กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1045.1 บนเส้นทางไม่กล้ามีเจิ้ง
หลังจากที่เฉินผิงอันพาเผยเฉียนออกมาจากอาณาเขตของ ภูเขาเหอฮวานก็ไปเยือนจวนชิงป๋ ายสันเขาเซียจื่อกันมาก่อนรอบ หนึ่ง บอกเป็ นนัยต่อป้ ายเหมาว่าอย่าเก็บตาราบุปผาสกุณาเล่มนั้น วางไว้บนชั้นสูง มีเวลาว่างก็เปิดอ่านบ่อยๆ ไม่แน่ว่าอาจมีเรื่องน่ายินดี ที่ไม่คาดฝัน จากนั้นก็เลือกท่าเรือตระกูลเซียนที่ใกล้ที่สุดซึ่งมีชื่อว่า ท่าเรือเจียเหอ นั่งโดยสารเรือข้ามฟากบนภูเขาลาหนึ่งชื่อว่า “เพิ่งจี้” ถึงยามเช ้าตรู่เรือข้ามฟากล านี้ก็จอดเทียบท่าที่ท่าเรือจิ่วฮวาซึ่งเป็ น พื้นที่ชานเมืองหลวงของสกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่ง
ในเมื่อกล้าตั้งชื่อว่าท่าเรือจิ๋วฮวา (ฟองที่ลอยเหนือเหล้าหรือฟอง เบียร ์) ก็ย่อมไม่ขาดเหล้าหมักเซียนเลิศรส เอ่ยประโยคที่ไม่เกินจริง สักคา ทั่วทั้งท่าเรือล้วนมีแต่กลิ่นหอมของสุราลอยอบอวล
โชคดีได้อยู่ในยุคสันติสุข ภูเขาเขียวน้าใส เพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ ออกจากบ้านมาก็เพื่อดื่มเหล้ามองคนงาม
บนถนนผู้คนเบียดเสียดกันแออัด เฉินผิงอันที่เป็ นหนึ่งในร่าง แยกมองไปยังร ้านรวงรอบด้านพลางถามชวนคุย “เจ้ารู ้หรือไม่ว่าป๋ าย เสวียนมีตาราเล่มหนึ่งที่เป็ นความลับไม่บอกใคร?”
้
เผยเฉียนพยักหน้า กระตุกมุมปาก “รู ้ ตาราวีรบุรุษที่เขาเขียน ขึ้นเองนี่นา ป๋ ายเสวียนมีความคิดดีมาก วิชาหมัดไม่เพียงพอก็เอา จ านวนคนมาประสมประเสให้ครบ”
ก่อนหน้านี้ก็มีป๋ ายโส่วแห่งยอดเขาเพียนหรานสานักกระบี่ไท่ฮุย แล้วยังมามีป๋ ายเสวียนแห่งภูเขาลั่วพั่วบ้านตัวเอง ทาไม พวกเจ้าที่ แซ่ป๋ ายล้วนห้าวหาญเก่งกาจกันขนาดนี้เลยหรือ?
เฉินผิงอันถามอย่างประหลาดใจ “แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็รู ้ด้วยหรือ?”
เผยเฉียนยิ้มกล่าว “คร ้านจะถือสาเจ้าพวกเด็กน้อยตัวเท่าก้น”
ในเมื่ออาจารย์พ่อพูดถึงเรื่องนี้ นางก็จะยอมปล่อยป๋ ายเสวียนไป สักครั้ง แสร ้งทาเป็ นไม่รับรู ้ถึงบุญคุณความแค้นส่วนตัวครั้งนี้
แต่ในความเป็ นจริงแล้วชายชาตรีแห่งยุทธภพทุกคนที่มีรายชื่อ อยู่ในสมุดเล่มนั้น เผยเฉียนล้วนรู ้ชัดเจนดี หาไม่แล้วเผยเฉียนก็ จะต้องให้ป๋ ายเสวียนได้สัมผัสกับตัวเองเสียหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่า ยุทธภพอันตรายอย่างแท้จริง
แต่เฉินผิงอันกลับร ้องเอ๊ะหนึ่งที ช่วยพูดแก้ให้ว่า “จะบอกว่าไม่ ถือสาได้อย่างไรอุตส่าห์วางแผนมาอย่างยากล าบาก จะปล่อยให้ป๋ าย เสวียนใช ้ตะกร ้าไม้ไผ่ตักน้าไม่ได้หรอกนะ”
เผยเฉียนอึ้งตะลึง “อาจารย์พ่อจะให้ข้าซ ้อมเขาจริงๆ ป๋ ายเสวียน จะได้สมใจปรารถนาหรือ?”
้
เฉินผิงอันพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “จะเรียกว่าซ ้อมได้อย่างไร ก็ แค่ประลองฝีมือเท่านั้นแต่จ าไว้ว่าอย่าลงมืออ ามหิตเกินไปนัก”
เผยเฉียนเข้าใจแล้ว คลี่ยิ้มกว้างสดใสทันที
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ ตอนที่เดินเขาเชิดหน้า ยืดอก มีมาดเหยียดหยามผู้อื่นอยู่หลายส่วน เด็กหนุ่มสวมรองเท้า สานที่อายุไม่มาก ทั่วทั้งร่างมีทั้งกลิ่นอายของความยากจน แล้วก็มี ความแก่เกินวัยที่เห็นได้ชัดเป็ นพิเศษ เหมือนลูกหลานจวนเซียนที่ เพิ่ง ออกมาเผชิญโลกกว้าง เพิ่งลงจากภูเขามาหาประสบการณ์ครั้ง แรกจึงไม่รู ้ฟ้ าสูงแผ่นดินต่า
เฉินผิงอันถามว่า “แล้วเจ้ารู ้หรือไม่ว่าในบรรดาเด็กกลุ่มที่ข้าพา มาจากก าแพงเมืองปราณกระบี่ มีเพียงป๋ ายเสวียนที่ไม่ได้กราบ อาจารย์?”
เผยเฉียนส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าไม่รู ้จริงๆ”
เฉินผิงอันจึงเล่าเรื่องการสืบทอดของป๋ ายเสวียนที่บ้านเกิดให้ นางฟังคร่าวๆ
เผยเฉียนฟังจบแล้วก็พยักหน้าเอ่ยว่า “ป๋ ายเสวียนไม่เลวเลย จริงๆ”
ครั้งนั้นติดตามชุยตงซานไปเที่ยวเยือนกาแพงเมืองปราณกระบี่ เผยเฉียนที่ยังเป็ นถ่านด าน้อยมัวแต่หวาดกลัว
้
ภายหลังลองมานึกย้อนดู ผู้ฝึ กกระบี่ที่เจอบนหัวกาแพงเมือง ระหว่างทางและในร ้านเหล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกกระบี่หญิงที่เกิด และเติบโตมาในกาแพงเมืองปราณกระบี่ ไม่พูดถึงรูปโฉมหน้าตา แต่ ละคนล้วนมีชีวิตชีวาสง่างามต่างกันไป
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “เรื่องหนึ่งก็ส่วนเรื่องหนึ่ง พอเจ้าตะพาบน้อยนี่ มาถึงภูเขาลั่วพั่ว ก็คอยพูดถึงข้าแย่ๆ ทุกสามวันห้าวัน เขายังรู ้สึกว่า ตัวเองพูดแต่เรื่องดีๆ เสียอีก ต้องมีคนควบคุมเสียบ้าง ข้ามิอาจว่า กล่าวอะไรเขาได้ หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกคนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็ นวัวสันหลัง หวะ ท าตัวมีพิรุธ”
ป๋ ายเสวียนพูดไปตามใจปาก หมี่ลี่น้อยได้ยินเข้าก็ไม่ใช่ว่าแต่ละ คนของภูเขาลั่วพั่วและสานักกระบี่ชิงผิงต่างก็กระจ่างกันดีอยู่แก่ใจ หรือ?
เผยเฉียนพยักหน้า “อาจารย์พ่อวางใจได้เลย ข้าจะสอนให้เขารู ้ ว่าอะไรที่เรียกว่าปิดปากให้แน่นสนิท อย่างน้อยก็ต้องให้ป๋ ายเสวียน เข้าใจว่าท าอย่างไรจึงจะถือว่าถนอมถ้อยค าดุจทองค า”
ในห้องส่วนตัวของเหลาสุราเก่าแก่แห่งหนึ่งบนท่าเรือจิ๋วฮวา คน หนุ่มสวมชุดลัทธิขงจื๊อที่ยืนพิงหน้าต่างรีบถอยหลังไปหลายก้าว หลังจากหยุดยืนนิ่งแล้วก็คล้ายจะลังเลว่าควรจะเดินกลับไปที่หน้าต่าง ดีหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ยังหมุนตัวเดินกลับไปนั่งที่เดิม ดื่มเหล้า เงียบๆ ไปหนึ่งคา คีบกับข้าวมากิน เคี้ยวอย่างละเอียดคล้ายกาลังคิด เรื่องในใจ ก่อนที่บนใบหน้าของคนหนุ่ มจะค่อยๆ มีรอยยิ้ม ดู
้
เหมือนว่าเฉิ นผิงอันที่อยู่บนถนนจะดูแปลกตาไปบ้าง ไม่ เหมือนกับเฉินผิงอันตัวจริงในช่วงที่อายุเท่ากันในความทรงจาของ ตนเลย
ในห้องมีหันเชี่ยวเซ่อที่ร่ายเวทอาพรางตาและหลิงเยี่ยนที่วันนี้ เปลี่ยนมาแต่งกายเป็ นสาวใช ้อีกครั้ง
หันเชี่ยวเซ่อเหลือบมองสีหน้าของกู้ช่าน แต่หลิงเยี่ยนกลับเดิน ไปใกล้หน้าต่างแล้วเหลือบตามองไป นางก็ได้เห็นเด็กหนุ่มสวม รองเท้าสานสะพายกระบี่คนหนึ่งกับหญิงสาวที่มวยผมทรงกลมคน หนึ่ง เข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เป็ นคนรู ้จักเก่าที่บังเอิญมาเจอกันแต่ไม่ยอม ไปพบหน้ากัน
เผยเฉียนสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาจากจุดสูงได้ทันที นางเงย หน้าขึ้นจึงสบตากับสตรีที่งดงามเกินจริงไปสักหน่อยผู้นั้น
หลิงเยี่ยนขมวดคิ้ว รู ้สึกประหลาด เพียงแค่ถูกผู้ฝึกยุทธหญิงคน นั้นเหลือบมองกลับทาให้นางรู ้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้า
ไม่เสียแรงที่เป็ นเผยเฉียน
ผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางที่อายุน้อยขนาดนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ
เผยเฉียนรวมเสียงให้เป็ นเส้นพูดอย่างไม่กระโตกกระตากว่า “อาจารย์พ่อ ที่เหลาสุรามีผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่ง สภาพจิตใจของนาง ค่อนข้างจะประหลาด บรรยากาศมืดมนเย็นชามีกระดูกขาวจ านวน นับไม่ถ้วนลอยตัวอยู่กลางอากาศ แค่มองก็รู ้ว่าไม่ใช่คนดี”
้
เฉินผิงอันถาม “นางมีจิตสังหารหรือไม่?”
เผยเฉียนตอบ “ไม่มี”
เฉินผิงอันขมวดคิ้ว “ใช่เผ่าปีศาจแห่งเปลี่ยวร ้างที่เร ้นกายอยู่ที่นี่ หรือไม่?”
เผยเฉียนคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ค่อนข้างคล้าย อาจารย์พ่อ ไม่สู้พวก เราไปสืบดูที่เหลาสุราให้รู ้แน่ชัดเลยดีไหม?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ระวังหน่อย”
เผยเฉียนท าท่าจะพูดแต่ไม่พูด
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “อาจารย์พ่อปกป้ องตัวเองได้ไม่มีปัญหา”
และเวลานี้เอง หันเชี่ยวเซ่อก็เผยกายที่หน้าต่าง ใช ้เสียงในใจยิ้ม เอ่ยว่า “ใต้เท้าอิ่นกวาน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ขึ้นมาราลึก ความหลังกันหน่อยไหม?”
เฉินผิงอันเงยหน้ามองไป คิดไม่ถึงว่าจะเป็ นหันเชี่ยวเซ่อ ศิษย์ น้องของอาจารย์เจิ้ง ผู้ฝึกตนหญิงเซียนเหรินแห่งนครจักรพรรดิขาว ที่ถอนเวทอาพรางตาออกชั่วคราว
ในใจพลันกระจ่างแจ้ง หันเชี่ยวเซ่อที่อยู่บนภูเขาแตกต่างจาก หลิ่วชื่อเฉิงศิษย์น้องที่ชอบออกไปก่อเรื่องสร ้างชื่ออยู่ข้างนอกอย่าง สิ้นเชิง นางคือผู้ฝึกตนผู้บรรลุมรรคาที่ชอบเก็บตัวเงียบตั้งใจฝึกตน
้
ในเมื่อนางเผยกายในต่างบ้านต่างเมืองก็แสดงว่าต้องเดินทางมา พร ้อมกับคนบางคนที่หวนกลับคืนสู่บ้านเกิด
เฉินผิงอันพยักหน้า พาเผยเฉียนเดินเข้าไปในเหลาสุราด้วยกัน พบว่ากู้ช่านมายืนรอตรงปากบันไดหน้าห้องโถงใหญ่แล้ว เฉินผิงอัน เดินไปหาเขา เอ่ยเสียงเบา “มาได้อย่างไร”
กู้ช่านเบี่ยงตัวให้เฉินผิงอันเดินขึ้นชั้นบนมาก่อนแล้วเขาค่อย เดินตามไป ไม่ได้ใช ้เสียงในใจพูด เพียงแค่กดเสียงลงต่าเอ่ยว่า “แวะ มาดูที่นี่เท่านั้น”
ส่วนเผยเฉียนก็จงใจชะลอฝีเท้าคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้เจตนา ให้ กู้ช่านเดินขึ้นชั้นบนไปก่อน กู้ช่านตอบค าถามของเฉินผิงอันแล้วก็ หันหน้ามายิ้มกุมมือคารวะเผยเฉียน ไม่ได้เอ่ยถ้อยค าขอบคุณใดๆ
เผยเฉียนเพียงแค่ยิ้มกว้าง
อันที่จริงส่วนลึกในใจของเผยเฉียนไม่เคยมีความรู ้สึกรังเกียจ ชิงชังใดๆ ต่อเจ้าคนที่อาจารย์พ่อเห็นเป็ นคนในครอบครัว แต่ก็ท าให้ อาจารย์พ่อเผชิญกับความทุกข์ยากมาสารพัดผู้นี้
และถึงแม้ว่ากู้ช่านจะเพิ่งเคยพบเจอเผยเฉียนเป็ นครั้งแรก แต่เขา ที่อาศัยฟังจากข่าวลือบางอย่างก็มีความประทับใจที่ดีต่อลูกศิษย์ ใหญ่เปิดภูเขาในนามของเฉินผิงอันคนนี้อย่างมาก
เฉินผิงอันเดินขึ้นชั้นบน ถามว่า “ตั้งใจมาร่วมวงความครึกครื้น ที่ภูเขาเหอฮวานหรือ?”
้
กู้ช่านยิ้มเอ่ย “เพราะอยู่ว่างไม่มีอะไรทา เลยนึกอยากจะมาชม ความครึกครื้นอยู่ไกลๆ ผลคือมาไม่ทัน ไม่ได้กินนี่ร ้อนๆ สักอีกเลย ด้วยซ้า”
เฉินผิงอันเพียงแค่ชะลอฝีเท้าให้ช ้าลง กู้ช่านก็รีบแก้ค าพูดใหม่ ทันทีว่า “ถือเสียว่าข้าผายลมแล้วกัน”
หลิงเยี่ยนฟุบตัวอยู่ที่ราวรั้วของชั้นบนสุดของหอเรือน นางก้ม หน้ามาเห็นภาพนี้ก็จุ๊ปากด้วยความอัศจรรย์ใจ
ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นว่าหญิงสาวที่เดินตามมาด้านหลังอิ่นก วานคนสุดท้ายและนายท่านของตัวเองเงยหน้าเหลือบมองมา
หลิงเยี่ยนยิ้มตาหยีไม่พูดไม่จา ยังคงค้างอยู่ท่าเดิม ผู้ฝึ กยุทธ ขอบเขตปลายทางร ้ายกาจนักหรือ แต่เจ้าก็ไม่ใช่เฉาสือเสียหน่อย?
ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถามหมัดกับเฉาสือสี่ครั้งติดก็ล้วนแพ้ทุกครั้ง
เป็ นลูกศิษย์ของอิ่นกวานก็เลยเอาอย่างเขาอย่างนั้นหรือ?
เฉินผิงอันเข้ามาในห้องแล้วก็เหลือบตามองตะเกียบและชามบน โต๊ะ ก่อนจะเลือกเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้แล้วนั่งลง เผยเฉียนก็นั่งลงข้างเขา
หันเชี่ยวเซ่อถามอย่างตรงไปตรงมา “ที่ภูเขาลั่วพั่วของเจ้า ขุนเขาเฉินมีต าราพิชัยยุทธให้ยืมอ่านหรือไม่? ไม่ว่าจะเป็ นความรู ้ที่ ลึกซึ้งหรือตื้นเขิน มีชื่อเสียงมากหรือน้อย ข้าก็ยินดียืมอ่านจาก อาจารย์เฉิน หากรู ้สึกว่าความสัมพันธ ์ของพวกเราไม่ได้ดีถึงขั้นนั้น
้
ข้าก็สามารถจ่ายเงินซื้อตารามาอ่านได้ หนึ่งเล่มต่อหนึ่งเหรียญเงิน ฝนธัญพืช ยิ่งมากก็ยิ่งมีประโยชน์ ไม่ต้องพิถีพิถันเรื่องฉบับพิมพ์ จะ เป็ นแบบจัดพิมพ์ก็ดี หรือเป็ นแค่ส าเนาก็ช่าง หากเป็ นต้นฉบับได้ก็ยิ่ง ดี หลักๆ แล้วคือกลัวว่าหากอ่านจากฉบับพิมพ์จะมีข้อผิดพลาด หรือไม่ก็มีตัวอักษรที่ตกหล่น”
เฉินผิงอันมองเซียนเหรินหญิงที่ไม่คล้ายว่าจะพูดล้อเล่น ยิ้มเอ่ย ว่า “ได้สิ ขอแค่หันเซียนซื่อไม่รู ้สึกว่าต้องจ่ายเงินอย่างเสียเปล่าก็ พอ”
ตาราที่เก็บสะสมไว้บนภูเขาสั่วทั่วบ้านตนนับว่าอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ในหอสยบปีศาจที่ใบถงทวีปของชิงถงก็เก็บรักษาตาราที่ เหลือเพียงเล่มเดียวซึ่งมีมูลค่าควรเมืองไว้อีกหลายเล่ม หากหันเชี่ยว เซ่อมีข้อเรียกร ้องต่อฉบับพิมพ์ของตาราก็ว่าไปอย่าง แต่ในเมื่อจะ เป็ นฉบับพิมพ์หรือฉบับสาเนาก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเงินเทพเซียนก้อนนี้ก็ ถือว่าหามาได้ง่ายมาก
ตาราพิชัยสงครามทุกเล่มเปิดราคาที่หนึ่งเหรียญเงินฝนธัญพืช นี่คือการเอาเงินมามอบให้โดยแท้
โดยเฉพาะตาราพิชัยยุทธทุกประเภทในพื้นที่มงคลรากบัวที่ ส าหรับใต้หล้าไพศาลแล้วแต่ละเล่มล้วนถือว่าเป็ นตาราที่มีเพียงหนึ่ง เดียวเท่านั้น
้
แต่เฉินผิงอันก็พอจะเดาได้คร่าวๆ ว่าการที่หันเชี่ยวเชื่อรวบรวม ต าราพิชัยยุทธก็เพราะเจิ้งจวีจงศิษย์พี่ของนางสั่งมา คาดว่านี่น่าจะ เกี่ยวข้องกับการที่นางมิอาจ “พิสูจน์มรรคาบินทะยาน’ ได้เสียที
หันเชี่ยวเซ่อหัวเราะเสียงดังกังวาน “ตอนที่อยู่กาแพงเมืองปราณ กระบี่ อาจารย์เฉินก็เคยพูดไม่ใช่หรือว่าเงินจะนับเป็ นอะไร น่า เสียดายที่วันนี้ไม่ใช่อาจารย์เฉินที่เป็ นคนเลี้ยงเหล้า ในอนาคตเมื่อไป ถึงนครบินทะยานของใต้หล้าห้าสี ข้าจะต้องไปดื่มเหล้าที่ร ้านแห่งนั้น ดูสิว่าจะสามารถดื่มเหล้าจนฝ่าทะลุขอบเขตได้หรือไม่!”
หันเชี่ยวเซ่อพูดเหมือนเล่นทายคาปริศนา ทาให้หลิงเยี่ยนที่ได้ ฟังมึนงงสงสัย
ผู้ฝึกตนหญิงแห่งเปลี่ยวร ้างที่มีฉายาว่า “ชุนเซียว” ผู้นี้ย่อมไม่รู ้ ว่าก่อนหน้านี้ในการประชุมของศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง ท่ามกลาง สายตาผู้คนมากมายที่จับจ้องมองมา หลี่เซิ่งได้ท าให้เหล่าอริยะ ปราชญ์และเหล่าผู้กล้าได้เห็นร ้านเหล้าเล็กๆ แห่งหนึ่งในกาแพงเมือง ปราณกระบี่ รวมไปถึงกลอนคู่ที่แปะด้านข้างและกลอนขวางที่แปะ ด้านบนบานประตูของร ้านนั้น
ร ้านเหล้าไม่ใหญ่ แต่คาพูดคาจาในกลอนคู่กลับวางโตยิ่งใหญ่ อย่างมาก ส่วนเนื้อหาที่อยู่ในกลอนแนวขวาง ทุกวันนี้ก็ยิ่งทาให้พวก ผีขี้เหล้าจานวนไม่น้อยในใต้หล้าไพศาลพูดคุยกันอย่างออกรส “ผู้ที่ ดื่มเหล้าของร ้านข้าสามารถฝ่าทะลุขอบเขต”
้
เผยเฉียนคล้ายจะนั่งตัวตรงอย่างสารวม เพียงแต่ว่านางคอยเหล่ ตามองผู้ฝึกตนหญิงคนนั้นด้วยท่าทางอันเป็ นเอกลักษณ์ของเผยเฉีย นอยู่เป็ นระยะ
กู้ช่านแนะนาด้วยรอยยิ้มว่า “แจกันสมบัติทวีปของพวกเรามีผู้ ฝึกตนแผนภูมิดิน ส่วนนางก็เป็ นหนึ่งในผู้ฝึกตนแผนภูมิฟ้ าของใต้ หล้าเปลี่ยวร ้าง ในนามอยู่ในการดูแลของโจวชิงเกา ชื่อจริงเผ่าปีศาจ ของนางคือจื่ออู่เมิ่ง ฉายาชุนเซียว ทุกวันนี้ข้าตั้งชื่อให้ว่าหลิงเยี่ยน เพื่อสะดวกให้นางได้ท่องเที่ยวอยู่ในเก้าทวีปของไพศาล ภายในร ้อย ปี จื่ออู่เมิ่งจะต้องเป็ นสาวใช ้อยู่ข้างกายข้า คอยดูแลเรื่องอาหารการ กินอยู่ของข้าในแต่ละวัน”
สายตาของจื่ออู่เมิ่งฉายแววไม่พอใจ นายท่านคนดีของข้า เจ้า พูดเรื่องลับระดับนี้กับอิ่นกวานคนสุดท้ายของกาแพงเมืองปราณ กระบี่ไปไย ไม่กลัวว่าข้าจะถูกเขาลงมือสังหารอย่างอ ามหิตจนตาย คาที่จริงๆ หรือ
ทุกวันนี้ใครบ้างที่ไม่รู ้ว่าอิ่นกวานหนุ่มมีวิธีการแปลกพิสดาร สามารถเย็บชื่อจริงของปีศาจใหญ่ไว้บนกายตัวเองได้? ได้ยินมาว่า เคยมีผู้ฝึกลมปราณเผ่าปีศาจขอบเขตหยกดิบตนหนึ่งเดินทางผ่าน หัวก าแพงเมืองก็ถูกเขาฉีกมือขาดด้วย
กู้ช่านกล่าว “ส่วนหลังจากที่เวลาร ้อยปี หมดลง นางจะมี สภาพการณ์อย่างไร จะได้กลับไปยังเปลี่ยวร ้างหรือไม่ก็ต้องดูที่โชค วาสนาของตัวนางเองแล้ว”
้
จื่ออู่เมิ่งยิ้มอ่อน “ในวันที่ร ้อนแผดเผาในค่าคืนที่เหน็บหนาว ต่อ ให้เป็ นเช่นนี้หัวใจข้าก็ยังหวานล้าเป็ นสุข”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เจ้าถึงกับรู ้จักบทเก๋อเชิงเสียด้วย เพียงแต่ เอามาใช ้ตรงนี้ไม่ค่อยเหมาะนัก”
จื่ออู่เมิ่งยิ้มหวาน “ไม่เพียงแต่บทเก๋อเซิงที่ตอนมีชีวิตอยู่นอนร่วม เตียง ตอนตายนอนร่วมหลุมเท่านั้น ต่อให้เป็ นบทกวีทั้งหลายที่ตก หล่นไม่ถูกบันทึกไว้ในต าราประวัติศาสตร ์ของไพศาลพวกเจ้า ข้าก็ ล้วนรู ้ชัดเจนดี”
กู้ช่านอธิบาย “ขอแค่เป็ นตัวอักษรที่เกี่ยวพันกับความรักชาย หญิง ดูเหมือนว่านางจะทาความเข้าใจมาแล้วทั้งหมด”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ในเมื่อความรู ้ของสหายหลิงเยี่ยนยิ่งใหญ่ถึง เพียงนี้ ไม่สู้วันหน้าให้ข้าช่วยสานสะพานความสัมพันธ ์ ให้ศาลบุ๋น เชิญเจ้าไปศึกษาหาวิชาความรู ้ที่สวนกงเต๋อดีไหม?”
จื่ออู่เมิ่งสะอึ้งอีกพูดไม่ออกไปทันใด
กู้ช่านยิ้มอย่างชอบใจ
ในความทรงจา ตอนที่อยู่ในบ้านเกิด ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันจะไม่ เคยพูดจาร ้ายกาจใส่ใครมาก่อน
้
เฉินผิงอันหันไปมองทางหันเชี่ยวเซ่อ ใช ้สายตาสอบถามเรื่อง หนึ่ง บุคคลที่อันตรายเช่นนี้มาอยู่ข้างกายกู้ช่าน จะเหมาะสมจริงๆ หรือ?
หันเชี่ยวเซ่อกล่าว “จื่ออู่เมิ่งได้ทยอยตั้งคาสัตย์สาบานสองครั้ง ก่อนและหลัง มีศิษย์พี่ช่วยดูให้ ไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดได้แน่”
ขอแค่เป็ นคนที่เป็ นห่วงกู้ช่านจากใจจริง หันเชี่ยวเซ่อก็ยินดีจะ เป็ นสหายกับคนผู้นั้น
ดังนั้นหันเชี่ยวเซ่อจึงเป็ นฝ่ ายดื่มสุราคารวะเฉินผิงอันก่อน เฉิน ผิงอันดื่มเหล้าไปแล้วก็ท าท่าจะพูดแต่ไม่พูด คิดแล้วก็ล้มเลิกไป
กลัวก็แต่ว่าเจิ้งจวีจงจงใจใช ้จื่ออู่เมิ่งเป็ นหินลับมีดที่ขัดเกลาจิต แห่งมรรคาให้กับกู้ช่านเสียมากกว่า เป็ นเหตุให้ไม่ช ้าก็เร็วต้องมี ความลาบากยิ่งใหญ่รอกู้ช่านอยู่อีกทั้งไม่ว่ากู้ช่านจะวางแผนอย่าง รอบคอบรัดกุมแค่ไหน ไม่ว่าจะมีความคิดละเอียดรอบคอบเท่าไร หรือจะเตรียมการมาไว้แต่เนิ่นๆ แค่ไหนก็ยังไม่มีประโยชน์ พูดง่ายๆ ก็คือ ยิ่งจ้งจวีจงให้ความส าคัญกับลูกศิษย์ผู้สืบทอดอย่างกู้ช่านมาก เท่าไร ถ้าเช่นนั้นบนเส้นทางการฝึกตนของกู้ช่านก็จะต้องไม่มีทาง ราบรื่นมากเท่านั้น
ในเรื่องแบบนี้ เฉินผิงอันที่เป็ นศิษย์น้องของชุยฉานมีสิทธิ์มีเสียง ในการพูดมากจริงๆ
้
แต่ในเมื่อทุกวันนี้กู้ช่านเป็ นผู้ฝึ กตนบนท าเนียบของนคร จักรพรรดิขาวแล้ว เฉินก็ต้องเคารพกฏบนภูเขาที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา จนเป็ นประเพณี ไม่สะดวกที่จะปากมาก
อันที่จริงเฉินผิงอันกลัวว่าจะเป็ นการวาดงูเติมขามากกว่า ทาให้ เจิ้งจวีจงเพิ่ม “เบี้ย”เข้าไปกดทับจิตแห่งมรรคาของกู้ช่านมากขึ้น
จื่ออู่เมิ่งมีสีหน้าหวาดผวา ไม่คล้ายว่าจะเสแสร ้งแกล้งท า
ในใจของผู้ฝึกตนหญิงมีคลื่นถาโถม ข้าเคยเจอเจิ้งจวีจงตั้งแต่ เมื่อไหร่กัน?!
กู้ช่านกล่าว “กลุ่มของพวกเราเดินทางไปที่ใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง การที่หลุดพ้นมาจากสถานการณ์จนตรอกได้ หลักๆ แล้วเพราะ อาศัยเฉาสือ จาเป็ นต้องยอมรับว่าเขาเป็ นคนที่มีคุณูปการมากที่สสุด อย่างน้อยก็ต้องมีมากถึงครึ่งหนึ่ง ข้าแค่จับผลัดจับผลูบังเอิญนึกถึง ค าเตือนของอาจารย์ได้ในตอนท้ายเท่านั้น ถึงสามารถช่วยเฉาสือ เล็กๆ น้อยๆ โชคดีท าลายสถานการณ์ที่สองฝ่ายยื้อยุดกันมาได้”
จื่ออู่เมิ่งฟังมาถึงตรงนี้ก็ยังรู ้สึกหวาดผวาไม่คลาย
เฉาสือที่ตัวอยู่ในฟ้ าดินค่ายกลที่ไม่มีทั้งฟ้ าอานวยหรือดินอวย พร แต่กลับฝ่าทะลุขอบเขตบนสนามรบกะทันหัน มีโชคชะตาบู๊ติดตัว สุดท้ายปล่อยหมัดที่ราวกับจะสามารถบุกเบิกฟ้ าดินได้ออกไป บังเอิญที่หมัดนั้นพุ่งตรงมาหาจื่ออู่เมิ่งที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้าพอดี
้
เฉินผิงอันพยักหน้า “ความคิดของอาจารย์เจิ้งประหนึ่งมีเทพ สถิต ปัญญาประหนึ่งเทพประทาน”