กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1048.3 สายฝนพร่างพรมเหนือใบอู๋ถง
นี่ก็คือออกคาสั่งไล่แขกแล้ว เตือนชุยตงซานว่าหากยังคุยต่อ ร ้านผ้าห่อบุญของใบถงทวีปก็จะฉีกหน้าแตกหักกับสานักกระบี่ชิงผิง แล้ว
ชุยตงซานหยิบตะเกียบจากอู๋โซ่วและกวอม่านเชี่ยนมาคนละข้าง แล้วยื่นแขนออกไปหยิบเหล้าสาเกที่วางไว้ข้างมือหลัวจินกับชาม เหล้าหนึ่งใบที่วางไว้ตรงหน้าเถาหงสิงซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมา
เด็กหนุ่มชุดขาวรินเหล้าเต็มชาม แล้วจึงใช ้ตะเกียบคู่หนึ่งวางลง บนชามขาว ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “คืนนี้พวกเรากินปลาคือนิมิตหมายที่ดี ทุกปีต้องมีกินมีใช ้เหลือเฟือแน่นอน” (คาว่าอวี๋ปลาพ้องเสียงกับค า ว่าอวี่ที่แปลว่าเหลือ)
“คนหนุ่ม” คนหนึ่งที่ในมือถือไม้เท้าเดินป่าเดินเข้ามาในร ้าน ยิ้ม เอ่ยว่า “เจ้าส านักชุยไม่สู้ลองพูดเรื่องที่สามให้ฟังหน่อย พวกเขา ความอดทนไม่มากพอ แต่ข้ากลับยินดีจะฟัง”
ในที่สุดตัวเอกของเรื่องก็มาแล้ว
ชุยตงซานยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ในอนาคตภาคกลางของใบถงทวีป ริมฝั่งเลียบลาน้าใหญ่ร ้านผ้าห่อบุญหลายสิบร ้านของท่าเรือตระกูล เซียนหลายสิบแห่ง พวกเจ้ากินอิ่มหรือ?”
จางจื๋อนั่งลงตรงข้ามของโต๊ะ ยิ้มถามว่า “หมายความว่า อย่างไร?”
ชุยตงซานกล่าว “ไม่สู้ให้ใบถงทวีปแห่งนี้มีร ้านผ้าห่อบุญอยู่ใน ท่าเรือของทั้งทวีปไม่ดีกว่าหรือ?”
จางจื๋อถาม “เรื่องที่ต้องระวังล่ะ?”
ชุยตงซานกล่าว “ยกตัวอย่างเช่นให้ในเมืองหลวงของแต่ละ แคว้นในขุนเขาสายน้าของหนึ่งทวีปล้วนมีร ้านผ้าห่อบุญอยู่”
จางจื๋อถามอีก “ยังมีอะไรอีก?”
ชุยตงซานกล่าว “ยกตัวอย่างเช่นว่าหลักการเหตุผลเดียวกัน ให้ฝูเหยาทวีปก็เป็ นเช่นนี้ด้วย”
จางจื๋อเงียบครุ่นคิด
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “กลัวจะอิ่มเกินหรือ? หากยังกินไม่หมดก็ เหลือไว้ก่อนได้ ของเหลือปีนี้เก็บไว้ปีหน้า แต่ละปีล้วนดีกว่าปีที่ผ่านๆ มา”
จางจื๋อยิ้มเอ่ย “แน่ใจหรือ?”
ชุยตงซานถาม “ไม่ถามว่าข้าคือใครหรือ?”
แล้วจางจื๋อก็ถามจริงๆ “เจ้าคือใคร”
ชุยตงซานควักพัดเล่มหนึ่งออกมา “ข้าก็คือชุยตงซานลูกศิษย์ผู้ เป็ นที่ภาคภูมิใจของอาจารย์อย่างไรล่ะ”
จางจื๋อยิ้มเอ่ย “สายตาในการเลือกลูกศิษย์ของอาจารย์เฉิน สายตาในการเลือกอาจารย์ของเจ้าส านักชุย ดูท่าต่างก็ดีกันมากๆ เลยนะ”
ใบหน้าของชุยตงซานแสดงความกังขา “คงไม่ใช่ว่าจะพูดตรง ข้ามหรอกนะ”
จางจื๋อยิ้มเอ่ย “เป็ นคาพูดจากใจจริง”
มีนักพรตหนุ่มคนหนึ่งที่รูปโฉมงดงามอย่างถึงที่สุดสวมชุดคลุมสี มรกตเดินอยู่ในเมืองหลวงที่แสงไฟสว่างไสวเพียงลาพัง เนื้อหนังมัง สาที่โดดเด่นของเขาทาให้ยากจะแยกออกว่าเป็ นชายหรือหญิง แต่ ถึงอย่างไรก็คู่ควรกับค าเรียกขานว่า “คนงาม”
นี่จึงเป็ นเหตุให้เมื่อคนผู้นี้เดินอยู่บนถนน บุรุษก็หันมอง สตรีก็ เหลียวมา
เขาก็คือชิงถง ผู้ฝึ กตนขอบเขตบินทะยานแห่งหอสยบปี ศาจ ใบถงทวีป ถึงอย่างไรก็อยู่ว่างไม่มีอะไรท า เขาจึงมาร่วมวงความ ครึกครื้นที่นี่
ตลอดทางมานี้เดินมาได้ไม่กี่ก้าว ไม่ว่าจะไกลหรือใกล้ก็ล้วนมีผู้ ฝึกลมปราณที่ลมปราณเข้มลึกให้ชิงถงสัมผัสได้เสมอ
“เหอะ น้าตื้นตะพาบเยอะสินะ”
แรกเริ่มฮ่องเต้สกุลฉินแคว้นอวิ๋นเหยียนและขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราช ส านักต่างก็อดกังวลไม่ได้ว่าการที่อยู่ดีๆ เมืองหลวงซึ่งเป็ นสถานที่ที่ ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งแห่งนี้มีผู้ฝึกลมปราณมากมายขนาดนั้นกรูกัน เข้ามาก็ง่ายที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งที่อาจทาให้กลืนไม่เข้าคายไม่ ออกหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะคิดมากกันไปเอง จนถึงทุกวันนี้ก็ ยังไม่เคยมีคดีที่ผู้ฝึกตนต่างถิ่นรังแกชาวบ้านในพื้นที่มาก่อน เดิมที หัวใจของขุนนางกรมพิธีการและกรมอาญาแคว้นอวิ๋นเหยียนแทบจะ ลอยขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ กลัวก็แต่ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นใต้ฝ่ าเท้าของโอรส สวรรค์ในคืนนี้ พรุ่งนี้ว่าราชการเข้าก็จะถูกฮ่องเต้สั่งลงโทษทาให้ ต าแหน่งขุนนางหายไปเวลานี้ในที่สุดก็รู ้สึกว่าสามารถเอาใจกลับไป วางไว้ที่เดิมได้แล้ว
ชิงถงพลันหยุดเดิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เป็ นนาง ไปได้อย่างไร? มาท าอะไรที่นี่? ไม่กลัวจะถูกฟันหรือ?
เห็นเพียงว่าร ้านปิ้งย่างข้างทางเบื้องหน้ามีสตรีวัยกลางคนรูป โฉมธรรมดาคนหนึ่งแต่งกายมอซอสวมกระโปรงผ้าปักปิ่นไม้ ข้าง กายมีเด็กสาวที่มีชาติกาเนิดจากภูติมาด้วย สตรีก าลังกินอาหาร เสียบไม้อย่างสารวม แต่เด็กสาวกลับมีคราบน้ามันเปื้อนเต็มปาก สอง มือกาไม้ปิ้งย่างกาใหญ่ ใบหน้าเอ่อล้นไปด้วยความสุข
สตรีวัยกลางคนหันหน้ามา ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “สหายชิงถง ได้เจอ กันอีกแล้วนะ”
ปีศาจหย่างจื่อบนบัลลังก ์ราชาเก่า และแม่ย่าลาคลองน้อยกาน โจว ทุกวันนี้คือลูกศิษย์บันทึกชื่อของนาง
ผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานมีวิธีการอ าพรางลมปราณได้อย่าง ยอดเยี่ยม ระหว่างผู้ฝึ กตนที่ขอบเขตเท่ากันยากจะอาศัยวิธีการที่ คล้ายคลึงกับการดูภูเขาสายน้าผ่านฝ่ามือมาสัมผัสกับความจริงได้
ชิงถงรีบกดริ้วกระเพื่อมในใจลงไป นั่งลงข้างโต๊ะ ไม่รู ้ว่าควรจะ เปิดปากอย่างไรดี
เด็กสาวพูดเสียงอู้อี้แก้มพองโป่ งว่า “ผู้อาวุโสชิงถง บังเอิญ ขนาดนี้เลย กินตามสบายเลยนะ ข้าเลี้ยงเอง!”
ชิงถงส่ายหน้า ยิ้มปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม “ข้าคงไม่กินหรอก ไม่ชินกับอาหารมันเลี่ยนพวกนี้”
“เถ้าแก่ เอาปลาหมึกย่างมาอีกสิบไม้!”
เด็กสาวใช ้การกระทาที่ชัดเจนมาพิสูจน์ถึงความน่าเชื่อถือของ อาหารอร่อยริมทางพลางพูดโน้มน้าวต่อว่า “อร่อยมากเลยนะ ผู้ อาวุโสชิงถง ท่านลองชิมดูก่อนเถอะ นี่เรียกว่าหากไม่ลองก็ไม่รู ้ ลอง แล้วต้องตกใจ!”
ชิงถงท าท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
เพราะไม่รู ้ว่าหย่างจื่อมีสัญญาอย่างไรกับเฉินผิงอันกันแน่ ชิงถง กังวลว่าจะเป็ นการวาดงูเติมขา กลายเป็ นว่าไม่เป็ นที่ชื่นชอบของทั้ง สองฝ่าย จึงไม่อยากพูดอะไรมาก
หย่างจื่อกล่าว “ข้าไม่ได้โง่สักหน่อย รู ้ชัดเจนดีเลยล่ะ”
สีหน้าของชิงถุงซับซ ้อน “แต่เจ้าก็ยังมา”
หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่พันลี้ที่จอมปราชญ์น้อยช่วยก าหนด ขอบเขตไว้ให้แต่โดยดีก็ไม่ดีมากหรอกหรือ?
หย่างจื่อพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หากข้าเอาแต่หลบซ่อนอย่าง เดียว เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าสักวันเขาจะต้องเป็ นฝ่ ายไปหาข้าถึงที่ ข้าจะ หลบอยู่ที่นั่นได้สักกี่ปี? หนึ่งร ้อยปี หนึ่งพันปี? หากสมมติว่าการถาม กระบี่ครั้งนั้นจะต้องมาถึงจริงๆ ก็ไม่สู้ข้าฉวยโอกาสตั้งแต่ตอนนี้ ยัง สามารถออกมาเที่ยวเล่นข้างนอก ได้กินของอร่อยบ้าง”
ชิงถงอดไม่ไหวถามว่า “เจ้าไม่กลัวว่าจะเจอกับหมื่อวีระหว่างทาง หรือ?”
หย่างจื่อยิ้มเอ่ย “ถึงอย่างไรก็ยังเป็ นแค่เซียนเหรินเท่านั้น ใคร ฟันใครตายก็ยังไม่แน่”
ชิงถงเอ่ยอย่างอ่อนใจ “นับว่าเจ้าปลงตกแล้ว”
หย่างจื่อหันหน้าไปทางเถ้าแก่ร ้านปิ้งย่าง กวักมือเอ่ย “เพิ่มเนื้อ แพะและไส้เป็ ดอีกอย่างละสิบไม้ โรยผงพริกไทยเยอะๆ หน่อย”
เถ้าแก่ร ้านหัวเราะเสียงดัง “ได้เลย ลูกค้าโปรดรอสักครู่”
หย่างจื่อถอนสายตากลับมา “จะไม่ลองชิมดูจริงๆ หรือ? รสชาติ ไม่เลวนะ”
ชิงถงยังคงส่ายหน้า “ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมข้าแล้วจริงๆ ไม่ใช่การยุ ให้ดื่มเหล้าบนโต๊ะสุราเสียหน่อย”
หย่างจื่อเอ่ยสัพยอก “ลูกศิษย์ของข้าคนนี้คิดว่าผู้อาวุโสที่เป็ น เศรษฐีอย่างเจ้าจะช่วยจ่ายเงินให้แทน แต่ข้ากลับไม่เหมือนกัน ข้า แนะนาอาหารอร่อยนี้ให้เจ้าจากใจจริง”
เด็กสาวแม่ย่าลาคลองที่ถูกอาจารย์เปิดโปงอุบายเล็กๆ น้อยๆ เอาแต่ก้มหน้าแสร ้งท าเป็ นว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
ชิงถงถาม “หรือว่าเจ้าก็คือ “จิ่งสิง” ผู้นั้น?”
หย่างจื่อพยักหน้า “ท่องเที่ยวอยู่ข้างนอกควรต้องมีสถานะที่ สะดวกส าหรับการเดินทางสักหน่อย”
หย่างจื่อที่ใช ้นามแฝงว่า “จิ่งสิง” สะบัดกายเปลี่ยนร่างกลายมา เป็ นผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อของราชวงศ์ต้าเฉวียน โลก ภายนอกรู ้แค่ว่านางคือผู้ฝึกตนหญิงขอบเขตหยกดิบที่มาจากทวีป แดนเทพแผ่นดินกลาง
เพราะก่อนหน้านี้มีหันกวงหูบุคคลอันดับหนึ่งด้านการเรียนวร ยุทธของเกราะทองทวีปเดินทางข้ามทวีปมาถึงที่แห่งนี้ รับคาเชิญเป็ น
ราชครูของสกุลเหยาต้าเฉวียน เป็ นเหตุให้ จิ่งสิง’ ที่จู่ๆ ก็โผล่มาผู้นี้ ไม่ได้สร ้างคลื่นลมมรสุมอะไรมากนัก ต่อให้ผู้ฝึกตนบนภูเขาจะได้ยิน เรื่องนี้ก็คิดแค่ว่าทุกวันนี้โชคชะตาของราชวงศ์ต้าเฉวียนก าลังโชติ ช่วงรุ่งเรือง ไม่มีทางคิดอะไรมาก
หยางจื่อพลันเอ่ยว่า “เถาถึงก็มาแล้วเหมือนกัน”
เจ้าหมอนี่จงใจปลดปล่อยลมปราณบนมหามรรคาออกมา เล็กน้อย ไม่ได้จงใจเก็บลมปราณทั้งหมดลงไป ดังนั้นหย่างจื่อจึง สัมผัสได้ถึงการด ารงอยู่ของอีกฝ่ายทันที
ชิงถงยิ้มเอ่ย “หากว่ากันแค่อายุขัยในการฝึกตน เขาก็น่าจะถือ เป็ นผู้เยาว์ของพวกเรากระมัง?”
หย่างจื่อกล่าว “คาพูดประเภทนี้ ข้าพูดต่อหน้าได้ แต่เจ้านั้นอย่า ดีกว่า”
ชิงถงยกสองแขนกอดอก “ต้นไม้ต้นหนึ่งที่ปลูกไว้กลางลานบ้าน กับหมาเฝ้ าบ้านตัวหนึ่ง ใครก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ท าไมจะพูดไม่ได้”
หย่างจื่อเอ่ยเย้ยหยันตัวเอง “บวกกับนักโทษเข้าไปอีกคน”
ผู้เฒ่าชุดเหลืองที่ท่าทางกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาคนหนึ่งเอา สองมือไพล่หลังเดินเล่นอยู่ในตลาดกลางคืนของเมืองหลวง
กาลังตรวจสอบผู้ฝึกลมปราณส่วนหนึ่งว่าเป็ นของจริงหรือของ ปลอมอยู่เงียบๆ ไม่รีบร ้อน แล้วยังคอยเอ่ยค าวิจารณ์เสริมมาเป็ นระยะ
คนนี้ไม่ได้เรื่อง ขอบเขตหยกดิบกระดาษเปียก คนนี้ก็อ่อนแอเกินไป ก่อกาเนิดของไพศาลได้แต่เทียบกับโอสถทองของเปลี่ยวร ้างเท่านั้น จริงๆ ด้วย…เอ๊ะ นี่ถือว่ามีนัยพอให้ขบคิด ถึงกับเป็ นผู้ฝึ กตนผี ขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่ง? สองคนที่อยู่ข้างกายเขาก็คล้ายว่าจะไม่ แย่เหมือนกัน ภูเขาลูกใดของใบถงทวีปที่มีรากฐานเช่นนี้?
เขาก็คือเถาถิงที่ออกมาจากข้างกายหลี่ไหว หรือนักพรตเนิ่นที่ ทุกวันนี้ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งไพศาล
ครั้งนี้เดินทางมาเยือนใบถงทวีป โดยพลการ” ก่อนนักพรตเนิ่น จะออกเดินทางได้ยืนกรานว่าจะต้องให้หลี่ไหวไปบอกกล่าวกับเฒ่า ตาบอดให้เรียบร ้อยเสียก่อน แล้วยังช่วยหาเหตุผลที่ถูกต้องเหมาะสม มาให้หลี่ไหวอีกเป็ นกองพะเนิน หาไม่แล้วนักพรตเนิ่นก็ไม่กล้า ออกมาจากแจกันสมบัติทวีปเลยจริงๆ กลัวก็แต่ว่าออกห่างจากข้าง กายหลี่ไหวมาได้แค่ไม่กี่ก้าวก็จะถูกเฒ่าตาบอดที่วิชาอภินิหาร กว้างไกลกระชากเข้าไปในความฝัน ส่วนผลลัพธ ์จะเป็ นเช่นไร นักพรตเนิ่นไม่กล้าจะคิดมากด้วยซ้า
ในเมื่อนักพรตเนิ่นไปช่วยเฉินผิงอันทาเรื่องใหญ่ที่ใบถงทวีป หลี่ ไหวย่อมไม่มีความเห็นต่าง จึงใช ้เวทลับบทหนึ่งที่เฒ่าตาบอด ถ่ายทอดให้เชื่อมต่อกับภูเขาใหญ่แสนลี้ เฒ่าตาบอดได้ฟังเหตุผล สารพัดอย่างพวกนั้นก็มีสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แค่ฟังก็ รู ้ว่าเป็ นคาพูดที่ลูกศิษย์ของตนไม่มีทางพูด โชคดีที่หลี่ไหวเห็นท่าไม่ ดีเลยใช ้ค ากล่าวของตัวเอง บอกว่าในเมื่อนักพรตเนิ่นคือผู้ติดตามที่
ท่านมอบให้ข้า ข้าจะเรียกใช ้งานเขาไม่ได้เลยหรือ? พอเฒ่าตาบอด ได้ยินก็รู ้สึกว่ามีเหตุผล เพียงแค่บอกให้หลี่ไหวนาความไปบอกหมา เฝ้ าบ้านตัวนั้นว่าหากระหว่างนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรกับหลี่ไหว นักพรตเนิ่นแห่งไพศาลก็ดี เถาถิงแห่งเปลี่ยวร ้างก็ช่าง จะต้องไปที่ ภูเขาใหญ่แสนดี้ด้วยตัวเอง ขุดหลุมก่อนหนึ่งหลุมแล้วค่อยฝังกลบ
ตัวเองลงไป
อยู่นอกภูเขาใหญ่แสนดี้ นักพรตเนิ่นจะพูดจาหรือทาอะไรล้วน โอหังไร ้ย าเกรง แต่อยู่กับเฒ่าตาบอด นักพรตเนิ่นกลับมีขาสุนัขเพิ่ม มา ต้องเก็บหางท าตัวส ารวม
ในเรือนพักส่วนตัวที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่งของเมืองหลวง หลี่ป๋ า กาลังดูภาพแผนที่ในภาคกลางของใบถงทวีปที่แขวนไว้บนฝาหนัง ห้องหนังสือ ผีเซียนหวงม่านนั่งอยู่ด้านข้าง จิตขยับไหวเล็กน้อย
หลี่ป๋ าถาม “มีคนลอบสังเกตการณ์มายังที่แห่งนี้หรือ?”
หวงม่านเอ่ยอย่างเกียจคร ้าน “ไม่แน่ใจ”
จวนสุ่ยจวินมหาสมุทรบูรพามีกองงานทั้งหมดสามสิบหกกอง หลี่ป๋ าคือขุนนางหลักของกองก ากับดูแล ส่วนหวงม่านคือคน รับผิดชอบกองควันธูป
วันที่สองเดือนสองมังกรเชิดหัว และก่อนหน้านี้ในวันนี้ก็ได้มีการ ก่อตั้งศาลบรรพจารย์บนภูเขาที่หาได้ยากแห่งหนึ่งขึ้นมาในเมือง หลวงแคว้นอวิ๋นเหยียน ทุกวันนี้หลี่ป๋ าที่มีฉายาว่า “ชุ่ยจ่าง” ได้ยึด
ครองพื้นที่แห่งหนึ่งในศาลบรรพจารย์ ก่อนหน้านี้พวกเขาขึ้นฝั่งมา คล้ายว่าต้องการมาเที่ยวเล่นขุนเขาสายน้าผ่อนคลายอารมณ์ หลัง ออกมาจากอารามจีชุ่ยของเมืองหลวงสกุลอวี๋แล้ว หวังจูที่เป็ นสุ่ยจวิน มหาสมุทรบูรพามีภาระหน้าที่ติดตัว ยังต้องดูแลเส้นทางเดินเรือของ ท่าเรือกุยซวี นางจึงพากงเยี่ยนและหวังฉงจวีหวนกลับสู่มหาสมุทรไป ด้วยกันอีกครั้ง จากนั้นนางก็ให้หลี่ป๋ า หวงม่านนักพรตหยกผีเซียน ซีหมานผู้ฝึกยุทธอยู่ต่อที่เมืองหลวงแคว้นอวิ๋นเหยียนแห่งนี้ก่อน ตาม ข้อตกลงที่มีร่วมกับชุยตงซานก่อนหน้านั้น ในศาลบรรพจารย์ชวน ขันแห่งนั้น แค่เก็บเก้าอี้ไว้ให้กับหลี่ป๋ าของจวนวารีบ้านตนตัวเดียวก็ พอส่วนหวงม่านขอบเขตเซียนเหรินและชีหมานผู้ฝึกยุทธขอบเขต เก้าไม่ต้องไปนั่งยองแต่ไม่ยอมถ่ายอยู่ในห้องส้วม
ตอนนั้นหวังจูลงมืออย่างน่าตกใจ โยนวัตถุจื่อชื่อชิ้นหนึ่งที่ ลักษณะคล้ายที่ล้างพู่กันกระเบื้องเคลือบให้กับชุยตงซาน ด้านใน บรรจุเงินฝนธัญพืชหนึ่งหมื่นห้าพันกว่าเหรียญ
นี่หมายความว่าเงินเทพเซียนที่ต้องใช ้ระหว่างการขุดเจาะลาน้า ใหญ่ได้มีการเตรียมไว้ล่วงหน้านานแล้ว
นอกจากนี้หวังจูยังยื่นข้อเสนอให้กับชุยตงซานว่าเงินฝนธัญพืช ที่เป็ นส่วนเกินมา ให้ชุยตงซานช่วยสร ้างคฤหาสน์หลบร ้อนบนพื้น พสุธาหลังหนึ่งให้กับจวนวารีใกล้กับอารามจีชุ่ย
ชุยตงซานผู้นั้นเป็ นคนไม่ยี่หระกับสิ่งใด เขาถึงกับยกอารามจีชุ่ย แห่งนั้นให้กับจวนสุ่ยจวินมหาสมุทรบูรพาโดยตรง
ซีหมานที่ฝึกหมัดเดินนิ่งอยู่ในลานบ้านด้านนอกยิ้มเอ่ย “หวง ม่าน หาร่องรอยของอีกฝ่ายเจอหรือไม่ ข้าจะไปพบสักหน่อย?”
หวงม่านกล่าว “จิตส านึกของผู้ฝึกตนกวาดผ่านไป ไม่มีร่องรอย ให้ตามหา หากว่าจะสืบสาวเบาะแสไปจริงๆ ก็ใช่ว่าจะท าไม่ได้ เพียงแต่ว่าความยากมีไม่น้อย ข้าต้องใช ้วิธีการเฉพาะบางอย่างบน
ภูเขา”
หลี่ป๋ าส่ายหน้ากล่าว “ช่างเถอะ มีเรื่องเพิ่มขึ้นเรื่องหนึ่งไม่สู้มี เรื่องน้อยลงหนึ่งเรื่อง”
หวงม่านยิ้มเอ่ย “ทางฝั่งของราชวงศ์สกุลอวี่จะปล่อยไปอย่างนั้น จริงๆ หรือ? ทุกวันนี้ดูเหมือนอวี๋หลินโหยวจะพักอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ต้อง คอยอกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอด”
หลี่ป๋ ากล่าว “นายท่านก็บอกเองว่าเป็ นการกระทาที่น่าเบื่อ พวก เราอย่าได้ทาเรื่องเล็กให้เป็ นเรื่องใหญ่เลย”
หวงม่านกล่าว “ถ้าอย่างนั้นรัชทายาทท่านนี้ก็ตกใจไปเองอย่าง นั้นหรือ”
อวี๋หลินโหยวรัชทายาทแห่งราชวงศ์สกุลอวี๋ ทุกวันนี้ก็อยู่ในเมือง หลวง ก่อนหน้านี้เขาฟังคาแนะนาจากภรรยา ไม่ได้รีบร ้อนส่ง จดหมายไปฟ้ องทางส านักศึกษาเทียนมู่
ความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่าการเลือกนี้ค่อนข้างถูกต้อง สุ่ยจวิน แห่งทะเลตะวันออกที่ฐานะสูงส่งแต่นิสัยยากจะคาดเดาผู้นั้นคล้ายจะ ลืมเรื่องนั้นไปเสียแล้ว
เดิมเป็ นเรื่องใหญ่ที่อาจสั่นคลอนรากฐานของราชวงศ์สกุลอวี่ได้ แต่กลับจบลงอย่างค้างคาเช่นนี้?
ก่อนหน้านี้หวังจูมังกรที่แท้จริงบีบคั้นผู้อื่น ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับ น้าใจที่ราชวงศ์สกุลอวี๋ตั้งปีรัชศักใหม่เป็ น “เสินหลง” (มังกรเทพ) กลับกันยังพูดจาไม่ให้ความเคารพ บอกว่าให้ราชวงศ์สกุลอวี๋สั่งให้ หวงซานโซ่วแม่ทัพบู๊ที่เคยสร ้างคุณูปการล้าโลกผู้นั้นลาออกจาก การเป็ นขุนนางแล้วกลับบ้านเกิดไปซะ! แล้วยังข่มขู่อวี๋หลินโหยวว่า หากไม่ท าตามก็ไม่ต้องเป็ นรัชทายาทอะไรอีกแล้ว ความนัยใน ประโยคนี้ก็คือมิอาจเป็ นทายาทผู้สืบทอดได้แล้วจะนั่งบนบัลลังก ์ มังกรได้อย่างไร
ครั้งนี้อวี๋หลินโหยวปลุกความกล้าเร่งรุดเดินทางมายังเมืองหลวง แคว้นอวิ๋นเหยียน ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะไม่ใช่เพราะต้องการแสดง ความเป็ นมิตรต่อจวนสุ่ยจวินมหาสมุทรบูรพาก่อน
ทางฝั่งของตลาดกลางคืน ผู้เฒ่าชุดเหลืองหรี่ตาลง คนที่เดินมา ฝั่งตรงข้ามคือบุรุษวัยกลางคน เพียงแต่ว่ามองดูแล้วเหมือนเป็ นคนที่ ห่วงใยบ้านเมืองห่วงใยอาณาประชาราษฎร ์อยู่บ้าง ไม่เลว พอจะมี ตบะอยู่บ้าง คือเซียนเหรินอีกคนหนึ่งหรือ? พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก
เกรงว่าหากอยู่ในบ้านเกิดอย่างใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง เจ้าหมอนี่ก็น่าจะ
ถือว่าเป็ นคนในกลุ่มเซียนเหรินที่ต่อสู้ได้เก่งแล้ว มองไม่ออกเลยว่าใบถงทวีปจะมีคนมากความสามารถเยอะ
ขนาดนี้ ตามคากล่าวของนายท่านที่บ้านเกิด นี่ก็คือก้อนทองในกอง
อาจมสินะ?
คนผู้นั้นเป็ นฝ่ ายใช ้เสียงในใจทักทายพร ้อมรอยยิ้มบางๆ ว่า “ใช่ นักพรตเนินหรือไม่?”
นักพรตเนิ่นหรี่ตาลง “เจ้าคือ?”