กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1048.1 สายฝนพร่างพรมเหนือใบอู๋ถง
เมืองหลวงแคว้นอวิ๋นเหยียนซึ่งเป็ นแคว้นเล็กแห่งหนึ่ง ทุกวันนี้ สามารถพบเจอคนมหัศจรรย์ เทพเซียนบนภูเขาที่ขี่เมฆทะยาน หมอกได้ทุกที่ เรียกได้ว่าเป็ นสถานที่มังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบอย่าง แท้จริง
บวกกับที่มีชนชั้นสูงและเหล่าขุนนางจากแต่ละแคว้นที่มาเยือนที่ แห่งนี้มีมากมายเต็มท้องถนน ขอแค่เป็ นคนต่างถิ่นก็ล้วนมีสถานะกัน ทั้งนั้น คงเป็ นเพราะว่าไม่ว่าจะเจอกับใครก็ไม่ควรไปมีเรื่องด้วย คลื่น ลมถึงได้สงบเพียงนี้? พูดถึงแค่ผู้ฝึกลมปราณที่เรียกลมได้ลมเรียก ฝนได้ฝนที่คล้ายกับนัดหมายกันมาพวกนั้นก็มีความรู ้ใจกันดีเยี่ยม ไม่ว่าจะค าพูดหรือการกระท าก็ล้วนเป็ นไปตามกฎเกณฑ์ อยู่ร่วมกับ ชาวบ้านล่างภูเขาได้อย่างสงบสุข จนถึงทุกวันนี้ทางฝั่งของที่ว่าการ กรมอาญาแคว้นอวิ๋นเหยียนก็ยังไม่เคยได้รับข่าวข้อพิพาทเรื่องใดที่ ต้องให้พวกเขาไปจัดการสักเรื่อง ขุนนางกรมพิธีการและศาลหงหลูก็ ยิ่งเริ่มคิดหาสารพัดวิธีในการขอความดีความชอบจากฮ่องเต้ตอนว่า ราชการในท้องพระโรง
ในร ้านอาหารข้างทางที่อยู่ในตรอกเก่าโทรมแห่งหนึ่ง ปลาเผา คืออาหารขึ้นชื่อ โต๊ะหลายตัวล้วนมีคนนั่งกันเต็มหมดแล้ว
ลูกค้าที่มากินอาหารในร ้านพูดจาเสียงดัง ส่วนใหญ่คุยเรื่อง การค้าใหญ่ที่เอะอะก็ต้องใช ้เงินหลายพันหรือหลายหมื่นตาลึงเงิน
โต๊ะที่พูดเสียงเบาที่สุดสั่งปลาเผามาหนึ่งจาน แล้วยังสั่งเหล้า สาเกที่เป็ นผลผลิตพิเศษของเมืองหลวงมาอีกหลายจิน
ก่อนหน้านี้มีคนผู้หนึ่งที่ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็ นคนควักเงินเลี้ยง อาหารทุกคนตามลูกจ้างร ้านไปเลือกปลาที่เรือนด้านหลังร ้าน โดยเฉพาะ เขาชี้ปลาตัวอ้วนแต่เลือกปลาตัวผอม สุดท้ายบอกว่า สาหรับสี่คนกิน ปลาชิงที่ตักขึ้นมาตัวนั้นอย่าให้มีน้าหนักมากเกินไป
ไม่ใจกว้างมากพอ แค่มองก็รู ้ว่าในกระเป๋ ามีเงินอยู่แค่ไม่กี่แดง นานๆ ทีถึงจะได้ออกจากบ้านมากินอาหารในร ้านอาหาร
คนผู้นี้ขาข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนม้านั่งยาว ร่างทั้งร่างห่อเข้าหา กัน จิบเหล้าหนึ่งอีก พูดกลั้วหัวเราะเสียงเบาว่า “ได้ยินว่าท่านบรรพ บุรุษน าพาอู๋โซ่วเดินทางไปเยือนสานักกระบี่ชิงผิงด้วยตัวเองหรือ?”
ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะคือชายหญิงวัยกลางคนลักษณะคล้ายสามี ภรรยาคู่หนึ่ง สตรีออกเรือนแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ กาลังเขี่ยผักชีที่ใช ้ ประดับอาหารออก พอได้ยินก็คลี่ยิ้มกว้างเอ่ยว่า “เห็นได้ชัดว่าบรรพ จารย์ช่วยทาความดีชดใช ้ความผิดแทนเจ้าอ้วนนั่น แต่จากนิสัยของ สหายหลิงเจี่ยว ไปถึงที่นั่นแล้วก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็ นที่ชื่นชอบ เกินครึ่งคงเข้ากันไม่ได้จวนเซียนสานักแห่งอื่นบอกได้ยาก แต่สานัก ของใต้เท้าอิ่นกวานมีขนบธรรมเนียมเช่นไร ข้ารู ้อยู่แก่ใจดี”
บุรุษคีบผักชีมาไว้ในจานของตัวเอง เอ่ยเสียงเบาว่า “พวกเรา อย่าได้สาดเกลือลงบนบาดแผลของเจ้าอ้วนอู๋กันอีกเลย”
จากนั้นบุรุษก็เอ่ยเสริมมาว่า “อาหารมื้อนี้ยังต้องรอให้เขามา ควักกระเป๋ าเงินจ่ายให้นะ เพื่อให้ไม่ต้องจ่ายเงิน เจ้าหมอนี่แกล้งทา เป็ นเมาหรือไม่ก็แกล้งเข้าห้องส้วมได้เก่งสุดยอดเลยล่ะ”
เขากับสตรีออกเรือนแล้วเป็ นคู่รักบนภูเขากันจริงๆ พวกเขามีชื่อ ว่าเถาหงสิงกับหลัวจิน เป็ นร ้านผ้าห่อบุญ ทุกวันนี้รับผิดชอบเรื่องกิจ ธุระในใบถงทวีป ส่วนผู้ฝึ กตนหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคือนักบัญชี ของร ้านผ้าห่อบุญใบถงทวีปที่รับผิดชอบดูแลสมุดบัญชีและรายรับ รายจ่ายโดยละเอียด ชื่อว่ากวอม่านเชี่ยน ทั้งสองฝ่ ายมีความสัมพันธ ์ ในรูปแบบที่ช่วยกันหาเงินแล้วก็ทั้งคอยตรวจสอบกันและกัน ก่อน หน้านี้บรรพจารย์บุกเบิกภูเขาของร ้านผ้าห่อบุญในใต้หล้าไพศาล อย่างจางจื๋อพูดถึงพวกเขาสามคนกับเฉินผิงอันที่ท่าเรือชิงชาน บอก ว่าพวกเขาต่างก็เคารพเลื่อมใสใต้เท้าอิ่นกวาน ไม่กล้าพาพวกเขา เดินทางมาด้วยกันเพราะง่ายที่จะทาให้การค้ากลายเป็ นน้าใจ ตอน นั้นเฉินผิงอันคิดแค่ว่าฟังคาพูดตามมารยาทในวงการการค้าเท่านั้น แต่แท้จริงกลับเป็ นความจริงที่มีแต่เนื้อไม่มีน้าผสม ก่อนจะมาใบถง ทวีป เถาหงสิ่งมีความสัมพันธ ์ที่ดีมากกับพวกเจ้าของเรือหรือไม่ก็ ผู้ดูแลเรือข้ามทวีปที่ในอดีตเคยไปท าการค้ากับภูเขาห้อยหัว และตัว ของกวอม่านเชี่ยนเองก็มีชาติกาเนิดมาจากตระกูลชนชั้นสูงระดับ ต้นๆ ของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ตระกูลของเขาก็มีเรือข้ามทวีป
อยู่ลาหนึ่ง อีกทั้งยังอยู่ในนามของเขาด้วย ดังนั้นเกี่ยวกับการประชุม ของเรือนชุนฟานที่เซียนกระบี่ปิดประตูในปีนั้น นับตั้งแต่ขั้นตอนไป จนถึงผลลัพธ ์ อันที่จริงกวอม่านเชี่ยนล้วนรู ้ชัดเจนดี ตอนนี้ลองมา คิดดู แม้ว่าจะไม่ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนั้น แต่ก็รู ้สึกเลื่อมใสใฝ่ ฝัน หาตลอดมา
กวอม่านเชี่ยนยิ้มตาหยี จงใจคีบเนื้อปลาให้กับสตรีที่ออกเรือน แล้วด้วยเจตนาชั่วร ้ายถูกเถาหงสิงใช ้ตะเกียบปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ถลึงตาเอ่ย “นางคือพี่สะใภ้ของเจ้านะ ทาตัวให้ดีๆ หน่อย!”
กวอม่านเชี่ยนเก็บตะเกียบกลับมายัดเนื้อปลาใส่ปากตัวเองแล้ว เคี้ยว ถามว่า “บรรพจารย์เห็นดีในต้นกาเนิดทรัพย์สินหลังจากที่เกิด การขุดเจาะลาน้าใหญ่ขนาดนี้จริงๆ หรือ? หากเปลี่ยนเป็ นข้า ต่อให้ สามารถใช ้จ่ายเงินได้ตามใจชอบ แต่เกรงว่าก็คงไม่มีความกล้านี้เงิน ฝนธัญพืชตั้งหกพันเหรียญเชียวนะ”
ก่อนหน้านี้อยู่สานักกระบี่ชิงผิง บรรพจารย์ท่านนั้นรับปากว่า สามารถเอาเงินฝนธัญพืชออกมาได้หกพันเหรียญ แต่ครึ่งหนึ่งในนั้น คือเงินเก็บส่วนตัวของจางจื๋อเอง
ในนามจะถือเป็ นว่ากองกาลังจากฝ่ ายต่างๆ อย่างสานักกระบี่ชิง ผิง ส านักกุยหยก ราชวงศ์ต้าเฉวียนเป็ นผู้ริเริ่มร่วมกัน แต่อันที่จริง คนมีตาล้วนรู ้ชัดเจนว่าเป็ นอิ่นกวานหนุ่มที่ใช ้นามของสานักกระบี่ชิง ผิงเป็ นผู้น าแล้วค่อยดึงทุกคนมารวมตัวกัน
เรื่องการขุดเจาะลาน้าใหญ่ของใบถงทวีป เงินเทพเซียนก้อนแรก มีมูลค่ามหาศาล
ทางฝั่งของสานักกระบี่ชิงผิงออกเงินฝนธัญพืชสามพันเหรียญ คลังสมบัติของส านักกุยหยกควักห้าพัน
สกุลเหยาต้าเฉวียนสองพัน ว่ากันว่าหยิบยืมมาจากทั้งสานัก
กระบี่ชิงผิงและสานักกุยหยก ไม่มีดอกเบี้ย
สกุลหลิวธวัลทวีป สกุลอวี้ราชวงศ์มี่เสวียน ฝ่ ายหนึ่งออกหนึ่ง หมื่นเหรียญ อีกฝ่ายออกสองพันเหรียญ
ล้วนทยอยกันเข้าบัญชีแล้ว บวกกับหกพันเหรียญจากร ้านผ้าห่อบุญ
นอกจากนี้ดูเหมือนว่าภูเขาพีอวิ๋นของแจกันสมบัติทวีป เว่ยป้ อ ชานจวินมหาบรรพตอุดรที่ชอบจัดงานเลี้ยงท่องราตรีผู้นั้น ก่อนหน้า นี้ไม่นานก็ควักเงินฝนธัญพืชออกมาอีกสองพันเหรียญ?
เรื่องราวในใต้หล้า ขอแค่มีเงินเปิดทาง ต่อให้ยากแค่ไหนก็ไม่ ยากอีกต่อไป
เถาหงสิงรู ้สึกเลื่อมใสอย่างถึงที่สุด “ฝีมือยิ่งใหญ่ ฝีมือยิ่งใหญ่ ไม่เสียแรงที่เป็ นเทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิว ลงมือทีก็ไม่ธรรมดาเลย”
ที่แท้นอกจากสกุลหลิวธวัลทวีปจะออกเงินแล้วยังรับปากเพิ่มเติม อีกว่า ภายในหนึ่งปีจะโยกย้ายเรือข้ามฟากบนภูเขาและเรือยันต์ที่อยู่
ในหลายทวีปขนาดไม่เท่ากันจ านวนสามร ้อยลามาส่งให้ที่ใบถงทวีป แห่งนี้
กวอม่านเชี่ยนเอ่ยอย่างอิจฉา “ในเมื่อเทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิว มีความสามารถขนาดนี้ก็มอบเซียนซือคนขับเรือมาให้พร ้อมกันด้วย เลยสิ เงินเทพเซียนที่ต้องหมดไปกับการใช ้ปราณวิญญาณก็ยกเว้น
ไปพร ้อมกันเลยด้วย”
สกุลกวออาเภอจวิ้นหยางแห่งแผ่นดินกลางเคยมีปัญหากับสกุล หลิวธวัลทวีปในวงการการค้ามาก่อน ทว่าแต่ละคนต่างก็ส าแดงฝีมือ ของตัวเองออกมา ในเมื่อสกุลกวอความสามารถสู้ผู้อื่นไม่ได้ ผลลัพธ ์ ที่ออกมาก็คือฝ่ ายหลังพ่ายแพ้จึงต้องเสียต้นกาเนิดทรัพย์สินที่เท่า เทียมกับราชวงศ์ใหญ่หนึ่งแห่งและแคว้นระดับกลางอีกสามสี่แห่ง
ดูจากบนหน้ากระดาษแล้วสกุลหลิวกับสกุลอวี้ออกเงินมากที่สุด อีกทั้งว่ากันว่ายังไม่มีการทาสัญญาเป็ นลายลักษณ์อักษร อาศัยแค่ สัญญาปากเปล่าจากสองฝ่ ายเท่านั้น ถือเป็ นสัญญาวิญญูชนอย่าง สมชื่อ
นอกจากนี้ตามข้อตกลง หลิวอวี้สองตระกูลจะได้กาไรแค่ส่วน เดียวจากเงินทุน วันใดที่ได้รับเงินทุนและส่วนแบ่งที่สมควรได้รับ กลับคืนไป ลาน้าใหญ่ของใบถงทวีป ไม่ว่าในอนาคตจะเป็ น ผลประโยชน์เหมือนสายน้าเล็กไหลยาวสะสมจากน้อยเป็ นมาก หรือ ได้ก าไรเป็ นกอบเป็ นกาที่ทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมาบนหน้าบัญชี ชวนให้คนอิจฉาตาร ้อน ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาอีกแล้ว
หลัวจินยิ้มเอ่ย “นี่ไม่ได้จะบอกว่า ลาพังแค่น้าใจของเฉินอิ่นก วานคนเดียว สาหรับหลิวจอี้เป่ าแล้วก็มีค่ามากพอถึงเงินฝนธัญพืช หนึ่งหมื่นหนึ่งพันเหรียญเลยหรือ?”
เถาหงสิงพยักหน้า “มีค่าพอจริงๆ”
หลัวจินรู ้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “นี่ก็ผ่านไปตั้งหนึ่งเดือนกว่า แล้ว หลังจากที่เรือข้ามฟากลานั้นของสานักกระบี่ชิงผิงจอดเทียบท่า ที่ท่าเรืออวี๋หลิน หมี่อวี้ก็อยู่บนเรือมาโดยตลอด ไม่เคยลงจากเรือมา เลย ดูเหมือนว่าเซียนกระบี่ใหญ่ท่านนี้จะจงใจยกโอกาสในการ เปิดเผยหน้าตาให้กับนักบัญชีจ้งชิวและเฉาฉิงหล่างแห่งยอดเขาจิ่ง ซิงนะ”
กวอม่านเชี่ยนคลี่ยิ้มมีเลศนัย เหลือบตามองไปยังเถาหงสิง
หมี่อวี้จากกาแพงเมืองปราณกระบี่ ไม่ว่าจะเนื้อหนังมังสาหรือ มาดของเซียนกระบี่ก็ล้วนดีมากจริงๆ
พี่เถาเจ้าต้องระวังไว้หน่อยนะ ได้ยินว่าเซียนกระบี่หมี่ผู้นั้นมี ความสามารถในการสัมผัสหมู่มวลบุปผาไม่ด้อยไปกว่าเวทกระบี่เลย
ชายฉกรรจ์แสยะปาก สีหน้ามีแต่ความไม่แยแส “บุรุษเห็นรูป โฉมของสตรีแล้วเกิดใจชอบพอถือเป็ นเรื่องปกติของมนุษย์ ควบคุม จิตใจไม่ได้ก็ไม่เป็ นไร แค่ควบคุมร่างกายของพี่สะใภ้เจ้าได้ก็พอ ต่อ ให้ตอนที่ตีกันบนเตียงในหัวของพี่สะใภ้เจ้าจะคิดถึงหมื่อวี้ก็ไม่มี ปัญหา”
คิ้วตาของสตรีแฝงไปด้วยคลื่นอารมณ์ ยื่นนิ้วสองนิ้วออกมาบิด แขนบุรุษของตัวเองอย่างแรง “คนผีทะเล!”
ใบหน้าของกวอม่านเชี่ยนเต็มไปด้วยความตกตะลึง สูดลม หายใจดังเฮือก รีบลุกขึ้นโน้มตัวไปรินเหล้าให้เถาหงสิงจนเต็มชาม ใบใหญ่ ก่อนจะยิ้มประจบว่า “พี่สะใภ้ ท่านว่ารูปร่างของข้าพอใช ้ได้
บ้างไหม?”
สตรีเหล่ตามองบุรุษ “ผอมไปหน่อย รีบไสหัวไปไกลๆ ไป”
กวอม่านเชี่ยนยกชามเหล้าขึ้นสูดเหล้าดังซู้ด “ตกลงกันไว้แล้ว นะว่าวันหน้าต้องให้ข้าลองเป็ นเจ้าส านักเล่นดู พอออกจากบ้านก็จะมี สถานะที่สามารถโอ้อวดได้แล้ว หาไม่แล้วทุกครั้งที่กลับบ้านไปเข้า ร่วมการประชุมของศาลบรรพชน ข้าก็เงยหน้าไม่ขึ้นทุกที”
เลื่อนเป็ นห้าขอบเขตบนก็จะสามารถส่งรายงานให้ศาลบุ๋นเพื่อ ขอก่อตั้งพรรคได้แล้ว
มีเพียงห้าขอบเขตบนเท่านั้นถึงจะสามารถสร ้างพรรคได้ นี่คือ เงื่อนไขที่จาเป็ นต้องมีแต่กลับไม่ได้บอกว่าขอแค่เป็ นขอบเขตหยก ดิบก็จะสามารถสร ้างส านักได้แล้ว
ทางฝั่งของศาลบุ๋นมีขั้นตอนที่ต้องผ่านการตรวจสอบอยู่ขั้นตอน หนึ่ง ใช่ว่าร ้านผ้าห่อบุญจะไม่เคยคิดอยากก่อตั้งสานักเบื้องล่าง แต่ ปัญหานั้นอยู่ที่ว่า ดูเหมือนแม้กระทั่งร ้านผ้าห่อบุญเองจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่ใช่ส านักอักษรจงเลย
พอเถาหงสิ่งได้ยินคาว่าสานักก็ถอนหายใจยืดยาว
ทุกบ้านล้วนมีคัมภีร ์ที่อ่านยาก อย่าเห็นว่าร ้านผ้าห่อบุญหาเงิน ได้เยอะ เพราะหากจะพูดถึงฐานะบนภูเขาจริงๆ อย่าว่าแต่ร ้านผ้าห่อ บุญเลย ต่อให้เป็ นสานักการค้า ชื่อเสียงในใต้หล้าไพศาลล่ะเป็ นเช่น ไร?
ปีนั้นสานักการค้าเกือบจะถูกตัดออกจากกลุ่มเมธีร ้อยสานักของ ศาลบุ๋นแล้ว เงินสามารถติดต่อเทพได้? กับศาลบุ๋นจะมีประโยชน์กะ ผายลมอะไร
กวอม่านเชี่ยนเอ่ยอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “หาก เปลี่ยนข้าที่ได้ไปสานักกระบี่ชิงผิง ไม่ต้องให้ท่านบรรพจารย์ไปเป็ น เพื่อนด้วยซ้า ถึงอย่างไรก็น่าจะต้องได้ขึ้นไปบนภูเขาเซียนตู ไม่ถึง ขั้นที่ว่าได้แต่ไปหยุดเท้าอยู่ที่ท่าเรือ”
หลัวจินเอ่ยเตือน “รีบหุบปากเสียเถอะ เจ้าอ้วนอู๋มาแล้ว”
ในบรรดาคนทั้งสาม อันที่จริงก็เป็ นสตรีออกเรือนแล้วที่ขอบเขต สูงที่สุด
เจ้าอ้วนคนหนึ่งที่สะพายห่อสัมภาระมาด้วยเข้ามาในร ้านแล้วก็ นั่งลงข้างกายกวอม่านเชี่ยน ปากก็พูดบ่นว่า “พวกเจ้าหาสถานที่ แห่งนี้เจอได้อย่างไร ข้าหาแทบแย่ หากเปลี่ยนเป็ นเหลาสุราจะไม่ กว้างขวางกว่านี้หรอกหรือ ดื่มเหล้าให้สาแก่ใจพลางชมทิวทัศน์ยาม
ค่าคืนของเมืองหลวงไปด้วย แบบนั้นจะไม่งดงามมากยิ่งกว่าหรอก หรือ”
กวอม่านเชี่ยนขอชามและตะเกียบเพิ่มมาจากลูกจ้างร ้าน ยิ้มเอ่ย ว่า “รังเกียจที่สถานที่เล็กก็ดื่มเหล้าสองมื้อสิ”
อู๋โซ่วนั่งลงม้านั่งยาวก็ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดทันที “ช่างเถิด ข้านัด หมายกับคนสองกลุ่มเอาไว้แล้ว พวกเราค่อยนัดกันใหม่อีกที”
เลี้ยงเหล้าคนอื่น พูดเรื่องการค้า ค่าใช ้จ่ายทั้งหมดสามารถ น ามาเบิกกับนักบัญชีอย่างกวอม่านเชี่ยนได้ แต่เลี้ยงเหล้าพวกกวอ ม่านเชี่ยนก็ต้องเป็ นอู๋โซ่วที่ควักกระเป๋ าเงินตัวเองแล้ว
อยู่ในใบถงทวีปแห่งนี้ ทางฝั่งของร ้านผ้าห่อบุญก็เหมือนกับพวก หลิวจอี้เป่ า อวี้พ่านสุ่ย หากขาดทุนก็เหมือนเงินละลายหายไปกับ สายน้า หากได้กาไรก็ได้ส่วนแบ่งแค่หนึ่งส่วนจากเงินทุนเท่านั้น เงิน ฝนธัญพืชรวมทั้งหมดหกพันเหรียญได้เข้าไปอยู่ในบัญชีของศาล บรรพจารย์ที่สร ้างขึ้นมาชั่วคราวแห่งนั้นแล้ว ในอนาคตผลเก็บเกี่ยว หนึ่งส่วนที่ว่านี้ก็เป็ นแค่เงินฝนธัญพืชหกร ้อยเหรียญเท่านั้น แน่นอน ว่าล้วนต้องเข้ากระเป๋ าจางจื๋อทั้งหมด และทางฝั่งของร ้านผ้าห่อบุญ ในใบถงทวีปก็ไม่ถือว่ายุ่งกันอย่างเสียเปล่า ต่อให้ไม่พูดถึง ผลประโยชน์ที่จะได้บนหน้าบัญชี พูดถึงแค่ท่าเรือมากมายเลียบล า น้าใหญ่สายนี้ ไม่ว่าจะใหม่หรือเก่าก็จะต้องมีการสร ้างร ้านค้าร ้านผ้า ห่อบุญขึ้นมา ตามคาสั่งของบรรพจารย์จางจื๋อ การเจรจากับราช สานักของแต่ละแคว้นและจวนเซียนในท้องถิ่นด้วยเรื่องการค้านี้
จ าเป็ นต้องขายให้ได้อย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีการให้เช่า เป็ นการทา การค้าแบบครั้งเดียวจบ ดังนั้นช่วงที่ผ่านมานี้พวกเถาหงสิง อู๋โซ่วจึง แยกย้ายกันไปเจรจาเรื่องนี้ แทบทุกวันจะต้องดื่มสุราหลายมื้อ ตั้งแต่ เช ้ายันค่า ทางานหามรุ่งหามค่าไม่มีหยุดพัก
แม้จะบอกว่าราคาที่ร ้านผ้าห่อบุญตั้งไว้ไม่สูง สัญญาที่ลงนามก็ เป็ นสัญญาระยะยาวที่มีขีดเวลาจากัดเริ่มต้นที่สามถึงห้าร ้อยปีขึ้นไป ตกลงกันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใหม่ก็ต่อเมื่อมีการ ผลัดเปลี่ยนราชวงศ์เท่านั้น แต่ราชสานักแคว้นต่างๆ และพรรคบน ภูเขาทั้งหลายจะมีเงินเทพเซียนก้อนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาและยังสามารถ ช่วยรวบรวมกลิ่นอายผู้คนให้มารวมตัวกันที่ท่าเรือบ้านตัวเอง ดังนั้น สาหรับกองกาลังที่ยากจนจนแทบจะต้องใช ้ชีวิตแบบรัดเข็มขัดแล้ว ร ้านผ้าห่อบุญยินดีไปตั้งรกรากอยู่ในท้องถิ่น ถือเป็ นเรื่องดีอย่างการ ส่งถ่านท่ามกลางหิมะ ไฉนจะไม่ยินดีท าเล่า
เห็นได้ชัดว่าร ้านผ้าห่อบุญต้องการมาแย่งชิงพื้นที่แล้ว
แต่ก็เหมือนอย่างที่จางจื๋ออธิบายไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าท่าเรือ ตระกูลเซียนแห่งใดก็ตามมีหรือไม่มีร ้านผ้าห่อบุญ กระแสความนิยม ก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ร ้านผ้าห่อบุญและเจ้าของที่ดินสามารถ เอื้อผลประโยชน์ให้แก่กันและกันได้
นอกจากนี้แล้ว เมื่อได้เงินเทพเซียนที่เป็ นดั่งสายฝนตกต้องตาม ฤดูกาลก้อนนี้มา คนที่รับผิดชอบดูแลคลังสมบัติดูแลเงินของบน
ภูเขา ที่ว่าการกรมคลังของแต่ละแคว้น ในกระเป๋ ามีเงินแล้ว เอวก็ยึด ตรงได้แล้ว พูดจาก็ใช ้น้าเสียงแข็งกระด้างได้
หลัวจินทอดถอนใจเสียงเบา “ยังไม่พูดถึงชื่อเสียงดีงามที่จะคง อยู่ยาวนานไปอีกพันปีพูดถึงแค่ในสิบกว่าปีต่อจากนี้ ทั่วทั้งภาคกลาง ของใบถงทวีป ต่อให้เจอกับปีแห่งภัยพิบัติและความอดอยากก็ไม่ถึง ขั้นชาวบ้านไร ้ที่ทากิน คนอดอยากหิวโหยมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง”
กวอม่านเชี่ยนพยักหน้ารับ
นี่มีความเหมือนกับการที่อริยะปราชญ์ลัทธิขงจื๊อบางท่านใน ประวัติศาสตร ์ที่เรียกตัวเองว่าเชี่ยวชาญด้านบทกวีอาศัยการก่อสร ้าง ครั้งใหญ่มาต้านทานภัยพิบัติได้สาเร็จอย่างน่าอัศจรรย์
เถาหงสิงถาม “ได้ยินมาว่าในที่สุดคนป่าที่ไม่สนใจเรื่องภายนอก พวกนั้นก็ยินดีออกมาจากภูเขาแล้ว”
เกี่ยวกับสายของลั่วหยางมู่เค่อ เป็ นหัวข้อสนทนาต้องห้ามที่ เหล่าผู้ฝึกตนของร ้านผ้าห่อบุญเข้าใจกันดีโดยไม่ต้องเอ่ยออกมา
เพราะนายท่านจางจื๋อบรรพบุรุษบุกเบิกภูเขาของร ้านผ้าห่อบุญ มีชาติก าเนิดจากสายลั่วหยางมู่เค่อ อีกทั้งยังเป็ นลูกศิษย์ทรยศที่ หลอกลวงอาจารย์ลบล้างบรรพชนด้วย
อู๋โซ่วเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “อุตส่าห์ได้กินอาหารมื้อดึกทั้งที อย่าพูดเรื่องที่ทาลายบรรยากาศพวกนี้ดีกว่ากระมัง?”
กวอม่านเชี่ยนถอดรองเท้านั่งขัดสมาธิ ก้มหน้าลงมองไปที่ใต้ โต๊ะ ยังดี ไม่มีภาพเหตุการณ์ที่ไม่สมควรให้ใครเห็นเกิดขึ้น
รองเท้าปักลายบุปผาข้างหนึ่งใต้โต๊ะพลันยกขึ้นทาท่าจะเตะหน้า เขา หลัวจินด่าข าๆ ว่า “ตาสุนัขคิดจะมองอะไร?”
กวอม่านเชี่ยนยิ้มเอ่ย “ข้าก็แค่กังวลว่าพี่สะใภ้กับพี่เถาจะเป็ นไม้ แห้งกับเปลวไฟที่ลุกติดกันร ้อนแรงอย่างไม่ถูกสถานที่ไม่ใช่หรือ หาก เล่าลือออกไปย่อมไม่ดี”