กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1046.5 เหล่าศิษย์หลานทั้งหลาย
ลู่เฉินกล่าว “แค่ว่าเมื่อครู่ข้าเห็นชุดคลุมอาคม ‘ชิงถง” บนร่าง ของอู๋ม่านเหยียนแล้วรู ้สึกคุ้นตา เห็นได้ชัดว่าเป็ นวิธีการถักทอของ นครจินชุ่ย บวกกับที่ข้าได้ยินมาว่าเจ้านครเจิ้งเอานครจิงชุ่ยกลับมา ด้วย นี่จึงเดาไม่ยากเลยสักนิด”
ลู่จือพยักหน้า
ชิงถง” คือชุดคลุมอาคมที่มีระดับเป็ นอาวุธกึ่งเซียน เพียงแต่ว่า ตอนนั้นอยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง ลู่จือออกกระบี่อามหิตเกินไป เมื่อถึง เวลาซ่อมแซมจึงต้องสิ้นเปลืองทั้งกาลังและทรัพยากรไม่น้อย อู๋ม่าน เหยียนคือคนที่คุณสมบัติดีที่สุดในบรรดาสิบแปดกระบี่ สู่จือจึงมอบ ให้กับแม่นางน้อย เดิมที่ลู่จือยังปวดหัวว่าควรจะซ่อมชุดคลุมอย่างไร คิดไม่ถึงว่าก าลังจะนอนกลับมีคนส่งหมอนมาให้ เป็ นอย่างที่ลู่เฉิน คาดเดาไว้ ก่อนหน้านี้เจิ้งจวีจงกลับไปที่นครจักรพรรดิขาวแผ่นดิน กลาง พอดีผ่านทางมาที่ทักษินาตยทวีปจึงแวะมาที่สานักกระบี่หลง เซี่ยงจริงๆ ข้างกายเขายังพาผู้ฝึกตนหญิงแห่งเปลี่ยวร ้างคนหนึ่งที่มี ชื่อเสียงไม่น้อยอย่างชิงเจียผู้เป็ นเจ้านครที่มีฉายาว่า ‘ยวนหู” ขอบเขตเซียนเหรินมาด้วย
่
เจิ้งจวีจงให้นางช่วยซ่อมแซมชุดคลุมอาคม ‘ชิงถง” แน่นอนว่า ต้องเป็ นเรื่องเล็กที่แค่กวักมือก็ได้มา แล้วยังช่วยเพิ่มบุปผาลงบนผ้า แพรให้กับชุดคลุม เพิ่มเคล็ดลับอีกไม่น้อยให้กับ ‘ชิงถง
ลู่เฉินเอ่ยอย่างมีเลศนัย “ไม่ทราบว่าสหายยวนหูที่ได้ครอบครอง ชุดคลุมอาคมกองโตซึ่งมี “สุ่ยเลี่ยน” “เจียวเย่” เป็ นหนึ่งในนั้นผู้นี้ วัน หน้าเมื่อได้เจอกับอาจารย์เสี่ยวโม่จะเป็ นภาพเหตุการณ์ที่น่าสนใจ เพียงใด”
ตามลาดับอาวุโสและระบบสืบทอด เสี่ยวโม่ถือเป็ นอาจารย์ปู่ของ นางครึ่งตัวได้หรือไม่?
ในฐานะปีศาจใหญ่บรรพกาลที่มีอายุขัยในการฝึกตนยาวนาน มาก นอกจากสถานะผู้ฝึกกระบี่แล้ว เสี่ยวโม่ยังเชี่ยวชาญการถักชุด คลุมอาคม ก่อนที่จะใช ้ดวงจันทร ์เฮ่าไฉ่เป็ นพื้นที่ประกอบพิธีกรรม แล้วหลับจาศีลไปอย่างยาวนาน เขาเคยทิ้งระบบสืบทอดหกถ้าเอาไว้ ผลคือหมื่นปี ผ่านไปกลับเหลือแค่เพียงสายเดียวที่ยังพอฝื น ประคับประคองควันธูปเอาไว้ได้กลับเป็ นดอกไม้ที่บานในกาแพงแต่ ส่งกลิ่นหอมไปนอกกาแพง นครจินชุ่ยได้ควบรวมกับสายหนึ่งในนั้น ใช ้ความเชี่ยวชาญด้านการหลอมชุดคลุมอาคมมาสร ้างความเจริญ รุ่งเรื่องให้กับสายนี้
เพียงแต่ว่าใต้หล้าเปลี่ยวร ้างไม่ยอมรับระบบสืบทอดสายนี้ก็ เท่านั้น
่
แต่จุดที่น่าสนใจก็เกิดขึ้นเพราะเหตุนี้ หากไม่ได้ติดตามเฉินผิง อันไปอยู่ใต้หล้าไพศาลเชื่อว่าขอแค่เสี่ยวโม่เผยกายในแผ่นดินของ เปลี่ยวร ้างอีกครั้ง ทางฝั่งนครจินชุ่นไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับ
ไม่แน่ว่านครจินชุ่ยอาจจะดีอกดีใจ ในที่สุดก็มีที่พึ่งใหญ่เทียมฟ้ า ให้พึ่งพาได้แล้ว
ลู่จือเป็ นฝ่ ายเปิดปากถามอย่างที่หาได้ยาก “เสี่ยวโม่ผู้นั้นไปอยู่ ภูเขาลั่วพั่วได้อย่างไร”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ย “เป็ นอาจารย์เสี่ยวโม่ที่มีข้อตกลงกับใครสักคน สุดท้ายเขาใช ้วิชาอภินิหารของยุคบรรพกาลเป็ นฝ่ ายดึงเอาความดุ ร ้ายและความอ ามหิตตามธรรมชาติของตัวเองออกไป ดังนั้นถึงได้ดู เป็ นมิตรมากเป็ นพิเศษ ไม่ถือว่าเป็ นของปลอม แต่ก็ไม่ถือว่าเสแสร ้ง แกล้งท า หาไม่แล้วหากดูจากประวัติและผลงานทางการสู้รบของเมื่อ หมื่นปี ก่อนสมมติว่าอาจารย์เสี่ยวโม่ที่จิตแห่งมรรคาสมบูรณ์แบบ หวนคืนสู่เปลี่ยวร ้าง นิสัยของเขาคงไม่ได้ดีไปยังไงเลยจริงๆ พูดถึงแค่ ศัตรูทั้งหมดของสายที่เขาเหลือทิ้งไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนับย้อนกลับ ไปหลายพันปี มีคนหนึ่งก็นับคนหนึ่ง ล้วนต้องถูกเสี่ยวโม่ถามกระบี่ ด้วยทั้งหมด”
ลู่จือกล่าว “ดูเหมือนว่าอย่างมากสุดก็เป็ นแค่ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขต บินทะยานคนหนึ่งเท่านั้น”
่
ลู่เฉินส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “เป็ นผู้ฝึ กกระบี่ขอบเขตบินทะยานขั้น สูงสุด ปัญหานั้นอยู่ที่ว่ายังต้องเพิ่มป๋ ายจิ่งผู้ฝึ กกระบี่ขอบเขตบิน ทะยานขั้นสมบูรณ์แบบเข้าไปอีกคน หากพวกเขาสองคนรบเคียงบ่า เคียงไหล่กันขึ้นมา แล้วยังสามารถร่วมมือกันได้อย่างจริงใจ ถ้าอย่าง นั้นก็เรียกได้ว่าไร ้ศัตรูเทียมทานแล้ว”
ลู่จือคิดแล้วก็ถามอย่างสงสัยว่า “ป๋ ายจิ่ง?”
ลู่เฉินยิ้มตอบ “ต่อสู้เก่งมาก เหมือนเจ้าเลยล่ะ คือผู้ฝึกกระบี่หญิง ในยุคบรรพกาลที่ไร ้ขื่อไร ้แป นางก็ขึ้นชื่อว่าเจอหน้าใครล้วนไม่ หวาดเกรง ให้ยกตัวอย่าง เจ้าก็มองนางเป็ นเหมือนเซียนกระบี่ผู้ เฒ่าต่งที่เป็ นผู้หญิงก็แล้วกัน”
หากจะบอกว่าพอป๋ ายเจ๋อหวนกลับเปลี่ยวร ้างก็ปลุกปีศาจใหญ่ บรรพกาลกลุ่มนี้ให้ตื่นทันทีคือการกระทาที่ถูกบังคับอย่างหนึ่งซึ่ง สามารถเพิ่มพลังการสู้รบบนหน้ากระดาษให้กับใต้หล้าเปลี่ยวร ้างได้ ในฉับพลัน
ถ้าอย่างนั้นก็ยังมีเป้ าหมายที่ลึกล้ากว่าอีกชั้นหนึ่ง
ป๋ ายเจ๋อเองก็ถูกบีบเหมือนกัน จ าต้องร่วมมือวางแผนลับอย่าง หนึ่งกับโจวมี่ ผู้ที่เข้าร่วม หรือควรจะพูดว่าผู้ที่เป็ นผู้ดาเนินการก็คือ ปีศาจใหญ่ชูเซิง
่
เชื่อว่าอาณาเขตทางทิศใต้ของใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง หลายปีมานี้มี ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนที่ไม่ยอมอยู่ในการควบคุม หรือไม่ก็ไม่ยอม เข้าร่วมการรบที่อยู่ดีๆ ก็หายตัวไปไม่น้อยแล้ว
คนที่กินพวกมัน บางทีอาจเป็ นผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจอายุน้อยกลุ่ม หนึ่งที่ไม่เคยมีชื่อเสียงในช่วงเวลาร ้อยปี แอบเปิดฉากเข่นฆ่าอย่าง ลับๆ กินจนอิ่มหมีพีมัน
และหลังจากที่ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์กลุ่มนี้กินอิ่มแล้ว คาดว่าโจวมี่ก็ น่าจะจัดหาผู้ถ่ายทอดมรรคาดีๆ ให้พวกเขาทุกคน ลู่เฉินเดาว่า ผลลัพธ ์สุดท้ายคือ ในบางขั้นตอน หากไม่เป็ นพวกเขาที่กินผู้ ถ่ายทอดมรรคาของตัวเอง ก็เป็ นผู้ถ่ายทอดมรรคาที่กินพวกเขา
ลู่เฉินสะบัดชายแขนเสื้อ “ไม่คุยเรื่องที่อยู่ไกลสุดขอบฟ้ าซึ่งไม่ เกี่ยวข้องกับเจ้าและข้าพวกนี้แล้ว…”
ลู่จือกล่าว “พูดเสร็จสักทีนะ? จะกลับเมื่อไหร่?”
ลู่เฉินสะอึกอึ้งพูดไม่ออก รีบหาเรื่องมาชวนคุย เขย่งปลายเท้า ยืดคอยาวมองไปยังกลุ่มสิ่งปลูกสร ้างที่มีจวนและพื้นที่ประกอบ พิธีกรรมเรียงตัวกันทอดยาวด้านล่างภูเขา เอ่ยชื่นชมว่า “ติดภูเขา ใกล้ทะเล ภาพบรรยากาศในสานักดุจตะวันที่ลอยสูงขึ้นฟ้ า น่ายินดี น่าชื่นชม”
คนนอกมองเรื่องสนุก คนในมองเห็นเส้นสนกลใน แค่มองก็รู ้ว่า เจ้าส านักฉีมีโรครักความสะอาดและมีนิสัยชอบควบคุมอย่างแรงกล้า
่
ฉีถิงจี้ที่กลอุบายลึกล้าอยู่ร่วมกับลู่จือได้อย่างปรองดอง เพียงแค่ เพราะนางเป็ นคนบริสุทธิ์เที่ยงตรง นี่ก็น่าจะถือว่าเป็ นการชดเชยใน ส่วนที่นิสัยของแต่ละคนขาดไปกระมัง
ดังนั้นฉีถิงจี้กับเฉินผิงอัน ทั้งสองต่างก็เป็ นคนที่มีความคิดมี อุบาย จึงถูกก าหนดมาแล้วว่าไม่อาจฉี่ลงโถเดียวกันได้ ไม่มีทาง กลายเป็ นสหายบนมรรคาอย่างสมชื่อได้ อันที่จริงก็ไม่ได้เป็ นปัญหา อะไร มหามรรคาหลายเส้นล้วนพุ่งตรงสู่ยอดเขา ก็หนีไม่พ้นว่าข้า เดินของข้า เจ้าก็เดินไปบนทางของเจ้า
ลู่เฉินขยับสายตามองไปเห็นทัศนียภาพงดงามที่ต้นเหมยเป็ น แถบใหญ่เหมือนมหาสมุทร ล้วนเป็ นดอกเหมยสีขาวทั้งหมด
ทิวทัศน์นี้งดงามจับตา สวยเหลือเกิน มองแล้วคล้ายเมฆขาว ก้อนใหญ่ที่ฟุบตัวนอนอย่างเกียจคร ้านไม่ยอมขยับไปไหน
แรกเริ่มสุดเส้าอวิ๋นเหยียนเซียนกระบี่แห่งเรือนชุนฟานกับถัวเห ยียนฮูหยินแห่งสวนดอกเหมยต่างก็เป็ นแค่เค่อชิงของสานักกระบี่หลง เซี่ยง ออกเดินทางไปข้างนอกครั้งหนึ่งรอกระทั่งกลับมาที่สานักกระบี่ ต่างก็เปลี่ยนสถานะกันใหม่ คนหนึ่งดูแลเงินและคลังสมบัตินานร ้อยปี อีกคนหนึ่งเปลี่ยนจากเค่อชิงเป็ นผู้ถวายงาน
คิดดูแล้วต้นเหมยที่อายุต่างก็ยังไม่มากพวกนั้นน่าจะเป็ นถัวเห ยียนฮูหยินที่เป็ นคนปลูกแล้ว
่
“ในเมื่อทุกวันนี้สหายเหมยโส่วผู้นี้กล้าป่ าวประกาศว่าตัวเองคือ เจ้าแห่งดอกเหมยหากไม่ใช่อากาศหนาวเย็นเสียดแทงกระดูก จะได้ กลิ่นหอมของดอกเหมยลอยมาปะทะจมูกได้อย่างไร”
ลู่เฉินพยักหน้า ยกมือสะบัดชายแขนเสื้อ นับนิ้วทาท่าคานวณ “อยู่ดีๆ คืนนี้กลิ่นหอมสดชื่นก็แผ่กาจาย สลายวสันต์ใหม่หมื่นลี้ใน ฟ้ าดิน”
ลู่จือหัวเราะอย่างที่หาได้ยาก “ถึงอย่างไรก็ลอกมาจากตารา พูด ให้มากอีกหน่อยก็ได้นะ?”
วันนี้ลู่เฉินพูดประโยคมงคลเพิ่มหนึ่งประโยค ไม่ต้องสนว่าเอามา จากในต าราหรือไปหยิบยืมมาจากค าพูดของคนโบราณ ส าหรับถัว เหยียนฮูหยินแล้วก็ถือเป็ นโชควาสนาบนมรรคาที่ไม่เล็ก
ลู่เฉินแสร ้งทาท่าลูบเคราที่ไม่มีอยู่ ยิ้มเอ่ยว่า “คาพูดดีๆ ไม่ต้อง พูดเยอะ มีค ามงคลสองคานี้อยู่ คิดว่าคงพอให้ถัวเหยียนฮูหยินฝ่ า ทะลุขอบเขต เลื่อนเป็ นเซียนเหรินอย่างราบรื่นแล้ว”
อ้อ ผินเต้าลืมไปว่าตัวเองไม่มีหนวดแล้ว
กลับไปที่ป๋ ายอวี้จิง ผินเต้าก็เริ่มไว้หนวดไว้เครา ใบหน้าเต็มไป ด้วยหนวดเคราก็ดูดีมาก หน้าไม่ดูละอ่อนมากถึงเพียงนั้น เหนือริม ฝีปากไม่มีขนทาอะไรไม่มั่นคง ออกจากบ้านไปทีไรมักจะถูกคนเห็น เป็ นนักต้มตุ๋นทุกที
ลู่เฉินร ้องเอ๊ะ “ใบหน้าใหม่?”
่
ในใต้หล้าไพศาล เซียนกระบี่ห้าขอบเขตบนทุกคน ต่อให้เป็ นผู้ ฝึกตนอิสระก็ยากมากที่จะไม่มีชื่อเสียง
ที่แท้ก็มีผู้ฝึกกระบี่อาวุโสสามคนมาเยือนสานักกระบี่หลงเซี่ยง ทุกวันนี้พวกเขาเป็ นเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อแล้ว มีเรือนพัก ส่วนตัวอยู่ในภูเขา ต่างก็เป็ นเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบ
ในกลุ่มสามคนนี้มีคู่รักอยู่คู่หนึ่ง บุรุษคือผู้ฝึ กกระบี่ในท้องถิ่น ของก าแพงเมืองปราณกระบี่ สตรีกลับมาจากเปลี่ยวร ้าง นี่ก็ไม่ เหมือนการทาการค้าที่ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งหรอกหรือ?
อีกคนหนึ่งคือผู้เฒ่าเคราดกร่างผ่ายผอม มองดูแล้วน่าจะเคย เป็ นขอบเขตเชียนเหรินแต่ขอบเขตถดถอย ตอนนี้ยังรักษาอาการ บาดเจ็บอยู่ ต้องอาศัยยาวิเศษมาต่อชีวิต
ลู่จือกล่าว “หลังจากนี้อาจจะยังมีคนหน้าใหม่ๆ ทยอยมาเพิ่มอีก แต่ไม่แน่เสมอไปว่าจะเลือกอยู่ที่นี่ต่อ”
เซียนกระบี่ที่เดินทางไกลจากบ้านเกิดอย่างกาแพงเมืองปราณ กระบี่ เดินทางทีก็อาจนานร ้อยปีพันปีเหล่านี้ แต่ละคนต่างก็ซ่อนตัว อยู่ในสถานที่ต่างๆ ของเปลี่ยวร ้างมานานหลายปี ทุกวันนี้คนที่ฉีถิงจี้ ติดต่อได้ก็มีอยู่ไม่น้อย
ในบรรดานั้นมีผู้ฝึ กกระบี่หลายคนที่มีสถานะเหมือนกับโฉว เหมียว ต่งปู้ เต๋อ มักจะออกไปลาดตระเวนที่เปลี่ยวร ้างบ่อยๆ แล้วก็มี เซียนกระบี่ที่ตอนออกจากบ้านเกิดอย่างลับๆ ขอบเขตไม่สูง ส่วน
่
ใหญ่เป็ นขอบเขตโอสถทอง ก่อกาเนิด เมื่อมีหน้าที่ให้ต้องรับผิดชอบ จึงต้องแฝงกายอยู่ในเปลี่ยวร ้าง ทางที่ดีที่สุดคือต้องลงหลักปักฐาน อยู่ที่นั่น และยังมีผู้ฝึ กกระบี่บางส่วนที่หยิ่งทระนงในตัวเอง บางที อาจจะอยากเลียนแบบการเดินทางไกลของต่งซานเกิงที่เคยติดตามชู เซิงไปในครานั้น ผู้ฝึกกระบี่หลายคนไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก
ต่อให้เป็ นกาแพงเมืองปราณกระบี่ที่มีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจก้อน เมฆก็ยังมีส่งชานเกิงแค่คนเดียวเท่านั้น
ที่เดินทางออกจากบ้านไปรอบหนึ่ง ท่องเที่ยวร ้อยปี ตอนไปเป็ น โอสถทอง ตอนกลับเป็ นบินทะยาน
อีกทั้งต่งซานเกิงยังน าหัวของปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานของ เปลี่ยวร ้างหัวหนึ่งกลับมาด้วย
ในฐานะผู้ฝึ กกระบี่ในท้องถิ่นของกาแพงเมืองปราณกระบี่ แต่ กลับเป็ นเซียนกระบี่ที่ออกเดินทางไกลซ่อนตัวอยู่ในเปลี่ยวร ้างเป็ น เวลายาวนาน ในเอกสารของคฤหาสน์หลบร ้อนส าหรับพวกเขาแล้ว เคยมีค าเรียกขานเฉพาะอย่างหนึ่งว่า “กระบี่ส่วนตัว”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ย “ต้องให้พวกเขาได้เห็นอื่นกวานหนุ่มกับตาตัวเอง ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกที”
ผู้ฝึ กกระบี่ที่คอยปั่นป่ วนสร ้างความวุ่นวายให้กับสนามรบ ด้านหลังของเปลี่ยวร ้างพวกนี้ หลายคนล้วนรบตายไปแล้ว
แม้กระทั่งตอนที่ตายก็ยังไม่ได้เห็นหัวกาแพงของบ้านเกิด
่
มีเซียนกระบี่ใหญ่คนหนึ่งได้เห็นบ้านเกิด แต่บางทีสาหรับเซียน กระบี่ท่านนี้แล้ว ไม่สู้ไม่ได้เห็นยังดีกว่า
และในบรรดาผู้ฝึกกระบี่อาวุโสที่ได้มีชีวิตรอดกลับมายังบ้านเกิด กลุ่มนั้น สรุปแล้วพวกเขาจะปักหลักอยู่ที่สานักกระบี่หลงเซี่ยงทักษิ นาตยทวีป หรือจะไปที่ภูเขาลั่วพั่วบุรพแจกันสมบัติทวีป แต่ละคนต่าง ก็ยังมีความลังเลกันอยู่จริงๆ
ผู้ฝึกกระบี่สองคนนั้นในนั้น ฉีถิงจี้เคยส่งจดหมายกระบี่บินลับไป ให้พวกเขา เล่าเรื่องสถานการณ์ของภูเขาลั่วพั่วและสานักกระบี่ชิง ผิง เชื่อว่าทุกวันนี้ผู้ฝึกกระบี่สองคนนั้นก็น่าจะอยู่ที่ใบถงทวีปแล้ว
ฉีถิงจี้คิดว่าในเวลาอันใกล้นี้จะเลือกที่ตั้งสานักเบื้องล่างไว้ที่ฝู เหยาทวีป
แม้จะบอกว่าฝูเหยาทวีปคือทวีปเล็ก อยู่ในใต้หล้าไพศาล อาณา เขตก็ใหญ่กว่าแจกันสมบัติทวีปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่สงครามใหญ่ครั้งนั้นรุนแรงเกินไป สานักเก่าแก่ จวนเซียน ใหญ่ ไม่เหลือเลยสักแห่งเดียว เลือกที่ตั้งสานักเบื้องล่างไว้ที่นี่ง่ายที่จะ เปิดสถานการณ์อย่างใหม่มากกว่า หนึ่งเพราะฉีถิงจี้มีชื่อเสียงที่ดี เยี่ยมทั้งบนและล่างภูเขาของที่นั่น นอกจากนี้หลิวทุ่ยผู้ฝึกตนใหญ่ใน ท้องถิ่นของฝูเหยาทวีปก็เคยเกือบจะถูกปีศาจใหญ่บนบัลลังก ์ตนหนึ่ง ฆ่าตายบนสนามรบ ก็เป็ นฉีถิงจี้ที่ออกกระบี่ช่วยเหลือเอาไว้ นี่จึงเป็ น เหตุให้ระหว่างการประชุมที่ศาลบุ๋นแผ่นดินกลางคราวก่อน หลิวทุ่ย
่
ได้เจรจากับเซียนกระบี่ผู้อาวุโสฉีเรียบร ้อยแล้วว่าเขายินดีจะรับหน้าที่ เป็ นเค่อชิงอันดับหนึ่งของสานักกระบี่หลงเซี่ยง ใช ้สถานะของเจ้า สานั กรับหน้าที่เป็ นเค่อชิงอันดับหนึ่ งให้กับส านั กอื่น ใน ประวัติศาสตร ์ของใต้หล้าไพศาลถือว่ามีน้อยจนนับนิ้วได้ เค่อชิง อันดับหนึ่งไม่เหมือนกับเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อและผู้ถวายงาน ทั่วไป ชื่อต้องถูกบันทึกลงในท าเนียบของศาลบรรพจารย์ด้วย
ภูเขาปี้เซียวฝูเหยาทวีปเคยเป็ นสานักจวนเซียนที่ใหญ่ที่สุดใน หนึ่งทวีป หลิวทุ่ยเจ้าส านักเคยขอบเขตถดถอยจากบินทะยานมาเป็ น เซียนเหรินอยู่ในสงคราม ขณะเดียวกันภูเขาปี้เซียวก็ได้ครอบครอง สานักเบื้องล่าง แต่กลับตั้งอยู่ที่หลิวเสียทวีปซึ่งมีเกราะทองทวีปกั้น ขวาง สานักเบื้องล่างได้ครอบครองถ้าสวรรค์ป๋ ายสือหนึ่งในเจ็ดสิบ สองถ้าสวรรค์ขนาดเล็กตอนนั้นนอกจากผู้ฝึกตนกลุ่มเล็กที่อายุไม่ มาก ขอบเขตไม่สูงที่เดินทางข้ามทวีปไปหลบภัยยังหลิวเสียทวีปที่อยู่ ทางเหนือ เข้าไปฝึกตนในถ้าสวรรค์ป๋ ายสือแล้ว สมาชิกศาลบรรพ จารย์แทบทุกคนทั้งจากสานักเบื้องบนและสานักเบื้องล่างต่างก็เผย กายในสนามรบของฝูเหยาทวีปและเกราะทองทวีปทั้งหมด
ดังนั้นต่อให้หลังสงครามหลิวทุ่ยจะขอบเขตถดถอยเป็ นเซียนเห ริน แต่ชื่อเสียงของเขาในใต้หล้าไพศาลกลับอยู่สูงเกินกว่าที่ผู้ฝึกตน อาวุโสขอบเขตบินทะยานอย่างพวกจิงเฮาแห่งหลิวเสียทวีปจะ เทียบเคียงได้ติด
่
ทุกวันนี้ความสัมพันธ ์ระหว่างสานักกระบี่หลงเซี่ยงกับสกุลเฉินผู้ รอบรู ้ที่อยู่ในทวีปเดียวกันไม่เลว เฉินฉุนฮว่าเจ้าประมุขคนปัจจุบันก็ ยิ่งเป็ นสหายรักของฉีถิงจี้
ก่อนหน้านี้ไม่นานสานักกระบี่หลงเซี่ยงเพิ่งจะทยอยลงนามเป็ น พันธมิตรกับส านักของหยวนชิงสู่และสานักอวี่หลงบนมหาสมุทร
น่าหลันไฉ่ฮ่วนเจ้าสานักคนใหม่ นอกจากอวิ๋นเขียนที่ลงจาก ต าแหน่งไปด้วยตัวเองแล้ว น่าหลันไฉ่ฮ่วนยังตั้งใจพาพวกตาเฒ่าดื้อ ด้านที่ปากยอมรับแต่ใจไม่ยอมแพ้ ล้วนเป็ นผู้ฝึกตนเซียนดินที่ขอบ เขตไม่สูงแต่กลับเย่อหยิ่งหัวสูงกลุ่มนั้นมาด้วย หากไม่เป็ นเพราะ ส านักอวี่หลงมีคนที่ต่อสู้เก่งอยู่แค่ไม่กี่คนจริงๆ ป่านนี้น่าหลันไฉ่ฮ่วน ก็คงสั่งให้พวกตะพาบเฒ่าเหล่านี้ม้วนเสื่อไสหัวไปให้ไกลๆ แล้ว
ผลคือรอกระทั่งพวกเขาเข้ามาในอาณาเขตของสานักกระบี่ หลงเซี่ยงอย่างกล้าๆ กลัวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นลู่จือกับตา ตัวเอง แต่ละคนก็ท าราวกับว่าได้เห็นบรรพบุรุษในตระกูลของตน อย่างไรอย่างนั้น
เพราะถึงอ