเคยเจอกับเฉินผิงอันแล้ว ในภาพจาของนางก็คือบัณฑิตที่มี ความหยิ่งทระนงในตัวเองอย่างมาก หากจะพูดถึงกลิ่นอายความเป็ น เทพเซียนของผู้ฝึกตนบนภูเขา กลับกลายเป็ นว่ามีไม่เข้มข้นนัก
อวี๋อวี๋เอนหลังพิงผนังรถม้า ส่งเสียงเรอดังลั่นอย่างสะใจ แล้วยัง แกล้งหันไปเป่าลมใส่ฮองเฮาด้วย “ขาดค าว่า “พวก’ ไปนะ ไม่ใช่ข้า คนเดียวที่กลัวเขา พวกเราทุกคนต่างก็กลัวกันหมด ถึงอย่างไรทุก คนก็ขายหน้าเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าใครก็ไม่น่าอายแล้ว”
อวี๋เหมี่ยนโบกมือสลายกลิ่นเหล้าทิ้งไป ก่อนจะเลิกผ้าม่านรับลม หลีกเลี่ยงไม่ให้ฮ่องเต้ขึ้นรถมาแล้วได้กลิ่นเหล้าอบอวล “ไม่รู ้จักทา ตัวจริงจังเสียบ้าง วันหน้าจะออกเรือนอย่างไร”
อวี๋เหมี่ยนร ้องเฮ้อเลียนแบบน้าเสียงของอื่นกวานหนุ่ม “เรื่อง อย่างการเร่งรัดให้คนแต่งงาน ไม่เป็ นที่ชื่นชอบของใครหรอกนะ อีก
อย่างข้าคือผู้อาวุโสในตระกูล ฮองเฮา อย่างเจ้านี่เรียกว่าไม่รู ้จักเด็ก ไม่รู ้จักผู้ใหญ่”
อวี๋เหมี่ยนหลุดข าอย่างอดไม่อยู่ ลูบหัวของเด็กสาว อวี๋เหมี่ยน โวยวายว่าบังอาจ หันหน้ากลับมาแล้วปล่อยหมัดรัวใส่ฮองเฮาพร ้อม ส่งเสียงฮือฮ่า
ซ่งเหอยิ้มกล่าว “เป่าเจิน กลับบ้านเกิดครั้งนี้ จาไว้ว่าหาเวลาว่าง ไปเจอเจี่ยนเฟิงด้วยจะดีจะชั่วเขาก็เป็ นขุนนางจวนผู้ตรวจการงาน เตาเผาในหนึ่งจังหวัด ไปอยู่อาเภอไหวหวงไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว หากยังปล่อยให้คาราคาซังอย่างนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่อง เอาล่ะ เจ้ารออยู่ นี่แหละ ข้าจะเดินทางไปกับจ้าวเหยาต่อ”
เจี่ยนเฟิ งคือลูกหลานของตระกูลในเมืองหลวง ไปรับหน้าที่ ผู้ตรวจการขุนนางชั้นสี่ชั้นเอกต่อจากเฉาเกิงซิน ผลคือพอไปถึง เมืองเล็กกลับต้องเจอกับอุปสรรคอยู่ตลอด เหยียบตะปูอ่อนไปไม่น้อย สภาพการณ์ไม่ได้ดีไปกว่าปีนั้นที่อู๋ยวนไปรับหน้าที่เป็ นนายอ าเภอ ของเมืองเล็กสักเท่าไร เจี่ยนเฟิ งยังเป็ นคนหยิ่งทระยง ดูแคลนผีขี้ เหล้าเฉาที่ทาตัวเอ้อระเหยลอยชายอย่างสุดใจ อันที่จริงคนมีตาที่อยู่ ใจกลางของราชส านักต้าหลีต่างก็มองออกว่า เขาอยู่ไกลเกินกว่าจะ เทียบการ “ทาเรื่องหนักให้เป็ นเบา” ของเฉาเกิงซินได้ติด สาหรับการ กระทาของเจี่ยนเฟิ งในจวนผู้ตรวจการตลอดหลายปี ที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ไม่ใคร่จะพอใจนัก เพียงแต่ว่าเขามิอาจสั่งสอนเจี่ยนเฟิ งกับ ตัวเองได้ว่าควรเป็ นขุนนางอย่างไร พอดีกับที่หลี่เป่าเจินจะกลับบ้าน
เกิด ก็ให้คนรู ้ใจของโอรสสวรรค์สองคนนี้พูดคุยเปิดใจกันไปแล้วกัน หากหลังจากนี้เจียนเฟิ งยังไม่ดีขึ้น ซ่งเหอก็ต้องไปหาหลี่เป่ าเจิน โดยตรงแล้ว
หลี่เป่ าเจินค้อมกายกุมหมัด หยุดยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะจากไป อย่างเงียบๆ
รอกระทั่งหลี่เป่ าเจินทะยานลมห่างไปไกลแล้ว จ้าวเหยาก็ถอน สายตากลับมา เอ่ยเสียงเบาว่า “จูลู่ขุนนางผู้ช่วยส านักทอผ้า นาง หายตัวไปกลางคัน เรื่องนี้ค่อนข้างจะประหลาดอยู่บ้าง”
ซ่งเหอนวดคลึงหว่างคิ้ว เอ่ยว่า “สามารถทาให้สารถีเฒ่าพูดถึง ด้วยถ้อยคาคลุมเครือสืบเสาะให้ลึกลงไปก็ไร ้ประโยชน์ ในเมื่อเป็ นไป ได้มากที่อีกฝ่ ายจะเป็ นผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่ศาลบุ๋นไม่มีทางท าอะไร ลับๆ ล่อๆ แบบนี้แน่ คิดดูแล้วก็มีแค่ท่านผู้นั้นแล้ว”
จ้าวเหยาพยักหน้า “หากเป็ นเขาจริงๆ ก็สมเหตุสมผลดี”
จูลู่มาจากสกุลหลี่ของถนนฝูลู่ ถูกลู่เฉินพาตัวไปก็สามารถ อธิบายได้แล้ว
ซ่งเหอเดินด้วยฝี เท้าเนิบช ้าไปท่ามกลางภูเขาเขียวน้าใส ยิ้ม บางๆ เอ่ยว่า “ดอกท้อดอกเหมยพร ้อมด้วยดอกซิ่ง ร่วงหล่นปลิว ปรายไปตามบ้านคน”
จ้าวเหยายิ้มกล่าว “คนบ้านป่ากลางภูเขามีสิ่งใด มีเหล้าฤดูใบไม้ ผลิหมักใหม่อยู่เต็มไห”
ซ่งเหอพลันถามว่า “ข่าวที่ข้ามาที่นี่มิอาจปิดบังภูเขาพีอวิ๋นได้ จ้าวเหยา เจ้าว่าเว่ยซานจวินจะบอกกับอาจารย์เฉินหรือไม่?”
จ้าวเหยากล่าว “บอกได้ยาก”
บอกได้ยากจริงๆ
ไม่ใช่คาตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ บอกได้ยากอย่างไร นั่นก็เพราะ สถานะของจ้าวเหยาทาให้เขายากจะตอบคาถามข้อนี้ได้
ฮ่องเต้หัวเราะ แต่ก็ไม่ได้ท าให้รองเจ้ากรมจ้าวล าบากใจ